กรมชลประทานได้นำ “ศาสตร์พระราชา” มาแก้ปัญหาลุ่มน้ำยม

ทั้งดำเนินการพัฒนาแหล่งน้ำสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดกลางในสาขาของลุ่มน้ำยมแล้วหลายแห่ง และกำลังจะดำเนินการก่อสร้างอีกหลายแห่ง การผันน้ำเชื่อมโยงระหว่างลุ่มน้ำน่านกับลุ่มน้ำยมก็ดำเนินการแล้ว การขุดลอกคูคลอง หนอง บึง เพื่อกักเก็บน้ำก็ดำเนินการแล้วเช่นกัน

ยิ่งกว่านั้นยังได้ต่อยอดวางแผนดำเนินโครงการแก้มลิงพื้นที่ลุ่มต่ำเหนือ จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งจะมีมากถึง 69 แห่ง ในเขตจังหวัดสุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร และนครสวรรค์ สามารถเก็บกักน้ำไว้ชั่วคราวเพื่อรอการระบายได้ 2,049 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) อีกด้วย

จะเหลือแต่การสร้างแหล่งเก็บกักน้ำที่สามารถเก็บน้ำรวมได้มากพอ ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการพัฒนาลุ่มน้ำยมให้สมบูรณ์แบบเท่านั้นที่ยังไม่สามารถดำเนินการใดๆได้เลย ได้แต่รอ…แล้วก็รอ มานานกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว ยังไม่เป็นจริงเลย…

กยท.เปิดทางจีน ‘ชิโนเคม-ไห่งหนาน-เหินฟง’ กินรวบยางไทย หลังอินโดฯ-มาเลย์เมินร่วมมือไทยลดส่งออก ขอลืมอดีตผิดสัญญาเบี้ยวจ่าย ชี้ไม่โดนแบล๊กลิสต์ยังซื้อขายได้ หวังเพิ่มผู้ซื้อในตลาด ดันราคาพุ่ง

นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า กยท.ได้เรียก บริษัท ชิโนเคม (SINOCHEM) และ บริษัท ไชน่าไห่หนานรับเบอร์อินดัสทรี กรุ๊ป จำกัด 2 บริษัทของประเทศจีนเข้าหารือ เพื่อเจรจาซื้อ-ขายยางผ่าน กยท. โดยให้ กยท.เป็นผู้รวบรวมปริมาณยางพารา ทั้งนี้ การซื้อ-ขายยางรอบใหม่จะไม่ทำสัญญายาว แต่จะทำสัญญาเดือนต่อเดือน ซื้อ-ขายตามราคาตลาด ขณะนี้ อยู่ระหว่างสรุปปริมาณความต้องการยางของผู้ซื้อ โดยยางที่ 2 บริษัทของประเทศจีนต้องการเป็นยางแท่ง และยางแผ่นรมควัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถซื้อ-ขายและส่งมอบยางล็อตแรกในเดือนกรกฎาคมนี้

“ยอมรับในตลาดยางไทยไม่มีใครแล้ว เลยต้องเชิญ 2 ผู้ซื้อจีนที่ในอดีตผิดนัดสัญญาซื้อ-ขายและส่งมอบยางพารากับ กยท. อย่างน้อยถือเป็นการเพิ่มผู้ซื้ออีกครั้ง การเจรจาซื้อ-ขายยางรอบนี้ ไม่เกี่ยวกับสัญญาเดิม ถือว่าจบแล้วไทยฟ้องร้องไปแล้ว ส่วนการซื้อ-ขายรอบใหม่เป็นเรื่องใหม่ มันเป็นธุรกิจ” นายธีธัช กล่าวและว่า ล่าสุด กยท.ได้ส่งมอบยางพาราให้ บริษัท เหินฟง รับเบอร์ อินดัสเทรียล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตยางล้อรายใหญ่ 1 ใน 3 ของประเทศจีน จำนวน 200 ตัน และหากคุณภาพยางเป็นไปตามสเปกจะมีการสั่งซื้ออีกอย่างต่อเนื่อง

นายธีธัช กล่าวถึงการเจรจาระหว่างผู้ผลิตยางรายใหญ่ของโลก คือ ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เพื่อลดการส่งออกนั้นอาจเกิดขึ้นได้ยาก เพราะอินโดนีเซียและมาเลเซียไม่มีปัญหาราคายางตกต่ำ ขณะที่กรณี 5 เสือส่งออก หรือบริษัทผู้ส่งออกรายใหญ่ของไทย ที่ถูกกล่าวหาว่ากดราคายางพารานั้น ยอมรับว่าไม่มีหลักฐานที่จะระบุได้ว่าใครทำให้ราคาตก

พล.อ. ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า หากไม่มีการขึ้นบัญชีดำ (แบล๊กลิสต์) บริษัท ชิโนเคม และบริษัท ไชน่าไห่หนานฯ ก็ยังสามารถซื้อยางพารากับ กยท.ได้ แต่ต้องมีกติกาหากทำผิดสัญญา ซึ่งเป็นหน้าที่ของ กยท. ถ้า กยท.ไม่จัดการถือเป็นความผิดของ กยท. สำหรับการแก้ไขราคายาง จะเรียกประชุม กยท. กรมวิชาการเกษตร ในวันที่ 28 มิถุนายนว่า มาตรการแก้ไขเดินหน้าขนาดไหน และได้สั่งการให้ นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดูแลเรื่องยางราพา 2 เรื่อง 1. กระทรวงเกษตรฯ และกรมต่างๆ ที่จะใช้ยางพารามีเท่าไหร่ และปรับเปลี่ยนงบประมาณปี 2560 2. ถ้ามีความต้องการใช้ยางเพิ่มต้องของบประมาณกลางปี ให้รวบรวมความต้องการใช้ยางในประเทศมา

อนึ่ง บริษัท ชิโนเคม และบริษัท ไชน่าไห่หนานรับเบอร์อินดัสทรี กรุ๊ป จำกัด เคยทำสัญญาซื้อยางพาราในโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง และโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง จำนวน 4.08 แสนตัน แต่ผิดนัดชำระ ส่งผลให้ พล.อ. ฉัตรชัยแจ้งเลิกสัญญาเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2558 รวมถึง กยท.ได้ฟ้องร้องการผิดสัญญาซื้อ-ขายกับ 2 บริษัท

นายกฤตชัย อรุณรัตน์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการ “โรงเรียนเครือข่ายไทยคม การเรียนการสอนทางไกลผ่านดาวเทียม” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงาน กศน. กับ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ว่า ในปี พ.ศ. 2559 บมจ.ไทยคมได้เข้ามาสนับสนุนจานรับสัญญาณดาวเทียมและอุปกรณ์ ให้แก่ศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” ในพื้นที่ทรงงานและพื้นที่ปกติ ส่งผลให้การจัดการเรียนการสอนทางไกลผ่านดาวเทียมมีประสิทธิ ภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจากความสำเร็จดังกล่าวส่งผลให้ในปี 2560 นี้ บมจ.ไทยคมมีแนวความคิดที่จะขยายผล การดำเนินงาน โดยจัดทำโครงการ “กองทุนทางสังคม เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน” เพิ่มเติมขึ้นเพื่อสนับสนุน งบประมาณสำหรับดำเนินกิจกรรมต่างๆ

โครงการเริ่มขับเคลื่อนในพื้นที่นำร่อง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ โดยเน้นกลุ่มสมาชิกจากโครงการสร้างป่า สร้างรายได้ เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักในพื้นที่ ได้แก่ บ้านสันหนอง ตำบลช่างเคิ่ง กิจกรรม ‘การเพาะเห็ดโคนน้อยจากซังข้าวโพด’ บ้านแม่ปิคี ตำบลปางหินฝน กิจกรรมการเลี้ยงไก่พันธุ์พื้นบ้านและพันธุ์ไข่ และบ้านห้วยทรายเหลือง ตำบลแม่ศึก กิจกรรมการกะเทาะกะลากาแฟ โดยสำนักงาน กศน.ได้เข้ามาเป็นพี่เลี้ยงและเพิ่มเติมองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อการดำเนินงาน

ด้าน นายไพบูลย์ ภานุวัฒนวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยคม กล่าวว่า ไทยคมได้ดำเนินโครงการ “กองทุนทางสังคมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ขึ้นเพื่อสนับสนุนงบฯ สำหรับจัดกิจกรรมในพื้นที่ทุรกันดารและพื้นที่ชายแดนที่อยู่ในความรับผิดชอบของ กศน.ในหลายพื้นที่ ได้แก่ อำเภอแม่แจ่ม อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน และ อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน นอกจากนี้ยังสนับสนุน “ทุนพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อการพัฒนาชุมชนยั่งยืน” ในพื้นที่รับผิดชอบของ กศน.อำเภอสบเมย จำนวน 6 ทุน เพื่อขยายผลสู่การเป็นต้นแบบของการให้ทุนแนวใหม่ และเป็นแนวทางในการให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องต่อไป

ทุกชีวิตต้องก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมกับเวลาที่เหลืออยู่ตลอดเวลา จะก้าวช้าบ้าง เร็วบ้าง ก็ช่างมันเถอะ ขอเพียงทุกฝีก้าวที่ก้าวออกไปต้องพยายามให้ดีกว่าเดิมเป็นใช้ได้ บนถนนชีวิตของเราไม่ต้องไปตามคนอื่น ชีวิตใครชีวิตคนนั้น พยายามเดินไปตามความต้องการในแบบฉบับของเราเอง เราเท่านั้นคือผู้กำหนดดวงชะตาชีวิตเราเอง ขอแค่ให้เริ่มต้นเชื่อเป็นเบื้องแรกเสียก่อนว่า นี่คือเรื่องจริงของชีวิตในวันนี้ที่ยังหายใจดีอยู่ ทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนแต่เราสะสมและสร้างขึ้นมาทั้งสิ้น

ขอให้เราคิดเสมอว่าทุกก้าวนั้นจะสามารถช่วยเติมเต็มได้กับการก้าวเดินไปกับชีวิตของเราได้เสมอ แม้บางครั้งการก้าวเดินในบางช่วงเวลาจะชะงักไปบ้าง ช่างมันเถอะ ขอเพียงไม่หยุดเดินเท่านั้นเป็นพอ แต่สิ่งที่จำเป็นที่ต้องเน้นมากๆ คือความขยันและอดทนที่จะขาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะทุกเรื่องราวที่ผ่านมานั้น เราสามารถเรียนรู้ได้ว่ามันจะไม่เป็นอย่างที่เราคิด แต่จะเป็นอย่างที่เราทำ อย่ามัวช้า ขอให้ลงมือทำ อย่าเพียงแค่รอว่าจะ และจะทำ สุดท้ายขอให้มั่นใจได้เลยว่าเส้นทางที่สามารถ เดินห่าง…จากความจน ก็จะอยู่ไม่ไกลเกินกว่าที่จะก้าวไปถึง

ก่อนอื่นขอต้อนรับด้วยคำว่า สวัสดี และขอบพระคุณอย่างมากมายจากนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน และผู้เขียนเป็นเบื้องต้น คอลัมน์นี้ถือว่าได้รับความสนใจจากแฟนๆ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำถามที่เกี่ยวกับเรื่องราว ชะอมไม้เค็ด 2009 ทุกเรื่องราวที่มีมาตลอดเวลา ผมขอสัญญาว่าจะนำทุกเรื่องราวที่แฟนๆ ต้องการทราบในเรื่องชะอมไม้เค็ด 2009 มานำเสนออีกไม่ให้หายไปไหน แฟนๆ ติดตามให้กำลังใจกันด้วยนะครับ

ปักษ์นี้เปลี่ยนบรรยากาศกันบ้างนะครับ เมื่อประมาณ 5 ปี ที่ผ่านมา ผมได้เคยนำเรื่องราวของ ดินน้องดา มานำเสนอในคอลัมน์นี้มาครั้งหนึ่งแล้ว ในเวลานั้นเป็นแค่ธุรกิจเล็กๆ ของครอบครัว ตระกูลรังสิ มีความคิดเริ่มต้นที่ต้องการจะผลิตดินชีวภาพพร้อมปลูกสำหรับเพื่อให้ผู้สนใจนำไปใช้ปลูกไม้ดอกไม้ประดับและไม้ใบทุกประเภท เป้าหมายที่สำคัญคือต้องการนำมาไปฝากวางขายกับร้านขายพันธุ์ไม้บริเวณใกล้เคียงแถวๆ รังสิต ที่มีร้านขายพันธุ์ไม้ตั้งอยู่มากมาย นับได้ว่าเยอะที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศเท่านั้น

เนื่องจากดินพร้อมปลูกที่บรรจุถุงนั้นเป็นของจำเป็นอย่างมากที่ต้องมีอยู่คู่ร้านขายพันธุ์ไม้เสมอ สำหรับไว้บริการเพื่อให้ลูกค้าได้เลือกซื้อได้อย่างสะดวกเพื่อนำไปใช้ตามต้องการ และมีมากมายหลากหลายสูตรหลากหลายผู้ผลิต ดินน้องดา จึงเป็นดินพร้อมปลูกสำหรับให้ลูกค้าได้เลือกด้วยเช่นกัน ปรากฏว่าเป็นที่ตอบรับจากผู้ที่สนใจนำไปใช้อย่างดีมาตลอด

การที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีสำหรับผู้ที่นำไปใช้ คงหมายถึงเรื่องคุณภาพในตัวของดินชีวภาพพร้อมปลูกของ ดินน้องดา นั่นเอง ในที่สุดทางครอบครัวตระกลูรังสิ จึงได้มีการขยายการผลิตเพิ่มขึ้น และในที่สุดมาถึงเวลาของชายหนุ่ม วัย 30 ปี คุณนคร ตระกูลรังสิ หรือ “เชียร์” หลังจากที่จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี และก่อนหน้านั้น ตัวเขาได้ช่วยงานภายในครอบครัวสำหรับเรื่องนี้มาตลอด ปัจจุบัน จึงทำให้หนุ่มคนนี้พร้อมมาสานต่อในทุกเรื่องราวอย่างเต็มที่ในรูปแบบของผู้ประกอบการสายพันธุ์ใหม่

ผมจึงมีความภูมิใจอย่างมากที่ได้นำเรื่องราวของผู้ประกอบการสายพันธุ์ใหม่ตัวจริง เสียงจริง ที่ได้สานต่อกับงานทุกขั้นตอนจากครอบครัวมาดำเนินงานด้วยตัวเอง เพียงแค่ครอบครัวคอยให้คำปรึกษา แนะนำ พร้อมให้กำลังใจเท่านั้น เนื่องจากเขาคือคนรุ่นใหม่จึงได้มีการนำความคิดใหม่ๆ ที่เยี่ยมๆ หลายเรื่องราวเข้านำมาปรับปรุงเพื่อให้ก้าวไปทันกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทุกวินาทีของโลกใบนี้

บนถนนเลียบคลองฝั่งขาเข้าซ้ายมือที่คลองสิบสอง รังสิต อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี จะสามารถมองเห็นชื่อที่เขียนไว้ตัวโตชัดเจนมาก ดินน้องดา เมื่อเข้าไปเยี่ยมหาจะยิ่งมองเห็นว่าโรงงานได้มีการขยายอย่างกว้างขวางเพิ่มขึ้นกว่าเก่าอย่างมาก วัสดุที่นำมาผสมเพื่อผลิตดินชีวภาพพร้อมปลูก หลายๆ ชนิดวางกองอยู่พร้อมที่จะผสมจำนวนมาก และดินที่ได้ผสมเสร็จเรียบร้อยแล้วเพื่อเตรียมบรรจุลงถุงอีกจำนวนหนึ่งพร้อมคนงานที่กำลังบรรจุดินลงถุง และสุดท้ายสังเกตได้ว่าได้มีคนงานเพิ่มขึ้นอีกจำนวนหนึ่ง

เส้นทางกรุงเทพฯ-องครักษ์ ที่มีร้านขายพันธุ์ต้นไม้ต่างๆ จำนวนมากมาย ทุกร้านต้องมีดินสำหรับพร้อมปลูกพันธุ์ไม้ต่างๆ ไว้บริการลูกค้าด้วยเช่นกัน จะสามารถเห็นได้ชัดทุกร้านสะดุดตามากสำหรับชื่อดินน้องดา กับ ดินใบก้ามปู บรรจุถุงวางอยู่เกือบทุกร้านและจะมีจำนวนมากกว่าดินที่มีชื่ออื่นหลากหลายไปหมด หากแฟนๆ ผ่านไปเส้นนั้นเมื่อต้องการดินสำหรับนำไปใช้ปลูกต้นไม้ทุกประเภท แวะถามพร้อมให้เจ้าของร้านแนะนำ ทุกร้านจะพูดเหมือนกันไปหมดว่าต้องดินน้องดา หรือดินผสมใบก้ามปู หากแฟนๆ นำไปใช้แล้วจะไม่ผิดหวัง และได้รับการตอบรับจากลูกค้ามากกว่าดินชื่ออื่น

สำหรับดินน้องดานั้นจะมีเน้นทั้งหมด 2 สูตร ตามที่ตลาดต้องการ คือ ดินน้องดา ดินชีวภาพพร้อมปลูก ดินบรรจุในถุงสีเขียว ซึ่งจะระบุคุณภาพและส่วนผสมไว้ชัดเจนบนถุง เป็นดินที่เหมาะสำหรับนำไปใช้สำหรับปลูกไม้ดอกไม้ประดับ และไม้ใบได้ทุกประเภท หรือนำไปใช้สำหรับปูสนามหญ้าหรือสามารถนำไปใช้เป็นวัสดุสำหรับเพาะพันธุ์กล้าไม้ หรือนำมาสำหรับปักชำกล้าไม้ได้อย่างสะดวกเพียงแค่เปิดถุงดินน้องดานำมาใช้ได้ทันที

วัสดุที่นำมาผสมลงไปในดินน้องดานั้น มีหน้าดินดำซึ่งเป็นดินที่มีความหนาไม่เกิน 25 เซนติเมตร นับจากผิวดินลงไป เป็นดินที่เหมาะกับการนำมาปลูกพืชอย่างมาก นำมาบดให้ละเอียดลงไปอีก ต่อมาคือขี้เถ้าแกลบ เมื่อผสมกับดินจะทำให้ดินมีความเบาสามารถระบายน้ำได้ดี และเมื่อน้ำไปผสมกับดินเหนียวก็จะสามารถทำให้เกิดการร่วนซุยมากขึ้น

สำหรับส่วนผสมที่เป็นขุยมะพร้าวหรือมะพร้าวสับเล็กๆ จะสามารถช่วยให้ดินโปร่ง ร่วนซุย อุ้มน้ำได้ดีขึ้น ส่วนละอองข้าวนั้นจะนำมาผสมลงไปเพื่อให้สามารถย่อยสลายเป็นปุ๋ยตามธรรมชาติเมื่อเวลาที่มีความชื้นหรือเมื่อเวลารดน้ำ วัสดุทุกอย่างที่นำมาใช้จะบดจนละเอียดผสมรวมเป็นเนื้อเดียวกันและสุดท้ายจะมี EM สูตรเฉพาะที่ได้คิดค้นขึ้นเพื่อช่วยปรับสภาพความเป็นกรด-ด่างในดิน ผสมลงไปด้วยเช่นกัน

สำหรับดินผสมใบก้ามปูนั้นจะบรรจุในถุงสีส้ม กำลังได้รับความนิยมมากอยู่ในเวลานี้ เนื่องจากเหมาะสำหรับใช้กับไม้กระถาง ไม้ดอก ไม้ใบ ไม้ผลทุกประเภท เพราะเป็นเนื้อดินที่มีส่วนผสมที่ทำให้ดินโปร่ง สามารถระบายน้ำและอากาศได้ดี มีธาตุอาหารสูง ส่วนผสมคือหน้าดินดำ มะพร้าวสับ ใบก้ามปูที่มีธาตุไนโตรเจนสูงและมีสารอื่นๆ ที่พืชต้องการอีกด้วย ที่เห็นได้ชัดเจนเมื่อเปิดจากถุง และสุดท้ายก็คือ EM สูตรเฉพาะที่นำมาผสมเพื่อช่วยปรับสภาพความเป็นกรด-ด่างในดินเช่นกัน

หรือหากลูกค้ามีความต้องการสั่งให้ผลิตพร้อมบรรจุถุงให้เป็นแบรนด์ของตัวเองเพื่อนำไปจำหน่ายด้วยสูตรเฉพาะของตัวเอง ที่นี่สามารถผลิตให้ได้ทุกสูตร ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดหาวัสดุต่างๆ ที่นำมาเป็นส่วนผสม เครื่องจักรที่พร้อมผสมและเครื่องที่ใช้บรรจุดินลงถุง ตลอดทีมงานมีพร้อมทุกอย่าง

หรือลูกค้าต้องการสั่งครั้งละจำนวนมากๆ เพื่อนำไปจัดสวนประดับตามสถานที่ต่างๆ หรือนำไปเพื่อเป็นวัสดุสำหรับปูสนามหญ้า หรือจะสั่งเนื้อดินพิเศษเพื่อนำไปปลูกพืชเป็นสูตรพิเศษเฉพาะสำหรับนำไปปลูกเฉพาะพืชนั้นๆ เช่น เป็นส่วนผสมที่ต้องใช้กับสำหรับปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์ หรือกับพืชตัวอื่น ที่นี่มีบริการลูกค้าทุกความต้องการพร้อมตลอดจนการขนส่งไปจนปลายทาง

ก่อนจาก เด็กหนุ่ม “เชียร์” ที่ได้มาสานต่องานนี้จากครอบครัวกว่า 3 ปี บอกผมว่า “วัสดุทุกชนิดที่นำมาเป็นส่วนผสมในดินน้องดา ผมจะไปคัดสรรด้วยตัวเองถึงแหล่งที่ผลิตทุกแห่งเพื่อให้ได้คุณภาพที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นขี้เถ้าแกลบ ขุยมะพร้าว หรือกาบมะพร้าว ละอองข้าว ใบก้ามปู ตลอดจนหน้าดินดำที่มีส่วนสำคัญอย่างมากๆ ในการนำมาเป็นส่วนผสมหลัก”

“วันนี้ผมมีตลาดกว้างออกไปอีกเยอะมากครับ ไม่ว่าจะเป็น ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี หรือตลอดมีลูกค้าสนใจสั่งไปจำหน่ายไกลถึงเชียงรายก็มีในรูปแบบบรรจุถุงสำเร็จ มีลูกค้ามาสั่งผลิตเป็นสูตรเฉพาะเพื่อเป็นแบรนด์ของตัวเองก็จำนวนหลายราย ผมมีความพร้อมทุกอย่างครับ เครื่องผสมดินที่ใช้รถเป็นตัวช่วยผสม ตลอดจนมีเครื่องบรรจุถุงที่สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วที่สามารถบรรจุได้ถึง 600-1,000 ถุง เป็นฝีมือการออกแบบของผมเองอีกด้วยครับ” หนุ่มเชียร์ บอกผมอย่างนี้ครับแฟนๆ

สุดท้าย มักจะมีคำที่พูดกันเสมอว่า ก้าวแรกที่เราออกก้าวเดินบนเส้นทางชีวิตตามที่เราต้องการนั้นมักจะเป็นก้าวที่ยากเสมอ แต่เด็กหนุ่มคนนี้ผ่านก้าวแรกไปได้แล้ว เพราะก้าวแรกนั้นครอบครัวได้ช่วยนำทางให้ก้าวไปได้อย่างสดสวย ดังนั้น ในระหว่างที่กำลังก้าวต่อไป ตัวเขาเท่านั้นคือคนตัดสินใจทุกเรื่องราว และจะยิ่งยากหากเขาเกิดท้อเสียก่อนในบางเส้นทาง ดังนั้น เขาจำเป็นต้องมีความมั่นใจ สร้างทุกก้าวให้ดีกว่าไปอีก เหมือนประโยคหนึ่งในวงการกีฬาที่มักจะกล่าวไว้เสมอว่า กว่าจะได้เป็นแชมป์นั้นช่างยากแสนยากเหลือเกิน แต่สิ่งที่ยากกว่าการเป็นแชมป์คือการรักษาแชมป์ให้คงอยู่ให้นานที่สุด

แฟนๆ ครับ การก้าวเดินบนถนนของชีวิตในแต่ละวันนั้น ต้องพบกับเรื่องราวมากมายที่เป็นบทให้ทดสอบกับชีวิตเรา หากทนไม่ไหวต้องยอมแพ้ไป แต่สำหรับคนที่ไม่ยอมแพ้ก็เดินหน้าสู้ต่อไป แต่ทุกสิ่งทุกอย่างว่าจะสู้ต่อไปหรือยอมแพ้นั้น อยู่ที่ว่าเราก้าวต่อไปหรือหยุดพอแค่นี้ ขอเพียงให้มองไปข้างหน้าอย่างมีความหวัง และจงมองข้างหลังให้เป็นบทเรียน เท่านั้นเป็นพอ ขอบคุณ สวัสดี

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Yongyut Chankol” ได้โพสต์ภาพ เนื้อทุกเรียนในเเพ็ก จำนวน 6 แพ็ก ที่ระบุราคาที่ค่อนข้างเเพงกว่าท้องตลาดหลายเท่าตัว เฉลี่ย 420 – 500 บาท ต่อแพค พร้อมระบุข้อความว่า “กินมั้ย ทุเรียนเทพ ที่เกาะไข่ รับรองหากินที่ไหนไม่ได้แน่นอน 5555”

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าภาพดังกล่าวถ่ายไว้ที่เกาะไข่นอก เทศบาลตำบลพรุใน อ.เกาะยาว จ.พังงา และหลังโพสต์ ภาพได้มีผู้เข้ามาเเสดงความเห็นเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เเซวติดตลกว่าราคาของทุเรียนในเเพ็กดังกล่าวหากเปรียบเทียบเป็นปริมาณการกิน มีมูลค่าเฉลี่ยคำละ 100 บาทเลยทีเดียว ขณะที่บางรายได้อธิบายว่าทุเรียนดังกล่าวมีราคาเเพงกว่าปกติ 3 เท่าตัวเนื่องจากตัองนำลงเรือไปจากเกาะภูเก็ตเเละเป็นราคาที่จำหน่ายแก่นักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งให้ความนิยมทุเรียนเป็นอย่างมาก เเต่ก็มีไม่น้อยที่ระบุว่าราคาดังกล่าวอาจจะเเพง เเละเป็นการเอาเปรียบนักท่องเที่ยวเกินไป

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังผู้นิยมบริโภคทุเรียนหลายรายในภูเก็ตระบุว่าจากภาพดังกล่าวหากคิดราคาโดยคำนวนเนื้อทุเรียนเเกะเป็นเเพคบนเกาะภูเก็ตหากเป็นทุเรียนหมอนทอง จำหน่ายเพียงเเพคละ ประมาณ 120 – 150 บาทเท่านั้น

ชาวนา เถ้าแก่โรงสีข้าวภาคใต้ใจชื้น ราคาข้าวขยับขึ้น 20% โรงสีกำลังการผลิตล้นเกือบ 50% ข้าวไม่พอขาย เหตุเกษตรกรหันไปปลูกปาล์มหลังรัฐบาลยกเลิกโครงการรับจำนำข้าวเปลือก

นายสุทธิพร กาฬสุวรรณ เจ้าของโรงสีพัฒนโสภณเจริญพาณิชย์ ในฐานะนายกสมาคมโรงสีข้าวและกลุ่มชาวนาภาคใต้ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่าปีนี้ธุรกิจโรงสีข้าวและกลุ่มชาวนาในภาคใต้เริ่มมีรายได้ดีขึ้น เนื่องจากราคาข้าวได้ขยับขึ้นประมาณ 20% เช่น ข้าวขาวจากเดิมราคาตันละ 5,800-6,000 บาท ขยับขึ้นถึง 7,100-7,200 บาท ส่วนข้าวพันธุ์พื้นเมือง เช่น เล็บนก ข้าวเฉี้ยง และข้าวสังข์หยด ราคาดีต่อเนื่องและมีเสถียรภาพในระดับ 10,000-18,000 บาท/ตัน แต่ชาวนาจะมีรายได้ที่ดีหากราคาข้าวเปลือก (ข้าวขาว) อยู่ที่ 8,500 บาท/ตัน และข้าวพันธุ์พื้นเมือง 10,000 บาท/ตัน ในระดับความชื้น 15%

ทั้งนี้ประเมินว่าแนวโน้มราคาข้าวจะดีขึ้น เพราะได้ปรับฐานราคา และที่สำคัญปริมาณข้าวในสต๊อกของรัฐบาลเหลือน้อยและเป็นข้าวเสื่อมคุณภาพ ขณะนี้ชาวนาได้ตื่นตัวในการปลูกข้าวอีกครั้ง ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมการที่จะทำนาปรัง ซึ่งแหล่งปลูกข้าวรายใหญ่ของภาคใต้คือ จังหวัดพัทลุง สงขลา และนครศรีธรรมราช

อย่างไรก็ตาม พื้นที่นาข้าวในภาคใต้ลดลงไปกว่า 1 ล้านไร่ ขณะนี้เหลือประมาณ 5 แสนไร่เท่านั้น โดยมีผลผลิตรวมประมาณ 350,000 ตัน/ปี จากเดิมเคยมีผลผลิตข้าวอยู่ที่ 4-5 แสนตัน/ ปี ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้พื้นที่นาลดลงไป เนื่องจากชาวนาหันไปลงทุนปลูกปาล์มน้ำมันหลังจากที่รัฐบาลได้ยกเลิกโครงการรับจำนำข้าวเปลือก เพราะทำนาแล้วขาดทุนอย่างหนัก โดยพื้นที่นาข้าวมีสัดส่วนลดลงปีละประมาณ 10-20% ปัจจุบันการบริโภคข้าวส่วนใหญ่จึงต้องนำข้าวมาจากภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคกลาง

สำหรับผู้ประกอบการโรงสีข้าวในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมาก็ประสบภาวะขาดทุนและหลายรายขาดสภาพคล่อง ปัจจุบันมีโรงสีข้าวจำนวนกว่า 100 โรง มีกำลังการผลิตสีข้าวได้มากถึง 5-6 แสนตัน/ปี แต่ตอนนี้ปริมาณข้าวมีไม่เพียงพอหายไปเกือบ 50% และมีเงินหมุนเวียนในระบบลดลงจากประมาณ 5 พันล้านบาทเหลือเพียง 2-3 พันล้านบาท/ปีเท่านั้น แต่สถานการณ์ขณะนี้ก็เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น กยท. ร่วมกับคณะแพทย์ฯ มศว. สนับสนุนอุปกรณ์ฝึกสอนทางการแพทย์จากยางพารา

นำร่องแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางพารา ป้อนวงการแพทย์ เพิ่มการใช้ยางในประเทศ เมื่อเร็วๆ นี้ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) จับมือคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ยางพาราทางการแพทย์ ผลิตอุปกรณ์ฝึกสอนการเย็บแผลที่ผลิตจากยางพารา 100 % พร้อมมอบอุปกรณ์รวม 30 ชิ้น แก่นิสิตแพทย์ในการอบรมฝึกทำหัตการและผ่าตัด พร้อมจำหน่ายภายในงาน

นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กยท. ร่วมแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสครบรอบ 32 ปี วันคล้ายวันสถาปนา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ณ อำเภอ องครักษ์ จังหวัดนครนายก พร้อมกันนี้ ฝ่ายวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมยาง กยท. ได้สนับสนุนอุปกรณ์ฝึกสอนการเย็บแผลที่ผลิตจากยางพารา ในโครงการอบรมการฝึกทำหัตถการและผ่าตัดด้วยชุดอุปกรณ์จากยางพาราในนิสิตแพทย์ จำนวน 30 ชุด เพื่อใช้ในการทดลองผ่าตัด และเย็บแผล เพราะความยืดหยุ่นจากยางพารา

มีความใกล้เคียงผิวหนังมนุษย์ njcarpet-cleaning.com ทำให้นิสิตสามารถทดลองการลงมือผ่าตัดและเย็บแผลจากผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากยางพารา และเกิดความคุ้นชินและทักษะที่เพิ่มมากขึ้นก่อนการผ่าตัดจริงกับมนุษย์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการสร้างนวัตกรรมวิจัยผลิตภัณฑ์จากยางพาราเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ เนื่องจากอุปกรณ์ฝึกหัดการเรียนการสอนทางการแพทย์บางชนิด ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ และมีราคาสูง กยท. เล็งเห็นว่า อุปกรณ์บางชนิด ยางพาราสามารถนำมาผลิตทดแทนได้ ในราคาต้นทุนที่ต่ำกว่า เพื่อให้อุปกรณ์เหล่านี้สามารถเข้าถึงนิสิตนักศึกษาแพทย์ได้อย่างทั่วถึง และเป็นการเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราภายในประเทศอีกทางหนึ่ง

นอกจากนี้ กยท. ได้จัดบูธเปิดให้บริการจำหน่ายอุปกรณ์ฝึกผ่าตัดและเย็บแผลจากยางพาราแก่นิสิตแพทย์ ในราคาชุดละ 1,300 บาท ซึ่งประกอบด้วยแผ่นยางพารา มีดผ่าตัด กรรไกร เข็มเย็บแผล และไหมเย็บแผล เพื่อนำไปใช้ในการเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ด้วย

ด้านตัวแทนนิสิต คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ที่เข้ารับการอบรมในครั้งนี้ กล่าวว่า ในฐานะนิสิตที่ยังไม่เคยได้เย็บแผลคนไข้จริง ๆ การได้ทดลองฝึกการลงมีดผ่าตัดพร้อมเย็บแผลผ่านแผ่นยางพาราที่มีความยืดหยุ่นสูง จะช่วยให้สามารถเรียนรู้วิธีการเย็บแผลแต่ละชนิดที่มีความแตกต่างกัน ก่อนลงสนามเย็บแผลคนไข้จริง ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจแก่นิสิตแพทย์ได้ เพราะก่อนหน้านี้เคยทดลองฝึกเย็บกับแผ่นหนังเทียม ซึ่งจะมีความยุ่ยและยืดหยุ่นน้อยกว่ายางพารามาก ยางพาราจะมีความเหนียวและยืดหยุ่นได้มากกว่า นอกจากนี้ อยากให้ กยท. สร้างผลิตภัณฑ์ฝึกหัดทางการแพทย์อื่นๆ เช่น หุ่นจำลองจากยางพารา เพื่อให้สามารถฝึกการฉีดยาผ่านทางกระดูกไขสันหลัง เป็นต้น จะช่วยให้นิสิตแพทย์มีความพร้อม ความมั่นใจก่อนลงมือจริง และผลิตภัณฑ์จากยางพาราที่ผลิตในประเทศ มีราคาถูกกว่าที่นำเข้าจากต่างประเทศ จะช่วยให้นักศึกษาสามารถเข้าถึงและมีทางเลือกได้มากยิ่งขึ้น

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 9 จังหวัดสงขลา จัดหารือระดมแนวทางบริหารจัดการเขตเกษตรเศรษฐกิจสินค้าเกษตรที่สำคัญ หรือ Zoning ของจังหวัดสงขลา ยกพืชร่วมยางพาราที่น่าสนใจ เช่น สละ เพราะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้นาน และพืชสมุนไพร ที่สามารถแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ระบุ พืชเสริมและพืชทดแทนอื่นที่มีศักยภาพในพื้นที่ยังมีอีกมาก เช่น กระจับในร่องน้ำ มะพร้าวน้ำหอม และ มะม่วงเบา เป็นต้น

นายคมสัน จำรูญพงษ์ รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงผลการประชุมหารือโครงการบริหารจัดการเขตเกษตรเศรษฐกิจสินค้าเกษตรที่สำคัญ (Zoning) ปี 2560 ของจังหวัดสงขลา ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 9 (สศท.9) จังหวัดสงขลา จัดขึ้นเมื่อกลางเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา โดยมีผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เขตตรวจราชการที่ 8 (ว่าที่ ร.ต. ไพเจน มากสุวรรณ์) เป็นประธาน เพื่อนำเสนอหลักคิดในการบริหารจัดการในพื้นที่ และรับฟังความคิดเห็นเพื่อจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและมาตรการเป็นรายพื้นที่ต่อไป