กรมสวัสดิการแรงงานส่งเจ้าหน้าที่ตรวจเข้ม ‘เรือประมง’ 22จว.

ชายฝั่งทะเลเมื่อวันที่ 9 เมษายน นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงานเปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานได้จัดส่งพนักงานตรวจแรงงานไปประจำ ณ ศูนย์การแจ้งเรือเข้าออก (Port in – Port out) หรือ PIPO ซึ่งตั้งอยู่ใน 22 จังหวัดชายฝั่งทะเล รวม 85 ศูนย์ ทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงานในกิจการประมงทะเล ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการคุ้มครองแรงงานให้ได้รับสิทธิตามกฎหมายและเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน รวมถึงให้พนักงานตรวจแรงงานที่ประจำศูนย์การแจ้งเรือเข้าออกทั้ง 85 ศูนย์ สามารถปฏิบัติงานได้ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นไปในทิศทางเดียวกัน จึงได้กำชับให้ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติการตรวจแรงงานในกิจการประมงทะเล และต่อเนื่องประมงอย่างเคร่งครัด

“มุ่งเน้นประเด็น 3 สำคัญ คือ ต้องตรวจเอกสารประจำเรือทุกลำ อาทิ สัญญาจ้าง ทะเบียนลูกจ้าง หลักฐานการจ่ายค่าจ้าง เป็นต้น การสัมภาษณ์นายจ้าง ลูกจ้าง จะต้องแยกสัมภาษณ์เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แท้จริง รวมทั้งตรวจสภาพความเป็นอยู่ในเรือด้วยว่ามีอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล อาหาร น้ำ ยารักษาโรคเพียงพอหรือไม่ นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำให้สังเกตรูปลักษณ์ของแรงงานด้วยหากสงสัยว่าอาจเป็นแรงงานเด็กให้ส่งตรวจมวลกระดูกทันที” นายอนันตชัย กล่าวและว่า กสร. ยังได้กำชับให้พนักงานตรวจแรงงานประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายแรงงานให้กับนายจ้าง ลูกจ้างในกิจการประมงทะเลด้วย เพื่อให้กลุ่มคนเหล่านี้ได้เข้าใจในหลักการที่ถูกต้อง รวมถึงเจตนารมณ์ของกฎหมาย และปฏิบัติตามให้สอดคล้องกับกฎหมาย เป็นเรือประมงที่มีการใช้แรงงานที่ถูกต้อง

มะม่วงเป็นผลไม้ที่อยู่คู่กับสังคมชนบทในสมัยก่อน เพราะปลูกง่าย ทนแล้ง ไม่ต้องดูแลอะไรมาก ยิ่งมะม่วงพื้นบ้าน เช่น แก้ว พิมเสน อกร่อง ทองดำ หนังกลางวัน แรด หัวเงน แก้มแหม่ม แก้วลืมคอน หอมทุเรียน กระบอก สำปั้น ปลาซิว ขี้ซี สามฤดู มีสารพัดสายพันธุ์จนนับไม่หวาดไม่ไหว แต่ละพันธุ์มีกลิ่นรสแตกต่างกันออกไป มะม่วงยังเป็นต้นไม้อายุยืนยาว ปลูกรุ่นทวดรุ่นเหลนยังได้กิน ทนทานจริงๆ จะมีก็แต่กาฝาก ถ้าต้นแก่ๆ เปลือกหนาๆ กาฝากก็ยังเจาะไม่ลง

กาฝากมะม่วงนั้นนิยมเอาไปทำยา โดยเอาไปตากแห้งเก็บไว้ต้มกินเป็นยา แรกๆ ยังไม่มีความรู้ว่าทำไมจึงเป็นยา ต่อมาพ่อหมอยาสอนว่ากาฝากมะม่วงนี้ดีนัก มะม่วงมีสรรพคุณอะไร สรรพคุณพวกนั้นก็ถูกกาฝากดูดมาอยู่ในตัวหมด ตั้งแต่เป็นยาลดความดันโลหิต ยาแก้ปวดเมื่อยยาบำรุงร่างกาย ป้องกันโรคภัยได้สารพัด ถ้าเป็นตามคำของหมอยาพื้นบ้านก็หมายความว่า ถ้ากาฝากต้นไม้ชนิดหนึ่งมีสรรพคุณอะไร ก็เชื่อมโยงไปได้ว่าต้นไม้ชนิดนั้นน่าจะมีสรรพคุณเช่นเดียวกัน แต่บ้านเราไม่ค่อยใช้กิ่ง ใบ ต้น หรือรากของมะม่วงเป็นยา นิยมใช้กาฝากมากกว่าโดยเฉพาะกาฝากมะม่วงกะล่อน เดี๋ยวนี้กาฝากมะม่วงหายากขึ้น ถ้าหากาฝากไม่ได้ ก็ใช้กิ่งใบของมะม่วงแก้ขัดได้

มะม่วง ผลไม้สุขภาพดี มีรสชาติ

มะม่วงเป็นผลไม้ที่ประทับอยู่ในความทรงจำของชีวิตเด็กบ้านนอก เมื่อใดที่ลมฝนพัดมาเด็กๆ จะคว้าตะกร้าวิ่งไปที่ต้นมะม่วงกะล่อนสูงใหญ่ที่บริเวณหัวไร่ปลายนา คอยเก็บลูกที่ร่วงเอามากวน เวลากวนมะม่วงกะล่อนจะส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั้งบ้าน มะม่วงหลักๆ ที่ปลูกไว้ทุกบ้านคือ แก้ว พิมเสน และอกร่อง พันธุ์อื่นๆ อาจจะเบี้ยวออกปีเว้นปีบ้าง แต่สามพันธุ์นี้มาตามนัดตลอด อกร่องบางปีลูกอาจจะน้อย แต่ก็มาอยู่ดี

มะม่วงแก้วกินได้หลายแบบ ดิบก็ไม่เปรี้ยวมาก กินกับน้ำปลาหวานอร่อย และอร่อยสุดตอนสุกปากตะกร้อ ต้องกินเดี๋ยวนั้น กรอบข้างนอกหวานข้างใน คนสมัยใหม่ไม่มีทางรู้ มะม่วงแก้วจะเอามาดองเก็บไว้กินได้ทั้งปี แต่ถ้าเอามากวนจะแข็งมาก ส่วนพิมเสนกินดิบเปรี้ยวจี๊ด เอาไว้กินสุก หรือควรเก็บไว้กินแต่ไม่อยู่ตลอดปี เพราะกินหมดก่อน

ส่วนอกร่องกินดิบไม่อร่อย กวนก็ไม่อร่อย เนื้อเป็นทรายๆ ต้องกินกับข้าวเหนียวมูล ข้าวเหนียวมะม่วงอกร่องนี้นับเป็นสุดยอดของอร่อยอย่างหนึ่งของโลกก็ว่าได้ ไม่ใช่ความอร่อยอย่างเดียวที่ทำให้อาหารหวานตำรับนี้น่าทึ่ง แต่กะทิที่ใส่ลงไปยังช่วยในการดูดซึมเบต้าแคโรทีนที่มีอยู่อย่างมากมายในมะม่วงด้วย ตำรับของว่างที่สุดยอดอีกอย่างของบ้านเรา คือมะม่วงน้ำปลาหวาน ถ้ารวบรวมจริงๆ คงมีหลายสิบหรือเป็นร้อยสูตรเลยทีเดียว แค่คิดถึงก็น้ำลายสอแล้ว

กินมะม่วง หายห่วงเรื่องท้องไส้

มะม่วงอยู่ในวิถีชีวิตคนไทยมานานจนกลายเป็นผลไม้ธรรมดา แต่ปัจจุบันมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ทำให้ต้องหันมามองมะม่วงในมุมใหม่ มีงานวิจัยที่ศึกษามะม่วงหลากหลายสายพันธุ์ยืนยันตรงกันว่า มะม่วงมีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติกส์ (prebiotics) คือเป็นอาหารอย่างดีสำหรับจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งอาจเป็นการเปิดศักราชใหม่ในการใช้มะม่วงเป็นแหล่งให้จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ หรือเป็นอาหารสุขภาพให้กับผู้ป่วยโรคเบาหวานและมะเร็งได้

พรีไบโอติกส์มีคุณสมบัติช่วยลดการดูดซึมของน้ำตาล ไขมัน ช่วยดูดซับสารพิษ และเป็นอาหารของโปรไบโอติกส์ ทำให้จุลินทรีย์ดีเหล่านี้แข็งแรง ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ลดปฏิกิริยาภูมิแพ้ กำจัดสารพิษ สร้างวิตามินต่างๆ คงเป็นเพราะเหตุนี้เองเด็กบ้านนอกที่โตมากับดินกับทรายเมื่อ 40-50 ปีก่อนจึงไม่รู้จักกับโรคภูมิแพ้ ท้องไส้ไม่ค่อยผูก เพราะกินผักผลไม้มากมาย ถ้าท้องผูกจริงๆ ก็กินมะม่วงอ่อนจิ้มพริกเกลือกินดื่มน้ำตามลงไปมากๆ หรือกินมะม่วงสุกสัก 2-3 ลูก หรือไปเอามะม่วงกวนที่เก็บไว้ในปี๊บมาต้มน้ำกิน เติมน้ำมะขามให้เปรี้ยวนิดๆ ก็ช่วยได้แล้ว

คนโบราณเชื่อว่ามะม่วงสุกจะช่วยคนที่ธาตุอ่อนการย่อยไม่แข็งแรง รักษาริดสีดวงลำไส้ที่ทำให้ท้องเสียบ่อยๆ ถ่ายไม่เป็นเวลา ท้องลั่นท้องลม หากกินมะม่วงจะช่วยได้ ส่วนมะม่วงดิบนอกจากช่วยย่อยอาหารและช่วยระบายแล้ว ยังลดอาการคลื่นไส้อาเจียนจากการแพ้ท้องได้อีกด้วย ในขณะที่การวิจัยสมัยใหม่พบว่า สารแมงจิเฟอริน (magiferin) ที่พบทุกส่วนของมะม่วงมีคุณสมบัติในการป้องกันผนังกระเพาะไม่ให้ถูกทำลายจากแอลกอฮอล์และยาแก้อักเสบอินโดเมธาซิน (indomethacin) และมีรายงานว่าสารต้านมะเร็งจากมะม่วงมีแนวโน้มที่จะช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งเต้านมได้

คนหลายประเทศทั่วโลกไม่ได้กินมะม่วงเป็นแค่ผลไม้ แต่ยังใช้สรรพคุณทางยาที่หลากหลาย ชาวอินเดียเชื่อว่าการรับประทานมะม่วงช่วยในการขับถ่าย ขับปัสสาวะ กระตุ้นกำหนัด ทำให้สดชื่น ชาวเซเนกัลก็เชื่อเหมือนกันว่ากินมะม่วงจะทำให้สดชื่น มีชีวิตชีวา ส่วนชาวปานามากินมะม่วงสุกเป็นยาช่วยระบายเหมือนๆ คนไทย สรรพคุณข้อนี้ได้รับการยืนยันจากการศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของมะม่วงซึ่งพบว่าอุดมไปด้วยใยอาหารที่เป็นพรีไบโอติกส์ วิตามิน แร่ธาตุ รวมทั้งสารโพลีฟีนอลที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ในมะม่วง 100 กรัม จะมีวิตามินเอถึงหนึ่งในสี่ของปริมาณที่คนเราควรได้รับต่อวัน วิตามินเอจะช่วยสร้างเยื่อบุและเซลล์ของผิวหนัง บำรุงปอด และผิว นอกจากนี้ยังอุดมด้วยวิตามินบี 6 วิตามินบี 1 ซึ่งช่วยบำรุงประสาท และมีวิตามินอีอยู่ไม่น้อย ซึ่งช่วยในการปรับระดับฮอร์โมนของผู้หญิง จึงไม่น่าแปลกใจที่คนสมัยก่อนเวลาเลือดลมจะมาเขาให้กินมะม่วงกวน ราวกับรู้ว่าในมะม่วงมีวิตามินอีอย่างนั้นแหละ

การศึกษาวิจัยประโยชน์ทางยาของมะม่วงส่วนใหญ่มุ่งไปที่คุณสมบัติของสารสำคัญที่พบในมะม่วงคือ สารแมงจิเฟอรินที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งพบในทุกส่วนของมะม่วง แต่มีมากในใบ เปลือกต้น เปลือกผล สารนี้มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มภูมิคุ้มกัน บำรุงหัวใจ ลดความดัน ต้านเบาหวาน ชะลอความชรา ต้านการอักเสบ แก้ปวด เป็นต้น ปัจจุบันประเทศคิวบามีการสกัดสารจากเปลือกต้นมะม่วงออกมาจำหน่ายเป็นอาหารเสริมในการต้านอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายต่อเซลล์ต่างๆของร่างกาย

ในอินเดียและหลายประเทศในแอฟริกามีการใช้ส่วนต่างๆ ของมะม่วงเป็นยากันอย่างแพร่หลาย คนแอฟริกันจะใช้เปลือกต้นมะม่วงต้มกินเป็นยาแก้อักเสบ แก้ปวดและเบาหวาน ส่วนในอินเดียซึ่งมะม่วงเป็นผลไม้ประจำชาติเหมือนกับฟิลิปปินส์นั้น ใช้มะม่วงเป็นยาทุกส่วน เช่น ใบมะม่วงใช้เป็นยาลดน้ำตาล เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงเสียง ซึ่งเป็นสรรพคุณที่คล้ายกับบ้านเรา แม้ว่าคนไทยจะนิยมใช้กาฝากมะม่วงมากกว่า แต่ก็มีบางท้องที่นำใบมะม่วงอ่อนมาอังไฟให้กรอบ ชงน้ำร้อนแบบชาวจีนเป็นยาบำรุงร่างกาย ลดความดัน ลดเบาหวาน หรือแก้เสียงแหบแห้งด้วยการนำใบมะม่วงอ่อนมาต้มน้ำกิน นอกจากนี้ยังใช้มะม่วงทั้งห้าต้มกินเพื่อลดความดัน ส่วนเปลือกมะม่วงจะนำมาต้มกินแก้ท้องเสีย บางแห่งเก็บเปลือกผลมะม่วงนำมาตากแห้งชงน้ำกินเพื่อทำให้ชุ่มคอ แก้ร้อนในกระหายน้ำ ทำให้ร่างกายแข็งแรง

มะม่วง เครื่องสำอางชั้นดีราคาประหยัด

มะม่วงใช้เป็นเครื่องสำอางได้ดี มีคุณสมบัติไม่แพ้เครื่องสำอางราคาแพงๆ วิธีใช้คือ นำมะม่วงสุกพอกหน้าไว้เท่านั้นเอง หรือนำไปปั่นให้เหลวเพื่อทาหน้าก็ได้ คุณสมบัติในการบำรุงผิวนี้เกิดจากการที่มะม่วงมีวิตามินซีซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอยู่สูง คือมีมากกว่ามะนาวถึง 3 เท่า และมีคุณสมบัติในการทำให้ผิวหน้าเรียบลื่นนุ่มชุ่มชื้น ในมะม่วงยังมีสารจำพวกน้ำตาลร่วมกับพวกกรดอะมิโนที่ช่วยคงความชุ่มชื้นไว้ที่ชั้นของผิวหนัง วิตามินเอและซีในมะม่วงยังช่วยกำจัดเซลล์ที่ตายแล้ว ลบรอยเหี่ยวย่นได้ดี ถ้าอยากสวยอย่างง่ายๆ ก็เพียงแต่เอามะม่วงสุกหนึ่งลูกปั่นแล้วนำมาพอกหน้า ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง สูตรนี้จะช่วยทำให้ผิวหน้าสดใส อ่อนเยาว์ได้จริงๆ ไม่ได้โฆษณาเกินจริงเหมือนโฆษณาหน้าเด้ง

ยำยอดมะม่วงอ่อนส่วนประกอบยอดมะม่วงอ่อน ปลากระป๋อง หรือมะเขือเทศที่ผัดจนเปื่อยกับเนื้อปลาย่าง ดีปลีแห้ง พริกแห้ง ปลาแห้ง เกลือวิธีทำ

เก็บใบมะม่วงอ่อนมาผึ่งให้สลด พักไว้ ทำเครื่องยำโดยนำดีปลีแห้ง พริกแห้ง ปลาแห้ง ตำให้ละเอียดเข้ากัน ปรุงรสด้วยเกลือ พักไว้ นำใบมะม่วงที่สลดดีแล้วมาล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ใส่ปลากระป๋องหรือมะเขือเทศที่ผัดจนเปื่อยกับเนื้อปลาย่างลงไป ปรุงรสด้วยเครื่องยำที่เราตำไว้แล้วชิมรสตามชอบ

เมื่อวันที่ 9 เมษายน ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ในฐานะกรรมการปฏิรูประบบสาธารณสุข กล่าวว่า นอกจากปัญหาสะสมจนทำให้เกิดสถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมานั้น ยังพบว่าคนไทยยังมีความเสี่ยงจากการรับสารพิษ สารเคมีอีก โดยเฉพาะการรับประทานผักผลไม้ปนเปื้อนสารเคมี ซึ่งสะสมจนเสี่ยงเกิดโรคไต โรคตับ และล่าสุดยังมีผลการศึกษาว่า ส่งผลทางสมองด้วย ฯลฯ ที่ผ่านมานักวิชาการ ผู้บริโภค เครือข่ายภาคประชาชนออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกการใช้สารเคมีพาราควอต อีกทั้ง กระทรวงสาธารณสุขและผู้เชี่ยวชาญต่างๆได้มีกาประชุมและสรุปข้อเสนอไปแล้วว่า ควรต้องถอนออก เพราะมีผลต่อสุขภาพ แต่อาจไม่ได้ถอนสารเคมีดังกล่าวทันที แต่ค่อยๆลดลง และหมดไป

“ ประเด็นปัญหาคือ ล่าสุดทราบว่ามีตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจ ซึ่งมีตัวแทนจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงอุตสาหกรรม ฯลฯ ซึ่งจะพิจารณาตัดสินภายในเดือนเมษายนนี้ว่า จะถอนสารเคมีดังกล่าวหรือไม่ หรือจะต่อทะเบียนอีก เพราะที่ผ่านมามีการให้เหตุผลจนทำให้เกิดความหวาดวิตกว่าจะต่ออนุญาตให้สารฆ่าหญ้าพาราควอตไปอีก ซึ่งหากเป็นจริง จะก่อให้เกิดผลกระทบเป็นอย่างมาก” กรรมการปฎิรูประบบสาธารณสุข กล่าว

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันสารพาราควอตถูกแบนใน 48 ประเทศ ซึ่งมีทั้งเอเชีย ยุโรป แอฟริกา โดยในเอเชีย รวมทั้งประเทศจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตแต่ไม่ให้ใช้มีการแบน นอกจากนั้น ยังมีประเทศลาว กัมพูชา เวียดนาม ศรีลังกา เรื่องยาฆ่าหญ้าเหล่านี้พวกเราที่เรียนหมอจะเห็น คนตายอย่างทรมานหลายราย ที่พลาดสัมผัสผิวหนังหรือกินโดยอุบัติเหตุและตายทรมานจากเนื้อปอดเป็นพังผืดตับวายและไตวาย ต่อมามีการใช้โดยให้มีการปกปิดร่างกายมิดชิดแต่ก็ยังมีการสัมผัสผิวหนังและตกค้างอยู่ในไร่นา ในน้ำที่ขัง ชาวไร่ชาวสวนย่ำน้ำที่มีสารปนเปื้อนเหล่านี้ เฉพาะที่จังหวัดหนองบัวลำภู ที่โรงพยาบาลจังหวัดมีคนไข้ 100 กว่ารายในหนึ่งปี และเสียชีวิต 6 รายด้วยขาเน่าและมีติดเชื้อซ้ำซ้อน หลายรายต้องตัดขาทิ้ง เป็นผลงานของคณะผู้วิจัยของสำนักกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) เป็นผู้ศึกษา

“การที่ผมออกมาพูดเรื่องต่างๆ ผมพูดในฐานะหนึ่งในกรรมการปฏิรูประบบสาธารณสุข และพูดในฐานะทำงานให้องค์การอนามัยโลก ในฐานะศูนย์ความร่วมมือโรคไวรัสสัตว์สู่คน และพูดในฐานะของแพทย์ที่ต้องดูแลคนไข้ และต้องทำงานสืบค้นหาสาเหตุการระบาดในพื้นที่ และต้องประสานกับกระทรวงสาธารณสุข และยังพูดเพราะผมเป็นทั้งหมออายุรกรรมและหมอสมองด้วย ซึ่งไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ เพราะเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะโรคพิษสุนัขบ้า หรือปัญหาไข้หวัดนก แม้แต่ยาฆ่าหญ้า เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคน สัตว์ อาหาร และเชื้อโรค เพราะฉะนั้น ถ้าเกิดโรคในสัตว์ก็จะกระทบกระเทือนความมั่นคงของประเทศ ในแง่ของความปลอดภัยของอาหาร และเสถียรภาพทางทรัพยากรอาหาร และขณะเดียวกันโรคในสัตว์จะสามารถแพร่สู่คนได้ ซึ่งเป็นข้อที่ต้องระวังทั่วโรค และก็สามารถกระจายในพื้นที่หนึ่ง สามารถติดต่อย่างรุนแรงได้” กรรมการปฏิรูประบบสาธารณสุข และว่า ส่วนในเรื่องยาฆ่าหญ้านั้น การที่ทำให้เกิดมีผลในระยะยาวมีความหมาย เพราะโรคที่เกิดเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ คือ พาร์กินสัน และตัวเซลล์สมองจะถูกทำลายไปหมด ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่มีการสัมผัส หรือมีการปนเปื้อนของสารเหล่านี้

อนึ่ง ประเทศที่มีการห้ามใช้สารพาราควอต ข้อมูลจากไทยแพน (Thai-Pan) มีทั้งเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา โดยในเอเชีย มีจีน เกาหลี ศรีลังกา เวียดนาม ลาว กัมพูดชา ซีเรีย คูเวต สหรัฐอาหรับอิมิเรตส์ ส่วนยุโรป อาทิ ฮังการี อิตาลี สเปน สวีเดน โปแลนด์ โปรตุเกส นอร์เวย์ ส่วนแอฟริกา มีเซเนกัลป์ เบอร์กินาฟาโซ เป็นต้น

กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสภาพอากาศว่า ลักษณะอากาศทั่วไป พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณประเทศไทยตอนบน รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น สำหรับภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองหลายพื้นที่ ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งต่อไปอีกหนึ่งวัน

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนเริ่มมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองหลายพื้นที่ ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรง

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 12:00 วันนี้ ถึง 12:00 วันพรุ่งนี้
ภาคเหนือ มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อนบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส ลมเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆบางส่วน และจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น อุณหภูมิต่ำสุด 18-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีเมฆบางส่วน และจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ภาคตะวันออก มีเมฆบางส่วน และจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 21-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา : ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป : ลมตะวันออก ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆบางส่วน และจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ส่วนการพยากรณ์อากาศในอีก 7 วันข้างหน้า การคาดหมายในช่วงวันที่ 10-13 เม.ย. บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนภาคใต้จะมีฝนลดลง สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังอ่อนลง

ขณะที่ช่วงวันที่ 14-15 เม.ย. ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน กับมีพายุฤดูร้อนขึ้น โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่ ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 14-15 เม.ย. ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้นไว้ด้วย

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ 10-13 เม.ย. ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีอากาศร้อน และมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่

ส่วนในช่วงวันที่ 14-15 เม.ย. บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนขึ้น โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่

‘สนธิรัตน์’ ดึงแฟรนไชส์ท้องถิ่นในการสร้างอาชีพค้าขายง่ายๆ แก่ผู้มีรายได้น้อย พร้อมดึงแบงก์ปล่อยกู้สูงถึง 5 หมื่นบาทต่อราย มีเจ้าของแฟรนช์เสนอตัวแล้ว 100 แบรนด์ เฟสแรกเน้น 20 จังหวัดที่ลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยมากสุด เริ่มจังหวัดแรกในเดือน พ.ค.นี้ เป้าหมายทั้งปี 2 หมื่นราย

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ใช้ Local Franchise หรือ แฟรนไชส์ท้องถิ่นในการสร้างอาชีพแก่ผู้มีรายได้น้อย โดยแฟรนไชส์ท้องถิ่นเป็นการนำแฟรนไชส์ที่มีอยู่แล้วทั่วประเทศมาพัฒนาเพื่อยกระดับให้มีมาตรฐานด้านการบริหารจัดการธุรกิจ แฟรนไชส์ โดยเปิดโครงการไปแล้ว เมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา และได้คัดเลือกแฟรนไชส์จากทั่ว ประเทศ 95 ราย เข้าร่วมโครงการ โดยกระทรวงพาณิชย์จะส่งผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจแฟรนไชส์ลงพื้นที่ เพื่อให้คำปรึกษาเชิงลึก ณ สถานประกอบการของธุรกิจ

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เมื่อพัฒนาจนมีมาตรฐานแล้วจะนำแฟรนไชส์เหล่านี้ รวมกับแฟรนไชส์รายเดิมที่กระทรวงพาณิชย์ให้การส่งเสริมพัฒนาอยู่ก่อนแล้ว เลือกรายที่มีเงินลงทุนไม่สูง หรือ ไม่เกิน 5 หมื่นบาท เป็นธุรกิจง่ายๆ เช่น ลูกชิ้นทอด หมูปิ้ง กาแฟโบราณ ก๋วยเตี๋ยว ฯลฯ รวม 100 แบรนด์ โดยนำแฟรนไชส์ไปออกงานแสดงสินค้าใน 20 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ นครราชสีมา อุบลราชธานี ขอนแก่น เชียงราย บุรีรัมย์ ร้อยเอ็ด อุดรธานี สุรินทร์ ชัยภูมิ สกลนคร สงขลา ลำปาง นครศรีธรรมราช พิษณุโลก กำแพงเพชร พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ลพบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี

“จังหวัดทั้งหมดนี้ เป็นจังหวัดที่อยู่ในกลุ่มการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง และจังหวัดที่มีประชากร ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวนมาก โดยจะเริ่มดำเนินการจังหวัดแรกต้นเดือนพฤษภาคมนี้ และจะมีธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส.ร่วมสนับสนุนสินเชื่อพิเศษสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยธนาคารออมสินจะเริ่มให้สินเชื่อ 0% ในปีแรก เริ่มให้สินเชื่อเมื่อในวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา และ ธ.ก.ส.อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อให้สินเชื่อ 0% สำหรับ 6 เดือนแรก คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนพฤษภาคมนี้” นายสนธิรัตน์ กล่าว

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ว่างงานและผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวนพอสมควรที่ติดต่อธุรกิจแฟรนไชส์เพื่อสร้างอาชีพ ซึ่งอยู่ระหว่างการขออนุมัติสินเชื่อเงินลงทุนจากธนาคาร โดยกระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการติดตามการดำเนินโครงการแฟรนไชส์สร้างอาชีพว่าสามารถสร้างอาชีพให้กับผู้มีรายได้น้อยได้มากน้อยเพียงใด โดยจะติดตาม 2 ช่องทาง คือ 1. ติดตามจากสถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อ กับธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. 2. ติดตามจากธุรกิจแฟรนไชส์ที่ร่วมโครงการ เนื่องจากผู้มีรายได้น้อยบางรายมีศักยภาพในการลงทุนด้วยตัวเอง ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายที่จะสร้างอาชีพให้ผู้มีรายได้น้อยมีอาชีพสร้างรายได้อย่างยั่งยืนจำนวนไม่น้อยกว่า 20,000 ราย