กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้มอบหมายให้สำนักนายทะเบียนกฎหมาย

พิจารณาถึงข้อบัญญัติในกฎหมายสหกรณ์ฉบับเดิมว่ามีเรื่องใดที่ออกไว้และขัดกับกฎหมายสหกรณ์ฉบับใหม่หรือไม่ เพื่อจะได้ปรับปรุงให้สอดคล้องกัน โดยกรมจะหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันพิจารณาว่ากฎกระทรวงหรือข้อบัญญัติที่จะต้องออกมารองรับกฎหมายสหกรณ์ฉบับใหม่มีกี่เรื่องและมีเรื่องใดบ้าง เพื่อจะเตรียมร่างรอไว้ เมื่อมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติสหกรณ์ฉบับใหม่ในราชกิจจานุเบกษา และต้องถือใช้ภายใน 60 วัน กรมก็จะเสนอร่างกฎกระทรวงและข้อบัญญัติต่างๆ ออกมาให้สอดคล้องและทันกับการประกาศใช้กฎหมายสหกรณ์ฉบับใหม่ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาและสนับสนุนดำเนินงานของสหกรณ์โดยรวมต่อไป” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว

ไทยตอนบนวันนี้ หมอกหนา-ฝนตก กรมอุตุฯ เตือนระวังอันตรายการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย เผยภาคใต้ยังมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ทะเลมีคลื่นสูง 2 เมตร กรุงเทพฯ มีเมฆมาก เจอฝนเล็กน้อย
กรมอุตุฯ / เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย สำหรับภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา บริเวณความกดอากาศสูงกำลังอ่อนปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางหลายพื้นที่ โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย ตั้งแต่เวลา 06.00 น.ของวันนี้ ถึงเวลา 06.00 น. ของวันที่ 4 ธ.ค. นี้ ภาคเหนือ อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีเมฆบางส่วน โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป: ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆบางส่วน กับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ประมงพื้นบ้าน – เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศเมื่อช่วงค่ำ วันที่ 2 ธ.ค. บริเวณชายหาดในหาน ต. ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต กลายเป็นตลาดปลาย่อมๆ เนื่องจากกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านจากบ้านกะตะ อ.เมืองภูเก็ต ทำการวางอวนเปลล้อมจับ “ปลาหางแข็ง” ซึ่งว่ายน้ำเข้ามาบริเวณใกล้กับชายฝั่งได้เป็นจำนวนมาก รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 3,000-4,000 ตัว

และมีการจำหน่ายให้กับผู้สนใจซื้อไปทำอาหาร ในราคา 3 ตัว 100 บาท แต่ละตัวจะมีน้ำหนักประมาณ 6-7 ขีด ในขณะที่ท้องตลาดทั่วไปจะจำหน่ายอยู่ กิโลกรัมละ 70-80 บาท ทำให้ได้รับความสนใจจากชาวบ้านและนักท่องเที่ยวบริเวณดังกล่าวมาซื้อปลาหางแข็งเพื่อนำไปประกอบอาหารจำนวนมาก เนื่องจากปลาที่ได้มานั้นสดและราคาถูก หากซื้อมากๆ เจ้าของปลาก็แถมให้อีกด้วย

สอบถาม นายพรชัย ไฝ่งาม หนึ่งในผู้ร่วมลงอวน กล่าวว่า ปกติในฤดูกาลนี้จะมีปลาชนิดต่างๆ เช่น ปลาหางแข็ง เป็นต้น ว่ายน้ำตามลูกปลาเล็กๆ ที่เป็นอาหาร เข้ามาใกล้ฝั่งเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายนต่อเนื่องจนถึงเดือนมกราคม และถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องของการจะเกิดภัยธรรมชาติแต่อย่างใด ซึ่งคนทำประมงพื้นบ้านจะทราบดี

เมื่อถึงช่วงนี้ซึ่งจะตรงกับช่วงที่มีการแข่งขันเรือใบคิงส์คัพรีกัตต้า พวกตนจะมาลงอวนจับปลาเป็นประจำ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะได้ปลาทุกครั้ง ต้องเสี่ยงดวงเอา เพราะมีเหมือนกันที่ไม่ได้ปลา

“เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงปีก่อนๆ หน้า พบว่าปริมาณปลาเพิ่มมากขึ้นทุกปี นอกจากจะแบ่งกันในกลุ่มที่ออกไปลากอวนแล้ว ก็จะขายในราคาถูกบริเวณหน้าชายหาดเลย ที่เหลือจะนำไปแจกจ่ายให้กับญาติๆ หรือเพื่อนฝูงในชุมชน หากเหลืออีกก็จะนำไปแปรรูป เพื่อเก็บไว้ทำอาหารต่อไป

ซึ่งวิธีการจับของเราก็ทำกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถือเป็นวิถีชุมชน โดยทีมงานที่จับก็มีอาชีพทำประมงพื้นบ้านอยู่แล้ว และขนาดปลาที่ได้ก็เป็นปลาขนาดใหญ่ทั้งหมด ในช่วงปกติจะหาปลากันอยู่บริเวณหน้าหาดกะตะ หาดกะรน หาดฟรีดอม และหาดในหาน ไม่ได้เจาะจงจะจับปลาเฉพาะในช่วงนี้” นายพรชัย กล่าว

“ฝ้ายเขียวเกษตร 2” เป็นน้อยหน่าพันธุ์ลูกผสม ที่เกิดจากพ่อแม่คือ น้อยหน่าพันธุ์เพชรปากช่องกับฝ้ายเขียวเกษตร 1 ประชาชนทั่วไปเริ่มรู้จัก น้อยหน่า “ฝ้ายเขียวเกษตร 2” เป็นครั้งแรก ในงานเกษตรแฟร์ 2558 “ฝ้ายเขียวเกษตร 2” เป็นผลงานของ อาจารย์เรืองศักดิ์ กมขุนทด รศ. ฉลองชัย แบบประเสริฐและ คุณกวิศร์ วานิชกุล นักวิจัยของสถานีวิจัยปากช่อง สถาบันอินทรีจันทรสถิตย์เพื่อการค้นคว้าและพัฒนาพืชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ฝ้ายเขียวเกษตร 2 เป็นไม้ผลที่มีศักยภาพทางการค้า เพราะเป็นพันธุ์น้อยหน่าที่ปลูกง่าย ทนแล้ง ให้ผลผลิตเร็ว บังคับให้ออกดอกติดผลได้ง่าย และต้นทุนการผลิตต่ำ กล่าวได้ว่า ฝ้ายเขียวเกษตร 2 มีอัตราการเจริญเติบโตของลำต้นดี ให้ผลผลิตสูง และมีลักษณะเด่นแตกต่างจากพันธุ์การค้าเดิม เพราะฝ้ายเขียวเกษตร 2 มีกลิ่นหอม หวาน ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของน้อยหน่าพันธุ์ฝ้าย มีเนื้อเนียนนุ่ม ติดผลง่าย ให้ผลดก ขนาดผลปานกลาง ซึ่งเป็นไซซ์ที่ตลาดต้องการ เปลือกหนาติดกันเป็นแผ่นไม่แยกตา ปริมาณเนื้อมากเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภค

การปลูกดูแล

การปลูกน้อยหน่าฝ้ายเขียวเกษตร 2 ใช้หลักการเดียวกับการปลูกน้อยหน่าทั่วไป เริ่มจากไถพรวนดินก่อน ปล่อยให้ดินแห้งสัก 1 สัปดาห์ จากนั้นไถเพื่อให้ดินร่วนซุย ตอนปลูกควรเว้นระยะห่างตามสภาพดิน หากปลูกในแหล่งดินดี ควรปลูกในระยะห่าง 4×4 เมตร หากปลูกในแหล่งดินไม่สู้ดีนัก ควรปลูกในระยะห่าง 3×3 เมตร ระยะห่างระหว่างแถวก็ใช้หลักเดียวกัน เพื่อให้ลำต้นกิ่งก้านของต้นน้อยหน่าได้เติบโตอย่างสมบูรณ์ตามธรรมชาติ

อย่างที่เกริ่นตอนแรก น้อยหน่าเป็นไม้ผลที่ทนแล้ง ปลูกได้ทุกฤดู แต่หากเป็นไปได้ขอแนะนำให้ปลูกต้นน้อยหน่าในช่วงต้นฤดูฝน ประมาณเดือนพฤษภาคม เพื่อความสะดวกในการดูแลเรื่องน้ำ ทั้งนี้ เกษตรกรหลายรายนิยมปลูกต้นสนทะเล ไผ่รวก ยูคาลิปตัส ขนุน มะม่วง เป็นกำแพงบังลมแรงในสวนน้อยหน่า อย่างไรก็ตาม ไม่ควรปล่อยให้พืชเหล่านั้น แผ่ร่มเงากว้างปกคลุมแปลงปลูกน้อยหน่า เพราะอาจแย่งอาหาร ทำให้ต้นน้อยหน่าไม่งอกงามได้

เนื่องจากน้อยหน่าพันธุ์ฝ้ายเขียวเกษตร 2 ติดผลง่าย ให้ผลดกมาก มักติดผลเป็นพวง หากไม่คอยตัดแต่งผลที่ไม่สมบูรณ์ออกไป จะทำให้มีผลดกมากจนกิ่งหักได้ ควรดูแลตัดแต่งกิ่งต้นน้อยหน่าเป็นระยะ เพื่อไม่ให้กิ่งก้านรกทึบ กิ่งก้านเบียดกันระหว่างต้น ทำให้รากแย่งอาหารกันเอง และทำให้เก็บเกี่ยวได้ลำบาก นับจากวันที่ต้นน้อยหน่าผลิดอกถึงวันเก็บเกี่ยวจะใช้ระยะเวลา ประมาณ 110-120 วัน ควรเก็บผลด้วยมือ ถ้าสูงก็ใช้ไม้ง่ามสอย หรือทำเป็นตะกร้อเก็บใส่เข่งที่กรุด้วยใบตอง แล้วคัดแยกผลใหญ่เล็กออกจากกัน

“ฝ้ายเขียวเกษตร 2” ปลูกง่าย ขายดี ตลาดต้องการสูง ทั้งในประเทศและส่งออก คุณสมเกียรติ บุตรบำรุง โทร. (081) 494-0823 ประธานชมรมผู้ปลูกน้อยหน่าฝ้ายเขียวเกษตร อำเภอปากช่อง อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 98/1 หมู่ที่ 4 ตำบลปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา คุณสมเกียรติเป็นเกษตรกรรายแรกๆ ที่บุกเบิกการปลูกน้อยหน่าพันธุ์ฝ้ายเขียวเกษตร 2 หลังจากสถานีวิจัยปากช่องได้เปิดตัวน้อยหน่าพันธุ์นี้ เมื่อประมาณ 3 ปีก่อน ปัจจุบันคุณสมเกียรติมีพื้นที่ปลูกน้อยหน่าฝ้ายเขียวเกษตร 2 ในเชิงการค้ามากที่สุดในขณะนี้

หลังจากคุณสมเกียรติได้ชิมรสชาติน้อยหน่าฝ้ายเขียวเกษตร 2 ที่ปลูกภายในสถานีวิจัยปากช่อง เมื่อ 2 ปีก่อน ก็รู้สึกประทับใจในรสชาติความอร่อยของน้อยหน่าฝ้ายเขียวเกษตร 2 ซึ่งเป็นน้อยหน่าเนื้อร่วน ที่รักษารสชาติความอร่อยของน้อยหน่าฝ้ายเขียวเกษตร และเพชรปากช่องได้อย่างครบถ้วน คุณสมเกียรติจึงขอซื้อกิ่งพันธุ์ฝ้ายเขียวเกษตร 2 จำนวน 300 กิ่ง ที่เกิดจากการเพาะเนื้อเยื่อ และนำมาเสียบยอดของสถานีวิจัยปากช่อง ในราคากิ่งละ 500 บาท

คุณสมเกียรติ เป็นชาวสวนผลไม้สามพรานที่ย้ายถิ่นฐานมาทำกินในพื้นที่อำเภอปากช่องตั้งแต่เมื่อ 36 ปีก่อน โดยปลูกไม้ผลนานาชนิด เช่น ฝรั่ง มะม่วง ฯลฯ ท้ายสุด ก็ตัดสินใจปลูกน้อยหน่า พันธุ์เพชรปากช่อง บนเนื้อที่ 50 ไร่ แต่หลังจากเจอน้อยหน่าพันธุ์ฝ้ายเขียวเกษตร 2 คุณสมเกียรติวางแผนโค่นต้นน้อยหน่าเพชรปากช่องทิ้ง เพื่อปลูกน้อยหน่าฝ้ายเขียวเกษตร 2 เป็นหลัก เพราะปลูกดูแลง่าย ให้ผลผลิตดก รสชาติตรงกับความต้องการของตลาด ให้ผลตอบแทนดี คุ้มค่ากับการลงทุนมากกว่าน้อยหน่าพันธุ์อื่นๆ

“ฝ้ายเขียวเกษตร 2 ติดผลง่ายสุดในบรรดาน้อยหน่าที่ผมเคยปลูกมา หลังปลูก 6 เดือน ก็เริ่มไว้ลูก จัดอยู่ในกลุ่มไม้ผลที่ให้ผลผลิตเร็ว คุ้มค่ากับการลงทุน เพราะปลูกแค่ปีเดียวก็มีผลผลิตให้เก็บกินได้” คุณสมเกียรติ กล่าว

ฝ้ายเขียวเกษตร 2 มีลักษณะลำต้น ใบ ดอก และผลใหญ่กว่าน้อยหน่าฝ้ายที่เป็นพันธุ์แม่ แต่เล็กกว่าเพชรปากช่องซึ่งเป็นพันธุ์พ่อ ผิวค่อนข้างเรียบ เนื้อร่วนไม่ติดกัน แยกเป็นพู เหมือนน้อยหน่าฝ้าย ลักษณะเด่นคือ ติดผลดก ผลปานกลาง น้ำหนักผลเฉลี่ย 302.50 กรัม ต่อผล เนื้อมาก เมล็ดน้อย สุกช้า เฉลี่ย 4.50 วัน และอายุหลังการสุกยาวนาน ลักษณะพิเศษของน้อยหน่าฝ้ายเขียวเกษตร 2 คือ ผลสุกช้า เปลือกไม่เละ ไม่แตกง่าย เหมาะสำหรับการขนส่ง

นอกจากนี้ ฝ้ายเขียวเกษตร 2 มีอายุหลังการสุกยาวนาน สามารถยืดอายุการขายได้นานเป็นสัปดาห์ ถือเป็นเสน่ห์สำคัญที่ผูกมัดใจแม่ค้าได้มากที่สุด เพราะช่วยให้แม่ค้ามีช่วงระยะเวลาการขายที่ยาวนานกว่าน้อยหน่าพันธุ์ทั่วไป ทุกวันนี้ คุณสมเกียรติปลูกน้อยหน่าฝ้ายเขียวเกษตร 2 มากเท่าไร ก็มีผลผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้ซื้อทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ลักษณะเด่นของ น้อยหน่าฝ้ายเขียวเกษตร 2

คุณสมเกียรติ แยกแยะลักษณะเด่นของน้อยหน่าฝ้ายเขียวเกษตร 2 ที่แตกต่างจากน้อยหน่าทั่วไป ได้แก่

มีเเกนไส้ในเป็นสามเหลี่ยม แกะออกได้ง่าย แตกต่างจากน้อยหน่าพันธุ์อื่นๆ ที่มีแกนไส้กลม
ผลอ่อนมีกลิ่นเหม็นเขียว ส่วนผลสุกมีเปลือกสีเขียว ร่องลึก ผลสุกไม่มีสีเหลืองเหมือนกับน้อยหน่าพันธุ์อื่นๆ
ในอดีต เวลาซื้อน้อยหน่าพันธุ์ฝ้ายดั้งเดิมไปฝากใคร ต้องคัดเลือกผลสุกพอประมาณ ผู้รับก็ต้องรีบกินน้อยหน่าฝ้ายในทันที เพราะน้อยหน่าพันธุ์ฝ้ายเนื้อสุกเร็วและเปลือกเละได้ง่าย แต่น้อยหน่าลูกผสม “ฝ้ายเขียวเกษตร 2” ถูกปรับปรุงพันธุ์ให้มีเปลือกเหนียวมาก ทนทานต่อการทำลายของแมลงวันทองได้สบาย ข้อดีอีกอย่างคือ เวลาบริโภคสามารถใช้ช้อนตักเนื้อน้อยหน่าเข้าปากได้ง่าย เพราะเปลือกไม่ทะลุเหมือนกับน้อยหน่าสายพันธุ์อื่น

“น้อยหน่าฝ้ายเขียวเกษตร 2 ไม่มีปัญหาเรื่องแมลงวันทอง เพราะน้อยหน่าพันธุ์นี้มีเปลือกหนา ทำให้แมลงวันทองวางไข่ได้ยากมาก ยกเว้นกรณีที่เกษตรกรปล่อยน้อยหน่าผลแก่ไว้คาต้น อายุประมาณ 120 วัน หลังติดดอก เมื่อผลน้อยหน่าสะสมแป้งไว้มาก ทำให้ผลแตก ขั้วแตก เปิดโอกาสให้แมลงวันทองเข้าไปวางไข่ ทำให้ผลผลิตเสียหายในที่สุด” คุณสมเกียรติ กล่าว

การเก็บเกี่ยว

น้อยหน่าพันธุ์ฝ้ายเขียวเกษตร 2 มีอายุการเก็บเกี่ยว 100-120 วัน นับจากวันที่ติดดอก เกษตรกรนิยมเก็บผลสุกประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป หากยังไม่สะดวก สามารถยืดอายุการเก็บเกี่ยวออกไปได้อีกเป็นสัปดาห์ แต่การเก็บผลแก่ในระยะดังกล่าว มักได้ผลผลิตคุณภาพไม่ดี สังเกตได้จากร่องผลมีรอยตื้น เจอปัญหาผิวแตกลายงา ขั้วมีอาการแตกร้าว เนื้อน้อยหน่าจะหนาขึ้น และมีเนื้อแป้งเยอะขึ้น ชิมแล้วจะรู้สึกว่ามีรสมันมากขึ้น มีรสอร่อยน้อยลง

หากต้องการบริโภคน้อยหน่าพันธุ์ฝ้ายเขียวเกษตร 2 ที่มีรสชาติอร่อย คุณสมเกียรติ แนะนำว่า ควรเลือกซื้อน้อยหน่าที่เก็บเกี่ยวในช่วงอายุ 100 วัน นับจากวันที่ติดดอก เรียกว่าเก็บผลผลิตได้ไวกว่าน้อยหน่าพันธุ์เพชรปากช่อง ที่มักเก็บเกี่ยวในช่วงอายุ 120 วัน นับจากวันที่ติดดอก

ฝ้ายเขียวเกษตร 2 อร่อยสุดยอด

คุณสมเกียรติ บอกว่า น้อยหน่าพันธุ์ฝ้ายเขียวเกษตร 2 เมื่อเปรียบเทียบรสชาติกับน้อยหน่าสายพันธุ์อื่นๆ ถือว่า กินขาด แต่หากเปรียบเทียบขนาดผลแล้ว ถือว่ามีขนาดผลเล็กกว่าน้อยหน่าพันธุ์เพชรปากช่อง เพราะน้อยหน่าพันธุ์ฝ้ายเขียวเกษตร 2 มีน้ำหนักเฉลี่ยต่อผลเพียงแค่ 1.8 กิโลกรัม เท่านั้น ขณะที่น้อยหน่าพันธุ์เพชรปากช่องมีขนาดผลใหญ่ยักษ์กว่า โดยมีน้ำหนักเฉลี่ยต่อผล ประมาณ 2.4 กิโลกรัม

“น้อยหน่าไซซ์ยักษ์เหมาะสำหรับทำโชว์ผลหรือประกวดผลผลิตเป็นหลัก เพราะโดยทั่วไปแม่ค้านิยมซื้อขายน้อยหน่าที่มีขนาดผลไม่ใหญ่มาก น้ำหนักเฉลี่ยผลละครึ่งกิโลกรัมเท่านั้น รสชาติความหวานของน้อยหน่าฝ้ายเขียวเกษตร 2 สูงกว่า 10 บริกซ์ เรียกว่ารสหวานกว่าน้อยหน่าพันธุ์ฝ้ายดั้งเดิม แต่ระดับความหวานใกล้เคียงกับเพชรปากช่อง” คุณสมเกียรติ บอก

หากใครผ่านไปทางปากช่องก็สามารถแวะเข้าเยี่ยมชมสวนน้อยหน่าฝ้ายเขียวเกษตร 2 ของคุณสมเกียรติได้ทุกวัน หากมีข้อสงสัยเรื่องการปลูกดูแล หรือสนใจอยากได้พันธุ์น้อยหน่าฝ้ายเขียวเกษตร 2 ไปลองปลูก ก็ติดต่อสอบถามจาก คุณสมเกียรติ บุตรบำรุง ได้ทางเบอร์โทร. (081) 494-0823

บิ๊กตู่ สุดภูมิใจ – 3 ธ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ โดยระบุว่า สวัสดี พี่น้องประชาชนที่รัก วันนี้ผมมีข่าวดีเรื่องการจัดการหนี้นอกระบบมาเล่าให้ฟังครับ ชาวนาที่กู้หนี้ยืมสินจากนายทุนเงินกู้ โดยเอาที่นาไปจำนองแล้วถูกยึด เพราะดอกเบี้ยสูงและไม่เป็นธรรม บางคนถึงกับต้องทำนาบนที่ดินของตัวเองที่ถูกนายทุนยึดไป

รัฐบาลจึงได้จัดตั้งศูนย์ป้องกันปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน ตามไปดำเนินการนำที่ดินที่ถูกยึดไปโดยไม่เป็นธรรม และมีการปลอมแปลงเอกสารสิทธิ์เอามาคืนให้กับลูกหนี้ ตอนนี้ก็มากกว่า 180 ล้านโฉนด รวมที่ดินกว่า 7,000 ไร่ คิดเป็นมูลหนี้มากกว่า 52,000 ล้านบาท จากนั้นก็จัดขึ้นทะเบียนนายทุนเงินกู้และกำหนดดอกเบี้ยที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ผมขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมมือกัน เราจะทำเรื่องนี้ต่อไป เพื่อความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังครับคุณเดชา ฤทธิเดช ชาวมีนบุรี ก็เข้าใจเช่นนั้นมาตลอด ต่อเมื่อมาเริ่มลงมือเลี้ยงเอง และตั้งเป้าขยายพันธุ์ปลาหางนกยูงขาย ถึงได้รู้แจ่มแจ้งว่า การเลี้ยงปลาหางนกยูงที่ว่าง่าย ต้องเข้าใจวิธีการเลี้ยงด้วย จึงจะเรียกได้ว่าง่าย ไม่อย่างนั้นแล้ว ก็ไม่รอดเหมือนกัน

แม้จะมีประสบการณ์จากการเลี้ยงปลามาก่อน ก็ไม่ได้ช่วยให้การเลี้ยงปลาหางนกยูงในระยะเริ่มแรกดำเนินไปด้วยดี เพราะเป็นการเลี้ยงปลากินเนื้อ เช่น ปลาดุก ปลาช่อน ปลาสวาย ซึ่งครอบครัวของคุณเดชาทำมานานก็จริง แต่ไม่ประสบความสำเร็จกับการเลี้ยงปลากินเนื้อกลุ่มนี้

การเลี้ยงปลาหางนกยูง จึงเป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับคุณเดชา

แรงกระตุ้นให้เริ่มเลี้ยงปลาหางนกยูง อยู่ที่การเห็นปลาหางนกยูงวางขายที่ตลาดปลาในตลาดนัดจตุจักร นั่นหมายถึง ปลาหางนกยูงยังคงขายได้อยู่ตลอด แม้ว่าราคาขายค่อนข้างแพง

“เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว หางนกยูงสายพันธุ์จากต่างประเทศสวยๆ คู่ละ 1,500 บาท ถือว่าแพงมาก เพราะเป็นปลานำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ไม่มีในประเทศไทย ถึงราคาจะแพง แต่ผมก็ตัดสินใจซื้อมา เพราะคิดว่า การเลี้ยงไม่น่าจะแตกต่างไปจากการเลี้ยงปลาหางนกยูงทั่วไปที่ใส่ในกะละมัง กระป๋อง ก็เลี้ยงได้ สุดท้าย ซื้อมาไม่นานก็ตาย”

แม้จะเริ่มต้นไม่ดีนัก แต่คุณเดชาไม่ยอมแพ้ เพราะเห็นตลาดขายปลาหางนกยูงไปได้ดี จึงเดินหน้าต่อ โดยศึกษาการเลี้ยงปลาหางนกยูงจากหนังสือต่างๆ สอบถามจากผู้ขาย เพื่อเก็บเป็นประสบการณ์สำหรับตนเอง ยังคงทดลองซื้อปลาหางนกยูงมาเลี้ยงและเพาะขยายพันธุ์ไปเรื่อยๆ ซึ่งราคาปลาหางนกยูงที่ซื้อมาค่อนข้างสูงในสมัยนั้น

ปลาหางนกยูงคู่ละ 100 บาท เป็นชุดแรกๆ ที่คุณเดชาซื้อมาทดลองเพาะขยายพันธุ์ และได้ลูกปลาหางนกยูงนำกลับไปขายให้กับพ่อค้าในตลาดนัดจตุจักรได้ ราคาซื้อขายขณะนั้น คู่ละ 30 บาท และในที่สุดก็มีร้านประจำรับซื้อปลาหางนกยูงจากคุณเดชาเป็นประจำทุกสัปดาห์ ก่อให้เกิดรายได้เสริม ขณะที่ยังคงทำงานประจำเช่นเดิม และเพิ่มจำนวนเลี้ยงหลายคู่ เก็บสะสมพ่อพันธุ์แม่พันธุ์สวยๆ หลายแบบ กระทั่งเริ่มเห็นว่า ปลาหางนกยูงที่ได้จากการเพาะขายทุกสัปดาห์สามารถเป็นรายได้ที่มั่นคงไม่ต่างจากการทำงานประจำ จึงตัดสินใจลาออกจากงานและลงทุนทำฟาร์มปลาหางนกยูงจริงจัง

“ปี 2546 ผมมั่นใจว่า น่าจะทำเป็นอาชีพได้ จึงกู้เงินจากธนาคารจำนวน 150,000 บาท ลงทุนสร้างโรงเรือนและลงตู้ปลา 200 ตู้” นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะตลาดนัดจตุจักรกลายเป็นแหล่งรับซื้อใหญ่ที่คุณเดชามีลูกค้าประจำ ทุกๆ สัปดาห์ต้องส่งปลาหางนกยูงให้กับพ่อค้า ในแต่ละสัปดาห์มียอดส่งปลาหางนกยูงให้กับพ่อค้า รายละ 10-100 คู่ ราคาคู่ละ 30-50 บาท

คุณเดชา เล่าว่า สายพันธุ์ปลาหางนกยูงที่เลี้ยงปัจจุบัน เป็นปลาหางนกยูงสายพันธุ์ของต่างประเทศ ที่ต้องเลือกสายพันธุ์จากต่างประเทศ เพราะทรงสวย สีสวย มีกระโดง ซึ่งเป็นจุดเด่นของปลาหางนกยูง ทั้งฟาร์มมีหลายร้อยสายพันธุ์ เนื่องจากการผสมปลาหางนกยูงแต่ละครั้ง หากมีจุดที่ต่างจากสายพันธุ์เดิมที่ผสมเพียงนิดเดียว ก็สามารถตั้งชื่อเป็นอีก 1 สายพันธุ์ได้ โดยปลาหางนกยูงจำนวนหลายร้อยสายพันธุ์ภายในฟาร์ม คุณเดชา บอกว่า พัฒนาจากปลาที่มีอยู่ในฟาร์มของตนเอง และเกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ ทำให้ได้ปลาหางนกยูงใหม่ๆ ขึ้น

หลักการเลือกพ่อพันธุ์แม่พันธุ์สำหรับผสม ตลาดต้องการมากที่สุดคือ กระโดงใหญ่และสวย ควรเลือกตัวเมียที่กระโดงก้านแรกตั้งขึ้น เวลาว่ายไม่ล้มหรือเอนไปด้านหลัง ส่วนตัวผู้เลือกตัวที่มีกระโดงใหญ่ และการผสมพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ควรใช้ตู้ละคู่เท่านั้น เพื่อให้ลูกออกมาเหมือนพ่อและแม่มากที่สุด

แม่พันธุ์ปลาหางนกยูง ที่เริ่มผสมพันธุ์ได้ ต้องมีอายุอย่างน้อย 45 วัน

การผสมพันธุ์ปลาหางนกยูง ให้นำปลาตัวเมียไปใส่ตู้เดียวกับปลาตัวผู้ นานประมาณ 1 เดือน เมื่อตัวเมียใกล้คลอด ให้แยกตัวเมียออกมาอีกตู้

วิธีสังเกตปลาหางนกยูงใกล้คลอด ท้องใหญ่ หากเป็นปลาตาแดง บริเวณก้นจะเป็นสีแดง ส่วนปลาตาดำ บริเวณก้นจะเป็นสีดำ ในปลาที่ไม่ได้รับการผสม ไม่ตั้งท้อง บริเวณก้นจะเป็นสีเหลือง เมื่อใกล้คลอดปลาหางนกยูงจะว่ายนิ่งๆ อยู่ตามมุมตู้ ควรช้อนแยกไปไว้ต่างหาก

การคลอดของปลาหางนกยูง ไม่ชอบการรบกวน ให้อาหารตอนเช้า 1 มื้อเท่านั้น หลังจากให้ลูกครอกแรก จำนวน 10-20 ตัว ไม่จำเป็นต้องใช้พ่อพันธุ์ผสมแม่พันธุ์อีก แม่พันธุ์ปลาหางนกยูงจะให้ลูกครอกที่สอง จำนวน 30-40 ตัว และให้ลูกครอกที่สาม จำนวนมากขึ้น และอาจถึงหลักร้อยตัว หากแม่พันธุ์มีความสมบูรณ์ ความห่างในแต่ละครั้งของการให้ลูก ประมาณ 20 วัน

“จริงๆ แล้วปลาหางนกยูง สามารถให้ลูกได้เองโดยผสมพันธุ์เพียงครั้งเดียวนานถึง 7-8 ครอก แต่สำหรับที่ฟาร์ม ปัญหาเรื่องสถานที่เลี้ยงไม่เพียงพอ ทำให้จำกัดการให้ลูกของปลาหางนกยูงเพียง 3 ครอก หากแม่พันธุ์ปลาให้ลูกมาอีก เราก็ปลดทิ้ง หมายถึง ปล่อยลงแหล่งน้ำธรรมชาติ หรือขายออกตามราคาเท่าที่ได้ เป็นการจำกัดจำนวนปลาหางนกยูงที่จะเกิดขึ้นมาใหม่”