กลุ่มบ้านพักหรือโรงแรมดูแลผู้สูงวัย (Home/Hotel + Care)

เป็นการลงทุนในลักษณะของการให้บริการดูแลผู้สูงวัย ได้แก่ กลุ่ม Independent Living หรือ Assisted Living ในบรรยากาศของบ้านหรือโรงแรม พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่สามารถจัดระดับการให้บริการเป็น 5 ดาว 4 ดาว หรือ 3 ดาว โดยมีมาตรฐานการออกแบบภายในเป็น Universal Design ได้แก่ โต๊ะอาหาร และ เครื่องใช้ไฟฟ้า อยู่ในระดับที่มือเอื้อมถึง ทางออกมีความกว้าง พื้นห้องไม่มีขั้นบันได ประตูห้องไม่ใช้ลูกบิด มีระบบเตือน หรือระบบติดต่อเวลาฉุกเฉิน รวมถึงห้องสมุด ห้องคาราโอเกะ ห้องกิจกรรม
และสันทนาการ ห้องตรวจสุขภาพ เป็นต้น

ถ้าในกรณีโรงแรม จะเป็นลักษณะเหมือนการรับฝากผู้สูงวัย เช่น กรณีที่ลูกหลานเดินทางไปต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ การลงทุนประเภทนี้ ควรที่จะตั้งอยู่ในชุมชนที่มีความหนาแน่นของผู้สูงอายุ และในกรณีบ้านสามารถออกแบบการตกแต่งห้องนอนของผู้สูงอายุให้มีบรรยากาศคล้ายอยู่บ้าน มีการแบ่งการใช้สอยของห้องต่างๆ เช่น ห้องรับประทานอาหาร ห้องดูทีวี ห้องนั่งเล่น โดยการลงทุนบ้านพักลักษณะนี้ควรอยู่ในระยะที่สามารถเข้าถึงโรงพยาบาลได้สะดวกถ้ามีเหตุฉุกเฉิน

3. กลุ่ม Retirement Community เป็นการลงทุนสร้างที่พักอาศัย เพื่อรองรับกลุ่มสูงอายุแบบ Independent Living ทั้งในกรณีของการขายหรือให้เช่า เช่น Low Rise Condo เหมือนโครงการที่พักอาศัยโดยทั่วไป แต่จะมีรูปแบบของการออกแบบโดยใช้ Universal Design เพื่อรองรับการใช้ชีวิตของผู้สูงวัย ทั้งในที่พักและบริเวณพื้นที่ส่วนกลาง รวมถึงการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างสังคมให้ผู้สูงวัยมีโอกาสพบปะสังสรรค์และการจัดกิจกรรมอย่างเหมาะสม

เช่น กิจกรรมร้องเพลง/ดนตรี โปรแกรมส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพและจิตใจ หรือกิจกรรมที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกตนเองมีคุณค่า เช่น กิจกรรมจิตอาสา รวมถึงการให้บริการดูแลสุขภาพ เช่น การจัดให้มีแพทย์ พยาบาล มาให้บริการยังที่พัก หรือการมีคลินิกสำหรับผู้สูงอายุ โดยสามารถออกแบบเพื่อรองรับกลุ่ม Long Stay โดยสถานที่พำนักที่คนต่างชาตินิยม ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ชลบุรี และพื้นที่ชายทะเลของไทย

4. กลุ่ม Wellness and Health Complex เป็นลักษณะของการลงทุนที่ผสมผสานการให้บริการดูแลสุขภาพในเชิงการฟื้นฟูสุขภาพ การให้บริการแพทย์ทางเลือก การให้บริการรักษาเฉพาะทาง ซึ่งมีการจัดให้บริการสถานที่พักทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยไม่ได้เน้นกลุ่มเป้าหมายผู้สูงอายุแต่เพียงกลุ่มเดียว แต่รวมถึงกลุ่มผู้ที่ใส่ใจดูแลสุขภาพทั้งที่เป็นคนไทย และต่างชาติ เพื่อเป็นการตอบรับต่อการที่ประเทศไทยมีบทบาทเป็น Medical Hub ของภูมิภาค

ประเด็นท้าทายของการเติบโตของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อรองรับสังคมสูงอายุ คือ ทัศนคติ และค่านิยมของคนไทย ที่ยังไม่ยอมรับการปล่อยให้พ่อแม่ไปอยู่สถานที่ดูแลผู้สูงอายุ ในขณะที่พ่อแม่เองก็มีความฝันว่าในยามแก่อยากอยู่กับลูกหลาน

ในประเด็นนี้ การออกแบบอสังหาริมทรัพย์จำเป็นต้องให้ความสำคัญไม่เฉพาะด้านกายภาพ แต่จะต้องเน้นด้านความปลอดภัย ความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต รวมถึงกิจกรรมที่สร้างคุณค่าทางจิตใจที่จะทำให้ผู้สูงอายุและลูกหลานมีความสุขใจและไว้ใจ รวมถึงพิจารณาแนวคิดการผสมผสาน (Hybrid) ของรูปแบบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เฉพาะผู้สูงอายุ กับแนวคิดการพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยทั่วไป เพื่อเป็นทางเลือกที่จะช่วยทำให้สามารถรองรับความต้องการของคน 3 วัย ทั้งพ่อแม่วัยทำงาน เด็ก และคนสูงวัย ไว้ในที่เดียวกันอย่างลงตัว

สำหรับการพำนักระยะยาวของคนต่างชาติ ประเด็นท้าทายคือ จำนวนของผู้พำนัก Long Stay ยังมีสัดส่วนน้อยมาก เช่น จากข้อมูลปี 2558 นักท่องเที่ยวผู้สูงอายุ 3.62 ล้านคน หรือ 15% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด

แต่ตัวอย่างที่เชียงใหม่ซึ่งเป็นแหล่งพำนักที่ชาวญี่ปุ่นชื่นชอบอันดับต้น มีจำนวนคนญี่ปุ่นมาพำนักระยะยาวประมาณ 6,000 คน ดังนั้น การผลักดันของรัฐบาลในการส่งเสริมธุรกิจ Long Stay รวมถึงการยกระดับมาตรฐานการรับรองคุณภาพของผู้ประกอบการ จะช่วยสร้างตลาดด้าน Long Stay ให้แก่ประเทศไทย เพื่อสร้างศักยภาพให้แก่นักลงทุน และช่วยนำเงินตราเข้าประเทศมากยิ่งขึ้น

ในขณะที่นักลงทุนจะต้องมีรูปแบบธุรกิจที่ชัดเจน เพื่อสร้างกลุ่มเป้าหมายรองรับความต่อเนื่องของรายได้อย่างยั่งยืน อพท.ต่อยอดวัฒนธรรม วิถีชีวิตชุมชน พัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ปูพรม 39 กิจกรรมใน 6 พื้นที่พิเศษ หวังใช้การท่องเที่ยวเพิ่มคุณค่าสร้างเป็นมูลค่ากระจายรายได้ลงสู่ชุมชน

นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (กพท.) เปิดเผยว่า อพท.ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ให้แก่ชุมชนในพื้นที่ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่เริ่มมีกระแสนิยม เนื่องจากเป็นรูปแบบที่ทำให้นักท่องเที่ยวและเจ้าของชุมชนได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และทำกิจกรรมร่วมกับชุมชน

รวมทั้งยังเป็นการพัฒนาการท่องเที่ยวที่เชิดชู “คุณค่า” ของวัฒนธรรม วิถีชีวิตชุมชน ที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละชุมชน สร้างแรงจูงใจนักท่องเที่ยวอยากเข้ามาสัมผัสวิถีชีวิตที่จริงแท้ของชุมชน และการท่องเที่ยวที่พัฒนาขึ้นจากอัตลักษณ์และเอกลักษณ์ของชุมชนนั้นจะสามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืน ในสภาวะการแข่งขันของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

โดยที่ผ่านมา อพท.ได้ทยอยพัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ไปแล้วในหลายพื้นที่พิเศษ ได้แก่ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร และพื้นที่พิเศษเลย โดยมีเป้าหมาย 39 กิจกรรมใน 6 พื้นที่พิเศษ

ทั้งนี้ กิจกรรมที่กำหนดขึ้นนี้จะสามารถเป็นต้นแบบของกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่นำไปสู่การขยายเครือข่ายกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ในแต่ละพื้นที่พิเศษ และเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ระหว่างพื้นที่พิเศษของ อพท.ต่อไป

สำหรับพื้นที่พิเศษเมืองเก่าน่าน อพท.ได้พัฒนากิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์รวม 6 กิจกรรม ได้แก่ เรียนรู้การทำโคมไฟ บ้านม่วงตึ๊ด ตำบลภูเพียง อำเภอภูเพียง เรียนรู้การแกะสลักพระไม้ วัดมหาโพธิ์ ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมืองน่าน เรียนรู้การทำตุงค่าคิง ชุมชนวัดพระเกิด ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน เรียนรู้การปักผ้าหน้าหมอน โฮงเจ้าฟองคำ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน เรียนรู้การทำผ้าห่มตาโก้ง บ้านนาซาว ตำบลนาซาว อำเภอเมืองน่าน และเรียนรู้การจักสาน บ้านต้าม ตำบลบ่อสวก อำเภอเมืองน่าน

“กิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่ อพท.พัฒนาขึ้นมาจากอัตลักษณ์และวิถีชีวิตของชุมชนนั้น ประโยชน์ทางตรงคือชุมชนเกิดการฟื้นฟูภูมิปัญญาและศิลปวัฒนธรรมให้เกิดการสืบทอด คนรุ่นใหม่เห็นคุณค่า ซึ่งจะนำมาซึ่งมูลค่า ส่วนประโยชน์ทางอ้อมคือ ชุมชนจะมีรายได้เพิ่มจากการที่นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเที่ยวและลงมือทำกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ และยังได้ประโยชน์ในมิติทางสังคม คือการได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างนักท่องเที่ยวและชุมชน เพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว”

อย่างไรก็ตาม อพท.มีความมั่นใจว่าประโยชน์ของกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ จะสามารถเป็นเครื่องมือให้ชุมชนได้มีโอกาสในการใช้สิทธิความเป็นเจ้าของพื้นที่ เพื่อกำหนดทิศทางการท่องเที่ยวด้วยตนเอง กำหนดและจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว และที่สำคัญสร้างสรรค์กิจกรรมการท่องเที่ยวด้วยตนเอง และจะนำมาซึ่งผลประโยชน์ที่เป็นธรรมมากขึ้น พร้อมกับสร้างความเข้าใจให้กับนักท่องเที่ยวและชุมชนได้ร่วมกันจัดการการท่องเที่ยวแบบรับผิดชอบต่อชุมชน

ททท.เมืองกาญจน์ ปรับกลยุทธ์ หลัง คสช.ตรวจเข้มผู้ประกอบการรุกป่า-ปิดห้องพักอื้อ หันจับตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพ มาน้อยจ่ายเยอะ มุ่งกลุ่มเกษียณกำลังทรัพย์หนา เตรียมสินค้าลักเซอรี่รองรับ แนะออกนโยบายกระจายวันหยุด ดึงนักท่องเที่ยวเที่ยววันธรรมดา ตั้งเป้าปีละ 10 ล้านคน เงินหมุนเวียน 2 หมื่นล้านบาท

นายวิศรุต อินแหยม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกาญจนบุรี เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จังหวัดกาญจนบุรีเป็นแดนสวรรค์ตะวันตกสำหรับการท่องเที่ยว มีแหล่งท่องเที่ยวทั้งที่เป็นธรรมชาติ เช่น น้ำตก ป่า เขา และการล่องแพ รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ได้แก่ สงครามโลกครั้งที่ 2 เส้นทางสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเสด็จกรีธาทัพผ่านปราสาทเมืองสิงห์ อีกทั้งขณะนี้มีการท่องเที่ยวด้านการเกษตรเพิ่มเข้ามาเป็นไฮไลต์ มีนักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษาดูงานมากขึ้น โดยช่วงปลายฝนต้นหนาว รวมถึงช่วงปีใหม่ จะเป็นช่วงพีกของการท่องเที่ยวกาญจนบุรี

จังหวัดกาญจนบุรี มีจุดเด่น คือ อยู่ใกล้กรุงเทพฯ และการเปิดชายแดนด้านบ้านพุน้ำร้อนเป็นพื้นที่พิเศษสำหรับการลงทุนและการท่องเที่ยว ทำให้สามารถเชื่อมโยงการท่องเที่ยวไปยังชายแดนได้ ทั้งนี้ยังมีกิจกรรมด้านการเกษตร กีฬา การแสดงต่างๆ ที่ภาคเอกชนในพื้นที่จัดการ รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดการสร้างความรับรู้ และกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น จึงทำให้มีนักท่องเที่ยว ได้แก่ เมียนมา เดินเข้ามาท่องเที่ยวในตัวเมืองกาญจน์จำนวนมาก

ปี 2559 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาจังหวัดกาญจนบุรี 8-9 ล้านคน เป็นคนไทย 90% และต่างชาติ 10% ได้แก่ ยุโรป มีห้องพักหลากหลายประเภท ได้แก่ โรงแรม รีสอร์ต และแพ รวมทั้งหมดประมาณ 20,000 ห้อง ราคาเริ่มตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นบาท มีผู้ประกอบการกว่า 1,200 ราย ซึ่งอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 1-2 วัน ค่าใช้จ่ายต่อคนของนักท่องเที่ยวชาวไทยอยู่ที่ 1,800-2,000 บาท ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2,500-2,600 บาท/คน ซึ่งถือว่ายังต่ำ โดยส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะนิยมเข้ามาท่องเที่ยวแบบกระแส ทำให้ห้องพักช่วงวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์จะเต็มทั้งหมดเกิดการกระจุกตัว

นายวิศรุต กล่าวว่า ปี 2560 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจังหวัดกาญจนบุรีตามเป้าที่รัฐบาลต้องการ ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรีตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้ถึง 10 ล้านคน ต่อปี และมีเงินหมุนเวียนจากการท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าจะเพิ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มของตลาดในประเทศ เน้นกิจกรรมไทยเที่ยวไทย และเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศที่มีคุณภาพ มีกำลังทรัพย์ในการจ่าย มาน้อยแต่จ่ายเยอะ พักนานวัน ได้แก่ กลุ่มผู้เกษียณ กลุ่มที่ต้องการท่องเที่ยวแบบลักเซอรี่ อีกทั้งจะนำเอาสินค้าลักเซอรี่ราคาสูงมาจำหน่ายให้นักท่องเที่ยว เช่น ผลิตภัณฑ์สุขภาพ สปา เป็นต้น รวมถึงการทำให้วันธรรมดา จันทร์-ศุกร์ ให้เป็นวันน่าเที่ยว

สำหรับกรณีผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจไม่ถูกต้องตามใบอนุญาต ที่ขณะนี้ฝ่ายปกครอง อุทยานต่างๆ และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าไปดำเนินการในพื้นที่ ในการปรับและตรวจสอบในพื้นที่ ซึ่งส่งผลให้จำนวนห้องพักลดลงนั้น ถือว่าเป็นขั้นตอนที่อยู่ระหว่างการปรับตัว เนื่องจากจังหวัดกาญจนบุรีพื้นที่ทั้งหมดที่ถูกต้องตามกฎหมายมีอยู่เพียง 5% ที่เหลือเป็นพื้นที่ที่ยังคลุมเครืออยู่ และดำเนินกิจการในพื้นที่อุทยานป่าเขา อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว ดังนั้นกฎระเบียบที่ออกมาควรให้รัฐได้ประโยชน์มากที่สุด ไม่ใช่การจับแล้วยึดพื้นที่คืนแล้วไม่ได้นำไปทำอะไร

นายวิศรุต กล่าวต่อว่า มองว่าการส่งเสริมการท่องเที่ยว รัฐควรมีนโยบายวันหยุดงานที่แตกต่างกัน เพราะปัจจุบันธุรกิจส่วนใหญ่จะหยุดเสาร์-อาทิตย์ ทำให้คนท่องเที่ยวเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์ ส่งผลให้การท่องเที่ยวเกิดการกระจุกตัว แย่งกันกิน แย่งกันใช้ ขณะเดียวกันยังส่งผลให้เกิดปัญหาจราจรตามมาด้วย รวมถึงอยากจะสนับสนุนให้คนไทยมีการวางแผนท่องเที่ยว จองห้องพัก ร้านอาหาร หรือการเดินทางล่วงหน้า ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารจัดการได้ดีขึ้น

“ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา การท่องเที่ยวได้ฟื้นตัวกลับมาจากช่วงเดือนตุลาคมของปีที่ผ่านมา ที่ประชาชนยังอยู่ในช่วงโศกเศร้า โดยมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ได้แก่ ไตรกีฬาชาเลนจ์ เป็นต้น เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวและจับจ่ายใช้สอย ประกอบกับฤดูกาล ฝน ฟ้า และไม่มีผลกระทบจากสถานการณ์ภัย จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก ขณะที่ช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน จะเป็นช่วงไฮไลต์ของการท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน เนื่องจากหน่วยงานภาครัฐจะเข้ามาฝึกอบรม และศึกษาดูงานต่างๆ จำนวนมาก แต่ด้านการลงทุนนั้นยังคงจำกัด” นายวิศรุต กล่าว

การได้รับโภชนาการที่ดีนั้นสำคัญต่อสมองเป็นอย่างมาก ดังที่มีการวิจัยว่า โภชนาการที่ดีส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมอง ความคิด และอารมณ์ ฉะนั้นเพื่อจะได้บำรุงสมองให้มีประสิทธิภาพดีไปนานๆ เรามาทำความรู้จักสารอาหารบำรุงสมองแต่ละชนิดกันว่ามีประโยชน์อย่างไร และเราจะหาสารเหล่านั้นได้จากอาหารชนิดไหนบ้าง

1. สารไลโคปีน (Lycopene) เป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทำหน้าที่ป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย อีกทั้งช่วยป้องกันอาการโรคหลงลืม และสีเหลือง อาทิ มะเขือเทศ แตงโม

2. สารโคลีน (Choline) เป็นสารอาหารสำคัญตัวหนึ่งที่จัดอยู่ในกลุ่มของวิตามินบี มีความจำเป็นต่อการทำงานของระบบประสาทและสมอง ช่วยการเรียนรู้ ความจำ และเสริมสร้างพัฒนาสมอง พบได้ในไข่แดง เนื้อสัตว์ ปลา เครื่องในสัตว์ ถั่วเหลือง ถั่วลิสง จมูกข้าว ข้าวโอ๊ต กะหล่ำปลี และกะหล่ำดอก

3. สารดีเอชเอ (DHA) กรดไขมันจำเป็นในตระกูลโอเมก้า 3 เป็นโครงสร้างพื้นฐานของเซลล์สมองช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของปลายประสาท และจอประสาทตา เป็นสารที่ร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถสร้างเองได้ ดังนั้น เราต้องไดรับจากโภชนาการ สารดีเอชเอมีมากในปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาโอลาย ปลาทู สาหร่ายทะเลบางชนิด ปลาน้ำจืดที่มีไขมันสูง เช่น ปลาสวาย และปลาช่อน

4. สารแอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidant) เป็นสารอาหารที่อยู่ในวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี เบต้าแคโรทีน และซีลีเนียม มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ (Free Radical) มีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ให้ดียิ่งขึ้น รวมไปถึงช่วยซ่อมแซมและชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์สมอง ช่วยให้ความจำดีขึ้น สารนี้สามารถพบได้ในผักและผลไม้

5. เอ็มเอฟจีเอ็ม (MFGM) เป็นเยื่อหุ้มอนุภาคไขมันที่อุดมไปด้วยโปรตีนและไขมันกว่า 150 ชนิด ทำหน้าที่ช่วยสร้างปลอกไขมันหุ้มเส้นใยสมอง (Myelin Sheath) ช่วยเพิ่มความเร็วในการรับส่งสัญญาประสาท และนับเป็นสารอาหารสำคัญที่พบมากในน้ำนมแม่ ทั้งนี้ ในงานวิจัยสถาบัน Institute of Health & Biomedical Innovation for Child Health Research Centre of Queensland University of Technology ประเทศออสเตรเลีย เปิดเผยว่า ด้วยเทคโนโลยีล่าสุดช่วยให้สามารถเติมนวัตกรรมเอ็มเอฟจีเอ็มในผลิตภัณฑ์นมสำหรับเด็กได้ โดยจากการศึกษาในห้องปฏิบัติการพบว่า เมื่อองค์ประกอบหลักในเอ็มเอฟจีเอ็มทำงานร่วมกับดีเอชเอ จะช่วยเสริมการเชื่อมต่อเซลล์สมองเพิ่มขึ้น

วันที่ 7 สิงหาคม 2560 ที่โรงแรมเซ็นจูรี่พาร์ค ศ.นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ นายกสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย กล่าวภายในเวทีการอบรมแนวคิด “มีสุขภาพดี…คุมได้ แก้ไขได้ทัน…สรรค์ความช่วยเหลือ” โดยเป็นการอบรมทีมแพทย์ บุคลากร ผู้เชี่ยวชาญทางด้านงานเวชศาสตร์ฉุกเฉิน จากทั่วประเทศกว่า 100 คนว่า สำหรับแนวคิดของโครงการนี้จะประกอบด้วย 4 กรอบหลัก คือ 1.การทำให้มีสุขภาพดี 2.หากมีโรคประจำตัว หรือเจ็บป่วยฉุกเฉินใด ผู้ป่วยหรือญาติสามารถดูแลและควบคุมโรคประจำตัวหรือการเจ็บป่วยฉุกเฉิน 3.หากมีอาการเจ็บป่วยฉุกเฉินรุนแรง ผู้ป่วยหรือญาติควรทราบวิธี ช่องทางในการสอบถาม วิธีการแก้ไขเบื้องต้น หรือติดต่อขอรับบริการการแพทย์ฉุกเฉิน 1669 ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม และ 4.การเตรียมบุคลากรทางการแพทย์ให้พร้อมช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่มีการเจ็บป่วยรุนแรงถึงขั้น เสียชีวิตได้อย่างเหมาะสมเมื่อพบผู้ประสบเหตุ

ศ.นพ.พินิจ กุลละวณิชย์ ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย กล่าวว่า จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ระบุว่าร้อยละ 70 ของประชากรโลกที่เสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น มะเร็ง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ซึ่งสาเหตุของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังนี้เกิดจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ละเลยการออกกำลังกาย สำหรับประเทศไทย ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขในปี 2556 พบว่าสาเหตุการตายของคนไทย 3 อันดับแรกคือ มะเร็ง อุบัติเหตุ โรคหัวใจและหลอดเลือด ตามลำดับ สิ่งที่จะทำให้ประชาชนไม่เสียชีวิตด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและเจ็บป่วยฉุกเฉินคือ การออกกำลังกาย ควบคุมน้ำหนักรวมทั้งดัชนีมวลกายให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ และสารเสพติด มีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย มีการป้องกันที่ถูกต้อง นอกจากจะลดการติดโรคที่มาจากเพศสัมพันธ์แล้วยังเป็นการป้องกันการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นได้อีก รวมทั้งมีตรวจร่างกายตามวัย ตามเพศ ตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเหมาะสม

“สิ่งที่ยังน่าเป็นห่วงคือ คนไทยมีการกินอาหารที่มากเกินความจำเป็นต่อร่างกาย ทำให้เสี่ยงเกิดภาวะอ้วนมากขึ้น ดังนั้น ผู้ที่อ้วนหรือภาวะน้ำหนักเกิน เสี่ยงที่จะเป็นโรคต่างๆ ได้ เช่น โรคมะเร็งเต้านม มะเร็งตับ หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่มากกว่าคนที่มีน้ำหนักปกติ” รศ.นพ.พินิจกล่าว

นางศัลยา คงสมบูรณ์เวช ประธานฝ่ายวิชาการ สมาคมนักกำหนดอาหารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาการกินอาหารของคนไทยส่วนมากมุ่งเน้นไปที่รสชาติและหน้าตาของอาหารมากกว่าจะคำนึงถึงคุณค่าสารอาหาร นอกจากนี้ยังมีการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล โซเดียม แป้ง ไขมัน แฝงเกินความต้องการของร่างกาย ทำให้แคลอรี่เกิน สำหรับตัวอย่างของหวานและเครื่องดื่มที่มีแคลอรี่เกินความจำเป็นที่เห็นกันอยู่เสมอ เช่น ชานมไข่มุก กาแฟเย็นรสต่างๆ เบเกอรี่ ขนมหวาน

“จากประสบการณ์ที่ดูแลผู้ป่วย พบว่ามีประชาชนเพียง 20% โดยประมาณที่บริโภคอาหารถูกต้อง ส่วนที่เหลือ 80% เป็นการบริโภคอาหารที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ได้รับสารอาหารไม่สมดุลต่อร่างกาย เช่น บางคนไม่กินผักหรือผลไม้ บางคนกินแป้ง ไขมัน โซเดียมมากเกินควร ส่งผลให้ได้รับพลังงานมากเกินความต้องการ ทำให้เกิดปัญหาโรคอ้วน เมตาโบลิกซินโดรม และกลุ่มโรคเรื้อรังไม่ติดต่อ ส่วนวิธีการรับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะและเป็นประโยชน์ต่อร่างกายอย่างง่ายๆ ในการป้องกันโรคคือ ลดความหวาน มัน เค็ม รับประทานผักที่หลากหลายสี ผลไม้ที่หลากหลายชนิดตามฤดูกาล วันละ 2 ชนิดในปริมาณพอสมควร ข้าว แป้ง โปรตีนหรือเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน อย่างละ 1/4 ของมื้ออาหารที่รับประทาน ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำวันละ 1-2 ครั้ง ก็จะได้รับสารอาหารครบทุกหมู่ และได้รับสารอาหารสมดุล” นางศัลยากล่าว

ต้นประยงค์ เป็นชื่อไทยโบราณ virtualracersedge.com จัดเป็นไม้มงคลอีกชนิดหนึ่ง ดอกเป็นช่อ ลักษณะเป็นเม็ดกลมๆ เล็กๆ สีเหลืองดูน่ารัก ตามความเชื่อโบราณเชื่อกันว่า บ้านไหนปลูกประยงค์ไว้ในบริเวณบ้าน จะทำให้บ้านมีความมั่นคง ยั่งยืน อยู่ยงคงกระพัน ไม่พ่ายแพ้ต่อสิ่งใดๆ นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ใบคล้ายใบแก้ว ถ้าตัดบ่อยๆ ก็จะเป็นพุ่มแล้วออกดอกบ่อย ดอกให้กลิ่นหอมแรงตอนกลางคืน ดอกนั้นออกเป็นระยะๆ ตลอดปี แต่ละครั้งที่ให้ดอก ประยงค์จะให้ดอกสะพรั่งพร้อมกันเกือบตลอดทั้งต้น ทำนองเดียวกับดอกประดู่ ประยงค์มี 6 กลีบ แต่ไม่บาน เป็นเพียงตุ่มขนาดเล็กกลมๆ เท่านั้น เมื่อดอกอ่อนมีสีเขียวแล้วค่อยเปลี่ยนเป็นสีเหลือง

ก้านและใบ ช่วยแก้แผลบวมฟกช้ำจากการหกล้ม หรือถูกกระทบกระแทก ฝีมีหนองทั้งหลายได้ รากและใบ ไข้แก้โรคเกี่ยวกับทรวงอก แก้ไข้ และอาการชัก

ในประเทศฟิลิปปินส์ ใช้ต้มเป็นยาบำรุงร่างกาย แต่ที่เด็ดจริงๆ อยู่ที่ดอก แก้เมาค้าง ดับร้อน แก้กระหายน้ำ แก้ไอ วิงเวียนศีรษะ ทำให้หูตาสว่าง ลดการอึดอัดแน่นหน้าอก รสชาติออกขมเฝื่อนเล็กน้อย รับประทานไม่ยาก วิธีต้มง่ายนิดเดียว คือ เด็ดจากต้นทั้งก้านล้างน้ำให้สะอาด โดยใส่ในตะแกรงถี่ๆ ใส่กาชงชาหรือใส่ในแก้ว เติมน้ำร้อน แช่ทิ้งไว้สักพัก ได้น้ำชาสีชมพูอ่อนๆ สวยงามน่ารับประทาน ถ้าแช่นานสีจะเข้มขึ้น ขึ้นอยู่กับการใส่ดอกประยงค์มากน้อยด้วย หากมีอาการเมาค้าง ดื่มในตอนน้ำชาอุ่นๆ จะช่วยแก้อาการได้เป็นอย่างดี ทำให้รู้สึกสดชื่น หากชอบแบบติดหวาน ใส่น้ำตาลทรายแดงหรือน้ำผึ้งตอนไม่ร้อนเพียงเล็กน้อย แล้วแช่เย็นจะได้ดอกประยงค์ที่ดื่มได้ชื่นใจ มีสรรพคุณแก้กระหายน้ำอีกด้วย

ทั้งนี้ การรับประทานชาดอกประยงค์ก็มีข้อควรระวัง เนื่องจากในดอกประยงค์มีสารที่ทำให้เกิดการแท้งได้ จึงห้ามดื่มในหญิงที่ตั้งครรภ์ หากมีข้อสงสัยในการกิน ควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์แผนไทยหรือผู้เชี่ยวชาญก่อน เพื่อความปลอดภัยและป้องกันผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดจากการใช้สมุนไพรไม่เหมาะกับสุขภาพของแต่ละคนได้ กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศ ประจำวันที่ 8 สิงหาคม 2560 ดังนี้

ลักษณะอากาศทั่วไป พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนอยู่ในเกณฑ์กระจาย โดยบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนอยู่ในเกณฑ์กระจาย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง อนึ่ง พายุโซนร้อน “โนรู” (NORU) กำลังเคลื่อนตัวผ่านประเทศญี่ปุ่นและมีแนวโน้มจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำในวันพรุ่งนี้ (9 ส.ค. 60) ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางด้วย โดยพายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก และพิจิตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.