กลุ่มสาขาวิชาเทคโนโลยียานยนต์ ได้แก่ เครื่องแยกน้ำมันออก

จากน้ำแบบลูกกลิ้ง ของสถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1, กลุ่มสาขาวิชาเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ การสร้างและหาประสิทธิภาพตู้อบและรมควันยางพาราประหยัดพลังงาน ของสถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้ 1, กลุ่มสาขาวิชาเทคโนโลยีแม่พิมพ์ ได้แก่ สร้าง Tool ตัดชิ้นงานแบบสำเร็จรูป (Compound Tool) ของสถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร, กลุ่มสาขาวิชาเทคโนโลยีการก่อสร้าง ได้แก่ การพัฒนาแอพพลิเคชั่นคำนวณพื้นที่และจำนวนแบบเหล็กหล่อคอนกรีตสำเร็จรูป ในหมวดงานโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ของสถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร, กลุ่มสาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้แก่ การพัฒนาฐานข้อมูลระบบจัดซื้อ บริษัท สยาม การค้า จำกัด ของสถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร, กลุ่มสาขาวิชาการบัญชี ได้แก่ การศึกษาความพร้อมของนักศึกษาปริญญาตรีในสังกัดสถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 ในการเข้าสู่ตลาดแรงงานประชาคมอาเซียน ของสถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1

กลุ่มสาขาวิชาการตลาด การจัดการสำนักงาน การจัดการโลจิสติกส์ ได้แก่ ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานเป็นทีมของพนักงานบริษัท ไทย เอนดูแร็นซ์ จำกัด ของสถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร และกลุ่มสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ได้แก่ ระบบบริหารจัดการสต๊อกสินค้าออนไลน์ ร้านพีเอสไอทีสกลนคร ของสถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2

พิษณุโลก – นายศิลป์ชัย ตระกูลทิพย์ ประธานชมรมผู้ปลูกมะม่วง อ.เนินมะปราง ที่ปรึกษาสมาคมชาวสวนมะม่วงไทย กล่าวว่า ตลาดมะม่วงปีนี้ราคาไม่ค่อยดี โดยมะม่วงน้ำดอกไม้อยู่ที่ ก.ก.ละ 15-18 บาท ขณะที่ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 30-40 บาท สาเหตุมาจากมะม่วงออกผลผลิตพร้อมกันทั่วประเทศ เป็นผลจากสภาพอากาศที่แปรปรวน อากาศหนาวในช่วงต้นปี ทำให้มะม่วงออกช่อเร็วกว่าปกติ และผลผลิตออกมากกว่าปกติ อีกทั้งพ่อค้าคนกลางมากว้านซื้อผลผลิตที่ยังไม่ได้คุณภาพเต็มที่ ทำให้เกิดความเสียหายกับชื่อเสียง จึงทำให้ราคาตกต่ำ

ทั้งนี้ อ.เนินมะปราง ได้จัดงานเทศกาลผลไม้นานาพันธุ์มหัศจรรย์มะม่วงส่งออก เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งผลดีทำให้ผู้ประกอบการปลูกมะม่วงของ อ.เนินมะปราง 2,815 ราย เนื้อที่ 88,719 ไร่ มีที่จำหน่าย กระตุ้นตลาดให้คึกคัก ประชาชนมีรายได้จากการนำสินค้ามาจำหน่ายและยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว

ภายในงานเกษตรกรมีรายได้จากการขาย 100 ล้านบาท แต่หากเป็นภาพรวมทั้งปีเกษตรกรอำเภอเนินมะปรางสามารถสร้างรายได้จากการขายมะม่วงมากกว่าปีละ 2,000 ล้านบาท นครศรีธรรมราช – นพ.ไพศาล เกื้ออรุณ นพ.สสจ.นครศรีธรรมราช แถลงว่า 4 โรคที่เป็นปัญหาของนครศรีฯ ในขณะนี้ คือ โรคพิษสุนัขบ้า วัณโรค ไข้เลือดออก และโรคฉี่หนู ซึ่งเป็นโรคที่อยู่ใกล้ตัว โดยนครศรีฯ เป็นพื้นที่สีเหลืองของโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งพบสุนัขติดเชื้อ 9 ตัวจาก 6 อำเภอ และมีแนวโน้มว่าการระบาดของการติดเชื้อในสัตว์เพิ่มขึ้น จึงได้มีมาตรการป้องกันและควบคุมโรคร่วมหลายหน่วยงาน รวมทั้ง อปท.ด้วย

สำหรับโรควัณโรค เป็นโรคที่ติดต่อทางลมหายใจ มีผู้ป่วยในปี 2561 ที่ขึ้นทะเบียน 886 ราย และกำลังรับการรักษา 16 ราย ซึ่งมีผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากผู้ป่วยไม่ทานยาต่อเนื่อง ขาดยา และมีอีกส่วนหนึ่งที่ไม่ได้รับการตรวจวินิจฉัย และขึ้นทะเบียนรักษาในระบบ จึงยังมีการแพร่เชื้ออยู่ในชุมชน ที่ต้องคัดกรองใน 7 กลุ่ม คือ ผู้ป่วยเรื้อรัง ผู้ติดเชื้อ HIV แรงงานต่างด้าว ผู้สูงอายุ ผู้สัมผัสโรค และบุคลากรสาธารณสุข

ส่วนโรคไข้เลือดออกมีผู้ป่วย 505 ราย ยังไม่มีผู้เสียชีวิต พบว่าผู้ป่วยตั้งแต่อายุ 10-25 ปี พื้นที่ที่ผู้ป่วยสูงสุดคือ อ.ขนอม ซึ่งจะระบาดในช่วง พ.ค.-ส.ค.ทุกปี ส่วนมาตรการป้องกัน สนง.สาธาณสุขฯ ร่วมกับเครือข่ายได้ขอความร่วมมือกับประชาชนให้กำจัดยุงลายในภาชนะที่บ้านเพื่อกำจัดพาหะนำโรค และขอความร่วมมือโรงเรียนต้องไม่มีลูกน้ำโดยเฉพาะในศูนย์เด็กเล็กด้วย

ส่วนสถานการณ์โรคฉี่หนู ในปี 61 พบผู้ป่วย 41 ราย ยังไม่มีผู้เสียชีวิต ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรมที่ลุย
โคลน ลุยน้ำ ไม่ใช้เครื่องป้องกัน เมื่อป่วยแล้วไม่พบแพทย์ ซื้อยามาทานเอง ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จะมีอาการป่วยหนักแล้วจึงไปหาหมอ ซึ่งสาธารณสุขฯ และเครือข่ายได้มีมาตรการป้องกันโดยขอความร่วมมือกับประชาชนให้หลีกเลี่ยงการลุยน้ำ หากจำเป็นต้องลุยต้องหาทางป้องกันไม่ให้เท้าสัมผัสน้ำหรือที่แฉะนาน และต้องรีบทำความสะอาดด้วย

คลังเร่ง พ.ร.บ.จัดการบัญชีเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหว 10 ปี เข้า ครม. ทุกธนาคารต้องส่งให้กรมบัญชีกลางใส่เงินคงคลังของประเทศ มีกว่าหมื่นล้านและเก็บข้อมูลลูกค้าทุกบัญชีถอนคืนได้ทันทีไม่มีกำหนด เหยียบเบรก กนง.ขึ้นดอกเบี้ยฉุดเศรษฐกิจ

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.การคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังได้ส่งรายละเอียดร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารจัดการบัญชีเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของสถาบันการเงิน พ.ศ. … ไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว รอบรรจุในวาระการประชุม สาระสำคัญ คือการบริหารจัดการเงินฝากของลูกค้าที่อยู่กับสถาบันการเงิน แต่ไม่มีการเคลื่อนไหว 10 ปี

โดยให้สถาบันการเงินต่างๆ ส่งเงินดังกล่าวมาไว้ที่กรมบัญชีกลาง และต้องบันทึกข้อมูลเงินฝากของลูกค้า และเมื่อลูกค้าต้องการถอนเงินก็สามารถดำเนินการได้ทันที

ทั้งนี้เงินที่ถูกโอนเข้ามาในบัญชีของกรมบัญชีกลางนั้น จะถูกนำไปใส่ไว้ในเงินคงคลัง โดยกระทรวงการคลังยืนยันว่าจะไม่มีการนำเงินดังกล่าวออกไปใช้เพื่อหาประโยชน์ในทุกกรณี และจะไม่มีการกำหนดระยะเวลาการดูแลรักษาเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหว เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าของสถาบันการเงินทั้งหมด

“กฎหมายนี้ไม่ใช่ฮุบเงินประชาชน ปัจจุบันมีเงินในบัญชีเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหว 10 ปี ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ก็จะเอามาใส่ไว้ในเงินคงคลัง แต่จะมีการแยกบัญชีชัดเจน ไม่นำไปรวมกับเงินคงคลังส่วนอื่นๆ ซึ่งเรื่องนี้จะดีกับประเทศ ทำให้ไม่ต้องกู้เงินเพื่อมาเติมใส่เงินคงคลัง ประหยัดต้นทุนดอกเบี้ยการกู้เงิน และไม่มีเป้าหมายหรือตั้งใจจะนำเงินดังกล่าวไปใช้เพื่อหาประโยชน์อะไร เอามาเก็บไว้เฉยๆ ช่วยสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ฝากเงิน”

นายอภิศักดิ์กล่าวถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยว่า เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะตัดสินใจ คลังมองว่าในช่วง 1 ปีนี้ ยังไม่ควรมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และลดอัตราดอกเบี้ยก็คงไม่ได้ แม้ว่าขณะนี้เศรษฐกิจไทยจะมีการฟื้นตัวขึ้นจริง แต่ก็ยังเป็นการฟื้นตัวแบบไม่กระจายตัว รวมถึงอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย 1-4% การปรับขึ้นดอกเบี้ยยิ่งเป็นปัจจัยกดดันให้อัตราเงินเฟ้อไม่ขยายตัว

“คลังคิดไว้ในใจ ช่วงปี 2561 ไม่ควรปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะค่อนข้างดี สภาพคล่อง ในระบบจะอยู่ในระดับสูง แต่เงินเฟ้อยังอยู่ต่ำ จึงยังไม่มีเหตุผลอะไรให้ควรปรับขึ้นดอกเบี้ย” นายอภิศักดิ์กล่าว

กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสภาพอากาศว่า ลักษณะอากาศทั่วไป พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือและภาคกลางยังคงมีอุณหภูมิสูง ทำให้มีอากาศร้อนกับมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ในบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ส่วนภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น ขอให้ประชาชนระวังการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในระยะนี้ไว้ด้วย

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงกับมีอากาศร้อนประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในระยะนี้ ส่วนลมตะวันออกพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้น อนึ่ง ความกดอากาศสูงอีกระลอกหนึ่งได้ปกคลุมประเทศจีนตอนใต้แล้ว คาดว่าจะเคลื่อนลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ในวันพรุ่งนี้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มขึ้น

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 12:00 วันนี้ ถึง 12:00 วันพรุ่งนี้
ภาคเหนือ อากาศร้อน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดกำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศร้อน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม พระนครศรีอยุธยา สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) อากาศร้อน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง และพังงา อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 มี.ค. นายจักรพงศ์ พันธุ์เพ็ง นายอำเภอสำโรง จ.อุบลราชธานี พร้อม พ.ต.ท.รุ่งนิรันดร์ ทองเกษม รอง ผกก.สืบสวน สภ.สำโรง จ.อุบลราชธานี และ ร.ท.อาทิตย์ แก้วดี ผบ.หมวดกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยประจำจังหวัดอุบลราชธานี เข้าตรวจสอบบริเวณสระน้ำหลังบ้านร้าง ในหมู่บ้านหนองสิม ต.หนองไฮ อ.สำโรง จ.อุบลราชธานี หลังได้รับแจ้งจากแหล่งข่าว ว่ามีกลุ่มลักลอบตัดไม้พะยูง นำไม้ที่ลักลอบตัดจากที่ต่างๆ มาซ่อน โดยทำไม้ให้จมไว้ในสระน้ำดังกล่าว

สำหรับบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวห่างไกลจากหมู่บ้าน และอยู่ห่างจากถนนสายสำโรง-กันทรลักษ์ ประมาณ 500 เมตร ทราบชื่อเจ้าของคือ นางเสงี่ยม สานกอง ซึ่งได้ย้ายครอบครัวไปอาศัยอยู่ที่ อ.ศรีเมืองใหม่ นานกว่า 10 ปี และทิ้งบ้านให้ร้างไม่มีคนอยู่อาศัย

หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และกำนัน ผู้ใหญ่บ้านหนองสิม ช่วยกันงมในสระน้ำขนาดกว้างประมาณ 100 ตารางวา ลึกประมาณ 1 เมตร ก็พบไม้พะยูงถูกตัดเป็นท่อน เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 30 นิ้ว จำนวน 31 ท่อน และแปรรูปแล้วอีก 10 แผ่น คิดเป็นปริมาตรไม้ 2.91 ลูกบาศก์เมตร มูลค่ากว่า 1.2 ล้านบาท จึงลำเลียงไม้ทั้งหมดขึ้นจากน้ำส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้รับไปเก็บรักษา

พร้อมจะเชิญตัว นางเสงี่ยม เจ้าของบ้านมาให้ปากคำใช้เป็นหลักฐานประกอบสำนวน และคาดว่าไม้พะยูงที่พบทั้งหมด น่าจะถูกลักลอบตัดมาจากพื้นที่ป่าสาธารณะตามหมู่บ้านในพื้นที่ใกล้เคียง และแก๊งตัดไม้ได้ลำเลียงมาจมทิ้งไว้ในน้ำ เพื่อปิดบังอำพรางรอจังหวะลำเลียงส่งข้ามแม่น้ำโขงไปยังประเทศลาว ก่อนส่งต่อไปประเทศที่สามที่สั่งซื้อไม้ดังกล่าว

กรมส่งเสริมสหกรณ์ เร่งผลักดันสินค้าสหกรณ์ไทยสู่ตลาดต่างประเทศ เตรียมข้อมูลแยกกลุ่มสินค้า พร้อมทั้งข้อมูลเชิงการค้า ปริมาณ และคุณภาพ เผยแพร่ผ่านเว็บไซด์ เพื่อส่งเสริมช่องทางการจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์ เร่งประชาสัมพันธ์การใช้ตราเครื่องหมายสหกรณ์ Co-op เพื่อส่งเสริมเอกลักษณ์และบ่งชี้ความเป็นอัตลักษณ์ของสินค้าสหกรณ์สู่ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ

นายเชิดชัย พรหมแก้ว รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นประธานพิธีเปิดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการระดับชาติ เรื่อง การส่งเสริมผลิตภัณฑ์สหกรณ์ไทยสู่ตลาดสากล ซึ่งจัดโดยสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย โดยมีเป้าหมายในการผลักดันให้สหกรณ์เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับการตลาดในยุคดิจิทัล พร้อมกล่าวว่า สหกรณ์ในประเทศไทยมีการพัฒนามาอย่างยาวนานนับ 103 ปี ซึ่งภาพรวม เนื้อแท้ของการพัฒนาสหกรณ์ทั่วประเทศมีสินทรัพย์เกินกว่า 16% ของรายได้ประชาชาติ (GDP) ซึ่งล้วนแล้วแต่มาจากสมาชิกสหกรณ์ นับว่ามีนัยสำคัญสูง ขณะเดียวกันในช่วง 3–4 ปี ที่ผ่านมา รัฐบาลชุดปัจจุบันใช้ระบบสหกรณ์เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศ และปัจจุบันนี้ยังได้ดำเนินนโยบายไทยนิยมยั่งยืน ซึ่งได้อุดหนุนเม็ดเงินเข้าสู่ระบบสหกรณ์เกือบ 2,000 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญของธุรกิจสหกรณ์

“สหกรณ์ภาคการเกษตรเป็นสหกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการผลิตสินค้าแลผลผลิตการเกษตรที่สำคัญ ซึ่งสินค้าและผลิตภัณฑ์สหกรณ์ไทยจะมีความยั่งยืนได้ ต้องมีปัจจัยที่เกื้อหนุนหลายประการและต้องให้ความสำคัญหลายเรื่อง เริ่มตั้งแต่ความซื่อสัตย์ในอาชีพ ลูกค้าซื้อสินค้าจากสหกรณ์ไป ตั้งแต่สินค้าชิ้นแรกจนถึงชิ้นสุดท้ายคุณภาพสินค้าต้องเหมือนเดิม สินค้าไม่ดีต้องรับประกันว่าสามารถนำมาเปลี่ยนใหม่ได้ ขณะเดียวกัน สหกรณ์ต้องรักษาคำมั่นสัญญาในการทำธุรกิจซื้อขายสินค้าระหว่างกัน และประการสุดท้าย สหกรณ์ต้องพัฒนาปรับปรุงสินค้าให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ เพราะโลกของเราเปลี่ยนทุกวัน เพราะทุกวันนี้สังคมเรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคไร้เงินสดในช่วง 3 ปีต่อจากนี้ ซึ่งสหกรณ์และกลุ่มอาชีพต่างๆ ต้องปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์” รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว

ทั้งนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้สร้างความเข้าใจให้สหกรณ์ทั่วประเทศได้ปรับตัวให้ทันกับสังคมในยุคไร้เงินสด ซึ่งการซื้อขายสินค้าระหว่างสหกรณ์กับสมาชิก ไม่จำเป็นต้องนำเงินสดมาชำระค่าสินค้า แต่จะเปลี่ยนมาใช้บัตรสมาชิกเพื่อใช้ในการซื้อขายแทน ซึ่งขณะนี้กรมส่งเสริมสหกรณ์อยู่ในระหว่างการส่งเสริมให้สหกรณ์ทดลองใช้บัตรสมาชิกสหกรณ์ เป็นบัตรเงินสดที่สามารถชำระค่าสินค้าและบริการได้ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งการเข้าสู่สังคมที่ไม่ใช้เงินสดจะสอดคล้องไปด้วยกันกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซกับธุรกิจออนไลน์ที่ไม่ต้องเห็นหน้ากัน แต่เป็นการเอาสินค้ามานำเสนอผ่าน เว็บไซด์หรือเฟซบุ๊ก เพื่อทำให้ผู้บริโภคสนใจในตัวสินค้า จนเกิดความไว้วางใจและตัดสินใจซื้อสินค้า

ขณะนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้พัฒนาเว็บไซต์ขึ้นมา เพื่อเปิดโอกาสให้สหกรณ์ต่างๆ ได้มีช่องทางในการ ซื้อขายสินค้าผ่านระบบอีคอมเมิร์ซ และกำลังเจรจากับเว็บไซด์ที่ทำธุรกิจซื้อขายสินค้าผ่านออนไลน์ เช่น ลาซาด้า และสร้างแอพ Co-op Shop ขึ้นมาเพื่อใช้เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการประชาสัมพันธ์และจำหน่ายสินค้าสหกรณ์ ไปสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม สินค้าสหกรณ์ไทยที่ได้คัดเลือกมานำเสนอไว้ที่เว็บไซด์ดังกล่าว จะต้องอาศัยยุทธวิธีทางการตลาดให้เข้ากับยุคสมัยและสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ ขณะเดียวกันสินค้านั้นต้องมีคุณประโยชน์ คุณภาพ คุณลักษณ์ คุณค่า และคุณธรรม ซึ่งการสร้างธุรกิจสหกรณ์ให้เติบโตในยุค 4.0 สิ่งสำคัญอย่างยิ่ง คือการตลาดแบบดิจิตอลและ Content Marketing ที่จะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยผลักดันให้สินค้าสหกรณ์ไทยสามารถเติบโตได้ในยุคดิจิตอลได้ในที่สุด

นายกิตติพงษ์ งามจริง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการพิเศษ สำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรสงคราม เปิดเผยว่า หลังจากเว้นมา 3 ปี ขณะนี้ลิ้นจี่ของจังหวัดสมุทรสงครามมีผลผลิตออกสู่ตลาดแล้ว โดยพื้นที่การผลิตทั้งจังหวัดมี 5,776 ไร่ คาดการณ์ว่าผลผลิตจะออกสู่ตลาด 3,200 ตัน ปัจจุบันเริ่มมีการนำผลผลิตออกมาจำหน่าย ราคากิโลกรัมละ 150-170 บาท ทางจังหวัดได้จัดจุดจำหน่ายให้กับเกษตรกร ริมถนนพระราม 2 ขาล่อง ใกล้ปั๊มน้ำมัน ปตท. หากผู้ขายไม่ใช่เกษตรกร ต้องมาขึ้นทะเบียนกับสำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรสงคราม ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อ

นายกิตติพงษ์กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 20-22 เมษายน 2561 มีงานลิ้นจี่ที่หน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม อีกกิจกรรมหนึ่งคือ”ปั่นจักรยานชม-ชิมลิ้นจี่” โดยชมรมจักรยานกรมส่งเสริมการเกษตร มีขึ้นวันที่ 29 เมษายน 2561 มีนายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ประธานชมรมฯเป็นประธานเปิดงานและพาชมสวน ค่าสมัคร 450 บาท ผู้เข้าร่วมจะได้เป้ 1 ใบ พร้อมผลผลิตลิ้นจี่ 2 กิโลกรัม ผู้สนใจถามรายละเอียดและสมัครได้ที่ โทรศัพท์ 081-5708101

“ทางสำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรสงคราม ได้เตรียมสวนให้ผู้สนใจเข้าชมและซื้อผลผลิตลิ้นจี่ จำนวน 6 สวนด้วยกัน ผลผลิตตอนนี้ออกแล้ว ต้นฤดูคุณภาพอาจจะไม่ดีนัก ผลผลิตจะไปหมดราววันที่ 5 พฤษภาคม 2561 สำหรับผู้สนใจเข้าชมสวนสอบถามได้ที่สำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรสงคราม โทร.034-711171”นายกิตติพงษ์กล่าว

ทางด้านนายปัญญา พวงสวัสดิ์ เกษตรกรผู้ปลูกลิ้นจี่ กล่าวว่า สาเหตุที่ลิ้นจี่เว้นมา 3 ปีไม่ติดผลเนื่องจากอากาศไม่หนาวเย็นพอ มาปีนี้อากาศเป็นใจจึงมีผลผลิต ในฐานะที่เป็นชาวสวน อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลชาวสวนลิ้นจี่ให้มากขึ้น เพราะทุกวันนี้ เริ่มมีการตัดต้นลิ้นจี่ปลูกส้มโอขาวใหญ่แทน เพราะยังไงก็มีผลผลิต

“ชาวสวนที่ปลูกลิ้นจี่มีความภาคภูมิใจ เป็นเอกลักษณ์ของสมุทรสงคราม อย่างผู้ปลูกลิ้นจี่มีฐานะดีหรือเป็นข้าราชการบำนาญเขาพออยู่กันได้ แต่เป็นเกษตรกรอย่างเดียวลำบาก ทำให้ต้องตัดโค่นไปทำฟืน เห็นแล้วเศร้าใจ ทั้งที่ลิ้นจี่อายุเป็น 100 ปี เกษตรกรที่ปลูกป่า มีเงินอุดหนุน หรือเงินอะไรก็แล้วแต่ น่าจะหันมาดูแลผู้ปลูกลิ้นจี่บ้าง ไม่อย่างนั้นจะทะยอยตัดทิ้ง และเหลือเป็นตำนานในที่สุด”นายปัญญากล่าว

เมื่อเวลา 12.25 น. ของวันที่ 29 มี.ค. นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชจังหวัดราชบุรี ได้เผยแพร่เรื่องราวการเสียชีวิตของ “เจ้าบุญมา” ไก่หัวขาดแต่ไม่ตาย ที่พระนพพงษ์ ฐิตธัมโม อายุ 34 ปี พระลูกวัดมหาธาตุวรวิหาร พระอารามหลวง อ.เมือง จ.ราชบุรี เป็นผู้พบและเผยแพร่คลิปและภาพผ่านซื่อโซเชียลประกาศหาผู้ใจบุญดูแลต่อ และนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์เมืองโอ่งราชบุรีเพื่อทำการรักษา

หลังจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี รับอุ้มบุญไก่ตัวดังกล่าวไว้ และตั้งชื่อว่า “เจ้าบุญมา” พร้อมทั้งมอบให้ทางปศุสัตว์จังหวัดส่งตัวไปรักต่อยังโรงพยาบาลปศุสัตว์ ในสังกัดคณะสัตวแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม

โดยนายชยาวุธ ได้โพสต์ภาพและระบุข้อความว่า “เช้านี้ผมได้รับรายงานจากปศุสัตว์จังหวัดราชบุรีว่า เจ้าบุญมา ไก่ชนจอมอึดที่นำส่งโรงพยาบาลปศุสัตว์ ในสังกัดคณะสัตวแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ตายลงแล้ว หลังจากเจ้าหน้านี้เคลื่อนย้ายไปรับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลปศุสัตว์ จากการตรวจเอกซเรย์ด้วยเครื่องมือทันสมัย พบว่าเซลล์สมองบางส่วนน่าจะถูกสุนัขกัดทำลาย”

“ขนมีการติดเชื้อและได้ลุกลามไปยังเนื้อสมอง ตลอดจนร่างกายมีอาการขาดน้ำ ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากไม่สามารถกินอาหารได้ตามปกติ การป้อนอาหารต้องใช้สายยางสอดป้อนน้ำและอาหารลงถึงกระเพาะอาหารโดยตรง ทำให้บุญมาอ่อนแอลงเรื่อยๆ ทางโรงพยาบาลปศุสัตว์เห็นว่าอาการรุนแรงเกินกว่าจะรักษาให้หายได้ จึงมอบบุญมาให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จังหวัดนำมาเลี้ยงต่อที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดราชบุรี จนกระทั่งช่วงเช้าวันนี้บุญมาได้ตายลงด้วยอาการอันสงบ”

ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี กล่าวต่อว่า “ผมขอกราบอนุโมนาบุญหลวงพี่และจิตอาสาที่วัดมหาธาตุวรวิหาร ซึ่งพบเห็นและนำบุญมาส่งโรงพยาบาลสัตว์ดูแลมาตั้งแต่ 24 มี.ค.61 และขอขอบคุณสัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลสัตว์เมืองโอ่งที่ช่วยตรวจรักษาตามอาการอย่างดีเยี่ยม ตลอดจนขอบคุณปศุสัตว์จังหวัดราชบุรีและบุคลากรของโรงพยาบาลปศุสัตว์ คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ ที่กรุณาช่วยรักษาอย่างเต็มกำลังแม้อาการจะหนักมากแล้ว ขอบคุณสื่อมวลชนและประขาชนที่เอาใจช่วยบุญมา เจ้าไก่จอมอึดตัวนี้มาโดยตลอด หลังจากนี้จะได้ประสานกับทางหลวงพี่เพื่อดำเนินการกับบุญมาตามความประสงค์ต่อไป”

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปยังสำนักงานปศุสัตว์ จ.ราชบุรี เพื่อสอบถามกับทาง สพ.ญ.วรรณี วัฒนพงศ์ชาติ ปศุสัตว์จังหวัดราชบุรี ถึงสาเหตุการตายของเจ้าบุญมา “ไก่หัวขาด แต่ไม่ตาย” อย่างละเอียด โดยเจ้าหน้าที่ประจำปศุสัตว์ จังหวัดราชบุรี ได้นำร่างของ “เจ้าบุญมา” ออกมาให้สื่อมวลชนได้บันทึกภาพดูร่องรอยบาดแผลที่ตรวจพบบนตัวของเจ้าบุญมา ซึ่งถูกบรรจุไว้ในถุงดำเพื่อเตรียมส่งให้ทางจิตรอาสาที่นำมาส่งรักษา นำกลับไปทำการเผาที่วัดต่อไป

จากการตรวจสอบร่องรอยของบาดแผลเจ้าบุญมา พบว่าที่ลำคอมีรอยแผลจากการถูกกัดเป็นทางยาว จำนวน 1 แผล และที่ตามลำตัวมีรอยเขี้ยวเป็นจ้ำๆ หลายจุด และมีบริเวณหน้าอกมีรอยเขียวฟกช้ำ ส่วนสาเหตุของการเสียชีวิตแพทย์ระบุว่ามีการติดเชื้อในกระแสเลือด และติดเชื้อทางหลอดลม รวมไปถึงที่บริเวณเนื้อสมอง ทำให้เจ้าบุญมาตายลงอย่างสงบเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 29 มี.ค. หลังจากที่เจ้าหน้าที่นำตัวกลับมาจาก โรงพยาบาลปศุสัตว์ ในสังกัดคณะสัตวแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม