การปลูกฟ้าทะลายโจรคุณสมชาย การปลูกฟ้าทะลายโจรให้

ประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องยาก อาศัยหลักการปลูกดูแลเช่นเดียวกับการปลูกคะน้าและผักกาดเพราะมีเมล็ดพันธุ์ขนาดใกล้เคียงกัน ขั้นตอนเตรียมดิน ใช้ปุ๋ยคอก 200 กิโลกรัมต่อไร่บำรุงดินก่อนปลูก หลังจากนำเมล็ดพันธุ์มาปลูกแบบหว่านเมล็ดจนทั่วแปลง พื้นที่ 1 ไร่ใช้เมล็ดพันธุ์จำนวน 1 กิโลกรัม ใช้เศษฟางคลุมแปลงปลูก และรดน้ำด้วยระบบสปริงเกลอร์ คอยดูแลกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ

โดยทั่วไป พื้นที่ปลูก 1 ไร่จะปลูกต้นฟ้าทะลายโจรได้ประมาณ 10,000-15,000 ต้น หลังปลูก 2 เดือน ใส่ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 ในสัดส่วนไร่ละ 15 กิโลกรัม หลังจากนั้น ทยอยใส่ปุ๋ยยูเรีย ทุกๆ 10 วัน ครั้งละ 15 กิโลกรัมต่อไร่ เพื่อกระตุ้นให้ต้นฟ้าทะลายโจรเจริญเติบโตเร็ว

คุณสมชาย อธิบายเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่เลือกใส่ปุ๋ยยูเรียเพราะเป็นแม่ปุ๋ยที่ให้แร่ธาตุอาหารหลักคือ ไนโตรเจน ที่ช่วยบำรุงต้นฟ้าทะลายโจรให้ผลิใบได้จำนวนมาก เนื่องจากใบฟ้าทะลายโจรมีปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์มากที่สุด ส่วน “ลำต้น” มีสารแอนโดรกราโฟไลด์ในสัดส่วนน้อย ขณะที่รากและฝักของฟ้าทะลายโจรไม่พบสารแอนโดรกราโฟไลด์แต่อย่างใด

ในระยะเวลา 1 ปี คุณสมชายสามารถปลูกฟ้าทะลายโจรได้ 2 รอบ สำหรับฟ้าทะลายโจรที่เก็บเกี่ยวในช่วงฤดูหนาวและฤดูร้อนเป็นที่ต้องการของอุตสาหกรรมยามากที่สุด เนื่องจากมีปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์ในปริมาณสูง

“เกษตรกรหลายรายไม่เข้าใจธรรมชาติของต้นฟ้าทะลายโจร จึงใส่ปุ๋ยยูเรียจำนวนมากในช่วงฤดูร้อนเพื่อเร่งการเจริญเติบโตของต้นฟ้าทะลายโจร ซึ่งการกระทำดังกล่าวส่งผลเสียต่อคุณภาพผลผลิตแทน เพราะการเพิ่มธาตุไนโตรเจนจำนวนมากในดิน ส่งผลกระทบต่อการสะสมสารแอนโดรกราโฟไลด์ ทำให้ต้นฟ้าทะลายโจรที่เก็บเกี่ยวมีปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์ลดลงกว่าเดิม ในหลักการเดียวกัน ฟ้าทะลายโจรที่เก็บเกี่ยวในช่วงฤดูฝน มักมีปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์น้อยกว่าฤดูอื่น เพราะในน้ำฝนมีธาตุไนโตรเจนค่อนข้างสูง จึงทำให้ต้นฟ้าทะลายโจรสะสมสารแอนโดรกราโฟไลด์ได้น้อยลงเช่นกัน” คุณสมชาย กล่าว

กลุ่มผู้ปลูกสมุนไพรฟ้ากำแพงแสน จังหวัดนครปฐม มีสมาชิกก่อตั้งจำนวน 22 ราย เนื้อที่ปลูกประมาณ 100 ไร่ ทางกลุ่มเน้นปลูกสมุนไพรตามคำสั่งซื้อเป็นหลัก ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ สินค้าเกรดเอ เก็บเกี่ยวในช่วงอายุ 3 เดือนครึ่ง ซึ่งเป็นช่วงที่ต้นฟ้าทะลายโจรมีปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์สูง เป็นที่ต้องการของอุตสาหกรรมยา ลูกค้าสำคัญของกลุ่ม ได้แก่ องค์การเภสัชกรรม (อภ.) 500 กิโลกรัมต่อไร่ ราคาขายในปัจจุบันอยู่ที่กิโลกรัมละ 900 บาท

ส่วนสินค้าเกรดบี ที่ชาวบ้านเรียกว่า “ฟ้าแก่” เก็บเกี่ยวในช่วงต้นฟ้าทะลายโจรอายุ 5 เดือน ได้ผลผลิตตากแห้งจำนวนมาก เฉลี่ย 1,000-1,200 กิโลกรัมต่อไร่ ส่งขายร้านยาสมุนไพร ส่วนสินค้าเกรดซี จากแปลงที่ใช้เพาะเมล็ด เก็บเกี่ยวช่วงอายุ 5 เดือนครึ่ง ถึง 6 เดือนขึ้นไป นิยมใช้เป็นส่วนผสมของอาหารสัตว์ทั้งไก่และสุกร เพื่อทดแทนและลดการนำเข้ายาปฏิชีวนะ

“ตอนนี้ ฟ้าทะลายโจรกลายเป็นสินค้ายอดนิยม ขายได้ราคาสูง จูงใจให้คนไทยหันมาปลูกฟ้าทะลายกันทั่วประเทศ ผมสนับสนุนให้ปลูกฟ้าทะลายโจรเป็นพืชสมุนไพรประจำบ้าน แต่หากปลูกเชิงการค้า ถือว่ามีความเสี่ยงสูง ขณะนี้มีผู้สนใจลงทุนปลูกฟ้าทะลายโจรทั่วประเทศ คาดว่าภายใน 4 เดือนข้างหน้าจะมีผลผลิตเข้าสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก เสี่ยงเกิดปัญหาสินค้าล้นตลาดได้ ดังนั้น หากใครสนใจปลูกฟ้าทะลายโจรเชิงการค้า ขอให้ลงทุนด้วยความระมัดระวัง เพราะเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง” คุณสมชาย กล่าวในที่สุด

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบข่าวจากกรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งสำนักงาน กศน.จังหวัดสมุทรสาคร เป็นความรู้สึกที่ดีของคนไทย ดูเหมือนว่าพืชเกษตรชนิดเดียวที่ให้ความภาคภูมิใจ ว่าเราเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง นั่นคือ “พริกไทย” กล่าวกันว่า พริกไทยเป็นพืชสมุนไพรอันดับแรก ที่ให้ทั้งคุณประโยชน์ และสรรพคุณความเป็นสมุนไพร ยิ่งเราได้รู้จัก ยิ่งรักพริกไทยมากยิ่งขึ้น มากกว่าเก่าที่เราเคยมี และยังเต็มร้อยกับความภาคภูมิใจ ช่วยกันคิดด้วย พืชที่เรารู้จักมักคุ้น ที่มีชื่อต่อท้ายด้วย “ไทย” มีเพียงไม่กี่อย่าง รู้จักเช่น แตงไทย และก็มี พริกไทย

พริกไทยที่เรารู้จักกันมาก คงจะเป็นพริกไทยป่น ก็คงเป็นเพราะเรานำมาใช้ปรุงแต่งอาหารกันหลายอย่าง ต้ม ผัด แกง ทอด ใช้พริกไทยป่นปรุงแต่งรส นานหลายปีแล้ว ดร.จอห์น ครีสโตเฟอร์ สหรัฐอเมริกา บันทึกไว้ว่า พริกไทยป่น ใช้รักษาโรค บำรุงร่างกายได้ถึง 13 อย่าง รักษาโรคกระเพาะ โดยชงน้ำดื่มวันละ 3 ถ้วย ทำให้หายปวดแผลในกระเพาะ ใช้พริกไทยป่น 1 ช้อนชา ชงน้ำอุ่น 1 ถ้วย ดื่มวันละ 3 เวลา รักษาโรคความดันโลหิตสูง บำรุงหัวใจ ช่วยแก้ปัญหาการย่อยอาหาร แก้หวัด เจ็บคอ ทำให้ผิวหนังสดใส เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยบำรุงสมอง ทำให้ความทรงจำดี สมองดี ใส่ปรุงอาหารวันละ 3 ช้อนชา รักษาริดสีดวงทวาร ช่วยการหมุนเวียนโลหิต พริกไทยป่นใช้โรยแผลห้ามเลือดได้ ใช้พริกไทยป่นผสมน้ำมันเบบี้ออยล์ ทาและคลุมพลาสติกที่พุง ลดความอ้วนได้ ใช้สูตรนี้ทาหัวล้านปลูกผมได้ ทากล้ามเนื้อแก้ปวดเมื่อย มากมายคุณประโยชน์จริงๆ

เมื่อหลายสิบปีก่อน ตลาดพริกไทยมีปัญหา เพราะผลผลิตออกมามากเกินความต้องการของตลาด ขาดการควบคุมที่ดี เกษตรกรลงทุนปลูกกันมากแถบภาคตะวันออกและภาคใต้ รวม 12 จังหวัด แต่ในปัจจุบันมีเพิ่มขึ้นมาก ตามความต้องการของผู้บริโภค สินค้าเกษตรชนิดนี้ มีการรวมกลุ่มของประเทศผู้ผลิตและค้าขายกัน เรียกว่า “ประชาคมพริกไทยระหว่างประเทศ” หรือ IPC : International Pepper Community เป็นกลุ่มผลิตพริกไทยป้อนตลาดร้อยละ 90 ของโลก ซึ่งขณะนั้น ประกอบด้วยประเทศ อินเดีย อินโดนีเซีย บราซิล มาเลเซีย และไทย ผลผลิตของไทยเรามีตั้งร้อยละ 5 ของโลกเชียวนะ

พริกไทย หรือ Pepper เป็นไม้เลื้อยยืนต้น มีอายุการให้ผลผลิตหลายปีมาก เจริญเติบโตได้ดีในสภาพภูมิอากาศร้อนชื้น ต้องการน้ำเฉลี่ย 1,200-2,500 มิลลิเมตร ต่อปี อุณหภูมิระหว่าง 25-40 องศาเซลเซียส ชอบดินร่วนซุย อินทรียวัตถุสูง ระบายน้ำดี ไม่มีน้ำขัง พันธุ์ที่นิยมปลูกแต่ดั้งเดิมคือพันธุ์ซาราวัค กับพันธุ์คุชชิ่ง ผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 440 กิโลกรัม ต่อไร่ ต้นทุนการผลิตประมาณ 150 บาท ต่อกิโลกรัม ราคาขายเฉลี่ยประมาณกิโลกรัมละ 400 บาท

การปลูกพริกไทย นิยมปลูกด้วยกิ่งชำ เกษตรกรสามารถขยายพันธุ์โดยวิธีปักชำได้ การปลูกพริกไทย ต้องมีค้าง หรือเสา หรือหลัก ให้ต้นพริกไทยเลื้อยเกาะอาศัย ส่วนใหญ่นิยมใช้ค้างเสาหลักปูนซีเมนต์ เพราะให้ความคงทนถาวร อยู่ได้นานหลายปี ถ้าเป็นเสาหลักไม้เนื้อแข็ง จะอยู่ได้แค่ 4-5 ปี หรืออาจไม่ถึง ระยะปลูกที่นิยม 2×2 เมตร ได้ 400 ค้าง ค้างละ 2 ต้น ได้ 800 ต้น ต่อไร่ มีความต้องการปุ๋ยอินทรีย์ บำรุงทุกปี อย่างน้อยต้องใช้ค้างหรือหลักละ 5 กิโลกรัม ส่วนปุ๋ยเคมี ให้ปุ๋ยสูตรเสมอ เช่น 15-15-15 หรือ 17-17-17 อัตราค้างละ 20-30 กรัม ปีละ 4 ครั้ง

เมื่อปลูกช่วงแรกๆ ต้องให้น้ำทุกวัน หรือวันเว้นวัน พอต้นตั้งตัวได้ ให้น้ำ 2-3 วันครั้ง เมื่อพริกไทยให้ผลผลิตแล้ว ให้น้ำ 3-5 วัน ต่อครั้ง พริกไทยเป็นพืชที่ทนแล้งได้ดีพอสมควร ให้น้ำบ้างนิดหน่อยถึงไม่สมบูรณ์เพียงพอ เกษตรกรก็ยังมีวิธีช่วยเหลือต้นพริกไทย ไม่ให้เกิดอันตรายได้ โดยเฉพาะชาวสวนพริกไทยรู้ดีว่า ต้องการน้ำ ความชื้นแค่ไหน มีบางช่วงบางเวลาแทบไม่ได้ให้น้ำเลย ตรงกันข้ามกับต้องระวังอย่างมาก กรณีหน้าฝนแล้วน้ำท่วมขัง อันตรายมากทีเดียวกับกรณีพายุลมแรง ค้างเสาหลักที่ใช้มักทำให้หวั่นใจเสมอว่ามันจะโค่นล้ม เสียของ งานเข้าแน่ๆ อีกประการหนึ่งคือ ชาวสวนจะต้องทำการตัดแต่งพุ่ม โดยทำการเด็ดใบที่เกิดบริเวณภายในทรงพุ่มออกให้หมด ตัดแต่งกิ่งแขนงที่แตกบริเวณโคนต้น จนเหนือระดับผิวดิน 8-10 เซนติเมตร ตัดออกให้โคนพุ่มโปร่ง รวมทั้งตัดยอดที่เจริญเติบโตพ้นค้างขึ้นไป ส่วนโรคแมลงที่ควรระวัง ที่สำคัญคือโรครากเน่า โคนเน่า ป้องกันอย่าให้น้ำขัง ตัดแต่งกิ่ง หรือถ้าพบระบาด ใช้สารเคมีป้องกันกำจัดอย่างถูกวิธี พวกแมลงที่พบระบาดเสมอคือ เพลี้ยแป้งและเพลี้ยอ่อน พบระบาดในระยะติดผล ไม่ควรใช้สารเคมีกำจัดแมลงเด็ดขาด ควรใช้สารชีวภัณฑ์ ป้องกันกำจัดศัตรูพืชดีที่สุด

พริกไทย นับเป็นพืชเศรษฐกิจที่น่าสนใจ ท่านที่คิดจะลงทุนต้องศึกษาวิถีตลาดให้ดี พืชชนิดนี้เป็นสินค้าระดับโลก อยู่ในสายตาของผู้บริโภคและผู้เกี่ยวข้องอยู่ตลอดเวลา ขออย่าให้มีปัญหาเหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อนเลย อนาคตยังไปได้สวย แต่ต้องอย่าละเลย ศึกษาเรียนรู้ให้ถ้วนถี่ มีข้อมูล มีความรู้ บ้านเรามีหลายคนที่กำลังจะตัดสินใจปลูกพริกไทย เพราะเห็นว่าพริกไทยเป็นพืชที่ให้ผลผลิตที่มีระยะยาว ผลผลิตออกมาหลายรูปแบบ ตั้งแต่การขยายต้นกล้าพริกไทยขาย ต้นละ 30-50 บาท ขายพริกไทยอ่อนให้ใช้ผัดเผ็ดหมูป่า ปลาไหล ไก่ หมู เนื้อ เป็นพริกไทยดำ เป็นพริกไทยขาว ทั้งแบบเม็ดและแบบป่น ให้ทั้งรสและกลิ่นปรุงแต่งอาหาร ของกินของขบเคี้ยวสารพัด น่าสนใจ เป็นอีกสินค้าหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม เมื่อท่านรู้จักพริกไทยแล้ว เชื่อว่าคงรักพริกไทยมากยิ่งขึ้น

กรมวิชาการเกษตร ให้ข้อมูลเรื่องของประโยชน์ของกระชาย ซึ่งเป็นตัวชูโรงหนึ่งของสมุนไพรในยุคโควิด-19

ประโยชน์ กระชายมีคุณสมบัติบำรุงร่างกาย มีรสชาติเผ็ดร้อน มีกลิ่นหอมระเหยอ่อนๆ ที่สำคัญยังเต็มไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด ไปดูประโยชน์และสรรพคุณของกระชายเพิ่มเติมได้ดังนี้

บำรุงผมให้สุขภาพดี ผู้ที่มีปัญหาเส้นผมแห้งเสียหรือเส้นผมอ่อนแอ กระชายเป็นตัวเลือกที่ดีในการบำรุงเส้นผมให้กลับมาแข็งแรง ช่วยแก้ปัญหาผมขาวให้กลับมาดกดำ ทำให้ผมบางกลับกลายเป็นผมหนานุ่มได้อีกครั้ง สามารถจัดการปัญหาผมร่วงและผมหงอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ต่อต้านการอักเสบ กระชายมีคุณสมบัติยอดเยี่ยมที่ช่วยต้านการอักเสบ การรับประทานกระชายอย่างต่อเนื่อง จะได้รับผลเหมือนกับการรับประทานยาแอสไพริน โดยจะช่วยแก้ปัญหาการอักเสบเรื้อรังภายในร่างกายได้ดี ทำให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายแข็งแรงมากขึ้น

เพิ่มพลังให้ร่างกาย กระชายสามารถนำมาทำเป็นเครื่องดื่มบำรุงกำลังได้ โดยการนำกระชายมาปั่นแล้วดื่ม กระชายมีคุณสมบัติเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกาย ทำให้รู้สึกมีพลัง รู้สึกกระปรี้กระเปร่าเต็มไปด้วยพลังงาน

ใช้รักษาโรคทั่วไป ประโยชน์ของกระชายมีมากมายหลายด้าน ซึ่งใช้เป็นยารักษาโรคได้หลายขนาน เช่น บำรุงสมอง แก้อาการวิงเวียนศีรษะ ทำให้ความดันโลหิตเป็นปกติ บำรุงตับ รักษาโรคกระเพาะ ทำให้ไตแข็งแรง ช่วยป้องกันไทรอยด์เป็นพิษ แก้อาการแน่นหน้าอก และแก้โรคในปาก เช่น ปากแห้ง ปากเปื่อย เป็นต้น
ใช้ลดน้ำหนัก กระชายสามารถใช้ในการลดน้ำหนักได้ จากการศึกษาวิจัยในประเทศเกาหลีใต้พบว่า การรับประทานกระชายวันละ 300-600 มิลลิกรัม จะมีรอบเอวและไขมันต่ำลดลงภายใน 12 สัปดาห์

บำรุงลำไส้ เหง้ากระชายมีรสชาติเผ็ดร้อน สามารถใช้บรรเทาอาการปวดท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อได้ นอกจากนี้ กระชายยังมีสารซิเนโอเล ที่มีฤทธิ์ช่วยลดการบีบตัวของลำไส้ ทำให้อาการปวดท้องลดลง และยังใช้เป็นยารักษาริดสีดวงได้ด้วย
แก้อาการบิด เราสามารถใช้เหง้าและรากของกระชายมาใช้รักษาอาการบิด ถ่ายเป็นมูกเลือดได้ นอกจากนี้ กระชายยังมีสรรพคุณช่วยขับปัสสาวะ และยังใช้เป็นยารักษากลากเกลื้อนได้อีกด้วย

ส่งเสริมสมรรถภาพทางเพศ สมุนไพรอย่างกระชายสามารถช่วยส่งเสริมสมรรถภาพทางเพศให้ดีขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้ยา เนื่องจากกระชายมีส่วนช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะเพศ เพิ่มปริมาณและความหนาแน่นของอสุจิ ทำให้ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนเพิ่มขึ้น สำหรับผู้ที่มีปัญหาน้องชายไม่แข็งแกร่ง การรับประทานกระชายจะทำให้สุขภาพทางเพศดียิ่งขึ้น

สรรพคุณ เหง้าและรากใช้เป็นยาแก้ท้องร่วง ท้องเดิน ท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้ปวดท้อง แก้บิด แก้โรคกระเพาะ แก้ลำไส้ใหญ่อักเสบ ยาบำรุงหัวใจ แก้ใจสั่น บำรุงกำหนัด ลดน้ำตาลในเลือด ยารักษาริดสีดวงทวาร ยาแก้ไอ แก้แผลในปาก (ปากเปื่อย ปากแตกเป็นแผล) ยาอายุวัฒนะ มีรสเผ็ดร้อนขม กลิ่นหอมฉุนเฉพาะตัว

ในส่วนของพื้นที่ที่เริ่มคลี่คลายแล้ว การดูแลแก้ปัญหาหลังน้ำท่วมนั้นถือว่าเป็นเรื่องสำคัญและไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะพื้นที่เพาะปลูกพืชไร่-ไม้ผล และประมง

ไม้ผล ยังมีหนทางสว่าง
“กล้วย-มะละกอ” ตัวช่วยน่าสนใจ
สำหรับผู้ที่ถูกน้ำท่วม ไม้ผล ไม้ยืนต้นตาย ต้องขอแสดงความเสียใจด้วยอย่างยิ่ง ไม้ผลบางชนิดกว่าที่จะปลูกให้รอดและให้ผลผลิตได้ ต้องใช้เวลานาน 3-5 ปี

แต่จะทำอย่างไรได้ เมื่อเสียหายไปแล้ว ต้องกลับมาฟื้นกันใหม่ เพราะหากใครมีอาชีพหลักในการปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น จะให้หันไปเลี้ยงกุ้ง คงเป็นเรื่องลำบาก

เรื่องราวของไม้ผลหลังน้ำลด คุณทวีศักดิ์ ด้วงทอง ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมการผลิตไม้ผล กรมส่งเสริมการเกษตร อีกในฐานะหนึ่ง คือที่ปรึกษานิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน มาให้แนวคิดเกี่ยวกับการฟื้นฟูสวนหลังน้ำท่วม ดังต่อไปนี้

กรณีที่ต้นไม้ยังเสียหายไม่หมด

“กรณีของต้นไม้ยังไม่ตาย ดินยังไม่แห้ง อย่าไปเหยียบย่ำที่โคนต้น ขณะเดียวกันก็พยายามหาทางระบายให้น้ำไหลออกให้เร็วที่สุด เมื่อดินแห้งแล้ว ต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ ควรตัดแต่งกิ่งเพื่อป้องกันการคายน้ำมาก จากนั้นให้ปุ๋ยทางใบ เป็นการบำรุงต้น” คุณทวีศักดิ์ ให้คำแนะนำ

“หากพื้นที่ปลูกไม้ยืนต้นเสียหายทั้งหมด ควรรีบหาพืชอายุสั้นเข้าไปปลูก พืชอายุสั้นที่ว่าอายุเก็บเกี่ยวได้หลังปลูก 30-45 วัน เมล็ดพันธุ์มีจำหน่ายทั่วไป หากพอมีทุนก็ซื้อปลูกเอง ทางราชการก็มีงบฯ สนับสนุนบ้าง” คุณทวีศักดิ์ บอก

ในระหว่างที่เริ่มลงไม้ผลหลักที่เคยปลูกอยู่ เป็นต้นว่าเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วง มะพร้าว ส้มโอ ผอ.ทวีศักดิ์ แนะนำว่า ควรจะพิจารณาปลูกไม้ผลอายุสั้นลงในพื้นที่ไปก่อน หรือลงไปพร้อมๆ กัน ไม้ผลอายุสั้นที่ว่าประกอบไปด้วย กล้วย และมะละกอ

หลังปลูก 6-7 เดือน มะละกอสามารถเก็บผลผลิตได้ หากเป็นมะละกอส้มตำเก็บได้เร็วกว่านี้ สำหรับกล้วยปลูกไปแล้ว 8-9 เดือน ก็มีผลผลิต การปลูกพืชผลอายุสั้นอย่างกล้วยและมะละกอ สามารถแซมในระหว่างไม้ผลหลักได้ทันที หรือจะปลูกไปก่อน แล้วปลูกไม้ผลหลักทีหลัง ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

“กล้วย ซื้อหน่อราคาไม่แพง 5-10 บาท เป็นกล้วยน้ำว้าก็ได้ กล้วยหอมทองก็ได้ มะละกอก็ซื้อผลมากิน นำเมล็ดมาเพาะได้เลย หากต้องการขายมะละกอสุกก็ปลูกพันธุ์ฮอลแลนด์ แขกดำ หากมะละกอกินดิบหรือส้มตำก็ปลูกแขกนวล การหาพันธุ์มะละกอไม่ยุ่งยาก ปอกกินเนื้อ นำเมล็ดมาเพาะ 15-20 วัน ก็ปลูกได้แล้ว ส่วนการเลือกหน่อกล้วย ควรเลือกหน่อที่อ้วน ใบแคบ เมื่อนำลงปลูกจะเจริญเติบโตเร็ว หากเป็นหน่อใหญ่ ใบกว้าง เมื่อปลูกควรตัดใบหรือยอดทิ้ง จะเจริญเติบโตเร็ว ต่างจากที่ไม่ตัดจะเจริญเติบโตช้า” ผอ. ทวีศักดิ์ อธิบาย

สำหรับการดูแลรักษานั้น

เมื่อเริ่มปลูก หากมีปุ๋ยอินทรีย์ใส่ให้ก็จะดียิ่ง เหตุที่มีปุ๋ยแล้วดี เพราะหลังน้ำท่วม ดินยังขาดความอุดมสมบูรณ์

เรื่องการรดน้ำก็มีความจำเป็น ถึงแม้จะผ่านเหตุการณ์น้ำท่วมไปแล้วก็ตาม

ส่วนไม้ผลของท้องถิ่น ที่เป็นเอกลักษณ์ กรมส่งเสริมการเกษตร ก็ให้ความสนใจ ซึ่งจะว่ากันหลังน้ำลดไปแล้ว ไม้ผลที่ว่าก็เช่น ทุเรียน จังหวัดนนทบุรี ส้มโอขาวแตงกวา จังหวัดชัยนาท

ผอ. ทวีศักดิ์ บอกว่า เรื่องของทุเรียน อยากทำเป็นต้นแบบออกมา เป็นต้นว่า ทุเรียนเมืองนนท์ ทำไมคุณภาพดี เมื่อมีต้นแบบแล้ว คนท้องถิ่นอาจเกรงว่าจะมีน้ำท่วมซ้ำซาก ก็จะนำต้นแบบไปให้เกษตรกรถิ่นอื่นพิจารณา เช่น นำไปปลูกที่นครนายก ปราจีนบุรี เป็นต้น

“กรมส่งเสริมการเกษตร เตรียมเรื่องของพันธุ์พืชอยู่ส่วนหนึ่ง เมื่อน้ำท่วมได้รับความเสียหาย เกษตรกรคงปลูกไม้แบบเดิมที่เขาเคยปลูก แต่ควรซื้อต้นพันธุ์จากแหล่งที่เชื่อถือได้ ช่วงนี้ ราคาต้นพันธุ์อาจจะแพงพอสมควร เพราะพื้นที่เสียหายมีมาก” ผอ. ทวีศักดิ์ แนะนำ

จากประสบการณ์ที่นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้านพบเห็นมา พืชอีกชนิดหนึ่งที่ควรพิจารณานำเข้าไปปลูกเสริมในระบบสวนคือ “ไผ่” ที่แนะนำตรงนี้ ไม่ได้หมายความว่า เกษตรกรทั่วประเทศต้องหันมาปลูกไผ่กัน แต่อยากนำเสนอไว้เป็นทางเลือก เพราะประโยชน์จากไผ่นั้นมีมากมายมหาศาล หากปลูกไม่มากนัก หน่อใช้ปรุงอาหารได้หลากหลายอย่าง ลำไผ่ใช้ประโยชน์ในการก่อสร้าง

ผู้ที่ศึกษาเรื่องไผ่อย่างจริงจัง แทนที่จะเป็นพืชเสริม อาจจะเป็นอาชีพหลักเลยก็ได้

เกษตรกรที่ลงมือปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น ที่มีอายุ 3-5 ปี จึงจะเก็บผลผลิตได้เป็นกอบเป็นกำ ก่อนที่จะเก็บผลผลิตจากพืชหลักได้ มะละกอและกล้วยช่วยเกษตรกรได้

เรื่องราวที่ ผอ. ทวีศักดิ์ แนะนำมา ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ ผู้อ่านสามารถนำไปปรับใช้ได้ตามสะดวก ปรับปรุงดิน-เพาะกล้า ก่อนลงแปลง
รดน้ำปูนใส เพิ่มความแข็งแรงให้ผัก
สำหรับพืชผักที่ใช้เป็นหลักในการประกอบอาหารนำมาบริโภคในชีวิตประจำวัน หากได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในวงกว้าง ราคาผลผลิตที่จำเป็นต่อการบริโภคย่อมสูงขึ้นตามมูลค่าความเสียหายไปด้วย

มาดูวิธีฟื้นฟูและการปลูกพืชผักหลังน้ำลดกันดีกว่า

คุณอรสา ดิสถาพร ผู้เชี่ยวชาญด้านการส่งเสริมและจัดการการผลิตพืชผัก ไม้ดอกไม้ประดับ และพืชสมุนไพร กรมส่งเสริมการเกษตร แนะเกษตรกรผู้ปลูกผักเป็นอาชีพว่า สิ่งที่ควรคำนึงถึงอันดับแรก คือ น้ำลดแล้วจริงหรือไม่? เพราะผักเป็นพืชรากสั้น หากเกิดภาวะน้ำท่วมซ้ำซากขึ้นมาอีกพืชผักไม่เจริญเติบโตแน่นอน

ถ้าแน่ใจว่าน้ำลดแล้วอย่างแน่นอน การลงมือปลูกพืชผักใหม่ทันทีทำได้ แต่จะทำให้รากเน่า สิ่งที่ควรทำ

1. รอให้ดินแห้งระยะหนึ่งก่อน และไม่ควรย่ำดินขณะที่ดินยังอุ้มน้ำอยู่ เพราะจะทำให้ดินแน่น การปรับปรุงคุณภาพดินทำได้ไม่ดี อีกทั้งดินที่อุ้มน้ำมากจะเป็นดินที่ขาดออกซิเจน ไม่เหมาะสำหรับการปลูกพืช

2. เมื่อดินแห้ง ให้ปรับปรุงดินด้วยอินทรียวัตถุ เช่น ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก

3. ใส่สารชีวภัณฑ์ จำพวกไตรโคเดอร์ม่า ซึ่งเป็นสารกำจัดเชื้อราในดิน ช่วยให้การเจริญเติบโตของพืชผักไม่เกิดปัญหา

ระยะการเตรียมดิน ควรพิจารณาชนิดผักที่ปลูกให้ดี สมัครจีคลับ เพราะบางชนิดไม่สามารถปลูกลงดินได้ทันทีหากดินมีความอุดมสมบูรณ์ไม่เพียงพอ อาจทำให้เกิดปัญหาหลังปลูกได้ “ความเคยชินของเกษตรกรส่วนใหญ่ในการปลูกผักจะหว่านเมล็ดพืชลงดิน แต่ระยะเตรียมดินแนะนำว่า ควรเพาะกล้าหรือปลูกลงแปลงเล็กๆ ไว้ก่อน เพื่อการดูแลที่ง่าย หลังจากดินแห้งจึงย้ายกล้าที่เพาะไว้ลงดิน โอกาสพืชผักเติบโตโดยไม่เกิดปัญหาจะดีกว่า”

หากพบว่า หลังปลูกแล้วอากาศชื้นมาก หรือฝนตก อาจเกิดปัญหา สามารถเพิ่มความแข็งแรงให้กับพืชผักด้วยการรดน้ำปูนใสอีกทาง

คุณอรสา บอกด้วยว่า หากเกษตรกรต้องการผลผลิตในระยะสั้น เพราะเกรงว่าภัยธรรมชาติอาจก่อกวนได้ในระยะเวลาอันใกล้ ควรเลือกปลูกผักที่เก็บเกี่ยวผลผลิตได้เร็ว เช่น ผักบุ้ง ผักกวางตุ้ง ผักคะน้า และผักตระกูลกะหล่ำ เพราะผักเหล่านี้เก็บจำหน่ายได้ตั้งแต่ยังเป็นต้นกล้า เพียงเท่านี้ก็หมดข้อกังวลสำหรับผู้ปลูกพืชผัก ทั้งเกษตรกรผู้ผลิตและการปลูกไว้รับประทานเองหลังน้ำลด

สถานการณ์น้ำท่วม ได้สร้างความเสียหายกับหลากหลายอาชีพ หนึ่งในนั้นคือ อาชีพประมง ซึ่งเป็นอาชีพที่ใช้น้ำเป็นปัจจัยหลักในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ต่างก็ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยครั้งนี้ และเมื่ออุทกภัยได้ผ่านพ้นไป คงเหลือไว้แต่ปัญหาที่เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงต้องหาทางแก้ไขและฟื้นฟูอาชีพของตนเอง

คุณอ้อมเดือน มีจุ้ย นักวิชาการประมงชำนาญการ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดกาญจนบุรี มีคำแนะนำเกี่ยวกับการฟื้นฟูอาชีพประมงหลังน้ำลด (การเพาะเลี้ยงปลาในกระชัง ในบ่อดิน) ให้กับเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงได้นำไปปฏิบัติ

การเลี้ยงปลาในกระชัง ส่วนใหญ่แล้วจะนิยมเลี้ยงกันบริเวณริมฝั่งแม่น้ำ ริมบึง ริมคลอง การเลี้ยงปลาลักษณะนี้มักจะได้รับความเสียหายน้อยกว่าการเลี้ยงในบ่อดิน เนื่องจากกระชังที่ใช้เพาะเลี้ยงนั้นจะสามารถลอยตัวขึ้น-ลง ตามระดับน้ำได้ ทำให้ช่วยลดการสูญเสีย