ขณะที่ลูกค้าหลายรายที่มาซื้อ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า

ร้านพี่เสริฐ เป็นร้านขวัญใจคนจนจริงๆ เพราะขายของคุณภาพดี ราคาถูก เฉพาะที่จอดอยู่ในซอยชนโค ต.อรัญญิก อ.เมือง ในช่วงเวลา 06.00-09.00 น. ก็มีลูกค้าขาประจำมาอุดหนุนไม่ขาดสาย หลายคนมาอุดหนุนมาซื้อเป็นอาหารเช้า หลายคนก็มาซื้อทำบุญใส่บาตรพระ

สกว.จับมือ กยท. โชว์ผลงานวิจัยเด่นในการประชุมวิชาการยางพา รองนายกฯ ประจิน จั่นตอง ตั้งเป้าภายใน 3-5 ปี ไทยจะเป็นมหาอำนาจด้านยางพารา หวังทุกฝ่ายผนึกกำลังกันแก้ปัญหาคอขวด และเพิ่มการแปรรูปให้เกิดมูลค่าตลอดห่วงโซ่ เพิ่มเป็น ร้อยละ 40

30 เมษายน 2561-พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการ “การผลักดันผลงานวิจัยยางพาราสู่การใช้ประโยชน์” ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ จัดโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เพื่อสร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยีให้มีความสามารถในการแข่งขันและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมยางพารา อีกทั้งประชาสัมพันธ์งานวิจัย สร้างเครือข่ายวิจัยและบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน เชื่อมโยงผลงานวิจัยให้เกิดการจับคู่ธุรกิจเพื่อทำให้เกิดเครือข่ายห่วงโซ่มูลค่าของอุตสาหกรรมยางพาราในประเทศไทย เพิ่มปริมาณการใช้ยางพารา รวมถึงส่งเสริมและเผยแพร่ผลงานวิจัยด้านมาตรฐานยางพารา ผลักดันให้มีการนำผลงานวิจัยด้านยางพาราไปใช้ประโยชน์ในหลายมิติ โดยเฉพาะเชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างการปาฐกถาพิเศษว่า ทำอย่างไร ให้สัดส่วนการแปรรูปยางพาราเพิ่มขึ้นโดยผู้ประกอบการในประเทศ ผสมผสานเทคโนโลยีจากต่างประเทศและในประเทศ ทั้งระดับชุมชน พื้นที่ มหาวิทยาลัย จนถึง คอบช. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลัก เพื่อเพิ่มมูลค่าการใช้ยางพาราจากที่มีอยู่เพียงร้อยละ 20 คิดเป็นมูลค่า 4.5 แสนล้านบาท ให้เพิ่มเป็นร้อยละ 40 ปรับปรุงวัตถุดิบให้มีคุณค่ามากขึ้น มีวิธีการกรีด การเก็บ และการแพ็คส่งขายเพื่อแปรรูปเป็นสินค้าต่าง ๆ รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ และเพื่อการส่งออกต่างประเทศ เพื่อทำให้เกิดการจ้างงานและรายได้แก่เกษตรกร ชุมชน ไปจนถึงรัฐบาล อย่างไรก็ตามงานวิจัยที่ได้ทำมาเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างช้า ปัญหาจึงยังคงตกกับเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา และปลูกพืชตัวอื่นเสริมเพื่อสร้างรายได้

“เราต้องผนึกกำลังแก้ปัญหาคอขวด ทั้งเรื่องการลงทุน ความเชื่อมั่น ความปลอดภัยในพื้นที่ ให้เกิดเป็น “Rubber city” และสร้างความคุ้มค่าในการลงทุน ในปี 2561 เป็นต้นไป จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัย นำผลงานไปใช้ประโยชน์ตลอดห่วงโซ่ แก้ปัญหาความผันผวนเรื่องราคาและขาดเสถียรภาพ รวมถึงการเติบโตของประเทศคู่แข่ง ซึ่ง กยท. และทุกหน่วยงานต่างทราบปัญหาดี สร้างมูลค่าเพิ่ม

คุณภาพของผลิตภัณฑ์ดีขึ้นและปลอดภัย เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นแก่ผู้ใช้ทั้งประชาชนและกองทัพ การประชุมครั้งนี้เชื่อมั่นว่าจะสามารถเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนทิศทางที่จะนำไปสู่การผลักดันต่อยอดให้เกิดการใช้ประโยชน์ที่สอดรับกับความต้องการใช้งาน ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจและมั่นคง เสริมด้วยนโยบายภาครัฐและทุนต่างๆ รัฐบาลจะช่วยหาตลาดทั้งในส่วนราชการ เช่น ที่นอนของผู้ต้องหาในเรือนจำ การใช้ประโยชน์สาธารณะ เช่น พื้นลู่วิ่ง ลู่จักรยาน สวนสาธารณะ ตลอดจนสร้างคุณค่าทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ ซึ่งเชื่อว่าภายใน 3-5 ปี ทิศทางของยางพาราไทยจะเปลี่ยนไปและเป็นมหาอำนาจอย่างแท้จริง

ตัวอย่างงานวิจัยภายใต้การสนับสนุนของ สกว. ที่ส่งผลให้ราคายางมีเสถียรภาพเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน คือ “วัสดุเทอร์โพพลาสติกผสมยางธรรมชาติสำหรับทาเครื่องหมายบนผิวทาง” ซึ่งมี ผศ.อนุวัตร วอลี คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยฟาฏอนี เป็นหัวหน้าโครงการ โดยคาดว่าจะช่วยเพิ่มการใช้ยางธรรมชาติได้ปีละ 4 พันตัน ทั้งนี้ประเทศไทยนิยมใช้วัสดุเทอร์โมพลาสติกในการตีเส้นจราจรมากว่าสีจราจร เนื่องจากใช้งานง่าย สะดวก และมีประสิทธิภาพสูงกว่า แต่จุดด้อย คือ มีค่าอุณหภูมิคล้ายแก้วสูง

จึงมีความยืดหยุ่นต่ำ มีความสามารถในการยึดเกาะต่ำ และไม่ทนต่อการสึกหรอ นักวัยจึงนำยางธรรมชาติมาเตรียมให้อยู่ในรูปพอลิเมอร์เบลนด์เพื่อใช้เป็นสารยึดเกาะ เตรียมเป็นวัสดุเทอร์โมพลาสติกสำหรับทาเครื่องหมายบนผิวทาง ซึ่งมีจุดเด่นทนต่อแรงกระแทก ยึดเกาะกับพื้นผิวและความทนต่อการสึกหรอที่ดีเยี่ยม สามารถนำไปหลอมเพื่อใช้ตีเส้นจราจรได้ง่าย และสะดวก ทั้งนี้ นักวิจัยสามารถผสมยางธรรมชาติแทนที่เรซินได้สูงสุดถึงร้อยละ 15 โดยน้ำหนัก และมียางธรรมชาติผสมประมาณ ร้อยละ 3 โดยน้ำหนัก เมื่อคำนวณด้านต้นทุนวัตถุดิบพบว่าไม่แพงมากเมื่อเปรียบเทียบกับวัสดุทางการค้า จึงมีโอกาสที่จะนำไปแปรรูปและจำหน่ายจริงจึงมีความเป็นไปได้สูงและมีความน่าสนใจมาก เพราะช่วยเพิ่มช่องทางใหม่ในการนำยางธรรมชาติไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยหากใช้วัสดุนี้ในทุกเส้นทางในประเทศจะช่วยลดการนำเข้าวัตถุดิบเรซินจากจีนได้เกือบ 4 พันตัน/ปี

ขณะที่ ดร.เจริญชัย ฤทธิรุทธ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น เผยถึงงานวิจัย “จีโอโพลิเมอร์คอนกรีตก่อตัวเร็วผสมน้ำยางพาราสำหรับงานผิวทางคอนกรีต” ว่าถนนคอนกรีตมีความคงทนกว่าถนนยางมะตอย แต่ยิ่งมีปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์มากเท่าใดยิ่งส่งผลให้เกิดมลพิษทางอากาศมากขึ้น โดยกระบวนการผลิตปูนซิเมนต์ 1 ตัน จะผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา 1 ตันเช่นกัน นอกจากนี้วัสดุตั้งต้นที่ได้มาจากธรรมชาติเกิดจากการขุดเจาะและระเบิดภูเขาหรือขุดเมือง ส่งผลให้ระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมเสียและหมดไป นักวิจัยจึงใช้สารซีเมนต์ประเภทใหม่ที่ปราศจากการใช้ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ โดยใช้วัสดุเหลือทิ้งจากกระบวนการทางอุตสาหกรรม 100% และนำน้ำยางพารามาผสมในจีโอโพลิเมอร์คอนกรีตเพื่อเพิ่มคุณสมบัติให้ดีขึ้น เช่น กำลังรับแรงอัดของคอนกรีตเพิ่มความยืดหยุ่นตัวของคอนกรีตและทำให้คอนกรีตสามารถคงทนต่อการขัดสีได้สูงขึ้น

คอนกรีตชนิดใหม่ที่สังเคราะห์ขึ้นนี้ยังก่อตัวหรือให้กำลังที่รวดเร็ว โดยผู้ทำงานสามารถเหยียบหรือนำรถขนาดเล็กวิ่งบนผิวคอนกรีตได้ในเวลา 30 นาทีหลังจากผสม จึงเปิดช่องทางจราจรได้รวดเร็วกว่าคอนกรีตปกติ โดยการผลิตถนนคอนกรีตที่ความหนา 15 เซนติเมตร ความกว้าง 4-6 เมตร จะใช้น้ำยางพาราข้น 60% ประมาณ 2.2-2.5 ตันต่อหนึ่งกิโลเมตร และเมื่อเปรียบเทียบงานวิจัยกับมาตรฐานพบว่าคุณสมบัติทางกลมีค่าผ่านมาตรฐานของกรมทางหลวงชนบทและกรมทางหลวงทุกคุณสมบัติ แต่ก็ยังมีงบประมาณในการก่อสร้างสูงกว่าคอนกรีตทั่วไปอยู่ประมาณเท่าตัว เนื่องจากยังอยู่ในการใช้งานในระดับห้องปฏิบัติการ หากสามารถต่อยอดไปสู่การใช้งานในระดับการค้าแล้วจะสามารถลดราคาการผลิตได้เป็นอย่างมาก โดยมีราคาถูกกว่าคอนกรีตที่นำเข้าจากต่างประเทศถึงร้อยเท่า

ส่วน “การพัฒนาเนื้อดินและเคลือบสำหรับทำแบบพิมพ์เซรามิกขึ้นรูปถุงมือยาง” นั้น ดร.อนุชา วรรณก้อน ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญของอุตสาหกรรมแปรรูปยางพาราเป็นถุงมือยาง คือ แบบพิมพ์ที่ใช้ในการขึ้นรูปส่วนใหญ่เป็นแบบพิมพ์เซรามิกที่นำเข้า หรืออาศัยเทคโนโลยีการผลิตจากต่างประเทศ ซึ่งจะต้องมีคุณสมบัติทนต่อกรดด่างและการแตกร้าวจากการเปลี่ยนอุณหภูมิอย่างฉับพลัน จึงต้องอาศัยความรู้ในการผลิตเนื้อดินและเคลือบ ตลอดจนการออกแบบแม่พิมพ์ที่เหมาะสม

ผู้ประกอบการเซรามิกในประเทศส่วนใหญ่ไม่สามารถทำได้ เพราะขาดองค์ความรู้ และเทคโนโลยีที่จะใช้ในการผลิต นักวิจัยนี้จึงได้พัฒนาสูตรเนื้อดินและเคลือบโดยใช้วัตถุดิบในประเทศ โดยนำไปขึ้นรูปด้วยวิธีการหล่อ วิธีการลดอุณหภูมิการเผา และวิธีการวิเคราะห์ทดสอบคุณสมบัติ รวมถึงวิธีการออกแบบและทำแม่พิมพ์ปูนปลาสเตอร์สำหรับการหล่อขึ้นรูปแบบพิมพ์รูปถุงมือ เพื่อทำเป็นต้นแบบในระดับห้องปฏิบัติการ ก่อนขยายสเกลการผลิตเป็นระดับภาคสนามและทดลองใช้งานจริง องค์ความรู้ทั้งหมดที่จะเป็นข้อมูลที่เปิดเผยให้ผู้ประกอบการเซรามิกในประเทศที่มีความสนใจจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่นำไปแนวทางในการผลิต

และสามารถประยุกต์ใช้เพื่อให้มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง มีรูปแบบที่หลากหลาย ตลอดจนมีคุณสมบัติ เช่น ความทนทานต่อสารเคมีมากขึ้น การลดน้ำหนักให้เบาลงเพื่อลดภาระของเครื่องจักรในการผลิตถุงมือยางและต้นทุนด้านพลังงาน เป็นต้น ซึ่งจะตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดี โครงการวิจัยนี้จึงช่วยพัฒนาห่วงโซ่ของการผลิตในกระบวนอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางให้เข้มแข็ง อีกทั้งส่งเสริมขีดความสามารถและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของอุตสาหกรรมยางของไทยในตลาดโลกได้

อีกหนึ่งงานวิจัยเด่นในปีนี้คือ “การพัฒนาวัสดุเชิงประกอบยางพาราและขี้เลื่อยไม้ยางพาราสำหรับผลิตของเล่นเด็ก” ซึ่งมี ผศ.ดร.ชาตรี หอมเขียว คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย เป็นหัวหน้าโครงการ ที่มีแนวคิดสร้างจุดขายและจุดเด่นผลิตภัณฑ์ของเล่นเด็กร่วมกับบริษัทผู้ผลิตของเล่นเด็กโดยใช้วัตถุดิบที่ได้มาจากต้นยางพารา จึงได้วิจัยและพัฒนาวัสดุเทอร์โมพลาสติกอีลาสโทเมอร์เสริมแรงด้วยขี้เลื่อยไม้ยางพาราเป็นของเล่นเด็ก จนได้ผลิตภัณฑ์ต้นแบบ จำนวน 2 ผลิตภัณฑ์ เนื่องจากปัจจุบัน

บริษัทฯ ใช้ไม้ยางพารา (solid wood) เป็นวัตถุดิบ ซึ่งมีความสามารถการดูดซับน้ำที่สูง ทำให้มีข้อจำกัดไม่สามารถผลิตเป็นของเล่นเด็กที่เล่นในน้ำได้ ดังนั้นวัสดุชนิดใหม่ที่พัฒนาขึ้นมานี้จะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ และยังปราศจากสารเคมีเจือปน จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัย อีกทั้งมีผิวสัมผัสที่นุ่มมือ ไม่แข็งกระด้าง ส่วนการใช้วัสดุขี้เลื่อยไม้ยางพารานับเป็นการส่งเสริมและเพิ่มมูลค่าให้แก่วัสดุเหลือใช้ที่เกิดขึ้นจากการแปรรูปของเล่นเด็กจากไม้ยางพาราอีกด้วย โดยรองนายกรัฐมนตรีได้แนะนำให้เพิ่มการผลิตในรูปแบบของเลโก้ ซึ่งเด็กๆ นิยมเล่นด้วย

กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานลักษณะอากาศทั่วไป โดยพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า บริเวณภาคเหนือมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณภาคเหนือระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ปกคลุมอ่าวมะตะบัน จะเคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศเมียนมา และภาคเหนือในวันนี้ (2 พ.ค. 61) ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง อนึ่ง ในช่วงวันที่ 3-4 พฤษภาคม 2561 บริเวณความกดอากาศสูงได้แผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศจีนตอนใต้แล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ตอนบนในวันพรุ่งนี้ (3 พ.ค. 61) ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนเข้ามาปกคลุมภาคเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 12:00 วันนี้ ถึง 12:00 วันพรุ่งนี้
ภาคเหนือ มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักหลายพื้นที บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร สุโขทัย กำแพงเพชร และตาก อุณหภูมิต่ำสุด 21-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภู หนองคาย อุดรธานี ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคกลาง มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดระนองขึ้นมา : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดกระบี่ลงไป : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

วันที่ 2 พ.ค. เกษตรกรชาวสวนปาล์ม ในพื้นที่ ม.8 ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี เนื่องจากขณะนี้ราคาปาล์มค่อนข้างตกต่ำ ทำให้ไม่พอต่อการใช้จ่ายของครอบครัว จึงหันมาปลูกต้นหน้าวัวในสวนปาล์มน้ำมัน เพื่อสร้างรายได้เสริม เฉลี่ยได้รายรับเดือนละ 3-4 หมื่นบาท

นายวรวิทิต สมภัทดิ์ อายุ 43 ปี เจ้าของสวน กล่าวว่า ในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำมาอย่างต่อเนื่องและมีทีท่าว่าราคาจะไม่ขยับเพิ่มขึ้น ดังนั้น เพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้กับครอบครัว ตนจึงได้นำเอาสวนปาล์มน้ำมันของบิดา จำนวน 31 ไร่ มาจัดสรรโดยแบ่งพื้นที่ปลูกพริกไทย ปลูกสับปะรด และทำเป็นคอกเลี้ยงหมู แล้วนำเอาขี้หมูมาผสมกับขี้เลื่อยเพื่อทำปุ๋ยจุลินทรีย์ ใช้ภายในสวนปาล์ม หากเหลือก็จำหน่ายให้กับเกษตรกรที่สนใจนำไปใส่พืชชนิดต่างๆ เพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิต

นายวรวิทิต กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ตนยังจัดสรรพื้นที่ จำนวน 2 ไร่ สำหรับปลูกต้นหน้าวัวเพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้าทั้งในพื้นที่และต่างจังหวัด ราคาดอกละ 6-12 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดของดอก ซึ่งสร้างรายได้ให้กับครอบครัวเดือนละ 30,000-35,000 บาท ขณะที่ราคาปาล์มน้ำมัน กิโลกรัมละ 2.60-2.80 บาท หากเมื่อเปรียบพื้นที่ จำนวน 2 ไร่ กับการปลูกปาล์มใน 1 เดือน การจำหน่ายดอกหน้าวัวจะมีรายได้ที่ดีกว่า

โดยดอกหน้าวัวที่ปลูกประกอบด้วยพันธุ์ ส้มบัญชา พันธุ์ขาวแอ่งเฉิน พันธุ์ชมพูอ่อนแม็กซิม่า และพันธุ์เขียวพิกคาเจ้ เป็นดอกหน้าวัวทดลองปลูก ใช้เปลือกมะพร้าวและขุยมะพร้าวมาเป็นฐานในการปลูกเพื่อลดต้นทุน อีกทั้งสามารถกักเก็บน้ำไว้ได้นานกว่าวัสดุชนิดอื่น อีกทั้งได้ร่มของต้มปาล์มที่มีอายุมากมาช่วยในการปกคลุมเพื่อป้องกันแดดได้เป็นอย่างดี ทำให้ดอกมีสีสวยและงดงามเป็นที่ต้องการของลูกค้า

วันที่ 2 พฤษภาคม 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ควีน โฟรเซ่น ฟุต จำกัด ทำหนังสือเชิญสื่อมวลชนร่วมงานเซ็นสัญญา เอ็มโอยู กับ JD.com (บริษัทในเครือ Beijing Jingdong century Trade) โดยระบุว่าเป็นงานเซ็นสัญญา MOU การค้าขายสั่งซื้อทุเรียนและผลไม้ไทย จำนวนมหาศาลสู่ประเทศจีนและการร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อขายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ ระหว่าง JD.com ยักษ์ใหญ่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซของประเทศจีน คู่แข่งรายสำคัญของ อาลีบาบา กับ บริษัท ควีน โฟรเซ่นฟุต จำกัด โดย คุณกาญจนา แย้มพราย ประธานกรรมการผู้ประกอบธุรกิจผลไม้ส่งออกรายใหญ่ของไทย ในวันพุธที่ 2 พฤษภาคม 2561 เวลา 11.30 น. ณ บริษัท ควีน โฟรเซ่น ฟรุต จำกัด ตลาดไท จ.ปทุมธานี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ JD.com Jd.com ก่อตั้งโดย “ริชาร์ด หลิว” หรือ หลิว เชียงตง ในปี 1988 เริ่มจากการเป็นร้านขายอุปกรณ์ ไอที ในย่านจงกวานซุนของปักกิ่ง ก่อนที่จุดพลิกผันจะเกิดขึ้นในปี 2003 ที่เกิดเหตุโรคซาร์สระบาดในเอเชีย ทำให้หลิวตัดสินใจก่อตั้งร้านค้าออนไลน์ jdlaser.com ในปี 2004 และนี่จุดเริ่มต้นของอีคอมเมิร์ซจีนที่ได้ชื่อว่า “อะเมซอนแห่งจีน” (ตัวจริง) นักวิเคราะห์หลายเสียงเปรียบ JD.com ว่าคือ Amazon.com เพราะ JD.com มีการลงทุนโครงข่ายโลจิสติกส์จำนวนมหาศาล ทั้งศูนย์กระจายสินค้าในจีนกว่า 6,900 แห่ง และพนักงานส่งสินค้ากว่า 7 หมื่นคน (จากพนักงานราว 120,000 คน) รวมถึงการจัดแพ็กเกจ ตลอดการสต๊อกสินค้าด้วยตัวเอง ทำให้สามารถส่งด่วนภายใน 1 วัน ได้เหมือนอะเมซอนใน 43 เมืองใหญ่ของจีน ทั้งมั่นใจได้ว่า สามารถส่งมอบสินค้าคุณภาพและของแท้ให้แก่ลูกค้า ซึ่งแตกต่างจากอาลีบาบา ที่เป็นอีคอมเมิร์ซในลักษณะของมาร์เก็ตเพลซที่ให้ผู้ค้ารายย่อยเข้ามาใช้เป็นช่องทางขายสินค้า

ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

เรื่อง ผลการคัดเลือกเกษตรกร สถาบันเกษตรกร และสหกรณ์ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2561 ด้วยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดดำเนินการคัดเลือกเกษตรกร สถาบันเกษตรกร และสหกรณ์ที่มีผลงานดีเด่น สาขาอาชีพ/ประเภทที่กำหนดเป็นเกษตรกร สถาบันเกษตรกรและสหกรณ์ดีเด่นแห่งชาติ เพื่อยกย่องประกาศเกียรติคุณและเผยแพร่ผลงานดีเด่นของเกษตรกร สถาบันเกษตรกร และสหกรณ์ดังกล่าว ให้สาธารณชนทั่วไปได้รู้จักและยึดถือเป็นแบบอย่างแนวทางในการปฏิบัติงาน ซึ่งจะก่อให้เกิดผลดีต่อประเทศโดยรวมในอนาคต ทั้งนี้ เกษตรกร สถาบันเกษตรกร และสหกรณ์ดีเด่นแห่งชาติ ที่ได้รับการคัดเลือก จะเข้ารับพระราชทานโล่รางวัลในงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ประจำปี พ.ศ. 2561 ณ พลับพลาที่ประทับมณฑลพิธีท้องสนามหลวง

บัดนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้พิจารณาคัดเลือกเกษตรกร สถาบันเกษตรกร และสหกรณ์ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2561 เสร็จเรียบร้อยแล้ว ดังรายนามต่อไปนี้

เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2561

อาชีพทำนา ได้แก่ นายชัชวาลย์ ท้าวมะลิ บ้านเลขที่ 102 หมู่ที่ 7 ตำบลเชียงเพ็ง อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี โทรศัพท์ (086) 221-4393
อาชีพทำสวน ได้แก่ นายธีรภัทร อุ่นใจ บ้านเลขที่ 3/6 หมู่ที่ 8 ตำบลตะเคียนทอง อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี โทรศัพท์ (097) 068-1971
อาชีพทำไร่ ได้แก่ นางทองแดง แดนดี บ้านเลขที่ 72 หมู่ที่ 5 ตำบลหนองกี่ อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ โทรศัพท์ (081) 966-0363
อาชีพไร่นาสวนผสม ได้แก่ นายใจ สุวรรณกิจ บ้านเลขที่ 224 หมู่ที่ 2 ตำบลฝาละมี อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง โทรศัพท์ (083) 537-1313
อาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ได้แก่ นางกุลกนก เพชรเลิศ บ้านเลขที่ 12 หมู่ที่ 2 ตำบลสนวน อำเภอห้วยราช จังหวัดบุรีรัมย์ โทรศัพท์ (087) 452-8277

อาชีพเลี้ยงสัตว์ ได้แก่ นายมูฮำมัดกาแมล เจะมะ บ้านเลขที่ 17 หมู่ที่ 6 ตำบลปะลุกาสาเมาะ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส โทรศัพท์ (080) 705-7375
อาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด ได้แก่ นายอดิศัย ว่องไวไพโรจน์ บ้านเลขที่ 92 หมู่ที่ 10 ตำบลหลุมรัง อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี โทรศัพท์ (081) 763-3357
อาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำกร่อย ได้แก่ นายวศิน ธนภิรมณ์ บ้านเลขที่ 104/5 หมู่ที่ 1 ตำบลตุยง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี โทรศัพท์ (089) 876-4610