คลองบางกล่ำ เป็นคลองที่เป็นเสมือนคลองสายหลักของอำเภอ

ยาวไปเชื่อมต่อกับทะเลสาบสงขลา มีช่วงเวลาน้ำขึ้นน้ำลง มีความเค็มของน้ำทะเลเจือจางเป็นน้ำกร่อยผ่านคลองเข้ามา เมื่อก่อนทุกครั้งที่มีการขุดลอกคลอง ดินจากการขุดคลองก็นำขึ้นมาถมไว้ภายในสวน และดินนั้นเป็นดินเหนียวสีดำที่ดีมาก มีแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์อยู่ในดิน

ต้นละมุดเก่าแก่ราว 130 ปี มีเพียงต้นเดียว ในพื้นที่ 2 ไร่ รวมที่พักอาศัยด้วยแล้ว ยังมีละมุดอายุประมาณ 70 ปี อีกหลายต้น รวมทั้งสวนพื้นที่ 2 ไร่ มีละมุดประมาณ 45 ต้น ระยะปลูก 10×10 เมตร

คุณจู้ฮ่อง บอกว่า ละมุด เป็นพืชที่ดูแลง่าย ที่ผ่านมาเคยเกิดกรณีน้ำท่วม มีภาวะแล้ง ละมุดก็ยังไม่ตาย แค่ชะลอการเจริญเติบโตไปบ้างเท่านั้น แต่เมื่อกลับสู่สภาพปกติ ละมุดก็เจริญเติบโตดี ซึ่งนอกจากดินดีแล้ว เชื่อว่าเป็นเพราะสายพันธุ์ที่นำมาปลูกเป็นสายพันธุ์ที่ดีด้วย

การให้น้ำ หากสภาพอากาศปกติ ไม่จำเป็นต้องให้ ยกเว้นเกิดสภาวะแล้งต่อเนื่องนานมาก จึงให้น้ำ เพราะละมุดเป็นพืชที่มีเปลือกหนา และเก็บน้ำไว้ที่เปลือก ซึ่งเป็นธรรมชาติของต้นละมุดเอง

การให้ปุ๋ย ภายในสวนปราศจากสารเคมีปะปน เพราะทุกครั้งที่ให้ปุ๋ย คุณจำเนียน จะให้ปุ๋ยรอบโคนต้น และไม่กำหนดระยะเวลาการให้ ขึ้นกับความสะดวกของผู้ปลูก โดยทั่วไป ประมาณ 2-3 เดือน ต่อครั้ง และใช้ปุ๋ยขี้วัวหรือปุ๋ยขี้ไก่ ตามความสะดวกที่หาได้ในละแวกใกล้เคียงเช่นกัน

หลังลงปลูก ประมาณ 5 ปี ละมุดจะเริ่มให้ผลผลิต

ผลผลิตจะออกเต็มต้น เก็บไปจำหน่ายได้ในช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน และอีกช่วงในเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม

“ผลผลิตละมุดจะมากที่สุดในช่วงเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน แต่หลังจากนั้นอาจเก็บได้เรื่อยๆ เพียงแต่ไม่มากเหมือนในฤดู หรือในบางปีที่สภาพอากาศดี น้ำดี มีผลผลิตให้เก็บขายได้ต่อเนื่องมาอีกหลายเดือน บางปีเก็บผลผลิตครั้งละมากๆ ได้ถึง 2 รอบ”

เมื่อถามถึงโรคและแมลงศัตรูพืช คุณจู้ฮ่อง ยืนยันว่า ละมุดเป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีด้วยตนเองในธรรมชาติอยู่แล้ว ดังนั้น โรคและแมลงศัตรูพืชจึงพบน้อย ที่ผ่านมาพบด้วงกัดยอด ทำให้เจริญเติบโต้ช้า และกินผล เมื่อผลมีขนาดใหญ่ แต่ด้วยการจัดการภายในสวนไม่ได้ใช้สารเคมี จึงใช้วิธีกำจัดแบบธรรมชาติ เมื่อพบด้วงกัดยอดและฝังตัวเข้าไปในลำต้น จะใช้ยาเส้นใส่เข้าไปในรูที่พบ อัดให้แน่น ก็เป็นการทำลายด้วงหรือแมลงที่เข้ามาทำลายละมุดได้อย่างดี

คุณจู้ฮ่อง เปรียบเทียบขนาดของละมุดภายในสวนที่เก็บได้ว่ามีขนาดใหญ่กว่าสวนอื่น น้ำหนักที่เคยเก็บได้อยู่ที่จำนวน 4-5 ผล ต่อกิโลกรัม หรือให้เห็นภาพชัดๆ ก็ขนาดเกือบเท่าผลส้มโชกุน ซึ่งขนาดผลมีผลต่อราคาซื้อขาย เช่น ขนาดใหญ่ 4-5 ผล ต่อกิโลกรัม ขายหน้าสวน ราคากิโลกรัมละ 100 บาท แต่ถ้าขนาดเล็กลงตามลำดับ ก็ขายในราคาหน้าสวน 40 บาท ต่อกิโลกรัม และ 60 บาท ต่อกิโลกรัม ซึ่งนอกเหนือจากน้ำหนักผลที่มากแล้ว เนื้อละมุดมีความเนียนมาก ทั้งยังหวานหอมอีกด้วย

ต้นละมุด ก็เหมือนกับไม้ผลชนิดอื่น เมื่ออายุต้นมากขึ้น ผลผลิตที่ได้จะมากขึ้นด้วย โดยคุณจำเนียนบอกว่า ละมุดแต่ละต้นให้ผลผลิตไม่น้อย เก็บได้แต่ละฤดูกาล ต้นละ 150-200 กิโลกรัม ทีเดียว

ในอดีต คุณจู้ฮ่อง นำผลผลิตที่ได้ขึ้นรถโดยสารประจำทางไปขายยังตัวอำเภอหาดใหญ่ แต่ปัจจุบัน ละมุดบางกล่ำเป็นที่รู้จัก ทำให้ไม่ต้องนำไปขายด้วยตนเอง มีลูกค้ามาซื้อถึงบ้าน ในราคาที่ไม่ต่ำไปกว่าที่ต้องการเลย

แม้จะเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคและตลาดเปิดกว้างสำหรับละมุดบางกล่ำ แต่การขยายพื้นที่ปลูกละมุดของคุณจู้ฮ่องและคุณจำเนียนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย จากการสอบถามทราบว่า ต้นละมุดแต่ละต้นอายุไม่น้อย การขยายพันธุ์จึงทำได้ยาก วิธีที่สามารถทำได้มีเพียงวิธีเดียวคือ การทาบกิ่ง ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญของเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเกษตร เพราะคุณจู้ฮ่องและคุณจำเนียนเคยทำก็ไม่ประสบความสำเร็จ

คุณอนุชา ยาอีด หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศ สำนักงานเกษตรจังหวัดสงขลา อธิบายว่า พื้นที่ปลูกละมุดเดิมมีมาก แต่เมื่อความเจริญเข้าถึง รวมถึงการส่งเสริมการปลูกพืชชนิดอื่นร่วมด้วย ทำให้เกษตรกรบางรายเห็นการเติบโตทางเศรษฐกิจของพืชอื่น จึงโค่นละมุดแล้วปลูกพืชอื่นแทน ทำให้จำนวนสวนลดน้อยลงในทุกปี

คุณสมโภช นันทวงศ์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงนิเวศไม้ผลบางกล่ำ กล่าวว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงนิเวศไม้ผลบางกล่ำ ก่อตั้งขึ้นมาเป็นเวลากว่า 2 ปี เป็นการรวมตัวของเกษตรกรในพื้นที่ตำบลบางกล่ำ 40 ราย พื้นที่ปลูกผลไม้กว่า 100 ไร่ เช่น ละมุด มังคุด กระท้อน และผักพื้นเมือง ซึ่อตำบลบางกล่ำมีจุดเด่นในการดูแลสวนโดยไม่ใช้สารเคมี และการรวมกลุ่มกันของเกษตรกร มีวัตถุประสงค์เพื่อสะดวกต่อการขอสนับสนุนงบประมาณส่งเสริมและสนับสนุนเกษตรกรชาวสวนในการปรับปรุงสวนและดูแลผลผลิต นอกจากนี้ ยังใช้เวลาว่างในการแปรรูปผลไม้ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตที่ได้ เช่น ละมุดผลเล็ก หากขายสดราคากิโลกรัมละ 20 บาท เมื่อนำมาแปรรูปเป็น ละมุดลอยแก้ว หรือสวาลอยแก้ว จำหน่ายได้ราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 100 บาท โดยใช้ผลละมุดเพียง 1-2 ผล เท่านั้น

ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงนิเวศไม้ผลบางกล่ำ กล่าวอีกว่า กลุ่มยินดีให้คำแนะนำในการเที่ยวชมสวนผลไม้ของเกษตรกรในพื้นที่ โดยเฉพาะการให้ความรู้เกี่ยวกับการขยายพันธุ์ละมุดบางกล่ำ ซึ่งเป็นไม้ผลที่ขึ้นชื่อของอำเภอ ทั้งนี้ มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวสวนผลไม้ในพื้นที่บางกล่ำ โดยเปิดตลาดน้ำประชารัฐบางกล่ำ วัดบางหยี หมู่ที่ 4 ตำบลบางกล่ำ อำเภอบางกล่ำ รองรับนักท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 2560 และจะเปิดเป็นประจำทุกวันเสาร์เท่านั้น

ถังเช่า เป็นสมุนไพรที่หลายท่านนิยมรับประทานเป็นอาหารเสริมสุขภาพ เนื่องจากมีสารออกฤทธิ์ที่สำคัญที่มีคุณค่ามากมาย อาทิ ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดระดับน้ำตาลในเลือด มีฤทธิ์บำรุงไต เพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของโลหิต ปรับสมดุลในร่างกาย และอื่นๆ

จากหลากหลายสรรพคุณนี้เอง จึงทำให้ถังเช่ามีราคาแพงมาก ถังเช่าหรืออาจจะเรียกว่าหญ้าหนอน ในธรรมชาติเชื้อเห็ดกลุ่มนี้เป็นเชื้อราที่เจริญเติบโตภายในตัวแมลง โดยสร้างเส้นใยรวมตัวกันเกิดเป็นดอกเห็ด ชาวทิเบตเรียก ชูคาบู ชาวจีนเรียก ชูเช่า หรือ ตังถังเช่า ชาวทิเบตใช้เป็นสมุนไพรตำรับทิเบต แก้ไตบกพร่อง บำรุงกำลังในช่วงพักฟื้นไข้

การเพาะเห็ดถังเช่าด้วยการใช้ดักแด้ไหม เริ่มศึกษาวิจัยมาตั้งแต่ปลายปี 2558 กรมหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ โดย คุณวิโรจน์ แก้วเรือง ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ไหม กรมหม่อนไหม และ ผช.ดร. รวิวรรณ วงศ์ภูมิชัย ภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ด้วยเหตุผลที่ว่า ดักแด้ไหมไทยเป็นแหล่งธาตุอาหารโปรตีนที่อาจนำมาใช้เสริมอาหารโปรตีนจากสัตว์และพืชที่เป็นอาหารได้ อีกทั้งดักแด้ของไหมนั้นคนไทยใช้บริโภคเป็นอาหารมานานแล้ว ประกอบกับปัจจุบันนี้คนไทยเป็นโรคมะเร็งเพิ่มมากขึ้น น่าจะเป็นทางเลือกใหม่ของผู้บริโภคที่ใช้เป็นอาหารเสริม อีกทั้งเป็นการเพิ่มมูลค่าของดักแด้ไหม ที่นอกจากจะใช้เส้นใยแล้ว ดักแด้ยังใช้เป็นวัตถุดิบในการเพาะเห็ดถังเช่าที่มีราคาแพงอีกด้วย

ผู้เขียนได้มีโอกาสไปดูงานที่ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ เชียงใหม่ คุณสยุมพร สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ ได้มอบหมายให้ คุณเสาวนีย์ อภิญญานุวัฒน์ นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ คุณณัฐกานต์ งามแสงฤทธิ์ ผู้ช่วยนักวิจัยโครงการ เป็นผู้ให้ข้อมูลทราบว่า การเพาะเห็ดถังเช่าจากดักแด้ไหมนั้น อยู่ในขั้นตอนการศึกษาวิจัย หากเกษตรกรที่สนใจสามารถศึกษาดูงานและนำไปปฏิบัติได้ด้วยตนเอง ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก เริ่มจากการเตรียมเชื้อเห็ดถังเช่าที่มีคุณภาพดีให้พร้อม จากนั้นคัดเลือกรังไหมที่สด สะอาด ใช้มีดโกนผ่ารังไหมออกเป็น 2 ส่วน

เพื่อเอาตัวดักแด้ที่อยู่ภายในรังไหมออกมาจากรังไหม นำไปทำความสะอาดด้วยน้ำและแอลกอฮอลล์ คัดเลือกดักแด้ที่สมบูรณ์ตามจำนวนที่ต้องการผลิต จากนั้นจึงนำไปปฏิบัติงานในตู้ปลอดเชื้อ เริ่มต้นการนำเชื้อเห็ดถังเช่าใส่หลอดหรือเข็ดฉีดยา ฉีดเข้าไปในตัวดักแด้ไหม ประมาณตัวละ 0.5-1.00 ซีซี แล้วนำดักแด้ที่ฉีดเชื้อถังเช่าแล้วใส่ภาชนะหรือกล่องพลาสติกที่เหมาะสม นำไปวางไว้ในห้องเย็นหรือตู้เย็นที่ทึบแสง ประมาณ 2 สัปดาห์ จากนั้นจึงนำออกมาวางบนชั้นวางในห้องเย็นที่มีอุณหภูมิประมาณ 18 องศาเซลเซียส วางทิ้งไว้ประมาณ 45 วัน จะเห็นเห็ดถังเช่าเจริญเติบโตเต็มที่ มีสีเหลืองทองที่โผล่ออกมาจากดักแด้ไหมภายในกล่องพลาสติก นำเห็ดถังเช่าที่เจริญบนดักแด้ไหมไปอบแห้งในตู้อบ นำไปบรรจุในซองพลาสติกป้องกันความชื้นหรือบรรจุในขวดแก้วหรือภาชนะที่สวยงามเหมาะสม

ใครๆ ก็อยากปลูกผักกินเอง แต่หลายคนไม่สามารถปลูกได้ ด้วยเหตุผลที่ว่า บ้านไม่มีพื้นที่มากพอสำหรับปลูกผัก ปัญหานี้จะหมดไป เพราะเจียไต๋ผู้นำตลาดเมล็ดพันธุ์รายใหญ่ของเมืองไทย ได้พัฒนานวัตกรรมใหม่สำหรับคนรักผัก ผลิตชุดปลูกผักใส่กระป๋อง เพียงแค่เปิดฝา แม้แต่เด็กอนุบาลยังปลูกผักได้เลย แถมนวัตกรรมนี้ยังช่วยให้การปลูกผักเป็นเรื่องง่ายๆ แค่รดน้ำ ไม่ต้องเติมปุ๋ย พืชผักก็เติบโตงอกงาม มีผลผลิตให้ชื่นชอบได้ตลอดทั้งปี

ชุดปลูก Little garden DIY KID

เนื่องจาก เจียไต๋ อยากให้ทุกคนสนุกกับการปลูกผัก จึงพัฒนาชุดพร้อมปลูก Little garden DIY KID ประกอบด้วย เมล็ดพันธุ์ผักดีมีคุณภาพ และวัสดุปลูก พร้อมคู่มือแนะนำการเพาะปลูกให้กับทุกคน เพียงแค่เปิดกระป๋อง ทุกคนก็สามารถปลูกผักได้เลย ซึ่งสินค้าชุดนี้มีเมล็ดพันธุ์ผักให้เลือกปลูกตามใจชอบ จำนวน 4 ชนิด ได้แก่ กะเพรา หอมแบ่ง โหระพา ขึ้นฉ่าย ซึ่งเป็นพืชผักสวนครัวที่ปลูกดูแลง่าย เป็นผักสวนครัวที่นิยมบริโภคในครัวเรือนทั่วไป

ของเล่นใหม่สำหรับคนรักผักชุดนี้ เป็นผลงานของ คุณชลธร ภู่ทอง ผู้จัดการแผนกออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ บริษัท เจียไต๋ โปรดิ๊วซ์ จำกัด

“สำหรับผู้สนใจ ขอแนะนำให้ปลูกผัก กระป๋องละ 1 ต้น จะทำให้พืชที่ปลูกไม่แย่งธาตุอาหารกัน ผักสวนครัวที่ปลูก เช่น ต้นกะเพรา หรือต้นโหระพา จะมีอายุการปลูกประมาณ 4-6 เดือน เมื่อตัดไปกินแล้ว ต้นกะเพรา หรือต้นโหระพาจะแตกออกมาใหม่ให้เก็บเกี่ยวได้หลายครั้ง ตลอดระยะเวลาการปลูก” คุณชลธร กล่าว

นวัตกรรมใหม่ที่นำมาใช้ในสินค้าชุดนี้คือ ดินวัสดุในกระป๋องปลูก สามารถนำมาใช้ปลูกพืชได้ซ้ำหลายรุ่น ในระยะเวลา 1 ปี โดยผู้ปลูกไม่ต้องใส่ปุ๋ยลงไปเพิ่ม ต้นพืชก็สามารถเติบโตงอกงามได้ตามปกติ เนื่องจากดินวัสดุปลูกดังกล่าว ผลิตจากหินและแร่ธาตุที่ได้รับการผสมธาตุอาหารต่างๆ ที่พืชต้องการอย่างครบถ้วน โดยมีอายุการใช้งาน 1 ปีเต็ม ผลงานนวัตกรรมชิ้นนี้เป็นของบริษัทเอกชนรายหนึ่ง เคยได้รับรางวัลระดับชาติมาแล้ว

คุณชลธร มั่นใจว่า สินค้าชุดนี้จะได้รับความสนใจจากผู้บริโภคทั่วไป เพราะปลูกดูแลง่าย แถมได้ความสุขใจเพราะได้กินผักสดปลอดสารพิษที่ลงมือปลูกเองกับมือ ขณะเดียวกันสามารถใช้กระป๋องปลูกผักประดับตกแต่งเพิ่มความสวยงามในบ้านพักอาศัยหรือคอนโดฯ ได้อีกด้วย สินค้าชุดนี้ราคาไม่แพง ขายราคาชิ้นละ 69 บาท ที่สำคัญสามารถหาซื้อกันได้ในร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น (7-11) ทั่วไป คาดว่า จะเป็นของเล่นใหม่สำหรับพ่อแม่ลูก หรือทุกคนในครอบครัว ที่จะใช้เวลาว่างปลูกดูแลพืชผักด้วยกัน

ปลุกกระแส “ซื้อเมล็ดพันธุ์ ได้ความสุข”

เมล็ดพันธุ์ ไม่ใช่แค่สิ่งที่ปลูกและจบไป แต่ซื้อเมล็ดพันธุ์แล้วได้ความสุข สามารถซื้อเมล็ดพันธุ์เป็นของขวัญของฝากให้กับบุคคลที่รักได้ ซึ่งแนวคิดนี้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ เช่น ประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน ฯลฯ เพียงแค่พัฒนาสินค้าเมล็ดพันธุ์ให้มีลูกเล่น (Gimmick) ก็จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเมล็ดพันธุ์ได้อีกหลายเท่าตัว

เจียไต๋ ได้นำแนวคิดดังกล่าวไปนำเสนอกับ บริษัท สยาม สเปเชียลลิตี้ จำกัด ผู้บริหารร้านลอฟท์ (Loft) ไลฟ์สไตล์ช็อปจากญี่ปุ่น ก็ได้รับคำตอบว่า ลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการในร้านลอฟท์ส่วนใหญ่เป็นคนจีน ที่มีความเชื่อเกี่ยวกับโชคลาภ ทางเจียไต๋จึงออกแบบสินค้าชุดดอกไม้ 7 วัน 7 สี ที่มีคอนเซ็ปต์เกี่ยวกับความรัก ยกตัวอย่าง เช่น

วันอาทิตย์ – สร้อยไก่ (Celosia Plumosa) สื่อถึง “รักนิรันดร์”

วันจันทร์ – ทานตะวัน พันธุ์ซันไบร์ทคิดส์ (Sunbright Kids) สื่อถึง “รักที่มั่นคง”

วันอังคาร – ดอกแอสเตอร์สวีตดรีม (Astersweetdream) สื่อถึง “ความปรารถนาดี”

วันพุธ – จิปโซฟิลล่า (gypsophila) สื่อถึง “รักแรกพบ”

วันพฤหัสบดี – บานชื่นดอกซ้อน (Zinnia) สื่อถึง “ความคิดถึง”

วันศุกร์ – ผักบุ้งฝรั่ง (Morning Glory) สื่อถึง “ตกหลุมรัก”

วันเสาร์ ใช้ไชนีสฟอร์เก็ตมีน็อต สื่อถึง “รักแท้”

เมื่อ เจียไต๋ ผลิตสินค้าชุดนี้ไปวางขายในร้านลอฟท์ (Loft) ปรากฏว่า ขายดีเป็นเทน้ำเทท่ากันเลยทีเดียว

ขายเมล็ดพันธุ์ ในร้านหนังสือ

เจียไต๋ เห็นโอกาสในการขยายช่องทางตลาดใหม่ ใน “กลุ่มร้านหนังสือ” เพราะพ่อแม่ยุคใหม่นิยมพาลูกเข้าร้านหนังสือ เพื่อให้เด็กรักการอ่าน และอยากเห็นลูกๆ กินผักเพื่อให้ร่างกายเติบโต แข็งแรง มีสุขภาพดี จึงออกแบบบรรจุภัณฑ์คล้ายเล่มหนังสือ ในชื่อชุดบำรุงสุขภาพ จำนวน 3 รายการ ประกอบด้วย

ชุดผักบำรุงสายตา เช่น “ฟักทอง” มีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา มีสารลูทีนช่วยป้องกันการเสื่อมของเรตินา “กวางตุ้งฮ่องเต้” มีวิตามินซี เบต้าแคโรทีน ช่วยในการบำรุงสายตา และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน “ผักบุ้งจีน” เป็นผักที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี รวมถึงเบต้าแคโรทีนที่มีความสำคัญต่อการบำรุงสายตา
ชุดผักบำรุงร่างกาย เช่น “กะหล่ำปลี” มีกลูโคซิโนเลตส์ ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านมะเร็ง ที่เกิดจากสารเคมีต่างๆ “มะระจีน” มีเบต้าแคโรทีน ในผลมะระช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคและปกป้องเซลล์จากการทำลายของสารก่อมะเร็งต่างๆ “ผักกาดขาว” มีสารออร์กาโนซัลไฟต์และฟลาโวนอยด์ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยป้องกันมะเร็งและโรคหลอดเลือดหัวใจ
ชุดผักบำรุงสมอง เช่น “คะน้า” มีวิตามินอี ช่วยป้องกันและลดปัญหาโรคความจำเสื่อม ช่วยชะลอความเสื่อมสภาพของเซลล์สมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ “ผักโขม” อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย เช่น วิตามินเอ วิตามินบี แมกนีเซียม สังกะสี โฟเลต ธาตุเหล็ก แคลเซียม และวิตามินหลากหลายชนิด ที่ช่วยบำรุงสมองให้สมองทำงานได้อย่างปลอดโปร่ง “ปวยเล็ง” มีคุณสมบัติในการบำรุงสมอง ลดความเสี่ยงจากโรคความจำเสื่อมและอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุนอกจากนี้ เจียไต๋ ยังได้พัฒนา “ชุดสนุกปลูกเจียไต๋ รวมผักโตไว 7 วัน 3 ชนิด” ปลูกในกล่อง ปลูกได้ 3 รอบ กินได้ภายใน 7 วัน มี 3 ชนิด ในกล่องเดียว ประกอบด้วย
เมล็ดพันธุ์ทานตะวันงอก 10 กรัม
เมล็ดพันธุ์โต้วเหมี่ยว 10 กรัม
เมล็ดพันธุ์อัลฟัลฟ่า 5 กรัม
วัสดุปลูก จำนวน 1 ถุง

ขั้นตอนการปลูกผัก

นำเมล็ดแช่ในน้ำสะอาด ประมาณ 4-8 ชั่วโมง
เทวัสดุปลูกลงในภาชนะ
นำเมล็ดที่แช่แล้วไปโรยบนวัสดุปลูก กลบด้วยวัสดุปลูกบางๆ อีกชั้น แล้วรดน้ำพอชุ่ม จากนั้นนำฝากล่องมาคลุมไว้หลวมๆ ทิ้งไว้ 2 คืน
หลังจาก คืนที่ 2 เปิดฝาออก รดน้ำทุกเช้า วันละ 1 ครั้ง วางไว้ในที่ร่ม แค่ 5-7 วัน ต้นอ่อนก็แย่งกันขึ้น เผยโฉมพร้อมเก็บกิน
ประโยชน์จากพืชตัวน้อย คือได้คุณค่าทางโภชนาการสูง ให้วิตามิน โปรตีนสูง ปลูกผักเพียง 1 ซอง จะได้ผักสดไว้บริโภค 1 จาน ภายใน 1 สัปดาห์ สามารถปลูกผัก 3 ชนิด ในกล่องเดียว ผักแต่ละชนิดมีคุณค่าสารอาหารที่ดีต่อร่างกาย เช่น

“อัลฟัลฟ่างอก” จัดเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่นิยมนำมาใส่สลัด เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อีกทั้งยังมีไฟโตเอสโตรเจนซึ่งช่วยป้องกันมะเร็งได้ อุดมไปด้วยวิตามินหลายชนิดรวมไปถึงเกลือแร่และโปรตีน

“ต้นอ่อนทานตะวัน” มีสารอาหารกาบาช่วยในการป้องกันโรคมะเร็ง บำรุงเซลล์สมอง ป้องกันอัลไซเมอร์ สามารถใช้ทำอาหารได้หลากหลายชนิด

“ยอดถั่วลันเตา (โต้วเหมี่ยว)” มีเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งช่วยในการบำรุงสายตาและผิวพรรณ

เมล็ดพันธุ์ ถวายวัด “ได้บุญ”

หลายครั้งที่ เจียไต๋ มีกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) กับ วัด และได้จัดชุดเมล็ดพันธุ์ไปถวายพระ หลายคนเห็นก็เกิดความสนใจอยากซื้อเมล็ดพันธุ์ไปทำบุญที่วัดบ้าง จึงออกแบบชุดสังฆทานเมล็ดพันธุ์ “เบญจพันธุ์” จำนวน 5 ชนิด ได้แก่

ชนิดดอกไม้ (ดาวเรือง ทานตะวัน บานไม่รู้โรย ดาวกระจาย บานชื่น) สื่อความหมาย “โอกาส วาสนา”
ชุดผักใบ (คะน้าใบ ผักบุ้งจีน เขียวกวางตุ้ง ขาวปลี ปวยเล้ง) สื่อความหมาย “ร่มเย็น เป็นสุข”
ชุดผักผล (มะเขือเทศสีดา แตงท่อน ถั่วพุ่ม บวบเหลี่ยม มะเขือเปราะขาว) สื่อความหมาย “มั่งมี ศรีสุข”
ชนิดสมุนไพร (โหระพา กะเพรา พริกขี้หนู ผักชีลาว มะระขี้นก) สื่อความหมาย “ไร้โรคภัยไข้เจ็บ”
ชนิดผักโตเร็ว (ทานตะวันงอก, ยอดถั่วลันเตา-โต้วเหมี่ยว, ไควาเระ, ถั่วเขียว, อัลฟัลฟ่า) สื่อความหมาย “เจริญ ก้าวหน้า”
“ก่อนหน้านี้ คนไทยนิยมทำบุญด้วยหลอดไฟ เพื่อให้ชีวิตสว่างไสว ก็เชื่อว่า เมล็ดพันธุ์ ก็เหมาะสำหรับถวายพระทำบุญได้เช่นกัน จึงพัฒนาชุดสังฆทาน จำนวน 5 ชุด ประกอบด้วย ชุดดอกไม้ ชุดผักใบ ชุดผักผล ชุดสมุนไพร ชุดผักโตเร็ว ที่มีความหมายเป็นมงคล เพราะการทำบุญด้วยเมล็ดพันธุ์ผัก ดอกไม้ สื่อถึงการเจริญเติบโตงอกงามในชีวิตด้วยเช่นกัน เมล็ดพันธุ์เหล่านี้ ทางวัดสามารถนำไปปลูกประดับตกแต่งสถานที่ ขณะเดียวทางวัดสามารถนำเมล็ดพันธุ์ไปแจกจ่ายให้โรงเรียนหรือชาวบ้านนำไปปลูกเป็นอาหารหรือสร้างอาชีพต่อไป สินค้าชุดนี้ขายดีในช่วงเทศกาลสำคัญต่างๆ ทางศาสนา” คุณชลธร กล่าว

เผยคนเมือง ปลูกผักกินเองมากขึ้น

คุณดวงพร จิราพิพัฒนชัย ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท เจียไต๋ จำกัด ที่ดูแลด้านธุรกิจโฮมการ์เด้น กล่าวว่า ที่ผ่านมา ยอดการขายเมล็ดพันธุ์ผัก ในกลุ่มตลาดคนเมือง เติบโตปีละ 10-20% แต่ช่วง 3-4 ปีหลังนี้ ยอดขายเมล็ดพันธุ์ปลูกผักเติบโตสูงขึ้นกว่าปีละ 40% จากกระแสความนิยมบริโภคผักปลอดภัยเพื่อสุขภาพ ประกอบกับเมืองไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ทำให้ผู้สูงวัยจำนวนมากที่อยู่ติดบ้าน พยายามใช้เวลาว่างปลูกผักสวนครัวเป็นงานอดิเรกกันมากขึ้น

สำหรับคนที่อยู่อาศัยในสังคมเมืองและเป็นบ้านเดี่ยว นิยมปลูกพืชหน้าบ้าน หรือทำแปลงปลูกเล็กๆ ในพื้นที่ว่างรอบบ้าน ประมาณ 2×4 ตารางเมตร ส่วนคนที่พักอาศัยในหัวเมืองใหญ่ตามต่างจังหวัดที่มีพื้นที่ดินมากหน่อย ก็ปลูกผักแปลงใหญ่เพื่อใช้บริโภคในครัวเรือน ส่วนที่เหลือจึงค่อยนำไปขายในตลาด

ในอดีต ตลาดเมล็ดพันธุ์ผักไม่ค่อยผลิตเมล็ดพันธุ์ซองขนาดเล็กออกขาย ที่สำคัญ หาซื้อได้ยาก ใครอยากซื้อเมล็ดพันธุ์ต้องไปซื้อที่ตลาดนัดจตุจักร ตลาดนัดสนามหลวง 2 หรือร้านขายเมล็ดพันธุ์โดยเฉพาะ เจียไต๋ นับเป็นรายแรกที่บุกเบิกตลาดเมล็ดพันธุ์ในกลุ่มโฮมการ์เด้นอย่างจริงจัง โดยกระจายสินค้าออกวางขายในห้างสรรพสินค้าทั่วไป ซึ่งเป็นปัจจัยบวกที่ฉุดยอดขายเมล็ดพันธุ์ผักในกลุ่มตลาดคนเมืองให้เติบโตสูงขึ้นด้วย

ปัจจุบัน กลุ่มโฮมการ์เด้นของเจียไต๋จำหน่ายเมล็ดพันธุ์ผัก จำนวน 300 รายการ ในกลุ่มเมล็ดพันธุ์ผักใบ ผักผล ดอกไม้ ประเภทเมล็ดพันธุ์ผสมเปิด (OP : open pollinated variety) และเมล็ดพันธุ์พืชลูกผสม (F1 : Hybrid variety) โดยตัวเลขยอดขายเมล็ดพันธุ์ผักใบสูงสุด เป็นอันดับ 1 โดย 10 อันดับ ขายดีสุดคือ 1. ผักชี 2. พริกขี้หนู 3. กะเพรา 4. โหระพา 5. ผักบุ้ง 6. คะน้า 7. กวางตุ้ง 8. ต้นหอม 9. แตงกวา 10. ผักกาดขาวปลี

“ทุกขั้นตอนการผลิตสามารถทำให้เกิดประโยชน์ได้ BALLSTEP2 ไม่มีการสูญเปล่า ถ้าขายไม่หมดก็นำมาแปรรูป หรือนำไปใช้ประโยชน์หมุนเวียนในครัวเรือนหรือภายในสวน”

หิ้ว…ผลิตสินค้าเพียงพอกับผู้ซื้อ เริ่มทำงานน้อยไปหามาก ผลิตแล้วต้องขายได้ ขายหมด หาบ…เมื่อขายได้ ขายหมดในชุมชนแล้วค่อยขยายตลาดไปยังแหล่งใกล้เคียงอื่นๆ

หาม…เมื่อมีลูกค้าที่มีอยู่ในมือมากขึ้น จึงขยายการผลิตและการตลาดเพิ่มขึ้น

คณิตฟาร์ม เป็นฟาร์มของ คุณคณิต กันทะตั๋น เกษตรกรสาววัย 48 ปี บ้านเลขที่ 1/3 หมู่ที่ 1 ตำบลทุ่งฝาย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ผู้มุ่งมั่นปฏิบัติงานตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ผ่านการอบรมการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์แบบแปลงใหญ่ไก่พื้นเมือง จากสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดลำปาง กรมปศุสัตว์ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเกษตรกรดีเด่น สาขาไร่นาสวนผสม สำนักงานเกษตรจังหวัดลำปาง กรมส่งเสริมการเกษตร มีความคิดริเริ่มและความพยายามในการนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับพื้นที่ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เช่น ลดต้นทุนการผลิต ประกอบอาชีพเชิงผสมผสาน นำเอาตู้เย็นเก่ามาทำเป็นตู้ฟักไข่ นำหญ้าสดมาอัดเป็นหญ้าอัดฟ่อน นำฟางข้าวมาอัดฟ่อนเพื่อลดการเผา ฯลฯ

เป็นเกษตรกรผู้เสียสละถ่ายทอดความรู้แก่เกษตรกรทั่วไป เป็นวิทยากรให้แก่กรมปศุสัตว์ กรมส่งเสริมการเกษตร ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย โครงการฝ่ายรักษาและบำรุงแม่น้ำวังฝั่งขวา ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชน จากผลงานด้านการเกษตรด้านเศรษฐกิจและด้านสังคม จึงได้รับการคัดเลือกให้เป็น “ศูนย์การเรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่”, “ศูนย์เรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.)” ประจำตำบลทุ่งฝาย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง