คาดนักธุรกิจโสมขาว ออเดอร์ 50 ล.ดอลล์ เยือนไทยสัมพันธ์ 60 ปี

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับคณะนักธุรกิจจากสมาคมผู้นำเข้าเกาหลี ที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย เพื่อเจรจาการค้า ระหว่างวันที่ 11-14 กรกฎาคม ในโอกาสครบรอบความสัมพันธ์ไทย-เกาหลี 60 ปี โดยไทยและเกาหลีใต้มีข้อตกลงร่วมกันที่จะสร้างความร่วมมือทางการค้า และจะเปิดการเจรจาการค้าสินค้าอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ยางพารา ชิ้นส่วนรถยนต์และมอเตอร์ไซค์

สินค้า ไลฟ์สไตล์ อาหาร พลังงานทดแทน โลจิสติกส์ ตลอดจนสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม คาดว่าจะมีการสั่งซื้อมากกว่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายใน 1 ปี ทั้งนี้ นายสมคิดย้ำกับคณะผู้นำเข้าจากเกาหลีใต้ว่าไทยอยู่ระหว่างลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และแสวงหามิตรประเทศมาช่วยเหลือในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค ดิจิทัล ซึ่งเกาหลีใต้เป็นประเทศตัวอย่างที่ไทยต้องการเรียนรู้เพื่อนำพัฒนาเศรษฐกิจไทยอย่างเป็นรูปธรรม และการเดินทางมาเยือนไทยครั้งนี้ก็จะเชิญลงพื้นที่ไปดูการพัฒนาโครงการอีอีซีด้วย

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์จะร่วมมือกับเกาหลีใต้ในการพัฒนาการค้าอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีคอมเมิร์ซ เนื่องจากเกาหลีใต้มีอัตราการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตถึง 93% และผู้บริโภคนิยมซื้อสินค้าผ่านทางร้านค้าออนไลน์สูงถึง 65% ขณะเดียวกันเกาหลีใต้ยังมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 11 ของโลก ซึ่งหลังจากนี้จะมีการเจรจานำสินค้าไทยเข้าไปสู่เว็บไซต์จำหน่ายสินค้ารายใหญ่ของเกาหลีใต้ในหลายๆ แพลตฟอร์ม เช่น เว็บไซต์ Cafe 24 เป็นต้น

เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ที่วัดเดิม อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ช่างแกะสลักเทียนพรรษา ได้แกะสลักเทียนพรรษาเป็นรูปของ จ.อ. สมาน กุนัน หรือ จ่าแซม อดีตหน่วยซีลนอกราชการ ที่เสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือ 13 ชีวิตสมาชิกทีมหมูป่าอคาเดมี เพื่อเป็นการอาลัยและรำลึกถึงคุณงามความดีของวีรบุรุษถ้ำหลวง

นายวัชระ นาดี ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 7 ช่างแกะสลักเทียนเปิดเผยว่า การปั้นแกะสลักเทียนรูป จ.อ. สมาน เพื่อแสดงออกถึงความอาลัยและรำลึกถึงคุณงามความดีของจ.อ. สมาน ซึ่งทุกปีตนมักจะแกะสลักเทียนเป็นรูปนักการเมืองต่างๆ แต่ในปีนี้คิดว่า ไม่มีใครเหมาะสมที่จะแกะสลักเทียนมากเท่ากับวีรบุรุษถ้ำหลวงคนนี้แล้ว โดยเทียนรูป จ.อ. สมาน เป็นรูปท่ายืนตรง สวมชุดนักประดาน้ำ ด้านหลังสะพายถังออกซิเจน ความสูงของเทียนรวม 150 เซนติเมตร ใช้ระยะเวลาปั้นแกะสลักนาน 5 วัน โดยเทียนรูป จ.อ. สมานจะถูกนำไปจัดแสดงตั้งไว้เป็นส่วนหนึ่งของขบวนเทียนพรรษาของวัดเดิม ที่เตรียมเข้าร่วมประกวดประเพณีแห่งเทียนพรรษาของจังหวัดนครราชสีมา ในวันที่ 27-28 กรกฎาคม

เมื่อวันที่ 12 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์ราคาผลไม้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่กำลังออกสู่ท้องตลาดอยู่ในขณะนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรชาวสวนมังคุดในหลายพื้นที่ทางภาคใต้ เนื่องจากราคามังคุดในพื้นที่ปัจจุบัน เหลือเพียงกิโลกรัมละ 10 ถึง 15 บาท เท่านั้น ทำให้เกษตรกรชาวสวนในพื้นที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก

นางนิภา สุมังคะเล อายุ 62 ปี เกษตรกรชาวสวนในพื้นที่ ม.1 ต.ตาชี อ.ยะหา จ.ยะลา ก็เปิดเผยว่า ปีนี้ได้ขายผลผลิตมังคุดในช่วงแรกของฤดูราคาค่อนข้างดี ที่กิโลกรัมละ 40 บาท แต่หลังจากนั้นไม่ถึง 2 สัปดาห์ ราคาก็ลดต่ำลง เหลือกิโลกรัมละ 18 บาท และล่าสุดเหลือเพียง 10-15 บาท ต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นที่น่าตกใจมาก เพราะระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือน ราคาของมังคุดก็ร่วงต่ำลง จนส่งผลกระทบต่อเกษตรกรชาวสวน ที่ไม่คุ้มทุน จากการเฝ้ารอผลผลิต ที่จะต้องดูแลใส่ปุ๋ย บำรุงรักษา หวังจะได้ขายผลผลิตในราคาที่พอเหมาะพอควร

“ขณะนี้ส่วนใหญ่จะเป็นผลไม้จากในพื้นที่ และมีผลผลิตตามฤดูกาลออกสู่ท้องตลาดหลังจากที่ผลไม้จากภาคอื่นๆ ได้ถูกส่งขายในท้องตลาดก่อนหน้านี้หลายเดือน ทำให้ราคาผลไม้ ไม่ว่าจะเป็น ทุเรียน มังคุด หรือเงาะ ก็มีราคาที่ต่ำจนส่งผลกระทบต่อเกษตรกร และร้องขอให้รัฐบาล เข้ามาช่วยในการแทรกแซงราคา หรือพยุงราคา หรือหามาตรการในการรองรับผลผลิตในพื้นที่ และได้ช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนผลไม้อีกทางหนึ่งด้วย” นางนิภา กล่าว

สุราษฎร์ธานี – นายวิชวุทย์ จิตโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบริเวณถ้ำน้ำทะลุภายในอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภา เพื่อวางมาตรการความปลอดภัย และป้องกันเหตุในช่วงฤดูฝน โดยกล่าวว่า ในช่วงนี้เป็นช่วงเข้าฤดูฝน ทางจังหวัดภาคใต้จะเป็นช่วงมรสุม เป็นห่วงเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยเฉพาะเขื่อนรัชชประภา มีแหล่งท่องเที่ยวอุดมสมบูรณ์และสวยงาม เที่ยวได้ทั้งทางน้ำและการเดินป่า น้ำตก รวมไปถึงการเที่ยวเข้าชมถ้ำซึ่งมีอยู่ถึง 4 จุดโดยเฉพาะภายในถ้ำน้ำทะลุเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ ภายในถ้ำเป็นลักษระถ้ำหินปูน มีหินงอกหินย้อย มีน้ำไหลผ่านตลอดเวลา ช่วงเดือนนี้ปริมาณน้ำฝนตกเป็นจำนวนมาก ลงพื้นที่สำรวจเกี่ยวกับความปลอดภัย ปิดการเข้าท่องเที่ยวภายในบริเวณถ้ำโดยเด็ดขาด ตั้งแต่ 1 มิถุนายน ถึง 30 พฤศจิกายน

สำหรับมาตรการความปลอดภัย ให้เจ้าหน้าที่รับผิดชอบปฏิบัติอย่างเคร่งครัด จำนวน 6 มาตรการ คือ 1. กำหนดการปิด-เปิด การเข้าพื้นที่ ให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด 2. มีเจ้าหน้าที่ประจำด่านบริการ ลงทะเบียนตรวจนับจำนวนเข้าออกนักท่องเที่ยว 3. จัดเจ้าหน้าที่ประจำเส้นทางธรรมชาติ คอยระวังแจ้งเหตุสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำป่าไหลหลาก 4. มัคคุเทศก์ที่นำนักท่องเที่ยวต้องเช็กจำนวน และคนขับเรือโดยสาร ให้ปฏิบัติตามระเบียบ และกฎหมายที่กำหนด 5. ผู้ที่เข้ามาท่องเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาตจะมีโทษปรับสูงสุด และ 6. ให้นักท่องเที่ยวและมัคคุเทศก์เข้ามาท่องเที่ยวเชื่อฟังเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยกรณีนักฟุตบอลเยาวชนทีม “หมูป่าอคาเดมี” และโค้ช ทั้ง 13 คนเข้าไปติดภายในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

ขอนแก่น – รศ.ดร. กิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่น ว่า ขณะนี้ในพื้นที่มหาวิทยาลัยมีนักศึกษาและบุคลากรป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกแล้ว 4 ราย ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว พบแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายและพบการแพร่ระบาดของโลกไข้เลือดออก จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปฉีดพ่นยากำจัดยุงลายตามแหล่งชุมชนและอาคารเรียนต่างๆ ประชาสัมพันธ์ให้ช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย

อุบลฯ – นพ. ดนัย เจียรกูล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 จังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยว่า จากรายงานของจุดผ่านแดนถาวรด่านช่องเม็ก อำเภอสิรินธร ปัจจุบันมีการขนส่งสารเคมีเป็นสินค้าข้ามแดนในปริมาณมาก มีความเสี่ยงสูงที่อาจจะเกิดภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข กรณีสารเคมี รั่วไหลอาจลุกลามข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเตรียมความพร้อม รับมือและทบทวนแผนเผชิญเหตุการณ์ เมื่อเกิดอุบัติเหตุสารเคมีรั่วไหลขึ้นในบริเวณด่านพรมแดนเข้าออกระหว่างประเทศ ฝึกซ้อมแผนภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข

นอกจากนี้ ยังทบทวนแผนเผชิญเหตุเมื่อเกิดอุบัติเหตุสารเคมีรั่วไหล ช่วยให้บุคลากรและเจ้าหน้าที่ของด่านช่องเม็กและจากทุกภาคส่วน มีความพร้อมในการปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน และสามารถบูรณาการระงับเหตุได้ทันท่วงทีไม่ให้เกิดลุกลามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ตลอดจนเป็นการป้องกันความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินและประชาชนผู้มารับบริการ

นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ สั่งการให้นายสัตวแพทย์จีรศักดิ์ พิพัฒนพงศ์โสภณ พร้อมด้วยชุดเฉพาะกิจปราบปรามการใช้สารเร่งเนื้อแดง กรมปศุสัตว์ ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จาก สพส. อยส., กลุ่มด่านกักกันสัตว์ที่ 7 กลุ่มด่านกักกันสัตว์ที่ 6 กลุ่มด่านกักกันสัตว์ เขต 1 รวมกว่า 100 นาย เข้าตรวจสอบฟาร์มในอำเภอเมืองของจังหวัดนครปฐม เพื่อตรวจปัสสาวะสุกรด้วยชุดทดสอบภาคสนาม (strip test) เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

โดยชุดปฏิบัติงานลงพื้นที่อำเภอเมือง ผลดำเนินการเข้าตรวจสอบฟาร์มสุกร จำนวน 17 ฟาร์ม สุกรรวม 25,000 ตัว พบผลบวกต่อสารเร่งเนื้อแดง จำนวน 4 ฟาร์ม จึงได้อายัดสุกร จำนวน 2,709 ตัว (คิดเป็น 10.8%) โดยปัสสาวะที่ให้ผลบวกจะส่งตรวจทางห้องปฏิบัติ หากผลตรวจยืนยันว่าพบสารเร่งเนื้อแดงจะดำเนินคดีต่อไป

นายสัตวแพทย์สรวิศ กล่าวว่า การปฏิบัติการครั้งนี้จะเป็นการตรวจสอบอย่างละเอียด เข้มข้นและครอบคลุมทุกพื้นที่ที่มีการเลี้ยงสุกรหนาแน่นและในโรงฆ่าสัตว์ รวมถึงสถานที่จำหน่ายเนื้อสัตว์ด้วย ซึ่งนอกจากปฏิบัติการในพื้นที่จังหวัดนครปฐมแล้วจะขยายไปยังจังหวัดอื่นๆ ด้วย ซึ่งจะปฏิบัติอย่างต่อเนื่องต่อไป เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้บริโภค

เนื่องจากสัตว์ที่มาจากฟาร์มที่ลักลอบใช้สารเร่งเนื้อแดง มีความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้ที่บริโภคผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสัตว์ดังกล่าว โดยการกระทำดังกล่าวข้างต้น เป็นการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2558 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

หากพบเห็นการกระทำผิดโปรดแจ้งเบาะแสผ่านแอปพลิเคชั่น (Application) “DLD 4.0” ที่สามารถดาวน์โหลดและติดตั้งได้ทั้งระบบ iOS ผ่าน App Store และระบบ Android ผ่าน Google play เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าตรวจสอบการกระทำความผิดและดำเนินการตามกฎหมายได้อย่างทันท่วงที

ปัจจุบัน ป่าไม้ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมากอาจมีผลให้สมดุลของระบบนิเวศและสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป ทำให้อาหารตามธรรมชาติมีปริมาณลดลง จากสาเหตุดังกล่าว ส่งผลให้จักจั่น (Platypleura cespiticola Boulard) ซึ่งจัดเป็นศัตรูป่าไม้ เริ่มเข้าทำลายพืชผลทางการเกษตร โดยตั้งแต่ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีรายงานว่า พบจักจั่นระบาด และเข้าทำลายพื้นที่ปลูกอ้อยในจังหวัดสุพรรณบุรี ได้แก่ อำเภอสามชุก ศรีประจันทร์ และอำเภอแสวงหา และพื้นที่ปลูกอ้อยในจังหวัดอื่นๆ เช่น จังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี และจังหวัดใกล้เคียงที่เสี่ยงต่อการระบาดของจักจั่น

ในอดีตการศึกษาวงจรชีวิตของจักจั่นมีค่อนข้างน้อย จึงทำให้ไม่ทราบวงจรการระบาดของจักจั่นเท่าที่ควร แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2-3 ที่ผ่านมา พบจักจั่นในระยะตัวเต็มวัย ตั้งแต่เดือนเมษายน-กรกฎาคม ในไร่อ้อยและเมื่อเดินเข้าไปในไร่จะเห็นจักจั่นบิน หรือได้ยินเสียงร้องในไร่อ้อย ดังนั้น ขอให้เกษตรกรหมั่นสำรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ หากสำรวจพบจักจั่น ให้ขอคำแนะนำจากสำนักงานเกษตรอำเภอ หรือสำนักงานเกษตรจังหวัด เพื่อดำเนินการควบคุมและป้องกันกำจัดทันที

ระยะที่ทำความเสียหายให้กับอ้อย คือระยะตัวอ่อน ซึ่งอาศัยอยู่ในดินที่ความลึก ตั้งแต่ 30 เซนติเมตร ถึง 2.5 เมตร โดยดูดกินน้ำเลี้ยงจากรากพืช ทำให้ระบบรากเสียหายเกิดอาการเหี่ยวและแห้งตายได้ในที่สุด

ตัวอ่อนมีขาหน้าขนาดใหญ่สำหรับขุดดิน บางครั้งจะเห็นดินเป็นแท่งทรงกระบอกเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 เซนติเมตร บิดเป็นเกลียวโผล่ขึ้นมาจากดิน สูงประมาณ 5-7 เซนติเมตร คล้ายกับดินที่เกิดจากไส้เดือนแต่มีขนาดใหญ่กว่า ตัวอ่อนใช้เวลาประมาณ 4-6 เดือน อาศัยอยู่ในดิน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานและทำความเสียหายให้กับผลผลิตอ้อยได้มาก

ในส่วนของแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการระบาดของจักจั่นในไร่อ้อยนั้น เนื่องจากจักจั่นเป็นศัตรูพืชที่ไม่พบเข้าทำลายอ้อยบ่อยนัก การป้องกันกำจัดจึงยังไม่มีวิธีการที่ชัดเจน กรมส่งเสริมการเกษตร แนะนำให้เกษตรกรสำรวจแปลงอ้อยอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ไม่บุกรุกทำลายป่าและอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้เพื่อเป็นแหล่งอาศัยของจักจั่น เพื่อไม่ให้เข้ามาทำลายพืชผลทางการเกษตร

หากพบระบาดในอ้อยไม่ควรใช้สารเคมี เนื่องจากลงทุนสูงแต่ได้ผลน้อย อีกทั้งจักจั่นไม่ได้ระบาดเป็นประจำ สำหรับในพื้นที่ที่มีการระบาดให้ใช้วิธีเขตกรรม เช่น การขุด หรือไถพรวน เพื่อจับตัวอ่อนในดิน หรือการเก็บตัวเต็มวัยในเวลากลางคืน หรือการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วนของคนในชุมชน เช่นเดียวกับการรณรงค์เก็บตัวเต็มวัยด้วงหนวดยาวเจาะลำต้นทุเรียน แมลงนูนหลวง และด้วงหนวดยาวอ้อย เป็นต้น

ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มพยากรณ์และเตือนการระบาดศัตรูพืช กองส่งเสริมการอารักขาพืชและจัดการดินปุ๋ย กรมส่งเสริมการเกษตร โทรศัพท์ 0-2955-1514 , 0-2955-1626 หรือ https://www.doae.go.th/doae/upload/files/Sugarcane_Cicada_040761.pdf

นายลักษณ์ วจนานวัช รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ทยอยปิดบัญชีการดำเนินงานของทั้ง 2 โครงการ คือ โครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง และการบริหารจัดการสต๊อกยางของรัฐบาล และโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง ที่ขณะนี้มีสต๊อกคงเหลือ 104,550.40 ตัน เพื่อรายงานสถานโครงการต่อรัฐบาล เพราะ 2 โครงการนี้เป็นโครงการที่ผ่านความเห็นชอบจาก คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อจัดสรรงบประมาณในส่วนที่จะดำเนินการต่อไปหลังปิดบัญชีแล้ว

สำหรับโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง และการบริหารจัดการสต๊อกยางของรัฐบาล ที่ได้จัดซื้อมาตั้งแต่ปี 2555 ปริมาณ 207,021.10 ตัน วงเงินรวม 21,126.60 ล้านบาท ขายและส่งมอบแล้ว 131,716.93 ตัน (ขายบริษัทไหหนาน 32,142.70 ตัน และส่งมอบแล้วตามสัญญา 99,574.23 ตัน) รอส่งมอบ 24,189.07 ตัน ปัจจุบันมีสต๊อกคงเหลือ 53,097.90 ตัน และ โครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง ได้จัดซื้อในปี 2557 ปริมาณ 147,476.03 ตัน วงเงินรวม 8,889.30 ล้านบาท ขายและส่งมอบแล้ว 62,670.9 ตัน (ขายไหหนาน 5,459.90 ตัน ส่งมอบตามสัญญาแล้ว 57,211 ตัน) ปัจจุบันมีสต๊อกคงเหลือ 51,452.50 ตัน

ทั้งนี้ จากการสำรวจสภาพของยางพาราในสต๊อกคงเหลือทั้งสองรายการรวม 104,550.40 ตัน สามารถจำแนกคุณภาพและปริมาณของยางได้เป็น 4 ลักษณะ ได้แก่ ยางพาราที่อยู่ในสภาพดีประมาณ 22% , ยางพาราที่มีลักษณะ Misshape ประมาณ 8% ซึ่งจะส่งผลให้ราคาลดลง 20 สตางค์ , ยางพาราที่มีสภาพเป็นราสนิมที่มีความชื้นไม่มากนักประมาณ 30% ซึ่งจะส่งผลให้ราคาลดลง 98 สตางค์ และ ยางพาราที่มีสภาพเป็นราขาวที่มีความชื้นมากมีประมาณ 40% ซึ่งจะส่งผลให้ราคาลดลง 4.48 บาท

สำหรับการทยอยปิดบัญชีเป็นระยะๆ ทุก 3 เดือน เพียงเพื่อรายงานสถานโครงการ แต่โครงการนี้ยังไม่สามารถปิดโครงการได้ เพราะยางในสต๊อกยังขายไม่หมด แต่ต้องคำนวณมูลค่าที่เหลือ ซึ่งยืนยันจะไม่มีการนำยางที่เหลือ 1.04 แสนตันออกมาขาย ให้เป็นการรบกวนยางพาราใหม่ของชาวสวนเด็ดขาด แต่เนื่องจากโครงการทั้ง 2 ยังมียางพาราอยู่ เป็นโครงการที่ผ่านความเห็นชอบของครม. ต้องมีค่าเก็บรักษา และมีค่าประกันภัย จึงจำเป็นต้องรายงานสถานะให้ผู้เกี่ยวข้องได้รับทราบ การปิดบัญชีจะทำเหมือนโครงการรับจำนำข้าว เมื่อสถานการณ์พร้อมค่อยนำยางพาราออกขาย

“กยท. ต้องมีการบันทึกกำไรขาดทุน ค่าใช้จ่าย เหมือนโครงการจำนำข้าว เพื่อให้รู้ว่า มูลค่ายางพาราที่เหลือมีเท่าไหร่ มีภาระดำเนินงานอย่างไร เมื่อโครงการยังปิดไม่ได้ยางพารายังเหลืออยู่เชื่อว่า ขณะนี้ 2 โครงการนี้น่าจะขาดทุนมากกว่าเก่า ส่วนยางในสต๊อกยืนยันจะไม่ทยอยขาย ให้ออกมารบกวนราคายางพาราให้ตลาดที่ขณะราคายังไม่สูงนัก”

นายลักษณ์ กล่าวว่า ได้มอบให้ นายสุพัฒน์ เอี้ยวฉาย ผู้ช่วยเลขานุการ รมว.เกษตรฯ นำยางเสื่อมคุณภาพ ไปดำเนินการผลิตใหม่ เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงว่าจะทำให้คุณภาพหรือปริมาณใกล้เคียงกับยางพาราที่ยังไม่เสื่อมคุณภาพหรือไม่ โดยกยท. รายงานการทำให้ยางเสื่อมคุณภาพ ยางพาราที่มีสภาพเป็นราสนิมและราขาว จะมีความชื้น จะทำให้ตกเกรดยางแผ่นรมควันมาตรฐาน โดยหากนำยางเสื่อมคุณภาพ เข้าสู่กระบวนการผลิตใหม่ จะทำให้ยางพารายังคงมีความชื้นอยู่ ต้องนำไปผ่านกระบวนการรีดน้ำออก แต่ต้นทุนการผลิตจะเพิ่มสูงขึ้น

ม.รามคำแหงให้ทุนลูกชาวนา ที่ต้องรับน้ำจาก “ถ้ำหลวง” เรียนฟรีจนจบปริญญาตรี!

วันที่ 13 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ช่วยศาสตราจารย์วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เปิดเผยว่าจากปฏิบัติการกู้ชีวิต 13 สมาชิกทีมหมูป่าอคาเดมี ที่ผ่านมา มีเกษตรกรจำนวนมากยอมเสียสละไร่นาของตนที่กำลังเพาะปลูก ให้เป็นสถานที่รับน้ำจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย เพื่อช่วยชีวิตเยาวชนและโค้ชให้ปลอดภัย จนมีส่วนทำให้ปฏิบัติการช่วยเหลือครั้งนี้สำเร็จลงด้วยดี และมีหลายภาคส่วนหยิบยื่นมือเข้าไปให้ความช่วยเหลือน้ำใจที่เสียสละของเกษตรกร

มหาวิทยาลัยรามคำแหงขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือชาวเกษตรกรทั้ง 3 ตำบล รวมพื้นที่ 1,200 ไร่ โดยจะมอบทุนการศึกษาสำหรับลูกเกษตรกรในพื้นที่ดังกล่าวที่จะสมัครเป็นนักศึกษา ม.ร.ในภาค 1/2561 นี้ ให้เรียนฟรีจนจบการศึกษาหลักสูตรปริญญาตรี ณ มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการฯ จังหวัดเชียงราย รวมถึงผู้ที่กำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยรามคำแหงสาขาฯเชียงราย ก็จะยกเว้นค่าเล่าเรียนตลอดหลักสูตรจนจบการศึกษาด้วย เพื่อให้การศึกษาเป็นพื้นฐานสำคัญของชีวิต และสนับสนุนในการทำความดีของมนุษยชนต่อไป

สำหรับผู้ประสงค์จะรับทุนการศึกษากรณีดังกล่าว ให้ติดต่อที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการฯ จังหวัดเชียงราย ภายในวันที่ 20 กรกฎาคม 2561 (ทุกวัน) รายละเอียด โทร. 053-152-082

เจ้าอ้วนสิงโตทะเลแสนรู้ในสวนสัตว์โคราช ร่วมทายผลนัดชิงบอลโลก เลือกฝรั่งเศส ชนะโครเอเชีย หลังเคยทายถูกมาแล้ว 1 ครั้ง

นัดชิงบอลโลก / ภายหลังจากที่การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ซึ่งเตะที่ประเทศรัสเซีย ได้คู่ชิงชนะเลิศ ระหว่าง ทีมชาติฝรั่งเศส กับทีมชาติโครเอเชีย ซึ่งจะทำการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ ในคืนวันอาทิตย์ที่ 15 ก.ค นี้ ก็ทำให้ทั่วโลกมีคลิปสัตว์ชนิดต่างๆ ออกมาทายผลการแข่งขันคู่ชิงชนะเลิศกันเป็นจำนวนมาก

วันที่ 13 ก.ค. ที่โซนแสดงความสามารถของสัตว์ป่า ภายในสวนสัตว์นครราชสีมา ก็ได้มีการจัดโชว์พิเศษ ให้กับนักท่องเที่ยวได้ชม โดยให้สิงโตทะเล เพศผู้ อายุ 25 ปี ชื่อว่า “เจ้าอ้วน” ออกมาทายผลการแข่งขันฟุตบอลโลกนัดชิงชนะเลิศเช่นกัน โดยการนำลูกฟุตบอล 2 ลูก ที่ติดรูปธงชาติของฝรั่งเศส กับธงชาติโครเอเชีย อย่างละลูก มาโยนลงในสระน้ำ เพื่อให้เจ้าอ้วนเลือก

ปรากฏว่าเจ้าอ้วนได้กระโดดลงไปในน้ำทำท่าจะเลือกโครเอเชีย แต่วกกลับไปเลือกลูกบอลทีมชาติฝรั่งเศส แล้วนำขึ้นมามอบให้กับครูฝึกทันที ซึ่งหมายความว่าเจ้าอ้วนเลือกให้ฝรั่งเศส ชนะโครเอเชีย คว้าแชมป์โลกไปครอง

สร้างความฮือฮาให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยก่อนหน้านั้นเจ้าอ้วน ได้เคยทายผลฟุตบอลโลกถูกมาแล้ว 1 ครั้ง ซึ่งเป็นคู่วันที่ 22 มิถุนายน ระหว่างบราซิล กับคอสตาริก้า ซึ่งเจ้าอ้วนเลือกบราซิล เป็นผู้ชนะ และผลก็ออกมาตามที่เจ้าอ้วนทาย

ทรู คอร์ปอเรชั่น จับมือ ซีพี พัฒนา แอพพลิเคชั่น “ช่วยปลูก” เป็นผู้ช่วยเกษตรกรปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ยุคดิจิทัล นำร่องใช้กับเกษตรกรในตำบลบัลลังก์ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา เป็นที่แรก ยกระดับขีดความสามารถเกษตรกร พัฒนาคุณภาพสินค้า ลดต้นทุน สร้างรายได้มั่นคง ตอบโจทย์เกษตรกรยุค 4.0 พร้อมใช้จริงปลายปี 2561 นี้

นายวรพจน์ สุรัตวิศิษฏ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงเทพโปรดิ๊วส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท กรุงเทพโปรดิ๊วส จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจการค้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ผู้จัดหาวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์แก่บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ได้ร่วมมือกับทรู คอร์ปอเรชั่น พัฒนาแอพพลิเคชั่น “ช่วยปลูก” ขึ้น ให้เป็นเครื่องมือช่วยเกษตรกรเพิ่มประสิทธิภาพการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จากการเข้าถึงข้อมูลและความรู้ผ่านโทรศัพท์มือถือ

โดยจะนำร่องทดลองใช้กับเกษตรกรปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เข้าร่วมโครงการ “เกษตรกรพึ่งตน ข้าวโพดยั่งยืน” ในรูปแบบ “บัลลังก์โมเดล” อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา เป็นที่แรก เพื่อร่วมปรับปรุงและพัฒนาแอพให้สมบูรณ์ตอบโจทย์ความต้องการของเกษตรกรมากที่สุด โดยตั้งเป้าให้แล้วเสร็จในไตรมาส 4 ของปีนี้ เพื่อเผยแพร่ให้เกษตรกรที่สนใจต่อไป

แอพพลิเคชั่น “ช่วยปลูก” ถูกออกแบบมาอำนวยความสะดวกให้เกษตรกรเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการปลูกข้าวโพดตลอดกระบวนการ ตั้งแต่ “ช่วยคิด” วางแผนการปลูก การจัดการต่างๆ การจัดหาวัตถุดิบและ เครื่องจักรและอุปกรณ์ในการผลิต “ช่วยทำ” จะแจ้งเตือนการวางแผนการปลูก การใส่ปุ๋ย การเก็บเกี่ยว

และ “ช่วยขาย” มีข้อมูลราคารับซื้อข้าวโพดหน้าโรงงานในแต่ละวัน ช่วยให้เกษตรกรสามารถตัดสินใจและดำเนินการได้อย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ผลผลิตเพิ่มขึ้น และได้ราคาขายที่ดี

“แอพพลิเคชั่น “ช่วยปลูก” เปรียบเสมือนคู่คิดที่ปรึกษาด้านการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ครบวงจร ให้กับเกษตรกร สามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้ตลอดเวลาที่ต้องการ นำไปสู่การตัดสินใจถูกต้อง และมีระบบปฏิทินเตือนการทำงานในเวลาที่เหมาะสม ช่วยลดต้นทุนการผลิต เพิ่มคุณภาพสินค้า และได้ราคาขายดีขึ้น

ร้อยตรีฐนนท์ธรณ์ กวีกิจรัตนา นายกเทศมนตรีตำบลบัลลังก์ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา กล่าวว่า จากการสำรวจข้อมูล เกษตรกรในตำบลบัลลังก์ใช้สมาร์ทโฟนกันอยู่แล้ว แอพพลิเคชั่นจะช่วยให้เกษตรกรทุกคนสามารถเข้าถึงความรู้ ในการปลูกข้าวโพดในเวลาที่เหมาะสม ลดการใช้ปุ๋ยหรือสิ่งที่ไม่จำเป็นกับการปลูกได้