คุณวีระชัยไม่ได้เพาะขายพันธุ์ปลาและกบเป็นรายได้เท่านั้น

แต่ยังชักชวนชาวบ้านในพื้นที่รวมตัวจัดตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอำเภอกันทรารมย์เพื่อนำสัตว์น้ำที่เลี้ยงมาแปรรูป โดยคุณวีระชัยเป็นประธาน กิจกรรมกลุ่มคือการผลิตน้ำพริกนรกกบ ไม่ใส่สารกันบูด ราคาขายมี 2 ขนาด คือ 25, 30 บาท นอกจากนั้น ยังมีน้ำพริกปลาดุกฟู กับผลิตปลาตะเพียนและปลานิลส้ม ถือเป็นแนวคิดเพิ่มมูลค่าสร้างรายได้อีกหนึ่งช่องทาง

ด้านเกษตรกรรม
คุณวีระชัยปลูกอ้อยพันธุ์สุพรรณบุรี 50 อ้อยพันธุ์นี้นิยมปลูกเป็นอ้อยคั้นน้ำ ใช้พื้นที่ปลูก 1 ไร่ จะตัดส่งขายกิโลกรัมละ 5 บาท สวนอ้อยไม่ใช้เคมี เป็นแนวทางอินทรีย์ที่ใช้ปุ๋ยหมักและน้ำหมักจากพืชและสัตว์

เริ่มจากเตรียมพื้นที่ปลูกอ้อยด้วยการไถพรวน แล้วขุดหลุมไม่ลึก ใส่ขี้วัวลงไปแล้วนำอ้อยใส่หลุมละ 3-4 ท่อน แต่ละหลุมห่างกัน 1.2-1.5 เมตร โรยบริเวณหลุมด้วยขี้เลื่อย คลุมด้วยทางใบไม้ รดน้ำพอชุ่ม สัก 2-3 วันจะแตกยอดปล่อยให้สูงสักศอกแล้วให้ใส่ขี้วัวอีกรอบประมาณครึ่งกิโลกรัมต่อหลุม

พอยอดขยับสูงขึ้นอีกใช้น้ำหมักที่ทำเองจากเศษพืชและสัตว์ที่เหลือ โดยผสมน้ำหมักเข้มข้น 10 ซีซีหรือช้อนโต๊ะต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบให้ทั่วจะช่วยให้ใบอ้อยมีความสมบูรณ์ เขียว หนา ให้ใส่ปุ๋ยคอกทุก 3 สัปดาห์ ส่วนน้ำหมักฉีดทุก 15 วัน

หลังจากปลูกราว 4-5 เดือนต้องดึงใบแก่ด้านล่างออกให้หมดเพื่อป้องกันแมลงศัตรูและโรคที่มักมาสะสมบริเวณโคนต้นอ้อย ตัดอ้อยเมื่อมีอายุประมาณ 8 เดือนเป็นอย่างต่ำ น้ำหนักอ้อยต่อลำประมาณ 4 กิโลกรัม ปลูกแต่ละรอบสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ 3-4 ปี

ผลผลิตไม่ได้ตัดเก็บครั้งเดียวทั้งหมด แต่จะแบ่งตัดครั้งละ 100 กิโลกรัม เพื่อขายให้กับคนรับซื้อไปคั้นน้ำ บางคราวตัดคั้นเอง ทั้งยังตัดขายท่อนพันธุ์ที่มีจำนวน 2 ตา ราคาท่อนละ 2-3 บาท

คุณวีระชัย บอกว่า อ้อยแต่ละท่อนที่มีน้ำหนักเฉลี่ย 4 กิโลกรัมเมื่อนำไปคั้นน้ำจะได้น้ำหนัก 1.5-2 กิโลกรัม ราคาขายน้ำอ้อยกิโลกรัมละ 30-40 บาท คนขายจะมีรายได้ต่อลำ 60-80 บาท หรือมีรายได้เฉลี่ยต่อวัน 2,000-3,000 บาท

นอกจากนั้น ยังปลูกมะม่วง มะพร้าวน้ำหอมบริเวณรอบบ่อปลา แล้วยังมีแผนปลูกต้นหมากขายผล โดยมีรายได้จากไม้ผลตามฤดูกาล อีกทั้งยังปลูกไม้เศรษฐกิจอย่างต้นยางนา พะยูง ไม้แดง ประดู่ มาได้สัก 2 ปี เผื่อไว้เป็นรายได้ในอนาคต

คุณวีระชัยเลี้ยงวัวขายพันธุ์ เป็นพันธุ์ลูกผสมระหว่างวัวพื้นบ้านกับพันธุ์บราห์มันและชาโรเล่ส์ มีแม่พันธุ์ 10 ตัว ใช้วิธีผสมเทียม อายุแม่พันธุ์ที่เริ่มให้ลูกคือประมาณปีเศษ จะดูว่ามีความสมบูรณ์แข็งแรงและพร้อมเป็นสัดจึงฉีดน้ำเชื้อ มีอายุตั้งท้อง 9 เดือน เลี้ยงมา 4 ปี เพิ่งขายลูกวัวไปรุ่นแรกได้มาแสนกว่าบาท มองว่าน่าสนใจจึงตั้งใจจะเพิ่มแม่พันธุ์อีก 10 ตัว แล้ววางเป้าหมายขายลูกวัวได้ 100 ตัว

อาหารที่ใช้เลี้ยงวัวเป็นหญ้าหวานอิสราเอลกับฟางแห้ง คุณสมบัติที่ดีของหญ้าหวานคือมีโปรตีนสูงกว่าหญ้าเนเปียร์ สัตว์เคี้ยวง่าย มีรสหวาน กรอบ คุณวีระชัยปลูกหญ้าหวานไว้ในทุ่งนาแล้วปล่อยให้วัวไปกินเอง ไม่ต้องนำมาสับให้ยุ่งยากเหมือนหญ้าเนเปียร์ นอกจากนั้น ยังใช้ประโยชน์จากมูลวัวด้วยการนำมาผลิตเป็นปุ๋ยหมักสำหรับใช้กับพืชและปลา ช่วยลดต้นทุน แล้วยังมีความปลอดภัย

การทำเกษตรกรรมมีหลากหลายรูปแบบ และการทำเกษตรผสมผสานถือเป็นอีกแนวทางที่ช่วยให้เกษตรกรประสบความสำเร็จ ทำให้ชาวบ้านมีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน

ขนุนพันธุ์ “ขาวมุกสยาม” คือ ขนุนพันธุ์โบราณหายาก เนื้อสีขาวนวล มีรสชาติหวาน เนื้อกรอบ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ค่อนข้างแตกต่างจากขนุนเหลือง มีเมล็ดที่เล็ก เนื้อด้านในไม่เละแม้จะสุกงอม ต้นขนุนขาวสายพันธุ์นี้มีต้นไม่สูงมาก ความสูงเต็มที่ประมาณ 7-8 เมตร มีลักษณะแตกกิ่งก้านสาขาเป็นพุ่มกว้าง ใบ จะเป็นใบเลี้ยงเดี่ยว มีลักษณะเป็นรูปวงรี มีใบที่เล็กกว่าใบขนุนทั่วไป สามารถแยกได้อย่างชัดเจน ใบมีสีเขียวสด ผิวเรียบและมัน

ดอก ขนุนสายพันธุ์ “ขาวมุกสยาม” จะออกดอกเป็นกลุ่ม ช่อดอกตัวผู้และตัวเมียอยู่บนต้นเดียวกัน ช่อดอกตัวผู้จะออกที่บริเวณโคนกิ่ง ลำต้น และซอกใบ มีลักษณะเป็นแท่งยาว ประมาณ 2.5 เซนติเมตร ดอกตัวเมีย จะมีขนาดใหญ่กว่าก้านช่อดอกตัวผู้อย่างชัดเจน ดอกตัวผู้จะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว คล้ายกลิ่นส่าหล้า ส่วนดอกตัวเมียนั้นจะไม่มีกลิ่น

ผล ขนุนสายพันธุ์ “ขาวมุกสยาม” ผลโตเต็มที่จะมีน้ำหนักเฉลี่ย ประมาณ 12-16 กิโลกรัม ต่อ 1 ผล และจะมีผลย่อยจำนวนมาก เรียกว่า ยวง มีซังน้อย และที่แปลกคือ เนื้อด้านในหรือยวงเป็นสีขาวนวล มีเมล็ดที่เล็กกว่าขนุนทั่วไป และมีเนื้อที่กรอบไม่เละ แม้จะสุกงอม

รสชาติของขนุนสายพันธุ์ขาวมุกสยาม มีรสหวานที่เป็นเอกลักษณ์ เนื้อกรอบ และมีกลิ่นที่หอมละมุน ไม่หอมฉุนเท่าขนุนทั่วไป ด้วยความเป็นเอกลักษณ์ทั้งรสชาติ และสีสัน ทำให้ถูกตั้งชื่อว่า “ขนุนเนื้อขาวมุกสยาม” เป็นไม้ผลมงคล ออกผลผลิตตามช่วงฤดูกาล สามารถขยายพันธุ์ได้ทั้งเมล็ด เสียบยอด ทาบกิ่ง และติดตา สามารถปลูกได้ในดินเพาะปลูกทั่วทุกภาคในประเทศไทย

คุณแพวพันธ์ คงสุนารัตน์ หรือ คุณจิ๊บ อายุ 37 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 1213 ถนนกองวัคซีน ตำบลปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ปัจจุบันประกอบอาชีพข้าราชการ และมีอาชีพเสริมเป็นเกษตรกรปลูกไม้ผลเพื่อจำหน่าย คุณแพวพันธ์ กล่าวว่า ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน มีเพื่อนที่รู้จักเอาขนุนแปลกๆ สีขาวมาให้ลองชิม เลยทำให้รู้จัก ขนุนสายพันธุ์ขาวมุกสยาม ต้องยอมรับเลยว่าครั้งแรกที่เห็น ยอมรับว่าแปลกมาก คาดเดารสชาติไม่ออก

แต่พอได้ลองชิมรสชาติแล้ว ต้องบอกเลยว่า หวาน หอม กรอบ อร่อย กินจนหมดเกลี้ยง และก็โยนเมล็ดไว้ข้างบ้าน แต่พอระยะเวลาผ่านไป ต้นขนุนนี้ก็โตไวมาก พอเข้าปีที่ 3 ก็ให้ผลผลิตออกมาให้เห็น แต่อาจจะยังไม่ดกมากเท่าไหร่ จนกระทั่งปัจจุบันต้นขนุนนี้ มีอายุ 10 กว่าปี แล้ว ผลผลิตดกมาก

ขนุนขาวมุกสยาม เป็นขนุนสายพันธุ์โบราณ อาจไม่เป็นที่นิยมมากเท่ากับขนุนสีเหลือง และหาทานได้ยาก ทำให้ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก หลายคนอาจจะสงสัยว่า สีขาวแบบนี้จะหวานไหม อร่อยหรือเปล่า ขนุนขาวมุกสยาม มีรสชาติหวาน เนื้อกรอบ ไม่เละแม้จะสุกงอม กลิ่นหอมละมุนคล้ายดอกมะลิ ซังน้อย เมล็ดเล็ก และที่สำคัญยางน้อยกว่าขนุนทั่วไป

คุณแพวพันธ์ กล่าวว่า ขนุนขาวเกิดจากความบังเอิญที่ไม่ตั้งใจปลูก ปัจจุบันกลับสร้างรายได้เสริม เปิดจองขนุนขาวมุกสยามออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊ก ต้องจองกันข้ามปี สามารถตั้งราคาขายได้เอง โดยมีราคากิโลกรัมละ 100 บาท ลูกค้าจองกันเข้ามาไม่พอขาย และนอกจากนี้ ยังมีต้นพันธุ์ขนุนขาวมุกสยามจำหน่ายด้วย

เกษตรกรส่วนมากนิยมเพาะขนุนขาวด้วยวิธีเสียบยอด เพราะจะทำให้ได้ผลผลิตที่เร็ว แต่ต้นอาจะไม่สมบูรณ์ ไม่แข็งแรง และอายุยืนเท่าการเพาะจากเมล็ด การใช้วิธีขยายพันธุ์จากเมล็ด จะใช้ระยะเวลาที่นานกว่าการเสียบยอด แต่จะทำให้ได้ต้นพันธุ์ที่สมบูรณ์ แข็งแรง และอายุยืน

วิธีเพาะเมล็ดขนุน เริ่มจากการเตรียมเมล็ด เลือกเมล็ดที่สมบูรณ์ที่สุด ควรมาจากผลที่แก่เต็มที่หรือสุกแล้ว ล้างเมล็ดให้สะอาด และนำไปเพาะทันที อย่าเก็บเมล็ดไว้นานเกิน 15 วัน เพราะจะทำให้อัตราการงอกน้อย ก่อนการเพาะเมล็ดควรนำเมล็ดแช่น้ำก่อนประมาณ 10-20 นาที ในน้ำที่แช่สามารถใส่ยากำจัดเชื้อราได้ เพื่อป้องกันเชื้อราที่อาจติดมากับเมล็ด

การเตรียมเพาะเมล็ด เตรียมถุงเพาะปลูกให้พร้อม ใต้ถุงเพาะปลูกจะต้องมีรูเพื่อระบายน้ำไม่ให้ขัง นำดินเพาะปลูกที่มีความร่วนซุยมาผสมกับปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยคอก อัตราส่วน 1 ต่อ 1 จากนั้นใส่ดินลงไปที่ก้นถุง และหยอดเมล็ดลง 2 เมล็ด ต่อ 1 ถุงเพาะปลูก การฝังเมล็ดควรลึกประมาณ 5 เซนติเมตร

จากนั้นใส่ดินเพาะปลูกให้เต็มถุง และรดน้ำให้ชุ่ม ในเวลาเช้า-เย็น อย่าให้ดินแห้ง หรือแฉะเกินไป เมื่อต้นกล้าสูง ประมาณ 5-6 นิ้ว ถือเป็นต้นกล้าที่สมบูรณ์แล้ว สามารถนำลงแปลงปลูกได้

คุณแพวพันธ์ กล่าวว่า ขนุนขาวมุกสยาม เป็นผลไม้โบราณหาทานได้ยาก อยากเชิญชวนเกษตรกรที่สนใจในผลไม้แปลก สามารถสร้างรายได้งามๆ ทำเป็นอาชีพหลักก็ได้ หรืออาชีพเสริมก็ดี ขนุนขาวมุกสยาม ยังถือเป็นไม้ผลที่มีความต้องการทางตลาดสูง เพราะมีเกษตรกรผู้เพาะปลูกน้อย แต่ขนุนขาวมุกสยามมีรสชาติดี หวาน เนื้อกรอบ แม้สุกงอมก็เนื้อไม่เละ กลิ่นหอมคล้ายมะลิ มียางน้อย เมล็ดเล็ก อยากให้ผู้บริโภคเปิดใจทานขนุนขาวมุกสยาม รับรองจะต้องชื่นชอบ

สำหรับท่านใดที่สนใจผลผลิตขนุนขาวมุกสยาม ต้นกล้าขนุนขาวมุกสยาม ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณแพวพันธ์ คงสุนารัตน์ หรือ คุณจิ๊บ อายุ 37 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 1213 ถนนกองวัคซีน ตำบลปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 30130 โทรศัพท์ 099-401-1991 หรือติดตามความเคลื่อนไหวได้ทางเฟซบุ๊ก บ้านไร่ พึ่งสวน

ไวท์ ซาโปเต้ หรือ ละมุดขาว เป็นพืชใหม่สำหรับเมืองไทย แต่เป็นผลไม้เขตร้อน เป็นผลไม้อีกหนึ่งอย่างที่กำลังมาแรงในตลาดอย่างรวดเร็ว ด้วยมีคุณลักษณะที่นิ่มเหมือนคัสตาร์ด กินง่าย อ่อนนุ่ม รสชาติหวาน ปลูกเป็นไม้กระถางได้ ตอนนี้ถ้าใครนำไปเพาะพันธุ์ต่อยอดจะทำให้ตลาดต้นไม้มีของเพิ่มมาอีก ประดับบ้านก็สวยงาม ตัดแต่งให้เป็นพุ่มเตี้ยได้ ต้นพันธุ์เสียบยอดจากการเพาะเมล็ดของเขาเอง นำมาเสียบยอดอีกขั้นหนึ่งทำให้มีรากแก้ว ทำให้หาอาหารได้ดี

คุณสุพัตรา นิรังกุล ผู้ที่ชอบทดลองปลูกพืชใหม่ๆ ที่ได้รสชาติดี จะคัดเลือกไม้ผลจากต่างถิ่นมาพัฒนาและต่อยอดการตลาดในเมืองไทย โดยก่อนที่คุณสุพัตราจะนำมาเผยแพร่ต้องได้รับการทดลองปลูกจนประสบความสำเร็จ และการปลูกที่ไม่ยุ่งยาก เจริญเติบโตได้ดีในเมืองไทย หรือเขตร้อนอย่างบ้านเรา เช่น ต้นละมุดขาว หรือ ไวท์ ซาโปเต้ ก็จะปลูกจนได้ผลผลิตออกมา และจะเผยแพร่ด้วยการออกงานเกี่ยวกับสินค้าเกษตร งานเกษตรต่างๆ ของทางราชการจัดบ้าง หรือทั่วไปบ้าง ต้นละมุดขาวได้ผลสำเร็จดีมาก เป็นที่ยอมรับ คิดว่าเป็นไม้ผลที่สามารถทำการตลาดได้ และผู้ที่ต้องการมองหาอาชีพค้าขายต้นไม้หรือนำไปจัดสวน ผลที่ออกมาทั้งสวยและกินได้

คุณสุพัตราถือว่าเป็นผู้คร่ำหวอดอยู่กับต้นไม้ประดับกินได้ เป็นผู้ปลูก ไวท์ ซาโปเต้ หรือละมุดขาว ที่ประสบความสำเร็จ และขายผลทางออนไลน์ทั่วประเทศ พร้อมกับนำเมล็ดไปเพาะ เพื่อต่อยอดการตลาด ในการขยายต้นพันธุ์

“อยากจะแนะนำผู้ที่กำลังคิดจะเริ่มค้าขายเกี่ยวกับไม้ผล ไม้ประดับกินได้ ต้องมีต้นละมุดขาวด้วย เพราะเป็นพืชที่กำลังนิยม และการปลูกง่ายมาก เพียงแต่ท่านต้องห่อลูก ป้องกันแมลงวันทอง แต่ที่ปลูกอยู่ที่สวนดกมากจนห่อไม่ทัน และก็เก็บตอนลูกแก่จัดแต่ยังไม่นิ่ม ก็ไม่มีปัญหาเรื่องแมลงเจาะ เป็นต้นไม้ที่ดูแลง่ายมาก เพราะชอบอากาศร้อนอย่างบ้านเรา” คุณสุพัตรา กล่าว

ที่สวนสุพัตรา ขยายพันธุ์และเพาะพันธุ์ละมุดขาวที่นำเข้าต้นพันธุ์จากอเมริกาใต้ ใช้เวลาปลูกมา 7 ปี จนประสบความสำเร็จ ได้ผลดกมากมายและรสชาติที่นุ่มนวลละลายในปาก ที่เจ้าของพยายามพัฒนาต่อยอดต้นพันธุ์เขตร้อนทั่วทุกมุมโลก นำมาเพาะพันธุ์ และปรับปรุงเรื่องของการปรับตัว จนได้ต้นพันธุ์ที่เข้ากับสภาพดินฟ้าอากาศเมืองไทย แต่ต้องมีสายพันธุ์ที่อยู่ในเขตร้อนมาก่อนเท่านั้น

ราคาขายตอนนี้ก็ตั้งราคาส่งจากสวน กิโลกรัมละ 100 บาท ไม่รวมค่าขนส่ง เหมาะสำหรับเป็นส่วนหนึ่งของผลไม้ที่ควรจะมีอยู่ในกระเช้าของฝาก ถึงแม้เปลือกจะบาง แต่ก็อยู่ในวิถีของการขนส่งที่รวดเร็วในปัจจุบัน ที่ไม่เกิน 3 วัน อยู่ได้โดยไม่เสียหาย เป็นผลไม้ของฝากที่คนกินไม่ได้ซื้อ คนซื้อไม่ได้กิน

“เห็นว่า ละมุดขาว เป็นผลไม้ที่ขายกันทั่วไปในอเมริกาและแอฟริกาใต้ บราซิล คอสตาริกา เป็นที่นิยม เพราะว่าเป็นผลไม้ที่นุ่มเหมือนคัสตาร์ด ต่างประเทศมักจะเขียนป้ายบอกว่า white sapote หรือ custard fruit ด้วยรสชาติที่ให้ใครชิมก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า…ชอบ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และหวานนิ่มนวล ต่างประเทศมักจะนำมาปั่นเป็นมิลค์เชค คล้ายกับน้ำปั่น อะโวกาโด คิดว่าถ้าตลาดไปกว้างกว่านี้ก็จะมีเมนูน้ำปั่น ไวท์ ซาโปเต้ หรือละมุดขาวในเมนูบ้านเรา” เจ้าของบอก

คุณสุพัตรา บอกว่า ที่สวนได้ปลูกมานานกว่า 7 ปีแล้ว และเห็นผลแล้วว่า รสชาติอร่อยมาก น่าจะเป็นที่ถูกปากของคนไทย ที่สำคัญคือ ปลูกง่าย เหมาะสำหรับทำเป็นธุรกิจไม้ประดับกินได้ เป็นทั้งผลไม้และไม้ประดับ พุ่มขนาดกลาง แต่ถ้าปลูกลงดินจะมีพุ่มใหญ่คล้ายต้นมะม่วง ข้อดีคือ เป็นทั้งร่มเงาและสร้างรายได้ ราคาขายในต่างประเทศ อยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 9 ดอลลาร์ ถือว่าได้ราคาดีเลยทีเดียว

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ …เป็นไม้ผลขนาดเล็ก ให้ร่มเงา ปลูกเป็นไม้กระถาง ไม้ประดับ ต้นไม้หลังบ้าน-หน้าบ้าน ความสูงประมาณ 4.6-18 เมตร เป็นไม้เติบโตช้า เปลือกของลำต้นหยาบ หนา กิ่งก้านไม้สม่ำเสมอ ค่อนข้างเปราะ ใบสีเขียวเข้ม ดอกมีขนาดเล็กสีเขียวซีดถึงสีครีม จะออกดอกเดือนมกราคมถึงเดือนกุมพาพันธ์

ลักษณะผล …เปลือกสีเขียวเข้มอมเหลือง เปลือกบาง เนื้อสีขาวและเรียบเนียน เมล็ดใหญ่และขาว ฤดูกาลให้ผลผลิตเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน นอกจากนั้นให้ผลผลิตน้อยลงแต่ให้ตลอดจนถึงเดือนพฤศจิกายน เป็นพืชทนแล้ง ต้องการแสงแดดเต็มที่

ลักษณะราก …ระบบรากตื้นและแข็ง ดินที่ปลูก ค่า pH หรือความเป็นกรด-ด่างของดิน อยู่ที่ 5.6-7.4

ลักษณะของดอก …ดอกไม้สีขาวครีม มักจะซ่อนอยู่ตามใบไม้ของต้นไม้ ดอกไม้สีขาวครีมจะออกเป็นช่อเหมือนช่อมะม่วง มีทั้งดอกตัวเมียและดอกตัวผู้ การติดผลก็จะคล้ายมะม่วง จะติดผลอ่อนในช่อที่แข็งแรง สายพันธุ์นี้จะติดผลง่าย โดยเฉพาะปลูกในบ้านเรา จะให้ดอกเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์

ลักษณะของผล …มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2-5 นิ้ว ผิวหนังมีสีตั้งแต่สีเขียวไปจนถึงสีเหลืองทอง มันบางและเรียบเนียน รสชาติที่ยังไม่แก่จัดของเปลือกจะมีรสขมเล็กน้อย เนื้อมีตั้งแต่สีขาวไปจนถึงสีขาวนวลและมักมีต่อมน้ำมันสีเหลืองประปราย เนื้อเนียนนุ่มชุ่มคัสตาร์ด รสชาติหอมหวาน จะมีเมล็ด 1-3 เมล็ด มีความยาวไม่เกิน 1 นิ้ว ซึ่งมีลักษณะคล้ายเมล็ดกระท้อน ลักษณะของผลมีความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นผลไม้ที่น่าสนใจมากชนิดหนึ่งที่รวมลักษณะรูปทรงของผลไม้หลากหลายชนิดมารวมกัน

หมายเหตุ …ผลจะมีรสชาติดีเยี่ยมเมื่อกินสุก บีบผลจะนิ่ม ใช้ช้อนตักกินได้ สายพันธุ์ที่ปลูกได้ดีในเมืองไทยตอนนี้เปลือกจะมีสีเขียว เนื้อในจะมีสีขาวครีม เรียกว่า ไวท์ ซาโปเต้ (white sapote) หรือละมุดขาว แต่มีหลากหลายสายพันธุ์มาก เช่น แบล็ค ซาโปเต้, เยลโล่ ซาโปเต้ เป็นต้น

ต้นละมุดขาวขยายพันธุ์แบบง่ายๆ สามารถนำเมล็ดไปเพาะ ให้มีรากแก้ว เพาะง่ายมากเพียงแต่นำเมล็ดแต่ละเมล็ดเพาะในถุง…ทิ้งไว้ประมาณ 3 สัปดาห์ ก็จะเริ่มผลิใบอ่อนแล้ว ทิ้งไว้อีกประมาณ 1 ปีครึ่ง ก็นำไปเสียบยอดจากต้นพันธุ์เดิมเพื่อให้มีรากแก้ว

ข้อดีก็คือ สามารถปลูกในกระถางได้ เพราะต้นเสียบยอดจะไม่ค่อยสูง ใช้เวลา 2 ปีครึ่ง ก็เริ่มแตกดอกแล้ว แต่ถ้าปลูกโดยใช้เมล็ดก็จะประมาณ 3-4 ปี ถึงจะแตกดอก แต่ก็จะมีความสูงกว่า ต้นเสียบยอด ก็เหมาะสำหรับปลูกลงดิน เมล็ดที่เหมาะสำหรับการนำไปเพาะควรจะเก็บไว้ไม่เกิน 2 เดือน ถึงจะมีเปอร์เซ็นต์งอกสูง หรือต้องการเร็วกว่านั้นก็จะเป็นกิ่งตอน แต่อาจจะต้องปลูกชิดกัน ประมาณ 4×4 เมตร รองรับการแตกพุ่มข้าง เพื่อป้องกันลมและป้องกันต้นล้ม

ต้นไม้ที่เพิ่งปลูกใหม่ การตัดยอดที่เริ่มยาวออก เพื่อกระตุ้นให้เกิดการแตกกิ่งต่ำ แนะนำให้ตัดแต่งกิ่งแบบเบาๆ เป็นประจำทุกปี เพื่อให้ได้ผลด้านข้างมากขึ้นและมีใบปกคลุมภายในเพื่อป้องกันผลไม้จากการถูกแดดเผาโคนต้น หรืออีกวิธีหนึ่งควรตัดขั้วของต้นอ่อนออกเมื่อสูง 3 นิ้ว เพื่อส่งเสริมการแตกกิ่งด้านข้าง เมื่อด้านข้างใหม่มีความยาวเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า และแตกขยายเพิ่มขึ้นอีก

หลังจากปลูกเมื่อการเจริญเติบโตใหม่เริ่มต้นให้ใส่ปุ๋ยต้นอ่อน ด้วยปุ๋ยคอกหรือชีวภาพ หลังจากการตัดแต่งกิ่งและแตกยอด ก็กระตุ้นด้วยปุ๋ย สูตรเสมอ 16-16-16 เมื่อต้นไม้โตขึ้นและเริ่มแตกใบมากขึ้นให้บำรุงใบ ใช้สเปรย์ทางใบ 2-3 ครั้ง ต่อปี

ควรรดน้ำต้นละมุดขาวที่ปลูกใหม่ทุกวันในช่วงสัปดาห์แรกหรือประมาณนั้น สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ในช่วง 2-3 เดือนแรก ในช่วงที่แห้งแล้งเป็นเวลานาน (เช่น 5 วันขึ้นไป ที่มีฝนตกเล็กน้อยถึงไม่มีเลย) ควรรดน้ำ สัปดาห์ละครั้ง เมื่อถึงฤดูฝนความถี่ในการให้น้ำอาจลดลงหรือหยุดลง

เมื่อต้นละมุดขาวมีอายุ 4 ปีขึ้นไป การรดน้ำไม่จำเป็นต้องรดน้ำบ่อย การให้น้ำมากจนเกินไปต้องระวังเรื่องรากเน่า เพราะพืชชนิดนี้ไม่ชอบน้ำมาก ลักษณะทางชีวภาพคล้ายการปลูกมะม่วง การให้น้ำก็ต่อเมื่อกำลังออกผล ต้องหมั่นดูแลและจัดการระบบน้ำ ในระยะออกดอกฉีดพ่นด้วยชีวภาพแคลเซียม โบรอน เพื่อให้ขั้วเหนียว

การให้ผลผลิตและการเก็บเกี่ยว

ละมุดขาว จะให้ผลผลิตในบ้านเราเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน handjobtw.org จะเป็นช่วงที่ให้ผลผลิตสูง และจะให้ผลผลิตแบบประปรายหลังจากเดือนมิถุนายนจนถึงเดือนสิงหาคม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศละมุดขาว อาจให้ผลผลิตถึง 5 เดือน โดยมีผลสุกไล่เลี่ยกัน ระยะตั้งแต่ออกดอกจนถึงเก็บเกี่ยวประมาณ 120 วันผลไม้ชนิดนี้มีสีเขียว แม้สุกก็ยังมีสีเขียว สังเกตดูว่าผลสุกจะมีลักษณะของผิวจะเรียบเนียน สีจะอ่อนลงเล็กน้อย ผลแก่จะยังมีความแข็งของผล

หลังเก็บเกี่ยวให้นำมาวางไว้ในที่ร่มสัก 2-3 วัน จับดูผลจะนิ่มก็จะกินได้ สีก็จะเปลี่ยนไปเล็กน้อย ผลไม้พร้อมกินเมื่อสัมผัสผลนุ่มเล็กน้อยก็กินได้ ผลที่สุกและจับดูว่าผลนิ่ม จะเก็บไว้ในตู้เย็นที่บ้านได้อย่างน้อย 2 สัปดาห์

ศัตรูพืช

ละมุดสีขาว มีศัตรูตามธรรมชาติเพียงเล็กน้อย ปลูกแบบธรรมชาติได้เลย เพียงแต่ระวังเรื่องแมลงวันทอง ถ้าห่อผลได้ก็จะดี แต่ก็ระวังเรื่อง เพลี้ยกระโดด แก้โดยฉีดพ่นน้ำส้มควันไม้ และดูเรื่องน้ำอย่าให้ขาดน้ำ

มีคุณค่าทางอาหาร และวิธีการกิน

วิธีการกิน กินผลสด เพราะว่าคุณค่าทางอาหาร ทำให้สดชื่น ด้วยความหวาน มีทั้งโปรตีนและวิตามิน หรือนำไปแช่เย็นด้วยความที่เนื้อเนียนเหมือนไอศกรีม ทำเป็นมิลค์เชคหรือเป็นแบบนมเย็นก็อร่อยมาก สีของเนื้อจะเหมือนน้อยหน่า แต่เนื้อของละมุดขาวจะละเอียดมาก คล้ายอะโวกาโด

สรรพคุณทางยา

เปลือก เมล็ด และใบของละมุดขาว มีกลูโคไซด์ ที่เรียกว่า คาซิมิโรซีน ซึ่งพิสูจน์แล้วว่ามีฤทธิ์ในการกล่อมประสาท ในบางภูมิภาคใช้เป็นยา เพื่อทำให้นอนหลับและยังใช้ยาต้มจากใบเพื่อรักษาโรคเบาหวาน ในขณะที่ในประเทศจีนนิยมใช้เพื่อลดความดันโลหิตสูง หรือนำใบอ่อนไปคั่วชงดื่มเป็นน้ำชา(อ้างอิง

ถ้าสนใจ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สวนสุพัตรา โดย คุณสุพัตรา นิรังกุล เลขที่ 199/7 หมู่ที่ 6 ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี “ผม…ในฐานะที่เคยเป็นนายอำเภอลองมาก่อน ตั้งใจจะทำแปลงอินทผลัมแห่งนี้ให้เป็นแหล่งเรียนรู้หรือแหล่งศึกษาดูงานสำหรับเกษตรกรชาวอำเภอลอง หรือผู้สนใจจะปลูกอินทผลัมมาถ่ายภาพหรือเซลฟี่ดูทัศนียภาพ ดูการจัดสวน วางระบบน้ำ ผมยินดีต้อนรับครับ”

เป็นคำกล่าวปรารภในเบื้องต้นของเจ้าของแปลงปลูกอินทผลัม จากอดีตนายอำเภอกลับคืนถิ่นสู่วิถีเกษตร อินทผลัม (อ่านว่า อิน-ทะ-ผะ-ลำ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542) ภาษาทางพฤษศาสตร์ว่า Date Palm ซึ่งก็คือ อินทผลัมกินผล เป็นพืชตระกูลปาล์ม พืชดั้งเดิมของประเทศแถบทะเลทราย ตะวันออกกลาง ประเทศที่อยู่ในเขตอากาศร้อนในตอนกลางวัน หนาวเย็นตอนกลางคืน แต่อินทผลัมกลับกลายเป็นพืชไม้ผลเศรษฐกิจอีกตัวเลือกหนึ่งของเกษตรกรไทยกลุ่มผู้รักอินทผลัม พบเห็นการปลูกกันในหลายจังหวัดทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคเหนือ