จากนั้นในช่วงปลายเดือน พ.ค. 2561 บริษัทได้ส่งทีมงานลงพื้นที่

สวนผลไม้ของสมาชิกสหกรณ์ทั้ง 3 จังหวัด เพื่อเยี่ยมชมกระบวนการผลิตทุเรียนตามมาตรฐาน GAP ตั้งแต่ในส่วนของเกษตรกร ก่อนจะรวบรวมส่งให้สหกรณ์คัดคุณภาพ และบรรจุลงกล่องเพื่อขนส่งจำหน่ายสู่ตลาด ทำให้บริษัทเกิดความมั่นใจว่าในการสั่งซื้อทุเรียนจากสหกรณ์จะได้สินค้าที่มีคุณภาพ และได้มีการร่วมกันวางระบบโลจิสติกในการขนส่งสินค้าเพื่อให้ทุเรียนจากประเทศไทยไปถึงจีนได้เร็วสุด

ซึ่งทุเรียนของไทยที่จะส่งจำหน่ายให้อาลีบาบา ทางบริษัทจะนำไปขายผ่านทางออนไลน์และร้านสะดวกซื้อ ที่เป็นเครือข่ายตั้งอยู่ในเมืองต่างๆ ของจีน ทั้งนี้ คาดว่าจะมียอดสั่งซื้อทุเรียนของสหกรณ์นำไปจำหน่ายที่ประเทศจีน ในฤดูกาล ปี 2562 ปริมาณไม่น้อยกว่า 3,000 ตัน หรือ 800,000 ลูก มูลค่าประมาณ 360 ล้านบาท ในราคาซื้อขาย 120 บาท/กิโลกรัม

“ข้อตกลงนี้ จะผลักดันการส่งออกทุเรียนในรูปแบบสดและแช่แข็งส่งไปตลาดจีน ซึ่งสาระสำคัญภายในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ ได้กำหนดให้สหกรณ์ต้องมอบผลผลิตที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานตามความต้องการของบริษัท ติดแบรนด์ของบริษัท Win Chain บนกล่องบรรจุสินค้าด้วย ส่วนข้อตกลงเรื่องราคา ทางบริษัทจะรับซื้อในราคาสูงกว่าราคาตลาด โดยจะต่อรองทุกสัปดาห์”

นายแอนดี้ จาง รองประธานแลผู้จัดการทั่วไปด้านการนำเข้าผลไม้ บริษัท เซี่ยงไฮ้ วินเชน ซัพพลาย แมเนจเม้นท์ จำกัด (วิน-เชน) กล่าวว่า มีวางแผนจะสร้างการค้าทุเรียนไทยให้มีมูลค่า 3,000 ล้านหยวน หรือ ประมาณ 15,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี โดยผ่านอีโคซิสเท้มของอาลีบาบา เชื่อมั่นว่าการร่วมมือกับสหกรณ์ชาวสวนผลไม้จะมีประโยชน์กับทั้ง 2 ฝ่าย ผู้บริโภคชาวจีนก็มีทางเลือกมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีความสนใจจะสั่งซื้อลำไย มังคุด มะพร้าวอ่อน กล้วยเล็บมือนาง และกล้วยไข่ ซึ่งจะพิจารณาผลไม้ทุกชนิดตามฤดูกาล และที่สามารถขายให้กับจีนได้ทั้งปี แต่มีเงื่อนไขผลผลิตต้องมีคุณภาพเท่านั้น โดย อาลีบาบา มีงบไม่อั้นเพื่อสั่งซื้อผลไม้จากไทย ในขณะที่สนใจสั่งซื้อผลไม้ในประเทศเพื่อนบ้านของไทยด้วย ปัจจุบัน มีออเดอร์กล้วยและสับปะรดจากฟิลิปินส์ แล้ว

จากอดีตที่พ่อค้าคนกลางมักเป็นผู้กำหนดราคา ให้ข้อมูลบิดเบือนกับเกษตรกรและเกิดการกดขี่ด้านราคาจนคุณภาพชีวิตเกษตรกรตกต่ำ แต่ ณ ปัจจุบันไม่ใช่แบบนั้นอีกต่อไป เมื่อกรมส่งเสริมการเกษตร ผลักดันให้เกษตรกรในโครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ เกิดการรวมกลุ่มผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐานและเป็นที่ต้องการของตลาด พร้อมสนับสนุนให้มีการเชื่อมโยงการผลิตสู่การตลาด โดยการจัดประชุมเชื่อมโยงในพื้นที่ระหว่างเกษตรกรกลุ่มผู้ผลิตกับผู้รับซื้อในพื้นที่

ขณะเดียวกันยังมีการเชื่อมโยงกับ Modern trade เช่น ห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส แม็คโคร ท็อปส์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต และกลุ่มบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์อาหาร

นอกจากนั้นในภาพใหญ่ ยังมีการสนับสนุนจากตลาดต่างประเทศ โดยนำสินค้าแปลงใหญ่ไปนำเสนอในงานแสดงสินค้าต่างประเทศ เช่น งาน International food show ประเทศต่างๆ เช่น ประเทศเยอรมนี ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น

เห็นได้ชัดเจนว่าโครงการเกษตรแบบแปลงใหญ่ นอกจากช่วยยกระดับคน การบริหารจัดการ มาตรฐานสินค้าเกษตรแล้วยังเป็นการเพิ่มอำนาจการต่อรองให้กับเกษตรกรและเชื่อเหลือเกินว่า ความสำเร็จของเกษตรที่รู้จักปรับตัวและเปิดรับโอกาสใหม่ๆ นั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม

นิทานเรื่อง “หมูป่าสิบสามตัว” ออกมาปลอดภัย บุญคุณยิ่งใหญ่ ยากไซร้ตอบแทน
วันที่ 11 ก.ค. เพจเฟซบุ๊ก Paiboon Boonchu ได้นำนิทานเรื่อง “หมูป่าสิบสามตัว” ของอาจารย์ วิไลลักษณ์ บุญเคลือบ อาจารย์ผู้สอนภาษาไทย มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มาเผยแพร่ซึ่ง ได้แต่งนิทานกลอน ที่พูดถึงความความสามัคคี โดยระบุว่า นิทานทันเหตุการณ์ แถมยังเป็นบทร้อยกรอง น่าอ่านมาก นิทานเรื่อง “หมูป่าสิบสามตัว” อาจารย์ วิไลลักษณ์ บุญเคลือบ อาจารย์ผู้สอนภาษาไทย มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง แต่งนิทานกลอนไว้ดีมาก ฝากให้นัเรียนอ่านด้วยนะครับ

ทีมงานท่อซิ่งพญานาค ขนของกลับบ้านแล้ว หลังเสร็จสิ้นภารกิจช่วย 13 ชีวิต ทีมหมูป่าอะคาเดมี่สำเร็จ เผยดีใจช่วยเด็กๆ ปลอดภัย ลั่นถ้ามีโอกาสจะกลับมาหา

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจมิสชั่นอิมพอสซิเบิ้ลช่วย 13 ทีมหมูป่าอะคาเดมี ออกจากถ้ำหลวง โดยทั้ง 13 ชีวิต ออกมาอย่างปลอดภัย ท่ามกลางการระดมกำลังจากทุกภาคส่วนตลอดระยะเวลาปฏิบัติงาน 17 วัน จนประสบผลสำเร็จ อีกตัวสำคัญในการระบายน้ำในถ้ำหลวง คือท่อสูบน้ำพญานาค ฝีมือประดิษฐ์จากคนไทย โดยท่อสูบกำลังสูงมีทั้งหมด 3 ตัว ถูกนำมาติดตั้งบริเวณนอกถ้ำทรายทอง อ.แม่สาย จ.เชียงราย และเดินเครื่องตลอด 24 ชั่วโมง โดยเริ่มเดินเครื่อง ตั้งแต่ วันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยได้รับการสนับสนุนมาจากทีมจากจังหวัดนครปฐม และสมุทรสาครนั้น อ่านข่าวหัวใจหล่อมาก! ทีมท่อสูบน้ำซิ่ง ทิ้งรายได้นับแสน! เต็มใจช่วย13ชีวิต ถ้ำหลวง

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 11 ก.ค. ที่วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย นายธวัชชัย ฟุ้งขจร อายุ 42 ปี 1 ในทีมงานท่อพญานาค ทีมงานทั้งหมดเริ่มถอนกำลังขนท่อพญานาคกลับ จ.นครปฐม แล้ว หลังจากเสร็จภารกิจ อ่านข่าว เผยภาพป้ายหน้าถ้ำหลวง ย้ำเตือนภารกิจกู้ภัย หมูป่า ทุกคนเป็นทีมเดียวกัน!

นายธวัชชัย กล่าวว่า ในวันนี้ เวลาประมาณ 13.30 น. ทางทีมงานทั้งหมด 20 คน ของท่อพญานาคเริ่มถอนกำลังขนของกลับ เนื่องจากนักดำน้ำทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สามารถเข้าไปช่วยเหลือทีมหมูป่าทั้ง 13 ชีวิต ได้อย่างปลอดภัย และรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์แล้ว โดยการเดินทางกว่าจะถึงจ.นครปฐม ใช้เวลาประมาณ 18 ชั่วโมง จะมีรถกู้ภัยเปิดไฟนำทางให้ในระหว่างการเดินทาง แต่ในระหว่างทางอาจจะมีพักแวะที่โรงแรมที่ผ่าน เนื่องจากเกรงว่าคนขับรถจะอ่อนล้า จึงต้องพักผ่อนเพื่อความปลอดภัย อ่านข่าว ‘รัฐบาลไทย’ ขอบคุณคนทั่วโลก ที่ช่วยทำภารกิจ ‘กู้ภัยทีมหมูป่า’ ได้สำเร็จ!

นายธวัชชัย กล่าวว่า ปกติแล้วเครื่องสูบพญานาคจะรับงานสูบน้ำจากบ่อกุ้ง บ่อปลา วันหนึ่งๆ รับประมาณ 4 งาน มีรายได้ชั่วโมงละประมาณ 1,000 บาท แต่การมาทำจิตอาสาตลอด 12 วัน ที่ถ้ำหลวงตนไม่ได้คิดถึงรายได้ที่หายไปเลย รายได้ที่หายไปพวกตนเริ่มต้นใหม่ แต่ชีวิตเด็กๆ และโค้ชทั้ง 13 คน สำคัญกว่า ถ้าหายไปเริ่มต้นใหม่ไม่ได้ หลังจากทุกคนออกมาปลอดภัยผมรู้สึกดีใจมาก ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่ง มาทำงานที่นี่มาช่วยที่ถ้ำหลวง ไม่สบายนิดหน่อย มีอาการภูมิแพ้กำเริบเนื่องจากอากาศเย็น แต่ก็ไม่เป็นไร การที่เด็กๆ ปลอดภัยได้ช่วยกันก็ดีใจมากๆ ในส่วนของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการผันน้ำออกจากถ้ำหลวงนั้น หากขอให้ตนไปช่วยก็ยินดี แต่เครื่องสูบน้ำท่อซิ่งใหญ่เกินไปสำหรับการสูบน้ำจากที่นา

“ในการทำงานครั้งนี้ ผมมาทำงานด้วยใจทั้งหมด ผมรู้สึกดีใจ ที่ได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือทีมหมูป่าทั้ง 13 ชีวิต ให้ออกจากถ้ำอย่างปลอดภัย ผมยังได้รับมิตรภาพที่ดีจากชาว อ.แม่สาย และจากเจ้าหน้าที่ทุกๆ คน มันเป็นความทรงจำที่ดีมาก ผมอยากบอกทีมหมูป่าว่า ถึงแม้พี่จะไม่ได้เจอหน้าน้องๆ แต่ดีใจมาก ที่น้องๆ ทั้ง 13 คน ปลอดภัย สักวันหนึ่งถ้าได้กลับมา จะมาหาน้องๆ” นายธวัชชัย กล่าว

กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกชุก เตือน 33 จังหวัด ฝนหนัก ภาคใต้มีคลื่นสูงและฝนยังคงตกหนัก ร้อยละ 80 ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง ระบุ พายุโซนร้อน “มาเรีย” ไม่มีส่งผลกระทบต่อประเทศไทย

ฝนหนัก / เมื่อวันที่ 12 ก.ค. กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมง ข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น กับมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก สำหรับภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังผลกระทบจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน มีคลื่นสูง 2-4 เมตร และอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง ส่วนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก ระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง จนถึง วันที่ 15 กรกฎาคม 2561

อนึ่ง พายุโซนร้อน “มาเรีย” ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่นอยู่บริเวณมณฑลเจียงซี ประเทศจีน พายุนี้ไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย ขอให้ประชาชนที่จะเดินทางไปมณฑลเจียงซี ประเทศจีน ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางด้วย

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว และประเทศเวียดนาม เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนยังคงมีกำลังแรง

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย ตั้งแต่ เวลา 06.00 น. ของวันนี้ ถึงเวลา 06.00 น. ของวันที่ 13 ก.ค.นี้ ภาคเหนือ มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ ลำปาง พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นบริเวณกว้าง และมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี อุทัยธานี ชัยนาท นครสวรรค์ ลพบุรี และสระบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส

ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส

ตั้งแต่ภูเก็ตขึ้นมา : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-45 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ตั้งแต่กระบี่ลงไป : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

จากกรณีเพจแห่งหนึ่ง ได้โฟสต์กองกระสอบปุ๋ยถูกวางไว้ในอาคาร ผ่านโซเชียล ระบุว่า “ปุ๋ยโครงการ 9101 ของตำบลบางเดือน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ถูกทิ้งในโรงเรียนร้าง พร้อมติด#ว่า ปุ๋ยโปกาชิ ปุ๋ยเน่า ขายไม่ออก ส่งกลิ่นเหม็น พร้อมตั้งข้อสังเกตว่ามีกลิ่นไข่เน่าอาจใช้หัวเชื้อไม่ได้คุณภาพ อาจมีความชอบมาพากลในการจัดซื้อวัสดุ”

จากกรณีดังกล่าว ล่าสุด วันที่ 11 ก.ค. นายธาร นวลนึก เกษตรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สั่งการให้ นายระนอง เหมทานนท์ เกษตรอำเภอพุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี นายสุวัฒน์ จรัลศิลป์ กำนันตำบลบางเดือน พร้อมคณะกรรมการกลุ่มผลิตปุ๋ย โครงการ 9101 ของ ต.บางเดือน และชาวบ้าน ร่วมลงพื้นที่โรงเรียนบ้านแท่นแก้ว หมู่ที่ 3 ต.บางเดือน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ตรวจสอบพบถุงปุ๋ยกว่า 2,000 กระสอบ วางไว้ในอาคารโรงอาหารของโรงเรียนซึ่งได้ปิดทิ้งร้างและไม่ได้ใช้ประโยชน์ พบว่า เป็นปุ๋ยที่แห้งและล้วนมีแกลบและมูลไก่เป็นส่วนผสม และไม่มีกลิ่นเหม็น

นายสุวัตน์ กล่าวว่า ปุ๋ยที่เห็นเป็นปุ๋ยที่มีการสั่งจองแล้ว บางรายจ่ายเงินไว้แล้ว บางรายยังไม่จ่าย แต่ขอฝากเก็บปุ๋ยไว้ก่อน เนื่องจากสภาพอากาศยังไม่เหมาะสมในการใส่ปุ๋ย จึงใช้โรงอาหารที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ มีหลังคากันแดดกันฝนได้ เป็นโกดังชั่วคราว รอให้เกษตรกรมารับ ไม่ได้ถูกทิ้งให้เน่าตามที่ถูกกล่าวอ้าง และไม่มีกลิ่นเหม็น เพราะตอนนี้ปุ๋ยแห้งมีน้ำหนักเบา

ด้าน นางกัญชุดา ฤกษ์งานดี อายุ 45 ปี หนึ่งในเกษตรกรที่ฝากปุ๋ยไว้ 400 กระสอบ ระบุว่า ปุ๋ยที่จองได้จ่ายเงินไปเรียบร้อย แต่ตอนนี้ยังไม่พร้อมที่จะนำปุ๋ยไปใช้ จึงฝากไว้ก่อน เพราะที่บ้านก็ไม่มีที่เก็บ เมื่อพร้อมจะนำไปใช้ อีกทั้งรอให้ปุ๋ยมีคุณภาพดี เนื่องจากปุ๋ยชนิดนี้ยิ่งทิ้งไว้นานยิ่งดี เพราะใช้แล้วเห็นผลว่าคุณภาพดีและราคาถูก เนื่องจากก่อนจะมี โครงการ 9101 ได้เข้าร่วมกลุ่มทำปุ๋ย ในพื้นที่ตำบลอื่นเพื่อหาปุ๋ยชีวภาพที่ดีและถูก แต่ก็เทียบไม่ได้กับ โครงการ 9101 ตำบลบางเดือน ที่มีราคาถูกกว่าถึง 10 เท่า และมีคุณภาพดี เพราะทิ้งไว้นานจนมีน้ำหนักเบา ซึ่งหลังจากนี้หากปุ๋ยไม่เหลือก็อาจจะขอแบ่งจากคนที่จองไว้

ด้าน นายธาร กล่าวว่า สำหรับ โครงการปุ๋ย 9101 ตำบลบางเดือน สามารถผลิตปุ๋ยได้จำนวนกว่า 10,000 กระสอบ ตามเป้าหมายของโครงการ และจัดจำหน่ายให้เกษตรกรไปใช้แล้ว มีเงินหมุนกลับคืนมาในบัญชีแล้วกว่า 3 แสนบาท ที่เตรียมนำไปต่อยอดในการพัฒนาชุมชน ส่วนปุ๋ยที่เหลือเป็นปุ๋ยที่รอนำไปใช้ประโยชน์ ไม่ได้ถูกทิ้ง หรือขายไม่ออกแต่อย่างใด

นายนิพนธ์ บุญญามณี นายก อบจ.สงขลา กล่าวว่า อบจ. ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน สมาคมส่งเสริมผู้ค้ารายย่อยไทย จัดกิจกรรม “ส่งเสริมตลาดประชารัฐท้องถิ่นสุขใจตลาดโคกไร่” อ.เมือง จ.สงขลา และร่วมกันบริหารจัดการและขับเคลื่อนให้ตลาดโคกไร่ เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและมีความคุ้มค่ามากที่สุด

นายนิพนธ์ กล่าวว่า ตลาดประชารัฐโคกไร่ เนื้อที่ประมาณ 40 ไร่ ม. 8 ต.พะวง อ.เมืองสงขลา ใช้งบประมาณปี 2560 ประมาณ 20 ล้านบาท ปรับปรุงตลาด เพื่อให้มีความพร้อมอยู่ในสภาพที่มีความเหมาะสมต่อการใช้ประโยชน์ของพ่อค้าแม่ค้า เพื่อให้ประชาชนมีสถานที่จำหน่ายผลผลิตทางการเกษตร ประมง อาหารท้องถิ่นสินค้าแปรรูปและผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น ส่งเสริมการประกอบอาชีพ และสร้างอาชีพให้แก่เกษตรกรชาวประมงผู้ผลิตสินค้าชุมชน และประชาชนสามารถจับจ่ายใช้สอยสินค้าที่มีคุณภาพและราคาเป็นธรรม

ทางด้าน นายดลเดช พัฒนรัฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า รัฐบาลกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านการสร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างโอกาสให้ทุกคนในสังคมเข้าถึงทรัพยากรแหล่งทุนในการประกอบอาชีพ ส่งเสริมตลาดประชารัฐ ตลาดชุมชน เพื่อให้เกษตรกรผู้มีรายได้น้อยในชุมชน รวมทั้งผู้ประกอบการที่เดือดร้อนจากการไม่มีสถานที่จำหน่าย ได้มีสถานที่ค้าขายและเป็นการยกระดับสินค้าชุมชนและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากในชุมชน

ย่างเข้าปีที่ 5 แล้วที่รัฐบาล คสช.ภายใต้การบริหารงานของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในปัจจุบัน ที่ทุกคนถามถึงผลงานในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา ทุกคนต่างมีคำตอบอยู่ในใจแล้วว่าสอบผ่าน หรือสอบตก

ผลงานที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ คือผลงานด้านการศึกษาที่รัฐบาลนี้มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมา 3 คน แล้วเป็นทหาร 2 คน ปัจจุบันคนที่ 3 เป็นนายแพทย์ มีการปฏิรูปการศึกษา ทุกคนที่เข้ามา บริหารกระทรวงศึกษาธิการ นโยบายการปฏิรูปการศึกษาจึงเกิดทุกยุคทุกสมัย และทุกคนที่เข้ามา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการก็จะเน้นการปฏิรูปการศึกษา

แต่ความเป็นจริง การปฏิรูปการศึกษาไม่ประสบผลสำเร็จเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน คุณภาพการศึกษาโดยรวมยังไม่ดีขึ้น พูดง่ายๆ ก็คือคุณภาพการศึกษายังไม่บรรลุเป้าหมาย จึงทำให้วนไปวนมากับคำว่าปฏิรูปจนเราเคยชินเป็น คำธรรมดาๆ ขาดมนต์ขลังไปเสียแล้ว

รัฐบาลชุดนี้ก็เข้ามาปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหาร มีการเพิ่มศึกษาธิการจังหวัด ศึกษาธิการภาค ซึ่งเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เราเคยมองว่าศึกษาธิการจังหวัดทำงานซ้ำซ้อน เป็นหน่วยงานที่ไม่ส่งผลต่อคุณภาพการศึกษา เลยยุบมาเป็นเขตพื้นที่การศึกษาจนถึงปัจจุบัน และแล้วกลับมาเพิ่มศึกษาธิการจังหวัด ศึกษาธิการภาค ไม่รู้ว่าที่ตั้งหน่วยงานเพิ่มมานี้ จะส่งผลต่อคุณภาพมากน้อยแค่ไหน แต่ที่เห็นแน่ๆ คือเพิ่มตำแหน่ง เพิ่มซี 9 ซี 10 ขึ้นมาอีก

ผู้เขียนไม่ได้ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง แต่หากเปลี่ยนแปลงแล้วไม่ดีขึ้น แย่กว่าเดิม มีปัญหามากกว่าเดิม กระทบต่อการปฏิบัติงานในพื้นที่ ไม่เปลี่ยนแปลงเสียดีกว่า แทนที่การปฏิรูปจะส่งผลไปที่นักเรียน แต่การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ แทนที่จะเกิดกับนักเรียน แทบไม่เห็นเป็นมรรคเป็นผล ทำให้เราเสียโอกาสการพัฒนาคุณภาพนักเรียน