ชมพูทวีป หมายถึง ประเทศอินเดียในปัจจุบัน สมัยพุทธกาล

เรียกดินแดนแถบนี้ว่า ชมพูทวีป ชมพู แปลว่า ไม้หว้า ชมพูทวีปคือ ดินแดนแห่งไม้หว้า ปีไหนลูกหว้าออกลูกดก แสดงว่าปีนั้นฝนดี ปีไหนลูกหว้าไม่ดก แสดงว่าปีนั้นแล้ง คนอินเดียใช้ “ต้นหว้า” ในการพยากรณ์ฝนฟ้าเรื่องการเพาะปลูกมาแต่ครั้งพุทธกาล หว้าเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าคือ ต้นหว้าเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าอยู่ 2 เหตุการณ์ ได้แก่

1. ตอนตามเสด็จพระราชบิดา ในพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เมื่อครั้นเจ้าชายสิทธัตถะมีพระชนมายุ 8 ปี ได้เสด็จไปพร้อมกับพระเจ้าสุทโธทนะ พระราชบิดาในพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เจ้าชายประทับนั่งอยู่ใต้ร่มไม้หว้าที่บรรดาพี่เลี้ยงบริวารได้จัดถวาย เพราะเห็นว่าภายใต้ร่มหว้านี้มีความร่มรื่นและปลอดภัย

ขณะที่เจ้าชายประทับนั่งขัดสมาธิอยู่เพียงลำพังภายใต้ร่มไม้หว้านั้น ทรงเกิดความวิเวกขึ้น ทรงกำหนดลมหายใจเข้า-ออก เป็นอารมณ์และก็ทรงบรรลุปฐมฌาน แม้เวลาบ่ายคล้อยแล้วแต่เงาไม้หว้ายังคงอยู่ที่เดิมดุจเวลาเที่ยงวัน ผู้คนต่างเห็นเป็นอัศจรรย์ ครั้นพระเจ้าสุทโธทนะทรงทราบและทอดพระเนตรเห็นดังนั้นก็เกิดความอัศจรรย์ในพระทัยและเกิดความเลื่อมใสก้มลงกราบพระโอรส เพื่อบูชาคุณธรรมทางบุญฤทธิ์ปาฏิหาริย์

2. ตอนพระพุทธเจ้าทรงแสดงปาฏิหาริย์ปราบทิฐิมานะชฎิล ชื่ออุรุเวลกัสสปะ ดังข้อความตอนหนึ่งที่กล่าวถึงต้นหว้าไว้ดังนี้…

ครั้นเมื่อถึงเวลาฉัน อุรุเวลกัสสปะได้ไปทูลพระพุทธเจ้าว่า ถึงเวลาแล้วมหาสมณะ ภัตตาหารเสร็จแล้วลำดับนั้นพระพุทธเจ้าทรงถือเอาโอกาสนั้นที่จะทรงแสดงปาฏิหาริย์ แล้วตรัสกับอุรุกัสสปะว่า “ดูกรกัสสปะ ท่านไปก่อนเถิด เราจักตามไป”

พระผู้มีพระภาคทรงส่งชฎิลอุรุเวลกัสสปะไปแล้ว เสด็จไปยังต้นหว้าประจำชมพูทวีป ทรงเก็บผลหว้าประจำชมพูทวีปนั้น แล้วเสด็จกลับมาประทับนั่งในโรงบูชาเพลิงก่อนอุรุเวลกัสสปะ อุรุเวลกัสสปะเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จมาประทับนั่งในโรงบูชาเพลิงก่อน รู้สึกแปลกใจจึงทูลถามพระพุทธเจ้าว่า “ข้าแต่มหาสมณะท่านมาทางไหน ข้าพเจ้ามาก่อนท่าน แต่ท่านมานั่งในโรงบูชาเพลิงก่อน (ข้าพระเจ้า)”

ลำดับนั้น พระพุทธเจ้าตรัสอุรุเวลกัสสปะว่า “ดูกรกัสสปะ เราส่งท่านไปแล้วได้เก็บผลหว้าจากต้นหว้าประจำชมพูทวีปแล้ว จึงมานั่งในโรงบูชาเพลิงนี้ก่อน ดูกรกัสสปะ ผลหว้านี้แลสมบูรณ์ด้วยสี กลิ่น และรส ถ้าท่านต้องการเชิญบริโภคเถิด”

อุรุเวลกัสสปะตอบว่า “อย่าเลย มหาสมณะท่านเก็บผลไม้นี้มา ท่านนั่นแหละจงฉันผลหว้านี้เถิด”

อุรุเวลกัสสปะคิดว่า “พระมหาสมณะมีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมากแท้ เพราะส่งเรามาก่อนแล้วยังเก็บผลหว้าจากต้นหว้าประจำชมพูทวีปแล้วมานั่งในโรงเพลิงก่อน แต่ยังไม่เป็นพระอรหันต์ เหมือนอย่างเราแน่”

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :

ลำต้น ไม้ต้นสูง 10-25 เมตร เปลือกต้นค่อนข้างเรียบ สีน้ำตาล

ใบ ใบเดี่ยว ออกตรงข้าม แผ่นใบรูปรีหรือรูปไข่กลับ กว้าง 5-9 เซนติเมตร ยาว 9-15 เซนติเมตร ปลายแหลม โคนมน มีจุดน้ำมันที่บริเวณขอบใบ

ดอก สีขาว ออกเป็นช่อตามง่ามใบ ออกที่ซอกใบหรือปลายยอด ฐานรองดอกเป็นรูปกรวย กลีบดอก 4 กลีบ เกสรตัวผู้มีจำนวนมาก ออกดอกและติดผลราวเดือนธันวาคม-มิถุนายน ผลอ่อนสีเขียว พอเริ่มแก่ออกสีชมพู สีม่วงแดงแล้วเปลี่ยนเป็นสีม่วงดำ รูปรีแกมรูปไข่ หรือรูปกระสวย สีม่วงแดง ฉ่ำน้ำ ผิวเรียบมัน ผลแก่ราวเดือนพฤษภาคม มีเมล็ด 1 เมล็ด รูปไข่

การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด

นิเวศวิทยา ถิ่นกำเนิดในเอเชียเขตร้อน อินเดีย พม่า มาเลเซีย และไทย ในไทยพบได้ทั่วไป โดยเฉพาะตามพื้นที่ชุ่มน้ำ ดินอุดมสมบูรณ์หรือพื้นที่ใกล้แหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำ ลำธาร หนอง คลอง บึง สามารถขึ้นได้ตั้งแต่ป่าดิบใกล้ทะเลขึ้นไปถึงเขาสูงไม่น้อยกว่า 800 เมตร

สรรพคุณทางสมุนไพร:

เปลือกและใบ ใช้ทำยาอม ยากวาดคอ แก้ปากเปื่อย ลิ้นและคอมีเม็ด

ใบและเมล็ด ใช้แก้บิด มูกเลือด ท้องเสีย นำใบและเมล็ดมาต้มกับน้ำ แล้วนำน้ำที่ได้มาใช้ในการชะล้างแผลเน่าเปื่อย หรือนำใบและเมล็ดมาตำแล้วใช้ทาแก้โรคผิวหนัง

เมล็ด ต้มหรือบด ใช้แก้เบาหวาน แก้บิด แก้ท้องร่วง ลดน้ำตาลในเลือด และใช้ถอนพิษ

ผลดิบ แก้ท้องเสีย

ผลสุก สีม่วงดำและมีรสเปรี้ยวฝาดอมหวาน ใช้ทำไวน์ได้ดี

ประโยชน์อื่น เนื้อไม้ใช้ทำสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในร่ม เครื่องเรือนและเครื่องมือการเกษตร ผลสุก น้ำจากผลหว้า เป็น 1 ใน 8 น้ำปานะ ที่พระพุทธองค์ทรงมีพุทธานุญาตแก่พระภิกษุ ส่วนผลสุกรับประทานได้ ใช้ทำเครื่องดื่ม ทำไวน์ ยอดอ่อนรับประทานเป็นผัก

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. ร่วมกับสมาคมผู้รวบรวมและจำหน่ายพันธุ์ข้าว และมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เปิดตัวเมล็ดข้าวพันธุ์ “หอมแม่โจ้ 9” เพื่อผลิตเป็นเมล็ดพันธุ์หลัก ส่งต่อข้าวพันธุ์ดีถึงมือเกษตรกร และน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ

ในงาน มี ดร.สุวิทย์ ชัยเกียรติยศ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. เป็นประธานในพิธี ผู้ร่วมงานประกอบด้วย รศ.ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ คุณสุทัศน์ เจริญธรรมรักษา ประธานที่ปรึกษาสมาคมผู้รวบรวมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว คุณเกษม ผลจันทร์ นายกสมาคมผู้รวบรวมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว ผศ.ดร.วราภรณ์ แสงทอง ผู้อำนวยการหน่วยความเป็นเลิศด้านการวิจัยและพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ข้าว คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ตัวแทนกรมส่งเสริมการเกษตร ตัวแทนกรมการข้าว และเกษตรกร

ข้าวหอมแม่โจ้ 9 ใช้เวลาปรับปรุงพันธุ์ 8 ปี โดยได้รับงบประมาณจาก สวก.50 ล้านบาทในการวิจัย

ทางสมาคมผู้รวบรวมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว ได้รับสิทธิ์ในพันธุ์ข้าวหอมแม่โจ้ 9 เพื่อผลิตเป็นเมล็ดพันธุ์เผยแพร่สู่เกษตรกร

พันธุ์ข้าวหอมแม่โจ้ 9 ได้จากการปรับปรุงพันธุ์ด้วยวิธีผสมกลับ และใช้เครื่องหมายโมเลกุลช่วยในการคัดเลือก โดยในปี 2554 ทำการผสมพันธุ์ระหว่างพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 ซึ่งใช้เป็นพันธุ์รับ (recurrent parent) และสายพันธุ์ กข 6 ต้นเตี้ย ไม่ไวต่อช่วงแสง ซึ่งใช้เป็นพันธุ์ให้ (donor parent) โดยให้ยีนต้นเตี้ย และไม่ไวต่อช่วงแสง ได้เมล็ดลูกชั่วที่ 1 (F1) จากนั้นนำต้น F1 ผสมกลับไปหาพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 เพื่อผลิตเมล็ด BC1F1 คัดเลือกต้น BC1F1 ด้วยเครื่องหมายโมเลกุลแล้วผสมกลับไปหาพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105

เพื่อผลิตเมล็ด BC2F1 คัดเลือกต้น BC2F1 ด้วยเครื่องหมายโมเลกุล จากนั้นทำการผสมตัวเองเพื่อผลิตเมล็ด BC2F2 คัดเลือกต้น BC2F2 ด้วยเครื่องหมายโมเลกุลแล้วผสมกลับไปหาพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 เพื่อผลิตเมล็ด BC3F1 – BC5F1 คัดเลือกต้น BC5F1 ด้วยเครื่องหมายโมเลกุล และผสมตัวเองเพื่อผลิตเมล็ด BC5F2 ต่อจากนั้นในฤดูนาปรัง 2558 ถึงฤดูนาปรัง 2559 ปลูกคัดเลือกต้น BC5F2 – BC5F4 ด้วยวิธีพันธุประวัติ และใช้เครื่องหมายโมเลกุลช่วยในการคัดเลือก ในฤดูนาปี 2559 ปลูกศึกษาพันธุ์ 2 แถวของสายพันธุ์ BC5F5 และฤดูนาปรัง 2560 ปลูกศึกษาพันธุ์ 4 แถวของสายพันธุ์ BC5F6 ทดสอบผลผลิตภายในสถานีที่แปลงนาทดลองของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จำนวน 3 ฤดู คือ นาปี 2560 นาปรัง 2561 และนาปี 2561 รวมระยะที่ใช้ในการปรับปรุงพันธุ์ 8 ปี

ลักษณะประจำพันธุ์

เป็นข้าวเจ้า ต้นเตี้ย ต้านทานการหักล้ม ความสูงต้นประมาณ 91 เซนติเมตรในฤดูนาปี และ 86 เซนติเมตรในฤดูนาปรัง

เป็นข้าวไม่ไวต่อช่วงแสง สามารถปลูกได้ทั้งในฤดูนาปีและนาปรัง อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 125 วันในฤดูนาปี และ 128 วันในฤดูนาปรัง เมื่อปลูกด้วยวิธีปักดำ

ระยะพักตัว 7 สัปดาห์

ลักษณะทรงกอแบะ ลำต้นค่อนข้างแข็ง

รวงยาว 24.5 เซนติเมตร คอรวงโผล่พ้นพอดี

ข้าวเปลือกสีฟาง มีความยาวเฉลี่ย 11.15 มิลลิเมตร กว้าง 2.60 มิลลิเมตร และหนา 2.00 มิลลิเมตร

ข้าวกล้องสีขาว มีความยาวเฉลี่ย 7.82 มิลลิเมตร กว้าง 2.15 มิลลิเมตร และหนา 1.76 มิลลิเมตร

รูปร่างเมล็ดเรียว (อัตราส่วนความยาวต่อความกว้าง 3.64)

มีประสิทธิภาพการสีดี (ข้าวเต็มเมล็ด และต้นข้าว 52.53%)

ปริมาณอะมิโลส 14.67%

คุณภาพข้าวสุก นุ่ม มีกลิ่นหอม ผลผลิต

ฤดูนาปี ผลผลิตเฉลี่ย 711 กิโลกรัมต่อไร่ (ที่ความชื้น 14%)

ฤดูนาปรัง ผลผลิตเฉลี่ย 603 กิโลกรัมต่อไร่ (ที่ความชื้น 14%) ลักษณะเด่น

เป็นข้าวต้นเตี้ย ทำให้ต้นข้าวไม่หักล้ม

เป็นข้าวไม่ไวต่อช่วงแสง จึงปลูกได้ทั้งในฤดูนาปีและนาปรัง

เป็นข้าวเจ้า หอม พื้นนุ่ม เมล็ดเรียวยาว ข้อควรระวัง

อ่อนแอต่อโรค และแมลงศัตรูพืชที่สำคัญ ได้แก่ โรคไหม้ ขอบใบแห้ง และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล
ควรปลูกในเวลาที่เหมาะสม
ในฤดูนาปี ควรตกกล้าในเดือนกรกฎาคม และดำในเดือนสิงหาคม

ในฤดูนาปรัง ควรตกกล้าระหว่างเดือนธันวาคม-มกราคม และดำระหว่างเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์

ไม่ควรปลูกเร็วหรือล่าช้าเกินไป เพราะจะทำให้ข้าวมีการเจริญเติบโตทางด้านลำต้นไม่เหมาะสม ส่งผลให้มีผลผลิตต่ำ
หลีกเลี่ยงการปลูกที่ออกดอกในช่วงที่อากาศหนาว (พฤศจิกายน-ธันวาคม) หลีกเลี่ยงการปลูกที่จะทำให้ข้าวโน้มรวงในช่วงที่ฝนตกชุก เพราะจะทำให้เกิดโรคเมล็ดด่าง

ผศ.ดร.วราภรณ์ ให้ข้อมูลว่า ข้าวหอมแม่โจ้ 9 มีคุณสมบัติดีเด่นเกือบเท่าข้าวขาวดอกมะลิ 105 ถึง 98 เปอร์เซ็นต์ อีกราวปีเศษ สมาคมผู้รวบรวมและจำหน่ายพันธุ์ข้าวจะสามารถเผยแพร่พันธุ์ให้เกษตรกรนำไปปลูกได้

“หน่อไม้ฝรั่ง” ชื่อก็บอกชัดเจนว่าไม่ใช่หน่อไม้ของไทย เป็นพืชดั้งเดิมทางทวีปเอเชียและยุโรป ภายหลังหน่อไม้ฝรั่งเข้ามาในไทยได้มีการปรับปรุงพันธุ์ให้มีความสอดคล้องและเหมาะสมกับสภาพพื้นที่และสภาพอากาศ สามารถปลูกได้หลายพื้นที่ทั่วประเทศ

ผลผลิตหน่อไม้ฝรั่งมีราคาดีในช่วงแรก จนต้องสนับสนุนและส่งเสริมปลูกในพื้นที่หลายแห่ง กระทั่งราคาหล่นลงมา จากนั้นชาวบ้านก็ปลูกหน่อไม้ฝรั่งเช่นเดียวกับผักชนิดอื่นโดยนำไปขายตามตลาดทั่วไปในราคาไม่แพง

แต่ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่ตำบลท่าดินดำ อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี รวมตัวกันปลูกหน่อไม้ฝรั่งอินทรีย์เพราะมองว่าน่าจะมีราคาสูงเพราะไม่ค่อยมีขาย ทั้งที่มีตลาดผู้บริโภคต้องการ โดยเฉพาะตลาดสุขภาพในและต่างประเทศ

ขณะเดียวกัน แนวทางอินทรีย์เป็นเรื่องยุ่งยาก กับยังต้องใช้เวลามากกว่า จึงทำให้ตลาดของสินค้าชนิดนี้ไม่มีคู่แข่ง ผลจากความสำเร็จของชาวบ้านกลุ่มนี้ช่วยให้พวกเขามีรายได้ดีจากการขายหน่อไม้ฝรั่ง แล้วบางรายสามารถปลดหนี้สินที่มีมายาวนานได้

คุณสมบัติ เตร์มี อยู่บ้านเลขที่ 5 หมู่ที่ 5 ตำบลท่าดินดำ อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี หนึ่งในชาวบ้านที่ประสบความสำเร็จจากการปลูกหน่อไม้ฝรั่งอินทรีย์ ช่วยให้ครอบครัวมีสถานะการเงินที่ดีขึ้น แล้วยังสามารถทยอยปลดหนี้ที่มีอยู่ได้อย่างสบาย

ก่อนมาปลูกหน่อไม้ฝรั่ง คุณสมบัติเคยผ่านการทำไร่อ้อยในพื้นที่ 700 กว่าไร่ ยิ่งทำนานวันพื้นที่ยิ่งลดลงเพราะประสบปัญหาขาดทุน กระทั่งในท้ายที่สุดต้องกู้เงินมาทำ แล้วไปต่อไม่ได้จึงทำให้มีหนี้สินถึง 2 ล้านบาท

จากนั้นเปลี่ยนมาทำเกษตรแบบพอเพียง เก็บพืชผักขายพอมีกิน มีใช้ แต่เคลียร์หนี้ไม่ได้ ครั้นไปเห็นเพื่อนบ้านปลูกหน่อไม้ฝรั่ง แต่ช่วงแรกยังไม่สนใจเพราะไม่แน่ใจว่าจะเสี่ยงหรือไม่ จนมาพบแปลงหน่อไม้ฝรั่งของประธานกลุ่มที่จัดทำแปลงปลูกได้มีระเบียบ สะอาด จัดการปลูกได้มีประสิทธิภาพจนทำให้ได้ผลผลิตสมบูรณ์ มีรายได้สูง จึงเปลี่ยนความคิดคุณสมบัติให้หันมาลองปลูกหน่อไม้ฝรั่ง

คุณสมบัตินำเทคนิคหลายอย่างมาปรับปรุงวิธีปลูกหน่อไม้ฝรั่งของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประสบการณ์จากการปลูกพืชไร่ ได้พัฒนาวิธีปลูกแบบร่องคู่เป็นรายแรกในพื้นที่ เพราะแนวทางนี้จะได้จำนวนต้นมากกว่า แล้วเน้นให้ความสำคัญกับระยะปลูกและความลึกเป็นพิเศษ

คุณสมบัติปลูกหน่อไม้ฝรั่งอินทรีย์มา 4 ปี บนพื้นที่ปลูก 3 ไร่ ตอนปลูกเริ่มแรกไปเก็บเมล็ดพันธุ์จากเพื่อนบ้านมาปลูกก่อน ใช้พันธุ์บร็อคอินพรู๊ฟปลูก พันธุ์นี้ได้รับการปรับปรุงเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพอากาศในไทย มีคุณสมบัติแข็งแรง ขนาดใหญ่ และทน

“ไม่ได้ซื้อเมล็ดพันธุ์ แต่ใช้ผลแก่สุกสีแดงของหน่อไม้ฝรั่งที่เพื่อนบ้านปลูกนำมาบี้แล้วล้างเปลือกให้แตกออกจะพบว่าด้านในมีเมล็ดขนาดเล็กซึ่งเป็นเมล็ดพันธุ์อยู่ผลละ 3-4 เมล็ด นำเมล็ดพันธุ์แช่น้ำแล้วล้างดึงเปลือกหุ้มออก นำไปผึ่งแดดจัด 1 วันเต็ม แล้วจึงนำไปเพาะเป็นต้นกล้า ถ้าหากใช้ไม่หมดที่เหลือห่อไว้แล้วเก็บอย่าให้โดนแดดหรือความร้อน”

เมล็ดพันธุ์ให้นำไปเพาะเป็นต้นกล้าในแปลงที่ยกร่อง นำปุ๋ยคอกอย่างปุ๋ยมูลไก่ มูลหมู หรือปุ๋ยหมักมาผสมดินเพื่อให้ต้นกล้าแข็งแรง ใช้คราดลากไป-มา นำเมล็ดพันธุ์ฝังลงในดิน จากนั้นใช้ไม้กวาดก้านมะพร้าวกวาดกลบเมล็ดพันธุ์แล้วรดน้ำด้วยสปริงเกลอร์ขนาดเล็ก ใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือนเพื่อให้ต้นกล้าเจริญเติบโตแข็งแรง

โดยต้นกล้าที่แข็งแรงให้สังเกตจากลักษณะลำต้นมีขนาดใหญ่กว่าไม้จิ้มฟัน มีความสูงประมาณ 25-30 เซนติเมตร เมื่อบีบเบาๆ ตรงกลางลำต้นจะแข็ง แล้วจึงย้ายลงแปลงปลูก ซึ่งเตรียมดิน ใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ใช้ผาลตีดินให้ร่วนซุยเรียบร้อยแล้ว

คุณสมบัติออกแบบแปลงปลูกหน่อไม้ฝรั่งแบบเป็นร่องคู่ซึ่งต่างกับรายอื่น เขาชี้ว่าข้อดีของการทำร่องคู่ในพื้นที่ 3 ไร่จะช่วยให้ได้ผลผลิตมากขึ้น การชักร่องกำหนดให้มีระยะระหว่างร่องห่าง 50 เซนติเมตร แล้วให้เว้นพื้นที่ออกไปอีก 1.40-1.50 เมตร จึงให้ชักเป็นร่องคู่ชุดต่อไป โดยใช้ระยะห่างระหว่างต้น 40 เซนติเมตร เป็นระยะที่เหมาะสมช่วยให้กอมีขนาดสมบูรณ์ ควรใช้เพียงต้นหรือเหง้าเดียวเท่านั้นเพื่อให้ได้หน่อใหญ่ที่มีความสมบูรณ์ เพราะถ้าปลูกหลายหน่อจะแย่งอาหาร ต้นจะเล็กไม่แข็งแรง

“ต้นกล้าที่ลงดินจำเป็นต้องให้รากมีลักษณะแผ่ออกโดยรอบจะได้รับอาหารอย่างเต็มที่ อย่าให้รากทั้งหมดเอียงหรือหันไปด้านใดด้านหนึ่ง จากนั้นจึงกลบดินด้วยการกดให้แน่นบริเวณรอบต้น คุณสมบัติชี้ว่า เทคนิคบริหารจัดการปลูกที่มีประสิทธิภาพเหล่านี้ จะช่วยให้ผลผลิตมีความสมบูรณ์ มีขนาดใหญ่เป็นเกรด A

เมื่อปลูกเสร็จแต่ละแถวควรเปิดน้ำที่เป็นระบบสายน้ำหยดทันที ช่วงเริ่มต้นควรให้ทุกวันเป็นเวลา 15 วัน วันละครั้ง รดพอดินเปียกไม่ต้องชุ่มแฉะเพื่อให้ต้นกล้าฟื้นตัวกลับมาแข็งแรง แล้วรดเฉพาะน้ำไม่ต้องใส่ปุ๋ยอะไร เพราะต้นกล้าได้อาหารจากดินแล้ว หลังจากครบ 15 วันจึงเว้นให้น้ำ 3 วันครั้ง”

หน่อไม้ฝรั่งใช้ปลูกเวลา 4 เดือนจึงเริ่มเก็บผลผลิต แต่ในช่วง 7 วันก่อนครบ 4 เดือน ให้พรวนดินบริเวณแถวที่เว้น 1.50 เมตร ด้วยเครื่องจักรหรือแรงงาน พร้อมกับดึงดินไปกลบโคนต้นให้สูงไม่ต่ำกว่า 10 เซนติเมตร เพื่อต้องการให้ตาดอกที่กำลังแตกได้รับธาตุอาหารเสริมสร้างความแข็งแรงต่อไป

สำหรับผลผลิตรุ่นแรกหรือที่เรียกกันว่า “มีด” แรกนั้น หน่อยังไม่ใหญ่เท่าไร ส่วนมากเป็นเกรด B, C แต่พอเป็นมีดสอง หน่อไม้ฝรั่งในแปลงของคุณสมบัติล้วนแต่เป็นหน่อขนาดใหญ่ สมบูรณ์ เป็นเกรด A ที่มีขนาดเส้นรอบวงไม่ต่ำกว่า 8 มิลลิเมตร

ผลผลิตจะเก็บ 2 เดือน แล้วหยุดเพื่อถอนต้นเก่าออก รอเวลาประมาณ 1 เดือนเพื่อรอหน่อใหม่ที่จะแตกขึ้นแทนแล้วจึงเริ่มเก็บรอบใหม่ แล้วเว้นไปอีกเดือนก็เก็บอีกรอบคือ เก็บ 2 เดือน พัก 1 เดือน ทำเช่นนี้ไปเรื่อย จึงทำให้ในช่วง 12 เดือน มีเวลาเก็บผลผลิต 8 เดือน พัก 4 เดือน

สำหรับเรื่องวัชพืชสำคัญมากอย่ามองข้าม มีชาวบ้านมาบ่นว่าปุ๋ยก็ใส่ ดูแลก็ดี แต่ทำไมหน่อไม้ฝรั่งไม่ค่อยสมบูรณ์ พอไปดูพบว่าแปลงที่ชาวบ้านรายนั้นปลูกเต็มไปด้วยวัชพืช เพราะวัชพืชไปแย่งอาหาร แทนที่หน่อไม้ฝรั่งจะได้กินอาหารเต็มที่ จึงทำให้ไม่สมบูรณ์ ขนาดเล็ก

สำหรับแปลงของคุณสมบัติจะหมั่นเก็บวัชพืช ไม่ปล่อยให้โตมาก ถ้ากำจัดไม่ทันก็จะจ้างแรงงานมาทำในพื้นที่ 3 ไร่ใช้เวลาวันเดียวจบ นอกจากนั้น ขณะที่คุณสมบัติและภรรยาเก็บหน่อไม้ฝรั่งจะสวมเสื้อเอี๊ยมที่มีกระเป๋าด้านหน้า พอตัดหน่อไม้ฝรั่งแล้วมองเห็นต้นหญ้าก็จะเด็ดใส่กระเป๋าเอี๊ยม ทำเช่นนี้เพื่อป้องกันไม่ให้วัชพืชขยายตัวเร็ว ทั้งยังเป็นการช่วยประหยัดค่าแรงงานทางอ้อมด้วย

แมลงศัตรูที่เจอเป็นหนอนกระทู้ คุณสมบัติสังเกตว่าหนอนกระทู้มักจะออกมากัดกินลำต้นหน่อไม้ฝรั่งในช่วงกลางดึก ดังนั้น เขาและภรรยาจึงออกมากำจัดพวกมันด้วยใช้มือบี้ให้ตาย แต่เรื่องโรคเชื้อราเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้ แม้แต่เจ้าหน้าที่ราชการก็ยังไม่มีวิธีที่มีประสิทธิภาพ

“ปกติเชื้อรามักจะมาในช่วงหน้าฝนหรือราวเดือนกันยายน คุณสมบัติเจอเชื้อรามา 2 ปีแล้ว มีความเห็นว่าต้องอดทนรอเวลา เพราะหลังเดือนพฤศจิกายนสถานการณ์จะดีขึ้นแล้วกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม”

คุณสมบัติสรุปว่าหัวใจหลักสำคัญที่ทำให้ปลูกหน่อไม้ฝรั่งมีความสมบูรณ์ได้คุณภาพดีมากแล้วเป็นแปลงปลูกต้นแบบให้กับเพื่อนร่วมกลุ่ม เพราะ 1. หมั่นกำจัดวัชพืช ควรทำแปลงปลูกให้สะอาด 2. รดน้ำอย่างสม่ำเสมอตามความเหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา 3. ควรปลูกให้ลึกเพื่อให้รากได้อาหารเต็มที่ 4. ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักตามระยะเวลาที่เหมาะ และ 5. หมั่นกำจัดแมลงศัตรูพืช ฉะนั้น หากปฏิบัติได้ตามนี้การปลูกหน่อไม้ฝรั่งเพียงครั้งเดียวสามารถให้ผลผลิตต่อเนื่องได้ในเวลา 5-7 ปีเลย

หน่อไม้ฝรั่งแบ่งขายเป็นเกรดตามคุณภาพและขนาด มีทั้งหมด 6 เกรด ได้แก่ เกรด A แบบตูม/บาน, เกรด B แบบตูม/บาน และเกรด C แบบตูม/บาน ทั้งนี้ ผลผลิตที่เก็บแต่ละครั้งไม่เท่ากัน แต่เฉลี่ยรายได้ครั้งละ 2,000-5,000 บาท หรือแต่ละมีดมีรายได้เฉลี่ย 1.2-1.5 แสนบาท ซึ่งผลผลิตจะเก็บส่งขายให้กับบริษัทรับซื้อเพื่อส่งขายยังต่างประเทศ

ทั้งนี้ มีผลผลิตบางส่วนที่ไม่สามารถขายได้หรือตกเกรด แทงบอลยูฟ่าเบท ภรรยาของเขาจะนำไปขายตามตลาดนัดในชุมชน ใส่จานขายราคา 20 บาท (ประมาณครึ่งกิโลกรัม) พอลูกค้าเห็นแล้วรู้ว่าเป็นผักปลอดสารจะรีบซื้อทำให้ขายหมดอย่างรวดเร็ว

แต่กว่าหน่อไม้ฝรั่งอินทรีย์ที่คุณสมบัติหรือเพื่อนร่วมกลุ่มปลูกจะส่งขายได้ ต้องผ่านเกณฑ์กระบวนการตรวจสอบคุณภาพหลายขั้นตอนจากหน่วยทั้งราชการและเอกชนเพื่อรับรองความปลอดภัยเสียก่อน จึงทำให้ผลผลิตทั้งหมดได้รับมาตรฐาน ORGANIC THAILAND สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค

“วิธีเหล่านี้พอคิดแล้วลงมือทำจริงก็ประสบความสำเร็จสามารถปลูกหน่อไม้ฝรั่งได้ดีมีคุณภาพสมบูรณ์มาก ได้ราคาสูง มีรายได้ดีกว่าที่เคยทำไร่อ้อย จึงทำให้ทุกวันนี้สามารถปลดภาระหนี้ได้เกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกับวางแผนจะเพิ่มพื้นที่ปลูกอีก 2 ไร่ แล้วนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้เพื่อให้เกิดความรวดเร็วและทุ่นแรงงาน” เจ้าของแปลงหน่อไม้ฝรั่งอินทรีย์กล่าวในที่สุด

จากสภาวะในปัจจุบันที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับการหาทางเพื่อเอาชนะ “โควิค-19” ที่บางคนบอกว่าเป็นมหันตภัย “ไวรัส ล้างโลก” ที่หลายคนบอกว่าเคยดูแต่หนังหรือภาพยนตร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาจาก “มโน” หรือจินตนาการ ที่คิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ แต่วันนี้ ก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า บรรดาภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับเรื่องลึกๆ ลับๆ หรือการสร้างเรื่องขึ้นมาให้น่าติดตาม อาจมีหรือเป็นความจริงในอนาคตได้

วันนี้มีโอกาสมาทางพื้นที่ อำเภอโพนนาแก้ว จังหวัดสกลนคร ได้นัดหมายกับ คุณนิพนธ์ มุลเมืองแสน ประธานองค์กรผู้ใช้น้ำภาคเกษตรกรรม ลำน้ำโขง และประมงอาสา ตลอดจนเป็นอาสาเกษตรประจำหมู่บ้าน และตำบล และอีกหลายตำแหน่ง …อำเภอโพนนาแก้ว เดิมขึ้นต่ออำเภอเมืองสกลนคร และต่อมาได้แยกการปกครองเป็นอำเภอที่อยู่ฝั่งตะวันออกของหนองหาร ที่เป็นแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ เป็นอันดับ 3 ของประเทศ ที่มีทะเลสาบน้ำจืดสงขลา และบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ เป็นอันดับ 1 และ 2 ทะเลสาบน้ำจืดหนองหาร มีพื้นที่ 77,000 ไร่ หรือ ราว 123 ตารางกิโลเมตร

“หนองหาร” เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งอยู่ประมาณเส้นรุ้งที่ 107 องศา 6 ลิปดาเหนือ กับเส้นแวงที่ 104 องศา 8 ลิปดาตะวันออก ถึง 104 องศา 18 ลิปดาตะวันออก สูงจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ยปานกลาง ประมาณ 158 เมตร ความกว้างประมาณ 7 กิโลเมตร ยาว 18 กิโลเมตร พื้นที่รวมทั้งสิ้น 123 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมเขตการปกครองเทศบาลเมืองสกลนคร กับอีก 10 ตำบล ของอำเภอเมืองสกลนครและอำเภอโพนนาแก้ว