ด้วยเมล่อนมีโรคพืชที่ต้องระมัดระวังและคอยสังเกต โดยโรคราแป้ง

ราน้ำค้าง เนื่องจากไม่ชอบสภาพอากาศชื้น การจัดการบริหารที่เน้นไม่ใช้สารเคมียาฆ่าแมลง คือควบคุมความชื้นภายในโรงเรือน ใช้เชื้อราปฏิปักษ์ไตรโคเดอร์มาป้องกันเชื้อราโรคพืช การดูแลจ่ายน้ำใช้ระบบไทมเมอร์ตั้งเวลาตามสภาพความชื้นของอากาศ และต้องกำจัดวัชพืชรอบๆ บริเวณโรงเรือน เพื่อลดแหล่งที่อยู่อาศัยของแมลง

การตลาด ใช้ เฟซบุ๊ก เพจ ลูกค้าบอกต่อ

เจ้าของบอกว่า ก่อนปลูกไม่ได้วางแผนการตลาด ว่าจะขายอย่างไรให้แตกต่างจากเมล่อนตามท้องตลาดทั่วไป แต่การปลูกเมล่อนคุณภาพพรีเมี่ยม จะให้ไปขาย กิโลกรัมละ 50-60 บาท กับพ่อค้าคนกลางไม่ได้ จึงใช้สื่อโซเชี่ยลมีเดียเป็นช่องทางสื่อสารด้านการตลาดที่เร็วที่สุด ทำให้เมล่อนของเราเป็นที่รู้จักมากขึ้น เพราะทุกคนเล่นเฟซบุ๊กในมือถือกันทุกวันอยู่แล้ว จึงสร้างเพจ Ketsara’s Garden เขียนเนื้อหา เล่าเรื่อง ให้ความรู้ด้านเกษตร การปลูกเมล่อนตั้งแต่เริ่มปลูกจนกระทั่งตัดขาย ให้คนอ่านแล้วสนุกได้ความรู้ และเสมือนได้มีส่วนในการดูแลผลผลิตที่ปลอดสารเคมี ให้เห็นความแตกต่างจากเมล่อนท้องตลาด วางเป้าหมายลูกค้าเป็นกลุ่มคนรักสุขภาพ ที่ตัดสินใจซื้อง่าย ผลผลิตรุ่นแรกออกเดือนมีนาคม 2560 ตั้งราคาขายได้ กิโลกรัมละ 180 บาท สูงกว่าท้องตลาดที่ขาย กิโลกรัมละ 50-60 บาท รอบต่อมาปลูกเมล่อนพันธุ์ใหม่ซูเปอร์พรีเมี่ยม “เมล่อนฮอกไกโด” เพิ่มขึ้น 20-30 ลูก ผลผลิตเดือนธันวาคมปลายปี 2560 ตั้งราคาขาย กิโลกรัมละ 500 บาท ทำตลาดได้ดี มีลูกค้าสั่งจอล่วงหน้าและเข้ามาซื้อถึงแปลง

“กลุ่มลูกค้าแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มลูกค้าออนไลน์ ที่ได้รับข่าวสารช่องทางเฟซบุ๊กและเพจ Ketsara’s Garden จะเดินทางมาเที่ยวชมสวนหรือสั่งซื้อให้จัดส่งทางไปรษณีย์ และกลุ่มลูกค้าที่เดินทางมาซื้อเอง ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่จังหวัดตราด ราคาขายเมล่อนพรีเมี่ยม กิโลกรัมละ 180 บาท ไม่แพงเลยหากเปรียบเทียบกับการใส่ใจทุ่มเทปลูกเมล่อนระยะเวลาร่วม 3 เดือน หากเยี่ยมชมสวนดูโรงเรือนและระบบการให้น้ำ การทำปุ๋ยมูลไส้เดือน การเพาะเชื้อราดีใช้กำจัดเชื้อราโรคพืช ซึ่งทุกขั้นตอนเป็นคุณภาพที่เราใส่ใจลงไป” คุณเจมส์ กล่าว

คุณเจมส์ ทิ้งท้ายว่า การปลูกเมล่อน สร้างรายได้ค่อนข้างดี เฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 20,000 บาท/โรงเรือน แต่ช่วงฤดูฝน จะลดลงประมาณ 30% ของรายได้การปลูกต่อรอบ เนื่องจากผลผลิตได้รับความเสียหาย เพราะเมล่อนเป็นพืชที่ไม่ชอบความชื้นสูง ปี 2561 วางแผนจะขยายพื้นที่ปลูกเพิ่ม 2-3 โรงเรือน เพื่อปลูกพืชที่มีคุณภาพหลากหลายมากขึ้น ไม่ใช่แค่เมล่อนเพียงอย่างเดียว เช่น มะเขือเทศเชอร์รี่ สตรอเบอรี่สายพันธุ์ต่างประเทศ ข้าวโพดชนิดกินดิบที่หอมหวานเหมือนน้ำนมจากฮอกไกโด ตอนนี้ทดลองปลูกได้ผลแล้ว และขณะนี้ได้ยื่นขอรับรองมาตรฐาน GAP สวน Ketsara’s Garden แล้วอนาคตมุ่งหวังให้เป็นศูนย์เรียนรู้ด้านการเกษตร เพื่อบ่มเพาะเยาวชนเกษตรกร ยุค 4.0

เมื่อเดือนก่อน ผมได้มีโอกาสไปร่วมเป็นวิทยากรให้ความรู้กับสมาชิกสหกรณ์ชาวไร่สับปะรดสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในหัวข้อ การผลิตสับปะรดคุณภาพ

ซึ่งในโอกาสเดียวกันได้สนทนากับ คุณสุรัตน์ มุนินทรวงศ์ นายกสมาคมชาวไร่สับปะรดไทย กับ คุณอานนท์ โลดทนงค์ เลขานุการสมาคมชาวไร่สับปะรดไทย และผู้จัดการสหกรณ์ชาวไร่สับปะรดสามร้อยยอด จำกัด ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและพัฒนาการผลิตสับปะรดของที่นี่ ทั้งด้านวิชาการและด้านการตลาด ซึ่งเป็นบทบาทหลักขององค์กรทั้งสองที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง แต่ที่กำลังดำเนินการอย่างเร่งด่วนคือ การส่งเสริมและพัฒนาการผลิตสับปะรดผลสด พันธุ์ MD-2 ซึ่งเป็นสับปะรดพันธุ์ใหม่ ที่กำลังมาแรงและตลาดมีความต้องการมาก ทำให้ประเทศต่างๆ ที่ผลิตสับปะรดเป็นการค้าต่างหันมาเร่งขยายการผลิตกันอย่างจริงจัง

ประกอบกับในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มักจะเกิดปัญหาราคาสับปะรดที่ขายให้โรงงานแปรรูปซึ่งมีราคาตกต่ำมาก สับปะรดผลสดจึงเป็นทางเลือกที่ทางสหกรณ์ฯ ได้ดำเนินการ โดยเริ่มส่งเสริม สับปะรด พันธุ์ MD-2 ที่มีความโดดเด่นกว่าพันธุ์ปัตตาเวียที่ปลูกกันอยู่ปัจจุบัน ความเป็นมาและความก้าวหน้าของการส่งเสริมและพัฒนาสับปะรดผลสด พันธุ์ MD-2 ของสหกรณ์ฯ เป็นอย่างไร ผมได้เก็บมาเล่าไว้ในบทความนี้แล้วครับ

คุณสุรัตน์ มุนินทรวงศ์ ประธานสมาคมชาวไร่สับปะรดไทย ได้เล่าถึงการดำเนินงานภายใต้โครงการส่งเสริมการผลิตสับปะรดผลสดนี้ว่า เกิดจากปัญหาเรื้อรังเรื่องราคาสับปะรดที่ส่งโรงงาน ราคาจะถูกมากทุกรอบ 4-5 ปี ทำให้ชาวไร่เดือดร้อนมาก แล้วที่ผ่านมาก็ไม่สามารถแก้เรื่องนี้ได้

แนวคิดการเปลี่ยนไปทำสับปะรดผลสดนั้นเริ่มมานาน แต่ไม่มีพันธุ์สับปะรดที่น่าสนใจ และมีศักยภาพพอจะวางตลาด โดยเฉพาะการส่งออกได้ จึงได้เริ่มทำโครงการพัฒนาสับปะรด พันธุ์ MD-2 นี้มาได้ประมาณ 3 ปีกว่าๆ ตั้งแต่ ปี 2557 โดยใช้งบประมาณของกลุ่มสับปะรดที่จัดหาหน่อมาช่วงนั้น ราคาหน่อละ 25 บาท ได้มาประมาณ 10,000 หน่อ แล้วมอบให้แกนนำสมาชิกไปปลูกขยายพันธุ์ต่อไป แต่ก็ยังมีข้อจำกัดด้านแนวคิดของชาวไร่กับ พันธุ์ MD-2 นี้ เพราะชาวไร่สับปะรดยังยึดติดกับพันธุ์ปัตตาเวียของเดิมที่ส่งผลผลิตให้กับโรงงานได้ตลอดปี ส่วนอีกทางหนึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากทางราชการจำนวนหนึ่งในการจัดซื้อหน่อ พันธุ์ MD-2 ซึ่งได้มาประมาณ 100,000 หน่อ แล้วแบ่งให้สมาชิกเครือข่ายไปทั้ง 8 อำเภอ เพื่อนำไปจัดทำเป็นแปลงเรียนรู้ให้กับกลุ่มสับปะรดหลักๆ ในแต่ละพื้นที่ โดยมีแกนนำสมาชิกและคณะกรรมการกลุ่มสับปะรดระดับอำเภอรับผิดชอบกันไป

สหกรณ์ชาวไร่สับปะรดสามร้อยยอด จำกัด ใช้แนวทางการมีส่วนร่วม โดยจะให้สมาชิกมีส่วนร่วมในโครงการนี้ทุกขั้นตอน ช่วงแรกเราเริ่มที่มีการจัดทำแปลงขยายพันธุ์ สับปะรด MD-2 เพื่อขยายการผลิตหน่อพันธุ์ให้ได้ปริมาณมากก่อน เพื่อกระจายให้สมาชิกชาวไร่สับปะรดของสหกรณ์ ซึ่งโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากทางราชการ การแบ่งงานจะให้สมาชิกแต่ละชุดหมุนเวียนกันมาดูแลแปลงขยายพันธุ์สลับกันไป ทั้งให้น้ำ ปุ๋ย และกำจัดวัชพืช และกิจกรรมอื่นๆ

จุดอ่อนของพันธุ์นี้เท่าที่พบ ก็มีปัญหาเรื่องโรคเน่า อาจเพราะเราใช้แกลบดิบคลุมบนหน้าดินไว้ก็อาจมีผลบ้าง พอดีเป็นพันธุ์ใหม่ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกัน ต้องเรียนรู้กันไป ช่วงนี้ทางกลุ่มเริ่มแยกขยายหน่อพันธุ์ส่งต่อให้สมาชิกได้มากขึ้น และเริ่มมีผลผลิตออกมาบ้างแล้ว ซึ่งสมาคมและจังหวัดได้มีมติให้ตั้งชื่อใหม่เชิงการค้า ให้เป็นแบรนด์ใหม่ของจังหวัดว่า สับปะรดสยามโกลด์ (Siam Gold) เพื่อใช้เป็นชื่อการค้าต่อไป ซึ่งที่จริงสับปะรดพันธุ์ใหม่นี้จะมีอยู่ 2 พันธุ์หลัก คือ พันธุ์ MD-2 กับ MG-3 จากการสังเกต พบว่า มีความแตกต่างกันอยู่บ้าง โดยที่ พันธุ์ MG-3 นั้น มีขนาดของผลที่ใหญ่ และมีน้ำหนักมากกว่า ใบกว้างและหนา

ใบค่อนข้างแข็ง สีเขียวออกนวล ลำต้น (สะโพก) และหน่ออวบใหญ่/แข็งแรงกว่า พันธุ์ MD-2 ซึ่งทางกลุ่มเราได้ขยายพันธุ์ไว้ทั้ง 2 พันธุ์

การสนับสนุนของภาคราชการและองค์กรอื่นๆ

การดำเนินโครงการพัฒนาสับปะรดพันธุ์นี้ มักเปลี่ยนไปตามช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนตัวผู้บริหารระดับจังหวัด มีหยุดชะงักไปบ้าง และหลายครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงงบประมาณไปจากเดิมที่กำหนดไว้ และมักไปในทางที่ลดลง ปีนี้ได้งบประมาณในการจัดสร้างห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture) ซึ่งเสร็จเรียบร้อย ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณที่ว่าการอำเภอสามร้อยยอด ตอนนี้กำลังพัฒนาบุคลากร โดยส่งไปฝึกอบรมวิธีการหรือเทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่ออยู่ 2 คน ห้องปฏิบัติการตรงนี้ต่อไปคงต้องมีการบริหารจัดการในเชิงธุรกิจ โดยทางสหกรณ์ฯ คงต้องเป็นผู้รับผิดชอบงานโดยตรง โดยส่วนราชการเป็นที่ปรึกษา ส่วนแนวทางบริหารจะไม่เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเฉพาะสับปะรดเท่านั้น คงต้องทำกับพืชอื่นๆ ที่เป็นการค้าควบคู่ไปด้วย

และเพื่อให้ได้จำนวนหน่อที่มากขึ้น และรวดเร็ว ทางกลุ่มเราได้มีการทดลองขยายพันธุ์สับปะรดด้วยวิธีการปักชำจุก โดยผ่าจุกตามแนวยาว แบ่งเป็น 4 ส่วน เท่าๆ กัน ปักชำในแปลงเพาะมาตรฐาน ที่คลุมด้วยซาแรนบังแสงแดด สังเกตดูว่าจะได้ผลเร็วกว่าการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ประเมินกันว่าน่าจะมีการขยายพันธุ์ สับปะรด พันธุ์ MD-2 กระจายไปทั่วประเทศได้ราวๆ 1,000,000 หน่อ ซึ่งก็ยังให้ปริมาณผลผลิตไม่มาก ไม่สามารถกระจายผลผลิตให้ออกได้ทุกเดือน เหตุที่การขยายพื้นที่/จำนวนหน่อ ไปได้ค่อนข้างช้า เหตุผลหนึ่งเป็นเพราะราคาของหน่อ พันธุ์ MD-2 ยังค่อนข้างสูง ซึ่งอยู่ระหว่าง 20-25 บาท/หน่อ และที่สำคัญชาวไร่สับปะรดยังไม่ค่อยตื่นตัวกับพันธุ์นี้มากเท่าที่ควร

ส่วนอีกโครงการหนึ่งคือ การสร้างโรงคัดคุณภาพสับปะรดผลสดเพื่อการส่งออก ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) พื้นที่ก่อสร้างตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีคณะกรรมการกลุ่มสับปะรดระดับจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งช่วงนี้มีความพร้อมในการดำเนินงานแล้ว และเริ่มทดลองปฏิบัติงานบ้างแล้ว แต่ยังไม่มีผลผลิตสับปะรดมากที่จะส่งขายตลาดต่างประเทศ แต่ก็เริ่มทำบ้างแล้วเพื่อส่งผลผลิตให้ตลาดในประเทศ ซึ่งสับปะรดสยามโกลด์ ที่ซื้อขายกันปัจจุบันในเขตพื้นที่/หน้าฟาร์ม ขายส่งอยู่ที่ราคา กิโลกรัมละ 20-25 บาท โดยสรุป กิจกรรมของสหกรณ์ฯ ที่ดำเนินการอยู่ มีหลักๆ 2 ส่วน คือการจัดฝึกอบรมให้ความรู้แก่สมาชิกด้านการผลิต และการประสานกับหน่วยงานของราชการเพื่อการดำเนินงานด้านวิชาการ ด้านการตลาด การขยายพันธุ์สับปะรด และการจัดหาเครื่องมือ/อุปกรณ์ทางการเกษตรที่จำเป็นมาสนับสนุน/บริการให้กับสมาชิก

ปัญหาราคาสับปะรดโรงงานตกต่ำแบบซ้ำซาก การแก้ไข

คุณอานนท์ โลดทนงค์ เลขานุการสมาคมชาวไร่สับปะรดไทย และเป็นผู้จัดการสหกรณ์ชาวไร่สับปะรดสามร้อยยอด จำกัด ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการแก้ปัญหาสับปะรดราคาตกต่ำ และการพัฒนากิจกรรมว่า สหกรณ์ฯ ได้ดำเนินการแก้ปัญหานี้มาโดยตลอด จากผลกระทบที่ปริมาณผลผลิตสับปะรดออกมามากเกินไปในบางช่วงของปี จนเกินความต้องการของตลาด/โรงงาน ที่ผ่านมาทางราชการยังแก้ปัญหาแบบเฉพาะหน้า และในระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งจะไม่ส่งผลอะไร ทำให้ไม่มั่นใจต่อทางราชการมากนัก

วันนี้อาชีพเกษตรกรรมและชาวไร่สับปะรดฝากกันไว้กับองค์กรนี้ ว่าจะมีทางออกของปัญหานี้ได้อย่างไร บังเอิญที่กลุ่มการค้าแฟร์เทรด (Fair Trade) ได้เข้ามาประสานด้านการค้ากับทางสหกรณ์ฯ โดยผ่านทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ซึ่งช่วงแรกทางเรายังไม่ทราบระบบมาตรฐานของแฟร์เทรด แล้วก็ไม่แน่ใจว่าจะตกลงร่วมมือกันได้หรือไม่ หากจะมีข้อเสนอการค้าสับปะรดต่อกัน ซึ่งหลักการของแฟร์เทรดโดยคร่าวๆ นั้น น่าสนใจมาก โดยมีแนวทางปฏิบัติภายใต้ขอบเขต 10 ด้าน คือสร้างโอกาสสำหรับผู้ผลิตที่ด้อยโอกาส, มีความโปร่งใส, มีความสัมพันธ์ทางการค้าที่ดี, ให้ราคายุติธรรม, ไม่ใช้แรงงานเด็ก, ไม่กีดกันเรื่องเพศ สีผิว เชื้อชาติ ศาสนา อายุ, มีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดี ปลอดภัย, มีการพัฒนาเพิ่มศักยภาพให้แก่ผู้ผลิต, มีการประชาสัมพันธ์ “แฟร์เทรด” การค้าที่เป็นธรรม และให้ความสำคัญในการดูแลรักษาสภาพแวดล้อม ซึ่งทางสหกรณ์ฯ ก็เห็นว่าแนวทางนี้เรารับได้ และดูจะมีความหวังในการช่วยยกระดับคุณภาพ/ราคาผลผลิตสับปะรด/ผลิตภัณฑ์ของที่นี่ได้อีกทางหนึ่ง ยกตัวอย่าง ผลผลิตเกษตรอื่นที่ร่วมการค้ากับกลุ่มแฟร์เทรด แล้วประสบผลสำเร็จ เช่น กาแฟ

ในช่วงแรกที่ทางกลุ่มเริ่มทำธุรกิจกับทางแฟร์เทรด มีสมาชิกเริ่มที่ 3 คน เท่านั้น โดยมีผู้ประสานงาน/และที่ปรึกษาคอยให้ความช่วยเหลือทุกขั้นตอน จึงเป็นจุดที่ทำให้มีกำลังใจ ซึ่งแต่เดิมความคิดของผมที่เคยมีต่อคนยุโรป (ฝรั่ง) นั้นจะมองว่าเป็นกลุ่มคนที่ไม่ค่อยจริงใจและชอบจะเอาเปรียบเสมอ แต่ผู้แทนจากองค์กรแฟร์เทรดที่มาประสานงานดูน่าเชื่อถือและไว้ใจได้ ขณะที่สมาชิกชาวไร่สับปะรด/สหกรณ์ฯ หลายคนยังไม่มั่นใจว่าการร่วมกิจกรรมครั้งนี้จะไม่เป็นไปตามเป้าหมายโครงการ

สหกรณ์ฯ เข้าร่วมกับกลุ่มการค้าแฟร์เทรด ช่วงไหน อย่างไร

หลังจากเรียนรู้แนวทางปฏิบัติของแฟร์เทรดแล้ว ทางเราก็ได้เริ่มทดลองผลิตสับปะรดเพื่อให้ทางแฟร์เทรดประเมินทั้งกระบวนการผลิตระดับไร่ และคุณภาพผลผลิตว่าเป็นอย่างไร ซึ่งก็ได้พัฒนาขึ้นเป็นลำดับ จนถึงประมาณ ปี 2553 ทางกลุ่มก็ได้รับการรับรองการผลิตสับปะรดภายใต้ตราสินค้าของแฟร์เทรด หลังจากนั้น จึงเริ่มจัดสมาชิกที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการจัดการกลุ่มมาร่วมกันทำกิจกรรมที่ทางแฟร์เทรดกำหนด เป็นการพัฒนาระบบงานของกลุ่ม เช่น รูปแบบการประชุม การจัดการผลิตระดับแปลงสมาชิก และจัดตั้งคณะกรรมการบริหาร เป็นต้น

ต่อมามีการขายผลิตภัณฑ์สับปะรดล็อตแรกเป็นน้ำสับปะรด และสับปะรดกระป๋อง และผลิตภัณฑ์จากมะม่วงส่งไปประเทศสวิสต์เซอร์แลนด์ ทำให้ลูกค้าเริ่มรู้จักผลิตภัณฑ์ของสหกรณ์ชาวไร่สับปะรดสามร้อยยอดมากขึ้น และมีความร่วมมือกันมาตลอด จากนั้นทางผมไปช่วยเป็นที่ปรึกษาในการพัฒนาผลผลิตเกษตรของไทยเข้าสู่สินค้าแฟร์เทรด เช่น น้ำตาลทราย, น้ำพริกแม่เล็กที่รังสิต, ถั่วเหลืองที่แม่แตง เชียงใหม่, พริกที่ศรีสะเกษและนครราชสีมา เป็นต้น สินค้าที่ผ่านการรับรองจากแฟร์เทรดเป็นที่ยอมรับและต้องการมากในตลาดสากล ราคาจะสูงกว่าราคาตลาดทั่วไป

แต่ผลผลิตเกษตรของไทยบางอย่างที่รับเครื่องหมายแฟร์เทรดแล้ว ก็ไม่สามารถส่งออกในปริมาณที่มากได้จากข้อกำหนดทางกฎหมาย จึงเป็นการเสียโอกาสของผลผลิตเกษตรไทยในตลาดโลกอย่างน่าเสียดาย การที่จะทำให้สหกรณ์/กลุ่มเข้มแข็งนั้น สมาชิกทุกคนต้องมีความอดทน ร่วมมือกัน จริงจังต่องาน ซื่อสัตย์ แล้วก็คนที่บ้านต้องเห็นด้วย ซึ่งจากการที่เข้าร่วมกับทางองค์กรแฟร์เทรดนั้น ได้มีการประกันราคารับซื้อสับปะรดจากสมาชิกให้ไม่ต่ำกว่า 5 บาท/กิโลกรัม, มีแหล่งทุนปลอดดอกเบี้ย, ใช้ระบบประกันคุณภาพแบบหมู่, จัดฝึกอบรมความรู้ให้สมาชิกและจัดทัศนศึกษาเป็นประจำ

มองแนวทางส่งเสริมและพัฒนา สับปะรด พันธุ์ MD-2 ไว้อย่างไร

สำหรับความก้าวหน้าของการทำโครงการพัฒนา สับปะรด พันธุ์ MD-2 นั้น ไปไกลกว่าหลายโครงการที่ได้ทำร่วมกับภาครัฐ เริ่มเห็นเป็นรูปธรรม และจับต้องได้ ผมมีโอกาสไปดูงานด้านตลาดระดับต่างๆ มาหลายแห่ง การไปแสดงผลผลิต/ผลิตภัณฑ์เกษตรของไทย ซึ่งผู้จัดเขาให้โอกาสประเทศไทยมากพอสมควร โดยมีที่ปรึกษาแฟร์เทรดเป็นผู้ประสานงาน โดยเฉพาะทางกลุ่มยุโรปเหนือที่ต้องการผลิตภัณฑ์สับปะรดจากไทยมาก ต่อมาทางกระทรวงพาณิชย์ ได้เข้ามามีส่วนสนับสนุนด้านการประสานงานการส่งออกให้อีกหน่วยงานหนึ่ง จากการดูงานในตลาดกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป พบว่ามีผลิตภัณฑ์ด้านเกษตรและอื่นๆ จากประเทศสิงคโปร์วางขายอยู่ทั่วไป ทั้งๆ ที่ประเทศเขาไม่มีทรัพยากรอะไรเลย แต่มีวิธีคิดและการบริหารเชิงธุรกิจที่เหนือกว่าเรานั่นเอง ตรงนี้ทุกส่วนต้องศึกษาข้อมูลและปรับวิธีการทำงานเชิงรุกด้วย

สำหรับ สับปะรด พันธุ์ MD-2 นั้น มีลักษณะที่ดีเด่นหลายอย่าง ทำให้เป็นที่น่าสนใจ เมื่อ 4-5 ปีก่อน มีบทความหนึ่งลงข้อมูลว่า ประเทศมาเลเซียผลิต สับปะรด พันธุ์ MD-2 เพื่อการส่งออก รู้สึกแปลกใจว่าเขาพัฒนาไปรวดเร็วมากกว่าที่พวกเราคาดคิดกัน เคยเดินทางไปร่วมงานประชุมสับปะรดโลก ครั้งที่ 7 ที่ประเทศมาเลเซีย ได้ดูงานด้านการผลิต การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อสับปะรด การแบ่งชำหน่อ ฯลฯ ซึ่งได้ความรู้/แนวคิดกลับมาทำบ้าง และมีโอกาสกลับไปอีกครั้ง แล้วได้นำหน่อ สับปะรด พันธุ์ MD-2 เข้ามา โดยทางกลุ่มเราตั้งเป้าหมายที่จะขยายพันธุ์ให้มาก จึงเสนอโครงการจัดทำแปลงเรียนรู้ระดับอำเภอ โดยผ่านสำนักงานเกษตรจังหวัด ขอสนับสนุนงบประมาณมาซื้อหน่อพันธุ์ เพื่อกระจายให้สมาชิกไปปลูกขยายพันธุ์ และเป็นการทดสอบหาระบบการผลิตที่เหมาะสม เป้าหมายต้องการพัฒนาสู่ระบบการผลิตที่ได้คุณภาพตรงตามความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและเพื่อการส่งออก ซึ่งต่อมาก็ได้รับการสนับสนุนการซื้อหน่อพันธุ์ ห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ และโรงคัดแยกคุณภาพสับปะรดตามลำดับ

ทำไม ถึงมั่นใจกับ สับปะรด พันธุ์ MD-2

สับปะรดผลสดนั้นตลาดต่างประเทศยังต้องการอีกมาก แต่เราไม่สามารถส่งผลผลิตให้ลูกค้าได้ เพราะจากการที่เราไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับระบบการผลิตต้นทาง ไม่รู้ว่าชาวไร่ทำอย่างไร แล้วผลผลิตของเรายังไม่มากพอที่จะทำสัญญาซื้อขายต่อกัน เคยส่งสับปะรดปัตตาเวีย จำนวน 20 ตู้คอนเทนเนอร์ ไปที่เมือง Rotterdam ประเทศเนเธอร์แลนด์ และส่งไปประเทศเกาหลี เกิดความเสียหายทั้งหมด เนื่องจากสับปะรดแสดงอาการไส้สีน้ำตาล (internal browning) ซึ่งประสบการณ์ตรงนี้มันก็สอนว่า ไม่ง่ายนักหากไม่มีพื้นฐานทางวิชาการ และมีการปฏิบัติที่ถูกต้องเหมาะสม มันเกี่ยวข้องกันเป็นลูกโซ่ ตั้งแต่ในแปลงชาวไร่ถึงการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว

ขณะที่ สับปะรด พันธุ์ MD-2 นั้นมีคุณสมบัติที่ดีหลายอย่าง เช่น รสชาติหวาน/กลิ่นหอม สีเนื้อเหลืองสวยงามทั้งผล รูปทรงดูดี เก็บได้นาน และทนทานต่อการเก็บรักษาในห้องควบคุมอุณหภูมิโดยไม่แสดงอาการไส้สีน้ำตาล จึงเหมาะกับการขนส่งทางเรือ และในระยะทางไกลๆ ได้ดีกว่าสับปะรดทุกพันธุ์ เหล่านี้ที่เป็นจุดแข็ง และทั่วโลกกำลังต้องการผลผลิตสับปะรดพันธุ์นี้จำนวนมาก

นอกจากนี้ ยังได้รับการประสานจากนักธุรกิจประเทศญี่ปุ่น ที่สนใจจะสั่งซื้อสับปะรดจากสหกรณ์ฯ ของเรา และรับเป็นที่ปรึกษาด้านการขยายพันธุ์ให้แบบโครงการช่วยเหลือทางวิชาการ แล้วยังจะร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรชุมพร และศูนย์ฯ เพชรบุรี อีกด้วย ทั้งนี้การพัฒนา สับปะรด พันธุ์ MD-2 จะต้องให้ตอบโจทย์ตรงกับความต้องการของตลาด ที่ยังเปิดกว้างมาก ซึ่งประเทศฟิลิปปินส์นั้นเป็นผู้ส่ง สับปะรด พันธุ์ MD-2 เข้าประเทศญี่ปุ่น จีน เวียดนาม และประเทศแถบเอเชียอื่นๆ ของเรายังมีลูกค้าต่างประเทศมาติดต่อกันหลายราย เราจะต้องเร่งการผลิตให้เร็วขึ้น เพื่อเป็นฐานการผลิตเชิงการค้าในอนาคต เพราะประเทศฟิลิปปินส์ไม่มีศักยภาพที่จะผลิตในปริมาณที่มาก ตอบสนองกับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น เพราะมีข้อจำกัดหลายด้าน จึงนับเป็นโอกาสของเราที่จะเข้าสู่วงการสับปะรดผลสด ซึ่งจะเป็นทางเลือกให้กับชาวไร่สับปะรดได้อีกช่องทางหนึ่ง

ตอนนี้หลายอย่างพร้อม เหลือแต่การผลิตที่ระดับต้นน้ำ คือระดับชาวไร่ ว่าจะไปได้เร็วแค่ไหน ใครจะเข้ามาร่วมในเวทีนี้บ้าง เราต้องการผู้เข้ามาร่วมพัฒนาในมุมต่างๆ เพื่อร่วมมือกันทำให้สำเร็จกับวงการสับปะรดผลสดของประเทศไทย ทุกอย่างจึงต้องพร้อมก่อนที่จะออกไปสู่ภายนอก ไม่เช่นนั้นทุกอย่างที่ร่วมทำกันมาจะเสียหายไปหมด

ฝากข้อคิดไว้กับผู้ที่เกี่ยวข้องกับวงการสับปะรดบ้างหรือไม่

ปัญหาของสับปะรดมักจะเป็นแบบเดิมๆ คือ ผลผลิตมีมากเกินไปบางฤดู ตลาดรองรับไม่ทัน ส่งผลต่อราคาที่ต่ำมาก ชาวไร่เดือดร้อน, ทั้งหมดเป็นผลจากการขยายพื้นที่ปลูกแบบไร้ขอบเขต ไม่สามารถจัดระบบเขตการปลูกได้, นโยบายที่ไม่มีความแน่นอนและขาดทิศทางการพัฒนาที่มีเป้าหมายที่ชัดเจนและไม่ต่อเนื่อง, อำนาจการต่อรองของชาวไร่/กลุ่มที่ยังไม่มีพลัง ไม่เข้มแข็ง, ภาคราชการกับแนวคิดและการปฏิบัติที่ไม่เอื้อต่อการแข่งขันและการพัฒนา ตัวอย่างการผลักดันให้เกิดระบบซื้อขายแบบสัญญาข้อตกลงที่เป็นรูปธรรม ซึ่งไม่สามารถเป็นผู้เชื่อมโยงชาวไร่กับโรงงานในการพัฒนาระบบร่วมกันได้เท่าที่ควร

ดังนั้น การแก้ปัญหาผลผลิตสับปะรดที่มีมากเกินไปนั้น จึงต้องมีการกำหนดเขตการผลิต และลดพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมลงไปบางส่วน โดยเฉพาะเขตที่มีปัญหาการบุกรุกที่ดินป่าสงวนฯ และพื้นที่ไร้เอกสารสิทธิ เพราะผลผลิตจากพื้นที่เหล่านี้ อาจส่งผลกระทบต่อตลาดส่งออกได้ตามมา จากกระแสโลกด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม วงการสับปะรดต้องการผู้เข้ามาร่วมพัฒนาในมุมต่างๆ เพื่อร่วมกันผลักดันให้สำเร็จ โดยเฉพาะโครงการพัฒนาสับปะรดผลสดของประเทศไทย ทุกอย่างจึงต้องพร้อมที่สุด ก่อนที่จะออกไปสู่ตลาดภายนอกประเทศ ไม่เช่นนั้นทุกอย่างที่ร่วมทำกันมาจะเสียหายไปทั้งหมด

จากการที่ได้สนทนากับบุคคลระดับคีย์แมนของสหกรณ์ชาวไร่สับปะรดสามร้อยยอด จำกัด และสมาคมชาวไร่สับปะรดไทย ที่เป็นตัวแทนของชาวไร่สับปะรดทั่วประเทศ นับเป็นองค์กรหลักที่มีบทบาทในการส่งเสริมและพัฒนาสับปะรดไทยให้ก้าวหน้า และมีความมั่นคงของอาชีพการเกษตรสาขาหนึ่ง ซึ่งการปรับแนวทางการผลิตสับปะรดจากส่งโรงงาน มาอยู่ในเส้นทางสับปะรดบริโภคผลสดแบบคู่ขนาน เป็นวิธีการแก้ไขปัญหาราคาที่ตกต่ำซ้ำซากอีกช่องทางหนึ่ง นับว่าเป็นมิติที่ดี ที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ชาวไร่สับปะรดทั่วประเทศได้มีโอกาสตัดสินอนาคตของตัวเอง ไม่ต้องอิงแอบกับภาคโรงงานแปรรูป ที่ดูเหมือนจะได้เปรียบในเชิงอำนาจการต่อรองด้านการซื้อขายมาตลอด

การก้าวเดินเพื่อพัฒนา สับปะรด พันธุ์ MD-2 ไม่เพียงจะสร้างตลาดใหม่ในประเทศและส่งออกเท่านั้น แต่จะเป็นช่องทางสร้างรายได้และความมั่นคงของอาชีพนี้ ขึ้นกับว่าสหกรณ์ชาวไร่สับปะรดสามร้อยยอด จำกัด สมาคมชาวไร่สับปะรดไทย และสมาชิกชาวไร่สับปะรดส่วนใหญ่ของประเทศ จะจริงจังกับเส้นทางนี้แค่ไหน และมีองค์กรภาครัฐใดบ้างที่จะเข้ามาสนับสนุนอย่างจริงจัง รวมทั้งนโยบายระดับสูงที่จะเห็นความสำคัญของสับปะรดพืชเศรษฐกิจหลักพืชนี้หรือไม่ แค่ไหน และอย่างไร ผู้เขียนขอเป็นกำลังใจให้อย่างเต็มเปี่ยมครับ

น้าอ้วน บ้านเกษตรพอเพียง (คุณณัฏฐวุฒิ กลางอรัญ) พาร่างร้อยกว่ากิโลกรัมยืนยิ้มทักทายด้วยประโยคนี้ ก่อนจะชวนผมให้ลงเรือ ล่องไปตามคลองขุดในสวน พื้นที่ 12 ไร่เศษ แห่งตำบลนพรัตน์ อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี จากพื้นที่ราบๆ พอน้าอ้วนมาถึงก็ปรับเปลี่ยนให้เป็นร่องสวน ทั้งเอาไว้ปลูกผัก ผลไม้ และมีพื้นที่รับน้ำไว้ใช้ในสวน แต่โดยที่มีสมาชิกในกลุ่มเยอะ น้าอ้วนก็เลยต้องการให้เป็นสวนผลไม้และคลองไว้ให้เพื่อนๆ ที่มาเยือนสวนพายเรือเล่นได้ด้วย ฝันเอาไว้ว่าเมื่อผลไม้แก่จัดหรือสุกแล้ว จะได้พาสมาชิกพายเรือไปเก็บกินที่ต้นได้เลย ในร่องสวนก็ปล่อยปลาไว้สารพัด ทั้งปลาตะเพียน ปลาสวาย ปลาดุก ปลานิล รวมถึงปลาธรรมชาติที่มากับน้ำ เพราะที่สวนจะใช้น้ำจากคลองระพีพัฒน์ ขณะที่ปล่อยน้ำเข้าก็อาจมีลูกปลาจากธรรมชาติติดเข้ามา

ในช่วงที่มาลงหลักปักฐานใหม่ๆ น้าอ้วนก็เหมือนเกษตรกรรุ่นใหม่อีกหลายคน อยากปลูกทุกอย่าง ผักก็ปลูก ผลไม้ก็ปลูก ลองให้รู้กันไปว่าอะไรจะได้ผลดีที่สุด แตงร้าน มะระ ถั่วฝักยาว แม้จะเป็นพืชผักระยะสั้นทำเงินง่าย แต่พอทำไม่ได้ตามขนาดที่ตลาดต้องการก็เจ็บตัวไม่น้อย หลังๆ เลยไม่ขาย ประกาศให้เพื่อนมาเก็บไปกินกันเสียเลย

เมื่อผักทำท่าจะไปไม่ไหว น้าอ้วนจึงเบนเข็มไปสู่ไม้ผล ชอบกินอะไรก็ปลูก แต่ก็ยังไม่วายมีปัญหาให้ต้องได้คิด จะปลูกเพียงเท่านี้แล้วคนที่อยู่ด้วยจะกินอะไร การทำเกษตรจะต้องมีอยู่ มีกิน มีรายได้เข้ามาด้วย จึงหันไปมองถึงผลไม้ที่อร่อยและชอบ เริ่มด้วย มะม่วง สะสมหลายสายพันธุ์ที่ว่าอร่อยทั้งของไทยและไต้หวัน แต่เมื่อปลูกไปสักพักก็เอาอีกแล้ว ความใจร้อนว่าไม่ทันใจใช้เวลาปลูกเป็นปีกว่าจะได้ลิ้มรส น้าอ้วนจึงเบนเข็มอีกครั้ง คราวนี้วางโจทย์เป็นไม้ผลที่ให้ผลได้ในระยะเวลาอันสั้นและมีผลให้เก็บได้ต่อเนื่อง คำตอบจึงไปลงตัวที่ ฝรั่ง แต่ในเมืองไทยก็เห็นๆ กันอยู่ไม่กี่สายพันธุ์ จึงมองไปที่ไต้หวัน หาโอกาสพาสุดที่รักไปเที่ยวต่างประเทศด้วยเลย

ที่ไต้หวัน น้าอ้วนได้ชิมฝรั่งหลายสายพันธุ์ และเริ่มติดกิ่งพันธุ์ที่ชอบกลับมาปลูกด้วย หนึ่งในนั้นคือ “สุ่ยมี่” หรือ “ซุ่ยหมี่” ด้วยความกรอบ มีรสหวาน เมล็ดน้อย ทำให้น้าอ้วนเริ่มทำกิ่งพันธุ์จำหน่ายเป็นครั้งแรกด้วยฝรั่งสุ่ยมี่ ผลตอบรับกลับมาดีมาก ทำให้ต้องมองหาสายพันธุ์ดีๆ ต่อไป ซึ่งก็เป็นสูตรเดิมคือ ชิมพันธุ์ไหนอร่อยถูกปากจึงจะพากลับเมืองไทยด้วย ช่วงหลังจึงได้เห็นสายพันธุ์ใหม่ๆ ตามมา เช่น หงเป่าสือ (ไส้แดง) และเจินจู (ไส้ขาว)

การสื่อสารในกลุ่มด้วยการไลฟ์เฟซบุ๊กสดทำให้น้าอ้วนได้ความรู้อีกครั้ง สมาชิกมืออาชีพเห็นน้าอ้วนตอนกิ่งฝรั่งแบบไม่ถนัดมือนัก จึงหอบต้นตอมาจากปราจีนบุรีพร้อมมาสอนเทคนิคการทาบกิ่งให้ถึงสวนหนองเสือ โดยไม่คิดมูลค่าใดๆ จนทำให้ทุกวันนี้น้าอ้วนและลูกน้องในสวนก็ใช้เทคนิคการขยายพันธุ์แบบนี้เรื่อยมา

หากนับความเป็นไอดอลในแวดวงเกษตร น้าอ้วนก็ไม่น้อยหน้าใคร เพื่อนในเฟซบุ๊ก 5,000 คน มีผู้ติดตามอีกเกินห้าหมื่นคน รวมถึงกลุ่มต่างๆ อีกร่วมแสนคน ทำให้เวลาผลิตอะไรออกมาแต่ละครั้งไม่เพียงพอกับความต้องการของสมาชิก ทำให้ต้องคิดใหญ่ทำใหญ่อีกครั้ง เรียกได้ว่าน้าอ้วนเกิดมาเพื่อการปรับเปลี่ยนจริงๆ

หลังจากก้มๆ เงยๆ ในสวนมาพอสมควร น้าอ้วนจึงรวบรวมสมาชิกซื้อที่แปลงใหญ่อีก 1 แปลง ในพื้นที่ 50 ไร่ และแบ่งจำหน่ายให้เพื่อนสมาชิกมาบริหารจัดการพื้นที่ร่วมกัน ทั้งปลูกเพื่อเก็บผลและปลูกเพื่อทำกิ่งพันธุ์จำหน่าย จะได้ตอบสนองความต้องการของสมาชิกท่านอื่นๆ รวมถึงขยายเครือข่ายให้ได้มากตามความต้องการอีกด้วย

ปัจจุบัน ที่สวนน้าอ้วนยังมีสมาชิกแวะเวียนมาหามิได้ขาด มีของฝากมาติดไม้ติดมือ และก็มักจะได้ต้นไม้หรือผลไม้เป็นของขอบคุณติดกลับไปทุกครั้ง ในช่วงปีแรกๆ น้าอ้วนเปิดแจกกิ่งตอนมะนาวสายพันธุ์ดีให้ไปปลูกกันทั่วหน้า เรียกว่าสวนน้าอ้วนใครมาก็ต้องได้ต้นไม้หรือได้อิ่มท้องแน่ๆ

สิ่งหนึ่งที่เป็นเสน่ห์ของน้าอ้วนคือ สมัครเว็บแทงบอล ปากตรงกับใจ ชมจริง ด่าจริง อะไรดีก็ชมจนลอยได้เลย แต่อะไรไม่ดีก็ด่าเปิงไปเลยเช่นกัน แต่ก็ไม่เห็นมีใครโกรธ เพราะเป็นการด่าแบบสอนไปด้วย และที่สวนเปิดรับสมาชิกมาเรียนรู้เรื่องราวทางการเกษตรเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการปลูก การดูแลบำรุง การขยายพันธุ์ โดยเฉพาะการขยายพันธุ์ น้าอ้วนสอนจนฝรั่งยังทำเป็น ใครมาเห็นฝรั่ง (คน) ทาบกิ่งฝรั่ง (ต้นไม้) แล้วจะทึ่ง ที่นี่สอนแบบไม่หวงวิชา อยากรู้อะไรหากสอนได้เป็นได้เรื่องทุกครั้ง

“เอางี้น้า ก่อนจะพาไปชิมฝรั่งหงเป่าสือ หรือพันธุ์อะไรก็ตาม เฉลยหน่อย ทำไมจึงบอกว่าผมเป็นนกอินทรี”

“ผมไม่ได้บอกแค่พี่นะ บอกทุกคนเลย เราคือนกอินทรี แต่ตอนที่เป็นไข่ ดันไปตกอยู่ในรังไก่ แม่ไก่ฟักเราออกมา เราเกิดและเติบโตมากับไก่ รับรู้ว่าตัวเองก็เป็นไก่เท่านั้น กุ๊กๆ เขี่ยๆ บินได้ใกล้ๆ แบบกระพือปีก มีชีวิตทุกวันแค่คุ้ยเขี่ยหาอาหาร”

“ก็ไม่ดีหรือ”

“ดีกะผีอะไรล่ะพี่ พี่เป็นนกอินทรี พี่ต้องบินสูงหากินไกล จะมากุ๊กๆ เขี่ยๆ เป็นไก่อยู่ทำไม จำเอาไว้ อย่าต้องเป็นไก่ในร่างนกอินทรีแบบนี้จนตาย เพราะมันน่าเสียดายมาก เราต้องปลุกความเป็นเราออกมา เข้าใจคำว่าปลุกยักษ์ในใจให้ตื่นใช่ไหม นั่นแหละ แบบเดียวกัน” “สรุปง่ายๆ ที่น้าอ้วนทำอยู่ทุกวันนี้คือบอกทุกคนว่าเลิกเป็นไก่ได้แล้ว เอ็งต้องบินสูงตามสัญชาตญาณนกอินทรี”

“ใช่พี่ แต่ผมหวังไว้มากกว่านั้น ผมหวังว่าทุกคนที่มาหาผม มาเรียนรู้หรือพูดคุยกับผม คือไข่ไก่ที่หลงไปอยู่ในรังนกอินทรี”

“ยังไงน้า มันเป็นไปได้หรือ”

“เรื่องสมมติ มันเป็นได้เสมอ พี่ลองคิดดูสิ”

“หมายถึงลูกเจี๊ยบเกิดมาในรังนกอินทรี แล้วมันจะบินได้เหมือนนกอินทรีเหรอน้า ข้อจำกัดมันเยอะนา”

“ไม่เกี่ยวกับอะไรหรอกพี่ มันอยู่ที่ใจและจินตนาการ หากลูกไก่มันคิดว่าเป็นลูกนกอินทรี มันต้องกล้าบินสูง”