ด้านนายมาโนช กล่าวว่าการทำแพไม้ไผ่เลี้ยงหอยนางรมบริเวณ

พื้นที่ป่าชายเลนโดยใช้เชือกแปะปูนซิเมนต์เป็นเม็ดไม่ใหญ่มาก เว้นช่องเป็นระยะต่อ1 เม็ด ยาว 50 ซม. แขวนไม้ไผ่ข้างละ 5 เส้น รวม 10 เส้น ทิ้งระยะเวลาสักระยะค่อยมาดูว่ามีเชื้อหอยนางรมมาเกาะหรือยัง เมื่อถึงเวลาเชื้อหอยมาเกาะก็จะต้องตบแต่งเอาเพรียงที่มาเกาะรวมกันออก ให้เหลือเชื้อหอยนางรมเกาะเม็ดปูนเพียงตัวเดียวเท่านั้น จากนั้นจะมีพ่อค้ามารับซื้อเพื่อนำไปเลี้ยงต่อ ทั้งนี้ การเลี้ยงแพหอยนางรมในคลองจำนวนมาก อาจเกิดผลกระทบทำให้น้ำในคลองตื้นเขิน สาเหตุขณะที่เวลาน้ำขึ้นหรือลงกากตะกอนจะติดเม็ดปูนหอยนางรม ตะกอนไม่สามารถไหลออกสู่ปากแม่น้ำประแสร์ได้ ทำให้คลองตื้นเขินได้

“ไข่” เป็นอาหารสากลของคนทุกชาติ ทุกภาษา ทุกศาสนา และเป็นที่รู้กันว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ เนื่องจากอุดมไปด้วยคุณประโยชน์และมีสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกายอย่างครบถ้วน

อ.นพ.กรภัทร มยุระสาคร หน่วยอณูเวชศาสตร์ สถานส่งเสริมการวิจัย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล บอกว่า ไข่ไก่ เป็นหนึ่งในอาหารสำหรับมวลมนุษยชาติ เป็นโปรตีนชั้นดีของเด็กที่วัยเจริญเติบโต ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในผู้ใหญ่ และอาจจะช่วยเรื่องความทรงจำในผู้สูงวัย ที่สำคัญมีงานวิจัยจำนวนมาก โดยเฉพาะการศึกษาเรื่องการบริโภคไข่ไก่ของ Frank B.Hu และคณะ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา ที่ทำการเก็บข้อมูลในกลุ่มคนกว่า 110,000 คน เป็นเวลากว่า 14 ปี ที่ได้ผลสรุปว่า การรับประทานไข่ไก่วันละ 1 ฟอง ไม่ส่งผลต่อระดับโคเลสเตอรอลในเลือดหรือหลอดเลือดหัวใจในระยะยาว ยกเว้นในคนที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดัน และยังมีงานวิจัยอีก 5 ฉบับที่ช่วยยืนยันได้อย่างแน่ชัดว่าในผู้ที่มีร่างกายปกติ สามารถรับประทานไข่ไก่ได้สัปดาห์ละ 6 ฟอง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย ทั้งในด้านหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง แต่จะมีความเสี่ยงในผู้ป่วยโรคเบาหวาน

นอกจากนี้ จากการวิจัยของหมอกรภัทร ในปีพ.ศ.2548 พบว่าการกินไข่ไม่ได้ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี หรือ LDL-cholesterol เข้าไปอุดตันผนังเส้นเลือดสูงขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นการกินไข่ในระยะยาว 12 สัปดาห์ กลับทำให้มีการเพิ่มของระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี หรือ HDL-cholesterol ซึ่ง HDL จะเข้าไปช่วยละลาย LDL ออกมาจากผนังเส้นเลือด และผลวิจัยก็สรุปได้ว่าการกินไข่ติดต่อกันทุกวันในคนวัยทำงานที่มีสุขภาพดี ไม่มีผลเสียต่อระดับไขมันในเลือด แต่กลับมีผลดีต่อระดับไขมันในเลือดด้วยซ้ำ

ที่สำคัญไข่ไก่ยังเป็นอาหารโปรตีนราคาย่อมเยา หาซื้อได้ง่าย มีประโยชน์ต่อร่างกายของคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะทารกและเด็กวัยเรียน ในไข่ไก่ 1 ฟอง มีกรดอะมิโนจำเป็นทุกชนิด มีวิตามินและเกลือแร่หลายชนิด ทั้งวิตามินเอ วิตามินบี 2 วิตามินบี 6 วิตามินบี 9 (กรดโฟลิก) วิตามินบี 12 ธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และวิตามินอี นอกจากนี้ ไข่ไก่ยังถือเป็นหนึ่งในอาหารธรรมชาติไม่กี่ชนิดที่มีวิตามินดี ส่วนในไข่แดงมีปริมาณเลซิตินและโคลีนมากกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน ซึ่งสารทั้งสองชนิดนี้มีความสำคัญต่อร่างกายและสมอง ทั้งช่วยเพิ่มเซลสมอง และพัฒนาระบบประสาทแก่เด็ก ช่วยปรับไขมันในเลือดให้ดีขึ้น โดยเพิ่ม HDL และลด HDL กับไตรกลีเซอไรด์

น.สพ.กิตติ ทรัพย์ชูกุล นายกสมาคมนิสิตเก่า คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานคณะกรรมการรณรงค์บริโภคไข่ไก่ (Egg Board) บอกเบื้องลึกของไข่ไก่ว่า คนอาจจะมองว่าไข่ทานง่าย หาซื้อง่าย ราคาประหยัด ทำเป็นเมนูได้สารพัด ซึ่งจริงๆแล้วไข่ไก่ยังมีดีมากกว่านั้น อย่างเช่นการทานไข่เพื่อลดความอ้วนเพราะหากพลิกดูสูตรการลดน้ำหนักจะเห็นว่าต้องมีไข่เป็นเมนูในแทบทุกสูตร และเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพ โดยเฉพาะในวัยผู้ใหญ่ที่มีปัญหาในเรื่องตับ ซึ่งจะต้องการปริมาณอัลบูมินจำนวนมาก แพทย์ก็จะแนะนำให้ทานไข่ในปริมาณมาก หรือแม้แต่เด็กที่ต้องการบำรุงสมอง ดวงตา หัวใจ ก็จะทานไข่เสริม

ส่วนเรื่องคอเลสเตอรอลที่หลายคนมีความเข้าใจผิดไปนั้น ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า คอเลสเตอรอล เป็นสิ่งที่มีอยู่ในร่างกายของทุกคนอยู่แล้ว เพราะเป็นส่วนหนึ่งของฮอร์โมนเพศ เป็นส่วนประกอบของเซลประสาท ฯลฯ และก่อนหน้านี้มีคำเตือนเรื่องการทานไข่ไก่เพราะอาจทำให้คอเลสเตอรอลในร่างกายเพิ่มขึ้น จนกลายเป็นความเชื่อฝังหัวของคนยุคเก่า กระทั่งการแพทย์และการวิจัยที่ก้าวหน้าขึ้น ทำให้ผลวิจัยมากมายออกมาว่า การทานไข่ไก่นั้นทำให้คอเลสเตอรอลเพิ่มขึ้นจริง แต่ไม่ใช่ตัวร้ายหรือ LDL อย่างที่คนเข้าใจ ที่กลับเป็นการเพิ่มตัวดีคือ HDL และการเกาะของไขมันเส้นเลือดกลับลดลงในกลุ่มคนที่ทานไข่ไก่เป็นประจำ นาทีนี้ความเชื่อจึงกลับตาละปัด กลายเป็นทุกคนแนะนำให้ทานไข่ไก่มากขึ้น

แม้แต่นิตยสารชื่อดังอย่าง TIME ที่เป็นสื่อสารมวลชนชั้นนำของโลก ก็ยังสร้างความฮือฮาให้กับคนทั่วโลกหลังจากผลวิจัยต่างๆ พบว่าคอเลสเตอรอลไม่ได้มีความสัมพันธ์กับโรคหลอดเลือดและหัวใจแต่ประการใด กลับมีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษกับร่างกาย จึงเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องในนิตยสารของตนเองเมื่อ 2 ปีแล้ว ในเชิงยอมรับว่า ข้อมูลที่เผยแพร่เกี่ยวกับคอเลสเตอรอลว่าเป็นผู้ร้ายที่ให้ไว้ในอดีตตั้งแต่ปีค.ศ.1961 นั้นไม่เป็นความจริงอีกต่อไป เรียกว่าเป็นข่าวช็อคความเชื่อเรื่องการควบคุมคอเลสเตอรอลในอาหาร ที่ฝังหัวของคนทั้งโลกมากว่าครึ่งศตวรรษ

สุดท้ายหมอทั้งสองท่านย้ำว่าผู้บริโภคต้องรู้จักเลือกบริโภคโดยไข่ที่จะซื้อต้องสะอาด ไม่มีคราบเปรอะเปื้อน ควรเลือกซื้อจากผู้ผลิตและแหล่งผลิตที่มีมาตรฐาน ตรวจสอบย้อนกลับได้ และการบริโภคก็ต้องยึดหลักความพอดี ทานอาหารอย่างเหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไป บริโภคให้หลากหลายครบทุกหมู่ ก็จะช่วยให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์อย่างแน่นอน.

วันนี้ (9 เมษายน) โลกออนไลน์มีการแชร์ภาพตัวเงินตัวทอง หรือ “ตัวเหี้ย” โพสต์โดยเพจ Kidtam ซึ่งเป็นภาพตัวเงินตัวทองมีขนาดใหญ่ จนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง โดยระบุว่า “พิกัด ม.ศิลปากร พระราชวังสนามจันทร์ ใหญ่ไปมั้ยยยย…” รูปดังกล่าวได้รับการแชร์ต่อเป็นจำนวนมาก บางส่วนตั้งคำถามว่าเป็นรูปตัดต่อหรือไม่ เพราะรูปดังกล่าวตัวสัตว์มีขนาดใหญ่เกินไป ทั้งนักศึกษาบนสะพานก็ยังไม่รู้สึกตกใจใดๆ ขณะที่บางคนเห็นว่า เป็นภาพจริง แต่อาจเป็นมุมกล้อง ขณะที่มีผู้ใช้อินเตอร์เน็ต และผู้ที่อ้างว่าเป็นนักศึกษา เข้ามาตอบคำถามจำนวนมาก ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ไม่ได้ตัดต่อ ที่ไม่ตกใจเพราะเห็นกันจนชิน

กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศประจำวันที่ 10 เมษายน 2560 ดังนี้

ลักษณะอากาศทั่วไป พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลาง สำหรับภาคใต้มีฝนลดลงแต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมทะเลอันดามัน และลมตะวันออกที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนลดลง คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ อากาศร้อนในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่

ส่วนมากบริเวณจังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์

อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-39 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่

อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 37-39 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่

ส่วนมากบริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่

ส่วนมากบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช

อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม.

ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่

ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม/ชม.

ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่

อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. เพชรบูรณ์-ชาวบ้านแห่จับปลาในสระน้ำสาธารณะหมู่บ้านเกือบ 1,000 คน เงินรายได้จากค่าเข้าจับปลาหมู่บ้านนำไปใช้ด้านสาธารณประโยชน์ ให้กู้ดอกเบี้ยต่ำทำต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2544

วันที่ 9 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหนองก้มคลานซึ่งเป็นสระน้ำสาธารณะประโยชน์บ้านวังซองหมู่ที่ 3 ต.ช้างตะลูด อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ มีชาวบ้านเกือบ 1,000 คน พากันแห่ไปจับปลา หลังทางหมู่บ้านเปิดให้ทำการจับปลาปีละครั้ง กระทั่งทำให้บรรดาชาวบ้านโดยเฉพาะพรานล่าปลาถึงกับนำอุปกรณ์จับปลาหลากชนิดไม่ว่าจะเป็นแห ยอ สวิงฯลฯ มาตั้งท่ารอจับตากันจนเต็มขอบสระดังกล่าว นอกจากนี่ยังมีการใช้เรือลอยในสระเพื่อทอดแหจับปลา โดยปลาที่จับส่วนใหญ่จะเป็นปลาปลาค้าว ปลากด ปลาหมอ ปลาแขยง ปลาเนื้ออ่อน ปลาช่อน ซึ่งปลาบางตัวใหญ่น้ำหนักถึงราว 5 กิโลกรัม จนทำให้บรรยากาศการจับปลาเต็มไปด้วยความคึกคัก นอกจากนี้มีแม่ค้าปลามาติดต่อขอรับซื้อถขอบสระอีกด้วย

นายไชยยา ดีทุ่ง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.ช้างตะลูด อ.หล่มสัก กล่าวว่า สระน้ำแห่งนี้ ในฤดูฝนน้ำจากแม่น้ำป่าสักจะเข้าท่วมพื้นที่ จึงทำให้ปลาเข้ามาอยู่ในสระเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ทางหมู่บ่านมีข้อตกลงร่วมกันว่าจะยังไม่จับปลาในสระดังกล่าวแต่จะเปิดโอกาสให้ทุกคนลงจับได้ปีละ 1 ครั้งในช่วงต้นเดือนเมษายนของทุกปี โดยทำต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2544 โดยจะเก็บค่าเข้าจับปลาคนละ 50 บาท

“สำหรับในปีนี้แค่ตลอดช่วงเช้ามีผู้ซื้อบัตรกว่า 800 คน และยังทยอยมาเรื่อยๆ โดยในปีที่ผ่านมาสามารถเก็บค่าเข้าจับปลาคนละ 80 บาทได้เงินเกือบสองแสนบาท ส่วนในปีนี้คงจะได้ไม่ถึง 1 แสนบาทเพราะเก็บค่าเข้าเพียง 50 บาท ส่วนกฎกติกาสามารถนำอุปกรณ์การจับมาได้ทุกอย่างยกเว้น อวนลาก สะดุ้ง หน้ากว้างไม่เกิน 2 เมตรหรือตาข่ายและใช้ยาเบื่อ”

ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.ช้างตะลูด กล่าวอีกว่า สำหรับเงินที่ได้จากการเก็บค่าเข้าจับปลานี้จะนำมาเป็นเงินกองทุนของหมู่บ้านนำไปใช้ประโยชน์เพื่อส่วนรวม เช่นแบ่งให้คนในหมู่บ้านกู้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ เพื่อลดปัญหาชาวบ้านไปกู้เงินนอกระบบ นอกจากนั้นยังนำไปซื้อมาตรน้ำประปาแจกให้กับทุกครัวเรือน รวมทั้งนำไปสร้างสาธารณะประโยชน์อื่น ๆ เช่น สร้างศาลาธรรมสังเวช ซ่อมแซมศาลาวัด สร้างลานอเนกประสงค์ของหมู่บ้านเป็นต้น

วันที่ 9 เมษายน 2560 นายกล้าณรงค์ พงษ์เจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า ขณะนี้ ปริมาณน้ำที่เก็บกักเอาไว้ ในเขื่อนหรือในอ่างเก็บน้ำพระปรง บ้านระเบาะหูกวาง ต.ช่องกุ่ม อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ที่อยู่ในความดูแลของชลประทานสระแก้วนั้น ในขณะนี้ มีปริมาณน้ำเหลืออยู่ 42 % ในช่วงของฤดูแล้งปี 2560 นี้ สามารถ ดูแลประชาชนด้านน้ำอุปโภคบริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนในภาคการเกษตรนั้น สามารถให้การดูแลประชาชนที่ทำการเกษตรได้ในส่วนที่อยู่ในเขตชลประทาน ส่วนที่อยู่นอกเขตชลประทานนั้น ประชาชนได้รับทราบนโยบายของรัฐบาล แนวทางการบริหารจัดการ น้ำเพื่อการเกษตรในฤดูแล้ง โดยลดการปลูกข้าวใช้พืชที่ใช้น้ำน้อยมาทดแทน และปรับเปลี่ยนอาชีพเดิม กลับไปเป็นอาชีพใหม่ที่ใช้น้ำเพื่อการเกษตรน้อยลง

“และเมื่อเร็วๆนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มาตรวจเยี่ยมพร้อมให้นโยบาย ตลอดทั้งติดตามการดำเนินงานและ รมต.เกษตรและสหกรณ์ ได้พูดกับประชาชนด้วยตัวของท่านเองในเรื่องแนวนโยบายของรัฐบาล จะดูแลแก้ไขบริหารจัดการน้ำในภาคเกษตรของประชาชนในพื้นที่ที่อยู่นอกเขตชลประทาน ได้รับรู้ข้อมูลข่าวสาร และรับปฏิบัติ ตามนโยบายของรัฐบาลทำให้ปัญหาน้ำด้านการเกษตร ในพื้นที่ จ.สระแก้วไม่มีผลกระทบที่ทำให้เกิดความเดือดร้อนของภาคการเกษตร” นายกล้าณรงค์ กล่าว

ส่วนนายทินกร สุทิน ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า การจัดสรรน้ำตามที่ท่านผู้ว่าไดเรียนไปแล้วปริมาณน้ำเรามีเพียงพอในการอุปโภคบริโภค การประปา ที่สำคัญๆของ จ.สระแก้ว ทั้ง 4 มีสระแก้ว วัฒนานคร อรัญประเทศ และตาพระยา ได้เตรียมน้ำอุปโภคบริโภค ไว้ถึงเดือนสิงหาคม 2560 ไม่มีปัญหาว่าจะขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ส่วนในพื้นที่ชลประทาน ในพื้นที่ชลประทาน จะไม่มีการขาดน้ำ มีอ่างบางตัวที่ไม่มีน้ำ ได้ประชุมกลุ่มผู้ใช้น้ำ ตกลงกันว่า จะไม่ทำนาปีนี้ เพื่อน้ำไว้ใช้ในต้น ฤดูเป็นนาปี สถานการณ์จังหวัดสระแก้วปีนี้ ดีกว่าปีที่แล้วค่อนข้างมาก เนื่องจากปีที่แล้ว ในวันนี้ มีน้ำอยู่ประมาณ 22 % ปีนี้มีน้ำอยู่ 42 % จะเห็นว่าปริมาณน้ำในจังหวัดสระแก้วปีนี้ไม่น่าจะมีปัญหา เรื่องการขาดแคลนน้ำ

แหล่งข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้กรมชลประทาน หารือกับประเทศกัมพูชาเรื่องการผันน้ำจากกัมพูชาเข้าประเทศไทย หลังจากพล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เจรจาไว้เบื้องต้นแล้ว และให้สอบถามเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยว่าการจะผันน้ำจากกัมพูชามายังฝั่งไทย ต้องวางระบบอย่างไร รวมถึงแผนใช้น้ำของกรมชลประทานที่สำรองไว้เพื่อนำใช้ในการทำการเกษตร และภาคอุตสาหกรรมต่อเนื่องได้หรือไม่อย่างไร

นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ขณะนี้กรมฯกำลังเตรียมรายละเอียดของโครงการผันน้ำจากแม่น้ำสตึงนัม ประเทศกัมพูชา เข้ามาใช้ในฝั่งไทย เข้าหารือที่ประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.)ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อเดินหน้าโครงการนำน้ำจากประเทศเพื่อนบ้านมาสำรองใช้ในพื้นที่ภาคตะวันออกของไทย เพราะกรมชลประทานประเมินว่าอีก 5-10 ปีข้างหน้า ภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมภาคตะวันออกของไทยจะเติบโตมากขึ้น จำเป็นต้องมีน้ำสำรองไว้เผื่อฉุกเฉิน

“โครงการผันน้ำจากแม่น้ำสตึงนัม เป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำสตึงนัม ที่กระทรวงพลังงานไปเจรจาซื้อน้ำมาผลิตไฟฟ้า และเป็นโครงการร่วมมือระหว่างกัมพูชากับไทย ทางกรมชลประทานเล็งเห็นน้ำที่เหลือจากการผลิตพลังงานไฟฟ้า หากปล่อยทิ้งก็สูญเปล่า แต่หากเจรจาต่อรองเพื่อผันเข้ามาทางจันทบุรี มาเข้าเขื่อนประแสร์ไว้ใช้ในภาคตะวันออก หากไม่เตรียมสำรองอาจเกิดวิกฤตขาดน้ำได้ ภายในประเทศได้เตรียมสร้างอ่างเก็บไว้ 4 อ่างที่วังโตนด จังหวัดจันทบุรี เก็บน้ำได้ประมาณ 300-400 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) เพียงพอใช้ใน 4-5 ปีข้างหน้า ”

นายสมเกียรติ กล่าวว่า แม้เป็นการสำรองน้ำเพื่อรองรับความต้องการใน 5-10 ปีข้างหน้า แต่ต้องเริ่มเจรจาว่าน้ำที่จะเอามาใช้ในฝั่งไทย เป็นน้ำเหลือจากการสร้างพลังงานไฟฟ้าที่กัมพูชา หากกัมพูชาขายแพง ไทยคงต้องหาวิธีอื่น หากไม่คุ้มค่ากับการลงทุน เพราะไทยยังมีแผนบริหารจัดการน้ำในประเทศที่มีประสิทธิภาพพอสมควร เพราะโครงการผันน้ำจากแม่น้ำสตึงนัม ไม่ได้มีเพียงค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำ ยังมีเรื่องการวางระบบจากกัมพูชาเข้ามาไทยที่จันทบุรี และวางท่อต่อไปอ่างเก็บน้ำซึ่งยังไม่สรุปเรื่องระยะทางต้องหารือในกนช.ก่อน รวมถึงต้องศึกษาการพัฒนาน้ำจากลุ่มน้ำแหล่งอื่นๆทั้งในประเทศ และต่างประเทศ มาใช้และสำรองในเวลาที่จำเป็น

น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยในโอกาสเป็นประธานพิธีเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการทดสอบการใช้บัตรเกษตรกรอิเล็กทรอนิกส์ (E-Card) ณ วัดลานตากฟ้า ต.ลานตากฟ้า อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ว่า ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาเกี่ยวกับทะเบียนเกษตรกรใน 3 กิจกรรม คือ 1.ฐานข้อมูลเครื่องจักรกลการเกษตร ร่วมกับ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ 2.ระบบฐานข้อมูลเกษตรอินทรีย์ ร่วมกับ กรมวิชาการเกษตรเป็นเจ้าภาพหลัก และ 3.ระบบบัตรเกษตรกรอิเล็กทรอนิกส์ (E-Card) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และบริษัทอีการ์ดสตูดิโอ

“ระบบบัตรเกษตรกรอิเล็กทรอนิกส์ (E-Card) นั้น ได้ดำเนินการโครงการนำร่องสำหรับเกษตรกรสมาร์ทฟาร์มเมอร์ เพื่อให้เกษตรกรก้าวทันยุคดิจิทัล โดยการนำเทคโนโลยีระบบแผนที่ภูมิศาสตร์ และบัตรประจำตัวเกษตรกรอิเล็กทรอนิกส์ (E-Card) มาใช้ เพื่อเป็นเครื่องมือในการอำนวยความสะดวกสำหรับเกษตรกรในการแจ้งการเพาะปลูก การแจ้งขึ้นทะเบียนเกษตรกร ตลอดจนการรับสวัสดิการของรัฐ เพื่อประโยชน์ของภาครัฐในด้านการบริหารจัดการภาคการเกษตรของสินค้าเกษตร และโครงการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรอย่างรวดเร็วผ่านการใช้เทคโนโลยีดังกล่าว”น.ส.ชุติมากล่าว

นายประสงค์ ประไพตระกูล รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตร ร่วมกับ บริษัท อีคาร์ท สตูดิโอ จัดทดสอบระบบบัตรเกษตรกรอิเล็กทรอนิกส์เพื่อประยุกต์ใช้ในการขึ้นทะเบียนเกษตรกร โดยวิเคราะห์ ออกแบบ และพัฒนาระบบบัตรเกษตรกรอิเล็กทรอนิกส์ให้รองรับระบบขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งทดสอบกับกลุ่มเป้าหมาย 256 ครัวเรือน ณ วัดลานตากฟ้า โดยการทดสอบครั้งนี้ จะเป็นการรับทราบข้อคิดเห็น และพิจารณาทิศทางการยอมรับของเกษตรกร เพื่อทำการปรับปรุงระบบต่อไป นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกเครือข่ายพิจารณายกเว้นค่าบริการเครือข่ายและสนับสนุนการเปลี่ยนอุปกรณ์มือถือสมาร์ทโฟน และสนับสนุนขั้นตอนการเปิดใช้บริการหากเกษตรกรมีความประสงค์ สำหรับการเข้าถึงเว็บไซต์แจ้งปลูกผ่านระบบบัตรเกษตรกรอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่เกษตรกรที่ใช้บริการดังกล่าว ทั้งนี้ หากการทดสอบระบบบัตรเกษตรกรอิเล็กทรอนิกส์ประสบผลสำเร็จ จะเกิดประโยชน์อย่างยิ่งในการเพิ่มช่องทางการขึ้นทะเบียนเกษตรกรได้โดยตนเอง ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางและสามารถตอบสนองการให้บริการของรัฐได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

รศ.วรภัทร ลัคนทินวงศ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาเทคโนโลยีการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า มะนาวเป็นพืชเศรษฐกิจที่เกษตรกรให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก จึงเกิดแนวคิดในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหา ช่วยเหลือเกษตรกรให้สามารถมีผลผลิตมะนาวขายได้ในหน้าแล้งโดยไม่ต้องเสียรายได้ในช่วงที่มะนาวไม่ออกผล และค่าใช้จ่ายในการบำรุง/ฟื้นฟูต้นมะนาวให้กลับมามีสภาพเดิม โดยศึกษาวิจัยมา 1 ปี ได้ผลลัพธ์เป็นนวัตกรรมยืดอายุผลมะนาวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก คือ สูตรสารกระตุ้นการสร้างคลอโรฟิลล์แบบต้นทุนต่ำ ที่ใช้ฉีดที่ผลมะนาว และจะช่วยยืดอายุผลมะนาวสดได้นานถึง 3 เดือน คงรสชาติเปรี้ยว มีผิวที่สวยสด สมบูรณ์ขึ้น พร้อมแก่การเก็บรักษา โดยไม่ทิ้งสารตกค้าง สามารถส่งออกได้ตามมาตรฐานสากล และอีกส่วนหนึ่งคือ กล่องแอ๊กทีฟแพ็กเกจจิ้ง (Active Packaging) ที่ภายในกล่องพลาสติกทับเปอร์แวร์จะประกอบด้วยฟิล์มพิเศษ คอยทำหน้าที่ควบคุมการซึมผ่านอากาศเข้าออก

รศ.วรภัทร กล่าวว่า นวัตกรรมนี้มีค่าใช้จ่ายต่ำ files-store.com เนื่องจากตัวสูตรน้ำยาเร่งคลอโรฟิลล์ต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่เพียง 3 สตางค์ ต่อมะนาว 1 ลูก ส่วนกล่องแอ๊กทีฟแพ็กเกจจิ้งสามารถหาซื้อได้ในราคา 100 บาท ซึ่งสามารถจุได้ถึง 10 กิโลกรัม ส่วนฟิล์มที่ใช้มีต้นทุนเพียง 50 สตางค์ สามารถใช้ได้นาน 3 เดือน เฉลี่ยแล้วค่าใช้จ่ายเพียง 60 สตางค์ ถึง 1 บาท ต่อมะนาว 1 ผล แต่สามารถขายมะนาวได้ในราคาดีขึ้น

“อย่างไรก็ตาม นวัตกรรมดังกล่าวยังไม่มีการขายสูตรในเชิงพาณิชย์ โดยอยู่ในขั้นตอนการวิจัยและพัฒนาเพิ่มเติม เพื่อแก้ปัญหาด้านเปลือกมะนาวยุบ และปัญหาสีผิวเปลี่ยนเมื่อเก็บไว้นาน โดยสำหรับเกษตรกรสวนมะนาวที่สนใจในนวัตกรรมข้างต้น สามารถขอรับคำปรึกษาได้ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายที่สาขาเทคโนโลยีการเกษตร” รศ.วรภัทร กล่าว

พาณิชย์ผนึกกำลังพลังงาน-อุตสาหกรรมคลอดมาตรการยกระดับราคาผลปาล์มปี ’60/61 เพิ่มการผลิตไบโอดีเซลบี 7-ออกประกาศเพิ่มราคารับซื้อปาล์มเปอร์เซ็นต์สูง 18% หลังเกษตรกรแห่ร้อง รมว.พาณิชย์แก้ปมราคาปาล์ม

แหล่งข่าวจากสภาเกษตรกรแห่งชาติเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในวันที่ 29 มีนาคม 2560 ตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน ทำหนังสือถึง นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอให้ช่วยแก้ปัญหาสถานการณ์การรับซื้อปาล์มน้ำมันในราคาที่ไม่เป็นธรรมจากเกษตรกร และคัดค้านการนำเสนอราคาค่าการตลาดของโรงงานสกัดปาล์มน้ำมัน กิโลกรัมละ 4.40 บาท และประกาศของคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เรื่องแนวทางการปฏิบัติการแสดงราคารับซื้อผลปาล์มทะลายและผลปาล์มร่วงที่อัตราน้ำมัน 18% ในราคากิโลกรัมละ 5.50 บาท เนื่องจากราคานั้นจะทำให้เกษตรกรเดือดร้อน

“หลังกรมการค้าภายในเรียกประชุมคณะทำงานกำหนดราคาแนะนำผลปาล์ม ครั้งที่ 3/2560 เมื่อวันที่ 31 มีนาคม แต่ราคารับซื้อในพื้นที่จังหวัดกระบี่ เมื่อวันที่ 6-7 เมษายน 2560 ยังรับซื้อต่ำกว่าราคาแนะนำ กิโลกรัมละ 0.15 บาท เช่น ราคาแนะนำผลปาล์ม 18% กิโลกรัมละ 5.20 บาท แต่ตั้งรับซื้อที่ 5.05 บาท ราคาแนะนำผลปาล์ม 19% กิโลกรัมละ 5.50 บาท ซื้อ 5.35 บาท ราคาแนะนำผลปาล์ม 20% กิโลกรัมละ 5.80 บาท แต่ซื้อที่ 5.65 บาท เป็นต้น”