ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนได้แผ่ลง

มาปกคลุมถึงประเทศเวียดนาม ลาว และทะเลจีนใต้ตอนบนแล้ว คาดว่า ในช่วง วันที่ 20-23 มีนาคม 2561 จะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อน ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยจะเริ่มแผ่ลงมาปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกก่อน

ดร. มงคล เทพรัตน์ คณบดีคณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) เปิดเผยถึงการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมวิชาการนำเสนอผลงานระดับปริญญาบัณฑิตด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร ครั้งที่ 5 ระหว่างวันที่ 22-23 มีนาคม ณ คณะเทคโนโลยีการเกษตร ว่า การจัดประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการเผยแพร่ผลงานวิจัยหรืองานสร้างสรรค์ด้านเกษตรและเทคโนโลยี

และสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านวิชาการระหว่างอาจารย์กับนักศึกษาที่มีการเรียนการสอนในศาสตร์แขนงนี้ ทำให้นักศึกษามีโอกาสเผยแพร่ผลงานภาคบรรยายและภาคโปสเตอร์ในเวทีระดับชาติ ในกลุ่มสาขาพืชศาสตร์ สัตวศาสตร์ ประมง อุตสาหกรรมเกษตร ธุรกิจเกษตรและอาหาร เกษตรกลวิธาน และสาขาที่เกี่ยวข้องทางการเกษตร โดยคาดว่าจะมีสถาบันการศึกษากว่า 10 แห่ง ส่งผลงานเข้าร่วมมากกว่า 100 เรื่อง

ดร. มงคล กล่าวว่า รัฐบาลกำหนดเป้าหมายในการพัฒนาประเทศโดยให้ความสำคัญในการขับเคลื่อน Thailand 4.0 ด้านการเกษตร อาหารและเทคโนโลยีชีวภาพ จึงควรให้ความสำคัญในการเตรียมความพร้อมเกษตรกร และพัฒนาศักยภาพสู่การเป็นเกษตรกรที่มีความก้าวหน้า ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิตและการตลาด สำหรับเพิ่มมูลค่าให้สินค้าเกษตรของไทย รวมทั้งมีการติดตามสถานการณ์ต่างๆ เพื่อพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องในการนำข้อมูลข่าวสารด้านการเกษตรมาประยุกต์ใช้ในการเกษตรของตนเองมากขึ้น

ดร. มงคล กล่าวด้วยว่า ทั้ง 10 สถาบันอุดมศึกษาในเขตภาคกลางตอนล่างและภาคใต้ ที่เปิดสอนทางด้านเกษตร ได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางการศึกษา งานวิจัย การให้บริการทางวิชาการ การพัฒนาคุณภาพนักศึกษาด้านเทคโนโลยีการเกษตรและการประกันคุณภาพการศึกษา เพื่อเป็นกรอบการทำงานร่วมกันในอนาคต ตลอดจนการจัดประชุมวิชาการนำเสนอผลงานระดับปริญญาบัณฑิตด้าน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีโดยสลับกันเป็นเจ้าภาพในการจัดงาน

สศท.3 เผย เกษตรกรนาดี จังหวัดหนองคาย หันมาเลี้ยงไก่พื้นเมืองพันธุ์ประดู่หางดำ อีกหนึ่งทางเลือกใหม่ ใช้เวลาว่างหลังการทำเกษตร ช่วยเสริมรายได้อย่างงาม กำไรดี เลี้ยงง่าย ต้นทุนต่ำ ทนต่อสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมได้ดี

นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันการเลี้ยงไก่พื้นเมืองพันธุ์ประดู่หางดำ ที่นับเป็นทางเลือกใหม่ของเกษตรกรในจังหวัดหนองคาย ซึ่งจากการติดตามของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 3 (สศท.3) ในพื้นที่ หมู่ที่ 3 ตำบลนาดี อำเภอเฝ้าไร่ จังหวัดหนองคาย พบว่า เกษตรกรหันมาเลี้ยงไก่พื้นเมืองมากขึ้น ซึ่งจากเดิมเกษตรกรส่วนใหญ่เลี้ยงสุกร แต่ในช่วงปีที่ผ่านมา ราคาสุกรลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกษตรกรหันมาเลี้ยงไก่พื้นเมืองแทน เพราะได้กำไรดีกว่า แถมเลี้ยงง่าย ต้นทุนต่ำ ทนต่อสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมได้ดี

การเลี้ยงนิยมเลี้ยงปล่อยอิสระ ทำให้ไก่ไม่เครียด แข็งแรง เจริญเติบโตตามธรรมชาติ จึงไม่จำเป็นต้องใช้สารเร่งการเจริญเติบโตเหมือนกับไก่พันธุ์เนื้อที่เลี้ยงในโรงเรือน อีกทั้งสามารถลดการใช้ยาปฏิชีวนะลงได้มาก และจากที่พันธุ์ไก่ขาดตลาด เกษตรกรจึงเริ่มหันมาปลูกสร้างโรงเรือนเพื่อเพาะพันธุ์ไก่ด้วยตนเอง

ด้านต้นทุน พบว่า เกษตรกรเลี้ยงไก่ 1,000 ตัว จะมีต้นทุนค่าพันธุ์ไก่เฉลี่ย 25,000 บาท ค่าอาหารไก่เฉลี่ย 30,000 บาท ค่ายาปฏิชีวนะและวัสดุอุปกรณ์เฉลี่ย 5,000 บาท รวมต้นทุนเฉลี่ย 60,000 บาท โดยไก่ใช้ระยะเวลาเจริญเติบโต 3-4 เดือน ได้ผลผลิตอย่างน้อย 800 ตัว น้ำหนักตัวเฉลี่ย 1.5 กิโลกรัม ขายราคากิโลกรัมละ 100 บาท คิดเป็นรายได้ 120,000 บาท (คิดเป็นกำไร ประมาณ 60,000 บาท) ซึ่งถือเป็นอาชีพทางเลือกที่สร้างรายได้ให้เกษตรกรในช่วงเวลาว่างจากการทำการเกษตรได้เป็นอย่างดี

ด้าน นางเพ็ญศิริ วงษ์วาท ผู้อำนวยการ สศท.3 กล่าวเสริมว่า จากการสัมภาษณ์ คุณไพรวัล ยางคง ประธานกลุ่มเลี้ยงไก่พันธุ์พื้นเมือง ตำบลนาดี พบว่า ขณะนี้ทางกลุ่มมีโครงการซื้อตู้ฟักไข่มาใช้เพื่อเพาะพันธุ์ไก่ไว้เลี้ยงภายในชุมชน และรองรับความต้องการเลี้ยงไก่พันธุ์พื้นเมืองของเกษตรกรทั่วไป ซึ่งสามารถลดต้นทุนค่าพันธุ์ไก่ได้อีกด้วย โดยปัจจุบันมีพ่อค้ามารับซื้อในหมู่บ้านและบางส่วนส่งออกไปประเทศเวียดนาม ทั้งนี้ เกษตรกรที่สนใจเลี้ยงไก่พื้นเมืองพันธุ์ประดู่หางดำ สามารถขอคำแนะนำจาก คุณไพรวัล ยางคง ประธานกลุ่มเลี้ยงไก่พันธุ์พื้นเมือง ตำบลนาดี ซึ่งยินดีให้คำปรึกษาและคำแนะนำแก่เพื่อนเกษตรกรได้ ที่เบอร์โทรศัพท์ 084 791 8650

นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า กนอ.ได้ศึกษาต้นแบบการบริหารจัดการตลาดกลางโอตะ (Ota Wholesale Market) ซึ่งเป็นตลาดค้าส่ง ผัก ผลไม้ และ ไม้ดอกที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และมีระบบการประมูลที่ได้รับการยอมรับระดับโลก เพื่อนำระบบตลาดประมูลมาประยุกต์ใช้ในการซื้อขายผลไม้ในโครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (Eastern Fruit Corridor หรืออีเอฟซี) หรือมหานครผลไม้ ที่จะจัดตั้งขึ้นบนพื้นที่ประมาณ 50 ไร่ ภายในนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ (Smart Park หรือสมาร์ต ปาร์ก) จังหวัดระยอง

คาดจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้เต็มรูปแบบภายใน 2-3 ปี ช่วยให้เกษตรกรในพื้นที่ภาคตะวันออกมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการต่อรองราคา โดยเฉพาะจังหวัดจันทบุรี ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี และตราด รวมถึงมีห้องเย็นขนาดใหญ่ สำหรับกักตุนผลผลิตที่รวบรวมได้จากเกษตรกร ก่อนกระจายสินค้าไปยังตลาดต่างๆ

โดย ไทยจะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปพิจารณาอีกครั้งว่า จำเป็นต้องปรับแก้กฎหมายหรือใช้วิธีออกเป็นประกาศเพื่อเอื้อต่อการดำเนินการ ไทยถือเป็นผู้นำด้านการผลิตผลไม้เมืองร้อน ทั้งผลไม้สดและแปรรูป ส่งผลให้ไทยมีส่วนแบ่งการตลาดผลไม้เมืองร้อนของโลกมากที่สุด สามารถควบคุมกลไกการค้าผลไม้เมืองร้อนได้

ระบบการบริหารจัดการตลาดกลางโอตะ ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน 1. ตรวจสอบสินค้าก่อนประมูล 2. ผู้ที่ให้ราคาสูงที่สุดจะเป็นผู้ชนะการประมูลผ่านระบบคอมพิวเตอร์ 3. การตรวจสุขอนามัยของสินค้าหลังการประมูล และตรวจสอบมาตรฐาน คุณภาพ ความปลอดภัย หากสินค้าไม่ได้มาตรฐาน จะถูกระงับทันที และ 4. การกระจายสินค้า โดยผู้รับช่วงค้าส่งจะนำสินค้าออกจำหน่ายให้ผู้ซื้อในเวลาที่กำหนดไว้

พะเยา – วันที่ 19 มีนาคม พล.ต. สายันห์ เมืองศรี ผบ.มทบ.34 เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมพัฒนาทักษะ เพื่อเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพให้กับทหารเกณฑ์ก่อนปลดประจำการ โดย บูรณาการความร่วมมือระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงแรงงาน โดย มทบ.34 กับสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดพะเยา ฝึกอบรมพัฒนาทักษะให้แก่ทหารที่จะปลดประจำการทั้งสิ้น 150 นาย โดยฝึกอาชีพใน 5 สาขา ประกอบด้วย ช่างไฟฟ้าภายในอาคาร ช่างเครื่องปรับอากาศในบ้านและการพาณิชย์ขนาดเล็ก ช่างเชื่อมอาร์กโลหะด้วยมือ ช่างเครื่องยนต์เล็ก และ ผู้ประกอบอาหารไทย ใช้เวลาอบรม 30 ชั่วโมง เพื่อให้ทหารกองประจำการมีทักษะฝีมือ สามารถประกอบอาชีพได้ตามความถนัดและสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานภายหลัง ปลดจากกองประจำการระหว่างวันที่ 19-23 มีนาคม ที่ มทบ.34 ค่าย ขุนเจืองธรรมิกราช อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา

เชียงใหม่ – วันที่ 19 มีนาคม ร.อ. ภูรีวรรธน์ โชคเกิด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่แนะนำว่า ในช่วงสภาวะหมอกควันขณะนี้ประชาชนควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส ฝุ่นละออง โดยกลุ่มคนปกติทั่วไป ควรลดหรือจำกัดกิจกรรมนอกอาคารที่ใช้ระยะเวลาและออกแรงมาก

ขณะที่กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กต่ำกว่า 5 ขวบ หญิงมีครรภ์ ผู้สูงอายุ กลุ่มผู้ป่วย เช่น โรคทางเดินหายใจ ระบบหลอดเลือดและหัวใจ ควรงดหรือหลีกเลี่ยงกิจกรรมนอกอาคาร ที่ใช้ระยะเวลาและออกแรงมาก

หากจำเป็นต้องออกนอกอาคารให้สวมหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่น และหมั่นสังเกตอาการ หากพบอาการผิดปกติ หายใจลำบาก, คลื่นไส้, เหนื่อยง่าย ควรรีบพบแพทย์ ขอให้ประชาชนช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่พื้นที่อยู่อาศัยด้วยการรดน้ำต้นไม้ หรือพ่นละอองน้ำบนหลังคาที่อยู่อาศัย และงดเผาทุกชนิด ตั้งแต่ช่วงวันที่ 1 มีนาคม-20 เมษายน เพื่อลดหมอกควันที่กระทบต่อสุขภาพประชาชน

อาการปวดบริเวณน่อง คนทั่วไปมักเข้าใจว่าเป็นอาการของโรคข้อเข่าเสื่อม แท้จริงแล้วเป็นการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อด้านหลังต้นขาบริเวณใกล้น่อง ซึ่งเกิดจากการใช้งานของกล้ามเนื้อมากเกินไป

นพ. ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ ให้ข้อมูลว่า การเล่นกีฬาประเภทวิ่งหรือกระโดด โดยเฉพาะนักวิ่ง นักกีฬา นักเต้น พฤติกรรมดังกล่าวทำให้กล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังถูกฉีกกระชากจนกล้ามเนื้อบางส่วนฉีกขาดและเกิดการอักเสบ รวมถึงการนั่งทำงานเป็นเวลานาน เพราะกล้ามเนื้อต้องอยู่ในท่าที่หดเกร็งโดยไม่ขยับเขยื้อนนานจนกล้ามเนื้อตึง ทำให้เกิดอาการแพลงหรืออักเสบได้ง่าย ซึ่งระดับความรุนแรงจากการอักเสบ แบ่งเป็นระดับเล็กน้อยและหายได้จนถึงกล้ามเนื้อฉีกขาดทั้งหมด และใช้เวลานานในการรักษา สำหรับอาการที่พบจากการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อด้านหลังต้นขาคือ ปวดแปลบที่กล้ามเนื้อต้นขาแบบเฉียบพลัน บวมในช่วง 2-3 ชั่วโมงแรกหลังได้รับบาดเจ็บ ฟกช้ำ หรือมีสีผิดปกติที่ขาด้านหลังใต้หัวเข่าในช่วง 2-3 วันแรก และกล้ามเนื้อด้านหลังต้นขาอ่อนแรงนานเป็นสัปดาห์

อาการข้างต้นจะต่างจากโรคข้อเข่าเสื่อมที่มีอาการข้อเข่าฝืด ตึง ปวดบริเวณข้อและมีเสียงในข้อเข่าเวลาขยับเคลื่อนไหว เนื่องจากการสึกหรอของข้อต่อภายหลังการใช้งานมานานและอายุที่มากขึ้น

นพ. สมพงษ์ ตันจริยภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลิดสิน กล่าวว่า การรักษามี 3 วิธี 1. รักษาแบบไม่ผ่าตัด โดยหยุดกิจกรรมที่ทำให้เกิดการอักเสบเพิ่มขึ้น ใช้ถุงน้ำแข็งประคบประมาณ 20 นาที 2. ทำกายภาพบำบัด ด้วยการเหยียดแบบเบาๆ และ 3. ผ่าตัด เมื่อเส้นเอ็นฉีกขาดจากกระดูกอย่างสมบูรณ์ ส่วนการป้องกัน โดยอบอุ่นร่างกาย ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ และผ่อนคลายกล้ามเนื้อก่อนและหลังเล่นกีฬา ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ดื่มน้ำให้เพียงพอ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกาย และหมั่นเคลื่อนไหวร่างกายเป็นประจำ

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม รศ. วีระพงษ์ แพสุวรรณ ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการบิ๊กร็อกเพื่อ ส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เปิดเผยว่า ได้เรียกประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนฯและประธานคณะอนุกรรมการ 3 ชุด คือ คณะอนุกรรมการวิทย์สร้างคน คณะอนุกรรมการวิทย์แก้จนและยกระดับภูมิภาค และคณะอนุกรรมการวิทย์เสริมแกร่ง เพื่อเร่งรัดให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คณะอนุกรรมการแต่ละชุดได้รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการ อาทิ ชุดวิทย์แก้จน

จะมีการจัดทำแผนที่นำทางหรือโรดแมปเพื่อขับเคลื่อนนโยบายวิทย์แก้จนและเสริมแกร่งภูมิภาคของวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) เบื้องต้นได้ หารือกับ นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารกสิกรไทยไปแล้ว เพื่อเตรียมลงพื้นที่ จังหวัดน่าน 1 ใน 10 จังหวัด ที่ยากจนที่สุดของประเทศไทยที่ วท.จะใช้เป็นจังหวัดนำร่องในเดือนเมษายนนี้ 2. วิทย์สร้างพื้นฐาน

จะมีโครงการชุมชนวิทย์ จัดตั้งหมู่บ้านวิทย์ฯ แนวคิดศาสตร์พระราชา 89 แห่งทั่วประเทศ พร้อมกับสร้างอาสาสมัครวิทยาศาสตร์ จำนวน 10,000 คน นักวิทยาศาสตร์ชุมชน จำนวน 150,000 คน ที่อาจจะมีการใช้นักเรียนทุนของ วท.เป็นแกนหลักในการดำเนินงาน ที่สำคัญ จะมีการวางระบบบริหารจัดการน้ำผ่านกองทุนหมู่บ้านและมูลนิธิอุทกพัฒน์ 800 แห่ง เพราะทั้ง 2 หน่วยงาน ถือเป็นกลไกที่ ทำงานใกล้ชิดกับประชาชนที่สุด

รศ. วีระพงษ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่ในส่วนวิทย์สร้างคน กำลังเร่งดำเนินการจัดงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใน 4 ภูมิภาค คือ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ขอนแก่น ประจวบคีรีขันธ์ สงขลา และกรุงเทพฯ โครงการเพิ่มผู้เรียนในห้องวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย (วมว.) เป็นต้น ส่วน วิทย์เสริมแกร่ง จะเร่งรัดจัดตั้งโครงการโรงงานต้นแบบนวัตกรรมอาหารครบวงจรที่จังหวัดเชียงใหม่ ตนได้สั่งการให้คณะอนุกรรมการทั้ง 3 ชุด รายงานความคืบหน้าทุก 1 เดือน ซึ่งในแต่ละเดือนจะต้องระบุผลผลิตของงานได้อย่างชัดเจน

นายอภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ (พิกบอร์ด) ได้หารือถึงการแก้ปัญหาราคาสุกรตกต่ำ 3 มาตรการ คือ 1. ให้นำลูกสุกรไปผลิตเป็นหมูหัน จำนวน 1 แสนตัว 2. เพิ่มการปลดระวางแม่พันธุ์สุกร 1 แสนตัว โดยปลดระวางแม่พันธุ์สุกรในระบบปกติ 3 แสนตัว และ 3. นำสุกรขุนมาชำแหละและเก็บเข้าห้องเย็น 1 แสนตัว และได้นำร่องลูกสุกรไปผลิตเป็นสุกรหัน ล่าสุด ให้นำลูกสุกรไปผลิตเป็นหมูหันแล้ว 1 หมื่นตัว ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพราคาสุกรขุนมีชีวิตไม่ชัดเจน

ดังนั้น กรมปศุสัตว์ เร่งรัดทั้งจัดหาช่องทางจำหน่ายเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์กลุ่มผู้เลี้ยงรายย่อยโดยขอความร่วมมือบริษัทรายใหญ่และผู้ค้าปลีก เช่น CPF ปัญหาสำคัญที่ทำให้ราคาสุกรตกต่ำคือ ผลิตสุกรในประเทศจำนวนมาก แต่การส่งออกต่างประเทศลดลง ดังนั้นเพื่อรักษาสมดุลทั้งปริมาณ ผลผลิต และราคา จึงต้องประสานทุกฝ่ายอย่างเคร่งครัด

นายสมชวน รัตนมังคลานนท์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า สาเหตุที่ราคาสุกรตกต่ำขณะนี้มาจากเวียดนามแย่งตลาดส่งออกไปยังประเทศจีน 70-80% เนื่องจากราคาถูก ขนส่งสะดวกกว่า ประกอบกับจีนผลิตสุกรได้เองมากขึ้น ทำให้กระทบภาพรวมอุตสาหกรรมสุกรของไทย

นายประยูร อินสกุล รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสหกรณ์การเกษตรผู้ปลูกมะพร้าวน้ำหอมแปลงใหญ่วัดเพลง จำกัด จังหวัดราชบุรี ซึ่งสหกรณ์แห่งนี้มีจุดเด่นด้านการพัฒนาคุณภาพของสายพันธุ์มะพร้าวน้ำหอมก้นจีบ ซึ่งให้น้ำมะพร้าวมีความหอม หวาน รสชาติดี ลูกโต ในขณะที่พันธุ์มะพร้าวที่สหกรณ์นำมาจำหน่าย ได้จากการรวบรวมมะพร้าวจากต้นแม่พันธุ์ ที่มีอายุมากกว่า 30 ปี ซึ่งสหกรณ์รับประกันในเรื่องคุณภาพและราคากับสมาชิก ในขณะที่ผลผลิตมะพร้าวอ่อนผลสดที่สมาชิกปลูกไว้จำหน่ายนั้นมีผลผลิตสม่ำเสมอ จนเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ

สำหรับสหกรณ์การเกษตรผู้ปลูกมะพร้าวน้ำหอมแปลงใหญ่วัดเพลง จำกัด ถือเป็นสหกรณ์ที่ตั้งในพื้นที่แปลงใหญ่มะพร้าว ที่ผ่านมาได้มีการแลกเปลี่ยนและเสนอแนวทางให้สหกรณ์พัฒนาแนวทางในเรื่องของการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ โดยพยายามเชื่อมโยงตลาดทั้งภายในประเทศและตลาดต่างประเทศ รวมทั้งการรวมกันซื้อ-รวมกันขาย โดยเฉพาะการจัดหาปัจจัยการผลิตที่ใช้ในแปลงมะพร้าวของสมาชิกสหกรณ์ได้รวมเป็นกลุ่มแปรรูปมะพร้าว ซึ่งสมาชิกกลุ่มได้มีการแปรรูปเป็นน้ำมะพร้าวแท้ 100% ขนมข้าวหลามในมะพร้าวอ่อน ซึ่งขายส่งและขายปลีกเป็นการเพิ่มมูลค่าผลผลิต ในขณะที่สหกรณ์มีการเพาะพันธุ์มะพร้าวจำหน่าย ในราคา ต้นละ 85 บาท โดยผลิตจากต้นแม่พันธุ์ที่มีอายุมากกว่า 30 ปี จึงมีคุณภาพและสายพันธุ์ที่แท้ 100%

นายประยูร กล่าวว่า การเข้าไปช่วยส่งเสริมการดำเนินธุรกิจรวบรวมและจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรให้กับสหกรณ์นั้น ปัจจุบันจะต้องส่งเสริมให้สหกรณ์ใช้การตลาดมานำการผลิต โดยในเรื่องของการตลาดนั้น สหกรณ์ต้องศึกษาถึงแนวโน้มความต้องการของตลาดและผู้บริโภค เพื่อนำมาปรับใช้ในการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพและตรงกับที่ตลาดต้องการ ขณะเดียวกัน กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้จัดสรรเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์เพื่อสนับสนุนด้านเงินทุนให้สหกรณ์กู้ยืมไปใช้เป็นทุนหมุนเวียนรวบรวมผลผลิตจากสมาชิก ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ สามารถกำหนดระยะการส่งชำระหนี้ ซึ่งจะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับสหกรณ์ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรในปัจจุบันด้วย

ขณะที่แนวทางใช้ตลาดมานำการผลิตนั้น ถือเป็นนโยบายสำคัญของ นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานได้นำมาใช้ในการบริหารงานเกษตรกรรมในพื้นที่ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้แน่นอน และมีความมั่นคงในการประกอบอาชีพ โดยให้สำนักงานเกษตรจังหวัดและอำเภอ รวมทั้งสำนักงานสหกรณ์จังหวัดและประสาน ธ.ก.ส. พื้นที่ เพื่อร่วมกันคัดเลือกผลผลิตการเกษตรในพื้นที่จากโครงการตามนโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เช่น เกษตรแปลงใหญ่ เกษตรผสมผสาน เกษตรปลอดสารพิษ เกษตรอินทรีย์ กลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ (smart farmers & young smart farmer) หรือผลผลิตจากกลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์การเกษตรที่เข้มแข็ง เพื่อให้สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนำไปเป็นข้อมูลประสานงานหาผู้รับซื้อผลผลิตจากพื้นที่โดยตรง

เมื่อเร็วๆ นี้ การยางแห่งประเทศไทยเขตภาคใต้ตอนล่าง สนับสนุนงบประมาณตาม มาตรา 49 (3) จัดตั้งห้องปฏิบัติการวิเคราะห์คุณภาพน้ำยางที่มีมาตรฐาน แก่กลุ่มเกษตรกรทำสวนบ้านนาปรังพัฒนา พร้อมร่วมทำพิธีเปิดใช้ห้องปฏิบัติการฯ เพื่อพัฒนาคุณภาพน้ำยางสดของสถาบันเกษตรกร ให้ได้มาตรฐานเดียวกับโรงงานผู้รับซื้อ เน้นส่งขายโดยตรง เพิ่มมูลค่า ลดการกดราคา เกษตรยิ้มได้

นายพูลสุข อุเทนพันธ์ ผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทยเขตภาคใต้ตอนล่าง กล่าวว่า กยท. ได้สนับสนุนงบประมาณจากกองทุนพัฒนายางพารา 49 (3) จำนวน 214,000 บาท ในการจัดหาอุปกรณ์ในการวิเคราะห์คุณภาพน้ำยางสดมาตรฐานเดียวกับที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมโดยทั่วไป
ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการตลาดกลางน้ำยางสดของ กยท. เพื่อพัฒนาคุณภาพน้ำยางสดของสถาบันเกษตรกร ให้ได้คุณภาพและสามารถส่งขายให้กับบริษัทผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ยางได้โดยตรง ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับน้ำยางสด สร้างความเข้มแข็อย่างยั่งยืนให้แก่เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางต่อไป

ด้าน นายศตวรรษ จันทร์ทอง ประธานกลุ่มเกษตรกรทำสวนบ้านนาปรังพัฒนา กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันกลุ่มเกษตรกรทำสวนบ้านนาปรัง มีสมาชิก จำนวน 360 คน จำหน่ายวัตถุดิบยางพาราประเภทน้ำยางสดวันละประมาณ 30,000 กิโลกรัม โดยจำหน่ายไปยังบริษัทผู้รับซื้อโดยตรง ซึ่งแต่ก่อนน้ำยางสดจะต้องผ่านการตรวจสอบวิเคราะห์คุณภาพน้ำยางสดจากทางโรงงานผู้รับซื้อ ทางกลุ่มเกษตรกรบ้านนาปรังจึงจัดตั้งห้องปฏิบัติการวิเคราะห์น้ำยางขึ้นมา โดยมีมาตรฐานเดียวกับทางโรงงานผู้รับซื้อ ทำให้ผู้รับซื้อมั่นใจได้ว่า น้ำยางสดจากบ้านนาปรังเป็นน้ำยางที่มีคุณภาพมาตรฐานเดียวกัน ทางกลุ่มเกษตรกรทำสวนบ้านนาปรังได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก กยท. จำนวน 214,000 บาท นำมาซื้ออุปกรณ์ที่ทันสมัย เพื่อใช้ในห้องปฏิบัติการวิเคราะห์คุณภาพน้ำยาง ทำให้สามารถตรวจสอบคัดกรองน้ำยางต้นทางให้มีคุณภาพตามที่บริษัทผู้รับซื้อต้องการ

นอกจากนี้ ทาง กยท. ยังได้สนับสนุนในด้านการฝึกอบรมเทคโนโลยี ส่งเจ้าหน้าที่ของกลุ่มเกษตรกรบ้านนาปรัง เข้ารับการอบรมการใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคนิคในการวิเคราะห์น้ำยางสดในห้องปฏิบัติการ โดยห้องปฏิบัติการวิเคราะห์คุณภาพน้ำยางสด ได้เปิดทำการ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ที่ผ่านมาทางกลุ่มเกษตรกรบ้านนาปรัง จะใช้ห้องปฏิบัติการที่ กยท. สนับสนุนให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพี่น้องชาวสวนยาง นายศตวรรษ กล่าวทิ้งท้าย

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ร.ต.อ. (หญิง) ภูษณิศา จันทรัชภ์ ร้อยเวร สภ.เมือง จ.ราชบุรี พร้อมด้วย ร.ต.ท.ณรงค์ บุญเกตุ หัวหน้าสายตรวจตำบลคุ้งกระถิน ตรวจสอบที่เกิดเหตุหลังได้รับแจ้งว่า ลูกมะพร้าวน้ำหอมหายไปจำนวนมาก ที่เกิดเหตุบริเวณสวนมะพร้าวดังกล่าว อยู่หมู่ที่ 7 ต.คุ้งกระถิน อ.เมือง เจ้าหน้าที่ได้พบกับ นายคำนึง วุฒิอำพล อายุ 56 ปี ชาววัดเพลง อ.วัดเพลง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นเจ้าของสวนให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีลูกมะพร้าวน้ำหอมได้ถูกตัดลงมาจากต้น และนำมากองไว้พร้อมกับนำใบตองแห้งมาปิดทับไว้ บางส่วนก็ถูกโยนข้ามคลองไปอีกฝั่ง นอกจากนี้ ยังพบรอยเท้าจำนวนหลายรอย เจ้าหน้าที่จึงได้นำลูกมะพร้าวไปตรวจ ดีเอนเอ เพื่อหาข้อมูลของคนร้าย ซึ่งคาดว่าน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 2 คน แอบย่องเข้ามาในสวนขึ้นไปบนต้นตัดลูกมะพร้าวไป

จากการสอบถาม นายคำนึง วุฒิอำพล เจ้าของสวน กล่าวว่า ตนเข้ามาดูสวนเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา พบว่ามีลูกมะพร้าวน้ำหอมหล่นอยู่ในคลองหลายลูกรวมทั้งหล่นตามพื้น จึงได้เดินดูไปรอบๆ พบว่ามีลูกมะพร้าวถูกนำมากองไว้ที่โคนต้นกล้วย และนำใบตองมาปิดไว้เพื่อจะรอมาขนย้ายออกไป จึงเชื่อแน่ว่าน่าจะมีคนเข้ามาขโมยตัดปีนต้นตัดเอาลูกไป เมื่อดูตามต้นก็พบร่องรอยการตัดไปใหม่ๆ จำนวนมาก จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบ เบื้องต้นคาดว่าลูกมะพร้าวน้ำหอมน่าจะหายไปมากกว่า 100 ลูก หรืออาจจะมากกว่านั้น เพราะโดยปกติเวลาตัดมะพร้าวจะได้มากกว่า 2,000 ลูก ขายได้ในราคา ลูกละ 9 บาท ถือเป็นช่วงที่มะพร้าวมีราคา จึงทำให้ถูกโจรแอบเข้ามาขโมยปีนต้นแล้วตัดลูกมะพร้าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สืบหาหัวขโมยรายนี้เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป

นายกฤษฎา ลำปัง เกษตรกรสวนผสม และสมาชิกสภาเกษตรจังหวัดพัทลุง หมู่ที่ 3 บ้านด่านโลด เทศบาลตำบลควนเสาธง อ.ตะโหมด จ.พัทลุง เปิดเผยว่า ขณะนี้เข้าสู่ฤดูกาลหมากสุกออกสู่ตลาด ซึ่งผลผลิตจะออกมากช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม โดยหมากสุกผ่าตากแห้งแดดเดียว โค้งแรก ราคาเคลื่อนไหวอยู่ที่ 20 บาท/กก. ขณะนี้ช่วงซื้อเริ่มต้น 23-25 บาท/กก. ต่างกับราคาปีที่แล้วที่โค้งแรกเคลื่อนไหวอยู่ที่ 35-40 บาท/กก. และโค้งสุดท้าย ราคาเคลื่อนไหวอยู่ที่ 80 บาท/กก. ขณะที่หมากอ่อน ราคาเคลื่อนไหวอยู่ที่ 4-5 บาท และหมากแก่ราคา 6-7 บาท/กก.

โดยราคาหมากสุกสดหน้าสวนอยู่ที่ประมาณ 4 บาท/กก. หากพ่อค้าจ้างแรงงานเก็บผลผลิต และหากพ่อค้าแม่ค้าเก็บเองราคาประมาณ 6 บาท/กก. หมาก ซึ่งหมากสุกในปีนี้ที่ราคาตก ได้มีพ่อค้าแม่ค้าให้เหตุผลว่า สาเหตุมาจากพ่อค้าแม่ค้าที่เป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ประสบภาวะขาดทุน เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา นอกจากตลาดภายในประเทศแล้ว ยังมีการส่งออกไปต่างประเทศด้วย เช่น เมียนมา โดยราคาส่งออกหมากแห้ง ประมาณ 100 บาท/กก. ซึ่งชาวเมียนมาเป็นผู้บริโภครายสำคัญ ทั้งที่อาศัยอยู่ในไทยและเมียนมาขณะนี้หลายพื้นที่เริ่มหันมาปลูกกันมากขึ้น โดยปลูกแซมตามรั้วบ้าน คันนา