ทั้งป้าน้อย ยังบอกต่อด้วยว่า ประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้

ก็ด้วยมัลเบอร์รี่เพียงสองต้นเท่านั้น เพราะการขยายพันธุ์ ไม่ได้ซื้อหามาเพิ่ม มาตรฐานทางรสชาติจะไม่ผิดเพี้ยนเลย นี่เป็นเทคนิคอย่างหนึ่งของฟาร์มสายทอง ซึ่งต้นมัลเบอร์รี่ทั้งหมดกว่า 600 ต้น ได้จากกิ่งตอนของต้นแม่พันธุ์สองต้นนี้เท่านั้น

ปัจจุบัน ฟาร์มสายทอง ปลูกต้นมัลเบอร์รี่กว่า 600 ต้น บนพื้นที่ 5 ไร่ ใช้ระบบการปลูกแบบวงกลม หรือการปลูกเพื่อให้มีผลผลิตออกตลอดทั้งปี เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนทั้งผลสด และผลิตภัณฑ์แปรรูปภายในฟาร์ม

ด้านการตลาด ป้าน้อยชี้แจงว่า ขายผลสดและผลิตภัณฑ์แปรรูปไปยังศูนย์ของฝากของ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) และส่งแยมมัลเบอร์รี่ขายไปยังร้าน Dairy Home เฉลี่ยเดือนๆ หนึ่งส่งแยมขายประมาณ 100 กิโลกรัม, น้ำมัลเบอร์รี่สกัด 100 เปอร์เซ็นต์ หลายร้อยขวด และซอสมัลเบอร์รี่ ซึ่งเป็นสินค้าตัวใหม่ล่าสุด ซึ่งได้รับการตอบรับดีมากจากตลาด รวมๆ แล้วมีรายรับเฉลี่ยเดือนละ 30,000-50,000 บาท

สำหรับป้าน้อย มองว่า การทำสวนมัลเบอร์รี่ทุกวันนี้ประสบความสำเร็จแล้ว เพราะนอกจากจะสามารถขายผลผลิตที่ได้จากฟาร์มแล้วนั้น ฟาร์มแห่งนี้ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เป็นศูนย์การเรียนรู้ให้คนได้เข้ามาเยี่ยมชมอีกด้วย

สำหรับใครที่สนใจเข้าไปเยี่ยมชมได้ที่ เลขที่ 77/1 บ้านกลุ่มพระบาท หมู่ 9 ต.หนองย่างเสือ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี 18180 หรือโทร. (089) 045-1558 แหล่งปลูกมะม่วงส่งออกทำเงินของประเทศไทย หากดูจากแผนที่ประเทศไทยแล้ว จะพบว่ากระจายอยู่ทั่วประเทศ จะมีกลุ่มที่รวมตัวกันหลายจังหวัดที่เป็นเขตติดต่อกันบ้าง เช่น พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร ในภาคอีสานก็เป็นจังหวัดกาฬสินธุ์ อุดรธานี ชัยภูมิ ขอนแก่น ภาคเหนือเกาะกลุ่มจังหวัดลำพูนประปราย น่าน เชียงรายและเชียงใหม่ ภาคกลางมีไม่มากนักในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี อ่างทอง และสุพรรณบุรี ส่วนภาคใต้เป็นพื้นที่ที่พบว่ามีการปลูกมะม่วงส่งออกน้อยกว่าภาคอื่น

จังหวัดเพชรบูรณ์ มีเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงรวมตัวกันจัดตั้งเป็นกลุ่ม 2 แห่ง คือที่อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตมะม่วงเพื่อการส่งออก ตำบลบ้านโภชน์ และอีกกลุ่มเป็นกลุ่มปรับปรุงคุณภาพมะม่วงเพื่อการค้าและการส่งออก จ.เพชรบูรณ์ นำโดยคุณไตรรัตน์ เปียถนอม ผู้ซึ่งการันตีด้วยรางวัลเกษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพทำสวน ปี 2557

ทำมะม่วงส่งออก แทน มะม่วงตามกระแส

คุณไตรรัตน์ เปียถนอม เริ่มทำสวนมะม่วงมาตั้งแต่ปี 2530 ทุกปีประสบปัญหาขาดทุน เพราะไม่ได้อยู่ดูแลสวนมะม่วงด้วยตนเอง กระทั่งปี 2533 จ้างคนดูแลและปลูกมะม่วงตามความนิยมของท้องถิ่น คือ พันธุ์เขียวเสวย พันธุ์ฟ้าสั่น พันธุ์หนองแซง และพันธุ์น้ำดอกไม้ ไม่ถึงกับขาดทุน แต่ขายได้ตามฤดูกาลภายในประเทศบ้างเท่านั้น ขณะนั้นคุณไตรรัตน์ยังทำงานประจำ แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจลาออกจากงานประจำมาทำสวนมะม่วงอย่างจริงจัง

คุณไตรรัตน์ เคยศึกษาเรื่องเกี่ยวกับการทำสวนมะม่วง ในระหว่างที่ทำงานประจำ และทราบว่า มีการส่งมะม่วงไปจำหน่ายยังประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี 2535 และราคาส่งออกค่อนข้างสูง จึงคิดว่า การทำสวนมะม่วงเพื่อการส่งออกจะทำให้เกษตรกรอย่างเขาอยู่รอด

หลังลาออกจากงานเริ่มศึกษาแนวทางการผลิตมะม่วงคุณภาพอย่างจริงจัง เดินทางไปศึกษาดูงานยังแหล่งที่ประสบความสำเร็จเท่าที่ทำได้ ทำให้ทราบว่า มะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้สีทอง เป็นพันธุ์ที่ต่างประเทศต้องการ จึงตัดสินใจปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองแซมพันธุ์เขียวเสวย หนองแซง และฟ้าลั่น ในพื้นที่ 40 ไร่ก่อน จากนั้นไม่นาน ก็เปลี่ยนเป็นพันธุ์น้ำดอกไม้สีทองทั้งหมดในพื้นที่ 100 ไร่

พื้นที่ 100 ไร่ เป็นมะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้สีทอง 95 เปอร์เซ็นต์ และ มะม่วงพันธุ์มหาชนก อีก 5 เปอร์เซ็นต์ อาศัยน้ำในการเพาะปลูกจากน้ำฝน 100 เปอร์เซ็นต์ พื้นที่ปลูกดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ไม่อุ้มน้ำ เมื่อถึงฤดูแล้งจะแห้งแล้งมาก ส่งผลให้ผลผลิตคุณภาพต่ำ คุณไตรรัตน์ แก้ปัญหาโดยยึดแนวพระราชดำริ ในการทำการเกษตร ที่ต้องมีแหล่งน้ำเป็นของตนเอง อย่างน้อย 30 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่ จึงขุดแหล่งน้ำเป็นบ่อไว้กักเก็บน้ำรวมพื้นที่ 25 ไร่ กระจายไปตามจุดต่างๆ ทั่วพื้นที่ปลูก การขุดบ่อกักเก็บน้ำพิจารณาจากความเหมาะสมของพื้นที่ บริเวณที่ลาดเมื่อฝนตกน้ำไหลไปรวมกัน จึงขุดบ่อบริเวณนั้น และขุดบ่อลึกกว่าบ่อมาตรฐาน 2-3 เท่า เน้นความลึก เพื่อให้เก็บกักน้ำในปริมาณมาก และพื้นผิวด้านบนของบ่อแคบ เพื่อลดปริมาณการสูญเสียจากการระเหย

ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสมกับพื้นที่

คุณไตรรัตน์ มีเทคนิคในการผลิตมะม่วงส่งออก โดยพยายามประยุกต์ใช้เทคโนโลยีมาใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ คำนึงถึงการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ นำมาประยุกต์ใชในสวนของตนเอง ดังนี้

1.นำเครื่องขุดเจาะหลุมมาใช้ในการขุดหลุมปลูกมะม่วงเพื่อลดต้นทุนการผลิต เนื่องจากการจ้างขุดหลุมเพื่อปลูกมะม่วงต่อหลุมปัจจุบันราคาประมาณ 20 บาท หากปลูก 1 ไร่ จำนวน 70 ต้น จะเสียค่าขุดหลุมปลูกเป็นเงิน 1,400 บาท หากใช้เครื่องขุดเจาะจะมีต้นทุนหลุมละ 5 บาท เป็นเงิน 350 บาท ประหยัดต้นทุนได้ไร่ละ 1,050 บาท

2.การใช้น้ำระบบมินิสปริงเกลอร์และทำคันดินเล็กรอบๆ บริเวณโคนต้น เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลออกนอกบริเวณชายพุ่ม ซึ่งสามารถแก้ปัญหาสภาพดินที่ไม่อุ้น้ำได้เป็นอย่างดี และเป็นการลดต้นทุนเรื่องแรงงานในการให้น้ำมะม่วง ทั้งยังเป็นระบบที่ประหยัดน้ำ

3.ใช้การพ่นสารเคมีแบบ แอร์บัส คือ การใช้แรงดันพ่อนผ่านปั๊มแรงดันสูง มีพัดลมช่วยกระจายสารเคมีให้ละอองกระจายทั่วถึง ทำให้ประหยัดต้นทุนในการผลิต เนื่องจากแอร์บัสจะประหยัดสารเคมีลง 30 เปอร์เซ็นต์ ใช้แรงงานในการพ่อสารเคมีเพียง 1 คน ทำงานได้รวดเร็ว จากเดิมพื้นที่ 30 ไร่ ใช้แรงงานพ่นสารเคมี 2 คน ต้องใช้เวลาพ่น 5 วัน แต่การใช้แอร์บัส ใช้เวลาเพียง 2 วันเท่านั้น ทำให้การป้องกันโรคและแมลงทำได้ทันเวลา

4.มะม่วงที่ปลูกอยู่เดิมเป็นพันธุ์เขียวเสวย ฟ้าลั่น ไม่สามารถส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีได้ จึงใช้เทคนิคการเปลี่ยนยอดและอุ้มบุญ ในการเปลี่ยนยอดะม่วงในพื้นที่ให้เป็นพันธุ์น้ำดอกไม้สีทอง เพื่อลดระยะเวลาในการปลูกใหม่ และเทคนิคการอุ้มบุญ คือ การนำมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองไปเสียบฝากในต้นพันธุ์เขียวเสวยและฟ้าลั่น ทำให้เกษตรกรยังมีรายได้จากการขายมะม่วงฟ้าสั่น เขียวเสวย และมีผลพลอยได้จากมะม่วงฝากท้องในช่วง 1-3 ปี ก่อนที่จะทยอยตัดกิ่งต้นเดิมเหนือรอยทาบออก เพื่อให้เป็นมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง 100 เปอร์เซ็นต์

5.การปรับปรุงคุณภาพดิน เนื่องจากพื้นที่ปลูกเป็นพื้นที่แห้งแล้ง ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ในช่วงแรกของการปลูกมะม่วง จึงปรับปรุงคุณภาพดินโดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ (มูลไก่แกลบ) บำรุงดินต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 10 ปี มีการปลูกปอ ซึ่งเป็นพืชบำรุงดิน เพื่อเป็นปุ๋ยพืชสดเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน

ควบคุมแมลงวันผลไม้ ผลสวย ด้วยการห่อ

การตัดแต่งทรงพุ่ม เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมาก มะม่วงสวนคุณไตรรัตน์ต้นเตี้ยทุกต้น เพื่อสะดวกต่อการห่อ เก็บ โดยควบคุมความสูงของต้นไม่ให้เกิน 3.50 เมตร เมื่อตัดแต่งกิ่งภายในทรงพุ่มที่ไม่มีผลผลิต ควรรูดใบแก่ที่มีเพลี้ยแมลงทำลายออกบางส่วน เช่น เพลี้ยแป้งและเพลี้ยหอย แล้วนำไปเผาทิ้งลดการระบาดได้ การควบคุมและกำจัดแมลงศัตรูพืช ควรทำเมื่อมะม่วงติดผลขนาดหัวแม่มือ

มีการควบคุมแมลงวันผลไม้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ด้วยการห่อผลด้วยถุงห่อทุกผล สำหรับผลที่ไม่ได้คุณภาพ จะตัดแต่งผลทิ้งในช่วงผลมะม่วงมีอายุ 30-40 วัน ก่อนการห่อผล “ถ้าสังเกตจะเห็นดอกออกตามต้นได้ หากเราทำทรงพุ่มให้โปร่ง จะปลูกชิดกันก็ได้ แต่ทำให้โปร่ง จะทำให้ออกดอกตามต้น แต่ถ้าทำสวนให้ทึบ มันก็จะไม่ออกดอกตามกิ่งก้านให้ ยิ่งหน้าร้อนถ้าออกดอกให้ผลจะถูกแดดเผา แตถ้าติดดอกออกผลใต่พุ่ม ไม่ถูกแดด จะทำให้ผิวผลสวยงาม”

การใช้สารเคมีกำจัดแมลงศัตรูพืชและเชื้อรา สวนแห่งนี้เป็นไปตามเงื่อนไขของคู่ค้า คือ มาตรฐานญี่ปุ่น และ GAP ของกรมวิชาการเกษตร ไม่ใช้สารเคมีต้องห้าม มีการจดบันทึกตามระบบ GAP

เดิมมีการให้ปุ๋ย ซึ่งเป็นปุ๋ยจากงานวิจัยของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกซว.) ประกอบกับประสบการณ์เน้นการให้ปุ๋ยเมื่อมะม่วงติดผลแล้ว โดยให้ทีละน้อยทุกๆ 7 วัน ตามการติดผลของมะม่วงแต่ละต้น สูตรปุ๋ย 25-5-18 หรือ 4.5-1-3.8 ผลผลิตมากให้มาก ผลผลิตน้อยให้น้อย

เทคนิคล่าสุดที่คุณไตรรัตน์ใช้เพื่อปรับปรุงคุณภาพมะม่วง คือ การให้น้ำเสมือนฤดูฝน ดินจะต้องชุ่มอยู่ตลอดเวลา แม้ฤดูแล้ง เพื่อให้ต้นไม้ได้รับน้ำเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ด้วยวิธีการขุดรอบโคนต้นมะม่วง 3 ส่วน 4 ของรัศมีทรงพุ่ม เพราะเมื่อให้ปุ๋ยและน้ำ จะซึมออกมาบริเวณรากพืชที่อยู่ชายพุ่ม ทำให้ต้นมะม่วงได้รับปุ๋ยและน้ำเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะชายพุ่มต้นมะม่วงจะเป็นเขตรากที่หาอาหารได้ถึง 60 เปอร์เซ็นต์

คุณไตรรัตน์ ให้ข้อมูลว่า ปี 2557 ผลผลิตมะม่วงเกรด A เพื่อการส่งออกของจังหวัดเพชรบูรณ์ผ่าน บริษัท สยาม เอ็กซ์ปอร์ต มาร์ท จำกัด เพียงบริษัทเดียว มีปริมาณถึง 555 ตัน คิดเป็นเงิน 31,822,643 บาท และมีแนวโน้มเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง หากเกษตรกรรักษาคุณภาพของมะม่วงให้มีคุณภาพตามความต้องการของตลาด โดยเฉพาะปัจจุบันประเทศจีนนิยมมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองมาก เพราะคนจีนถือเป็นผลไม้มงคล ยิ่งในเทศกาลตรุษจีนและเชงเม้ง ความต้องการในประเทศจีนสูงมาก ทำให้มีการเรียกชื่อสั้นๆ ว่า มะม่วงทอง กลุ่มปรับปรุงคุณภาพมะม่วงเพื่อการค้าและการส่งออกนี้ ตั้งอยู่ที่แปลงมะม่วงของคุณไตรรัตน์ ไว้สำหรับเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับผู้สนใจปลูกและปรับปรุงคุณภาพมะม่วง

ชีวิตคนเราไม่แน่นอน บางคนอาจได้เดินตามฝันที่คิดไว้ตั้งแต่สมัยตอนยังเด็ก บางคนต้องยอมสละความฝัน เพื่อกลับมาทำหน้าที่ลูก ถือเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ แต่ใช่ว่าการที่ไม่ได้เดินตามฝัน จะเป็นเรื่องเลวร้ายเสมอไป

คุณอนุกูล สุดสวาท (ต้น) อยู่บ้านเลขที่ 27 หมู่ที่ 7 ตำบลหรเทพ อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี ดีกรีอดีตนักเบสบอลทีมชาติไทย เล่าว่า สมัยตอนยังเด็กไม่ค่อยสนิทกับครอบครัว เพราะต้องมาอยู่โรงเรียนประจำ เพื่อซ้อมกีฬาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งติดทีมชาติตั้งแต่อายุ 17 ปี หลังจากนั้นได้เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในโควต้านักกีฬา เล่นเบสบอลให้กับทีมชาติไทยจนถึงอายุ 32 ปี ผ่านการเล่นกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ซีเกมส์ มาหลายครั้ง จนกระทั่งมีจุดพลิกผันให้ต้องทิ้งความฝัน คือคุณพ่อป่วย ต้องกลับมาช่วยคุณแม่ดูแลพ่อ และต้องสานต่ออาชีพที่พ่อทำไว้ คือการเป็นเกษตรกรปลูกเผือก อาชีพนี้คุณพ่อทำมานานกว่า 30 ปีแล้ว

ประสบการณ์เริ่มจากศูนย์ ถ้าใจสู้ทำอะไรก็สำเร็จ

อย่างที่ผมบอกตอนแรกว่า ตนไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกับครอบครัวสักเท่าไร ถึงคุณพ่อจะมีอาชีพเป็นเกษตรกรมานาน แต่ตนไม่เคยสนใจไม่เข้าไปยุ่งชีวิตการทำงานของพ่อกับแม่เลย จนมาถึงวันที่พ่อป่วยจึงมีโอกาสได้กลับมาดูแลพ่อ และสนิทกันมากขึ้น เมื่อพ่อป่วยก็เหลือตนกับแม่ ดังนั้น จึงตัดสินใจไม่ยากที่จะมาสานต่อที่พ่อทำไว้ และสิ่งที่พ่อทำค้างไว้มีเยอะ ทั้งอาชีพปลูกเผือก ขายเผือก ขายลูกพันธุ์เผือก แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นธุรกิจใหญ่โต เราเป็นคนรุ่นใหม่จึงได้มาพัฒนาต่อไป

แต่พอได้เข้ามาเรียนรู้และลงมือทำจริงๆ กลับรู้สึกสนุก และมีรายได้งามกว่าที่คิดไปมาก เพราะทำเผือกครั้งเดียว สามารถสร้างรายได้ สร้างกำไร ชนิดที่ว่าไม่ต้องทำงาน 3 เดือน ก็อยู่ได้อย่างสบาย ผมทำงานได้เงินเดือนละ 30,000 บาท แต่ปลูกเผือก เก็บขายได้เงินแสนมาใช้ จึงรู้สึกว่ารายได้ต่างกันมาก

ปลูกเผือกหอมเชียงใหม่ 20 ไร่ กำไรงาม

คุณต้น เริ่มปลูกเผือกได้เป็นระยะเวลา 3-4 ปี ช่วงปีแรกๆ ยังไม่ลงเต็มตัว ทำร่วมกับแม่ก่อน ให้แม่ค่อยๆ สอนวิธีการและเทคนิคไปเรื่อยๆ จนเริ่มชำนาญ โดยเผือกที่ปลูก เป็นเผือกน้ำ ปลูกจำนวน 20 ไร่ ใช้วิธีแบ่งปลูก 2 เดือน ปลูก 1 แปลง เพื่อจัดสรรให้มีเผือกเก็บขายได้ตลอดทั้งปี

เผือก สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี เมื่อก่อนเกษตรกรส่วนใหญ่นิยมปลูกกันในช่วงเดือนตุลาคม เพราะถือเป็นช่วงที่สภาพอากาศเหมาะสมกับการปลูกเผือกมากที่สุด จะทำให้เผือกหัวใหญ่ ได้น้ำหนักดี แต่ถ้าอยากจะปลูกทั้งปีก็ทำได้ แต่ผลผลิตอาจจะไม่ดีเท่าช่วงเดือนตุลาคม เผือกจะเติบโตได้ดีในช่วงที่มีอากาศเย็น อากาศร้อนจะไม่ค่อยดี แต่ก็มีวิธีแก้ด้วยการปล่อยน้ำเข้าแปลงให้ท่วม แล้วค่อยๆ ปล่อยน้ำออกก็ช่วยได้

วิธีการปลูก และดูแลรักษา

เจ้าของเล่าว่า วิธีปลูกเหมือนกับการปลูกข้าว มีการเตรียมพื้นดิน พอไถตีดินเรียบร้อย ตากดินให้แห้ง 2-3 สัปดาห์ แล้วชักร่อง ปล่อยน้ำเข้าแปลง ให้ท่วมหน้าดิน หลังจากนั้นให้ลงหน่อปลูกได้เลย

การปลูก …ปลูกด้วยหน่อที่มีหัว วิธีนี้ช่วยให้เผือกโตเสมอกัน และยังช่วยย่นระยะเวลาในการปลูกให้เก็บผลผลิตได้เร็วขึ้นอีกด้วย ระยะห่าง … ในการปลูกระหว่างต้น 25-30 เซนติเมตร ระหว่างร่อง 15 เซนติเมตร

ปุ๋ย … เผือก เป็นพืชที่ต้องใส่ปุ๋ยเยอะพอสมควร ของผมปลูกเผือกน้ำ ต้องใส่ปุ๋ยเยอะกว่าเผือกไร่ โดยการใส่ปุ๋ยจะใส่ทั้งหมด 4 รอบ 1 ไร่ ใส่ปุ๋ย 4 ลูก รวมๆ แล้ว 1 ไร่ ใส่ปุ๋ยประมาณ 16 ลูก ปุ๋ยที่ใส่เที่ยวแรกเป็นปุ๋ยสูตรเสมอ 16-16-16 เที่ยวหลังใส่เป็นสูตรท้ายสูง คือ 13-13-21

ระบบน้ำ … ปลูกแบบยกร่อง ปล่อยน้ำเข้าแปลงไว้ครึ่งร่อง จะปล่อยไว้ระดับนี้ตลอด เมื่อน้ำลดจึงวิดน้ำเข้ามาใหม่ ในการปล่อยน้ำเข้าแปลงเผือก 1 ครั้ง ถ้าเป็นช่วงหน้าที่มีลมแรง น้ำอยู่ได้นาน 1 สัปดาห์ ถ้าเป็นหน้าร้อน น้ำจะอยู่ได้ 4-5 วัน วิธีนี้ถือว่าช่วยประหยัดเวลา ประหยัดแรงงานได้เยอะ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของพื้นที่และความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำ ถ้าพื้นที่ไม่เหมาะสมจะปลูกเผือกน้ำ ก็ปลูกเป็นเผือกไร่ โดยให้ติดตั้งสปริงเกลอร์ระบบน้ำหยดเปิดรดให้หน้าดินชุ่ม

โรคแมลง … ถือว่าเป็นเรื่องปกติเหมือนพืชตัวอื่น มีเพลี้ยดำ เพลี้ยแดง หนอน เชื้อรา แมลงใต้ดิน แต่ไม่ได้กังวลอะไร ของพวกนี้ขึ้นอยู่กับการดูแล ถ้าเราฉีดยาตามระยะเวลาที่กำหนด อย่างที่แปลงฉีดสัปดาห์ละครั้ง ก็ไม่มีปัญหาเรื่องโรคแมลง หรือถ้ามีก็ใช้ยากำจัดโดยเฉพาะฉีดไล่

อายุการเก็บเกี่ยว

เผือกน้ำ มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้นกว่าเผือกไร่ เผือกน้ำใช้ระยะเวลาการปลูกจนถึงเก็บเกี่ยว 5-6 เดือน แต่ถ้าเป็นเผือกไร่ ระยะการปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวยาวนานถึง 7 เดือน ต้นทุนการผลิตต่อไร่สูง แต่ผลที่ได้รับหายเหนื่อย

คุณต้น บอกว่า การปลูกเผือกต้องมีเงินทุนสำรอง เพราะเผือกเป็นพืชที่ใช้เงินลงทุนสูง และค่อนข้างต้องใช้เวลารอผลผลิตนาน ดังนั้น ต้องวางแผนให้ดี สำหรับเงินลงทุนต่อไร่ ต้องเตรียมอย่างน้อย 35,000 บาท ต่อไร่ สำหรับคนที่ปลูกเยอะและต้องจ้างแรงงาน แต่ถ้าสำหรับเกษตรกรที่ปลูกใหม่ เริ่มต้น 2-3 ไร่ ใช้เงินลงทุนเพียง 25,000 บาท ต่อไร่ เพราะไม่ต้องเอาเงินจ้างค่าแรงงาน สามารถรดน้ำใส่ปุ๋ยช่วยกัน 2 คน ได้

โดยเงินลงทุน 35,000 บาท ต่อไร่ แจกแจงได้เป็นค่าลูกพันธุ์เผือก ต้นละ 1 บาท 1 ไร่ ใช้ 8,000-10,000 ต้น นอกนั้นแบ่งเป็นค่าปุ๋ย ค่ายา และค่าแรงงาน ที่ต้องจ่ายแพงสุด

คุณต้น บอกว่า แต่อย่าเพิ่งตกใจกับเงินลงทุนที่สูง เพราะการปลูกเผือก 1 ไร่ ให้ผลผลิตสูงถึง 4-5 ตัน บางปีราคาเผือกขึ้นสูงถึงกิโลกรัมละ 30-40 บาท กำไรไม่รู้ต่อกี่เท่า เพราะเผือก 1 หัว น้ำหนักก็กิโลกรัมกว่าแล้ว แต่ถ้าคิดราคาขาย ณ ปัจจุบัน เผือกราคากิโลกรัมละ 25 บาท คิดเป็นรายได้นับแสนกว่าบาทต่อไร่ เหลือกำไรเน้นๆ ไร่ละ 70,000-80,000 บาท แต่หากเกษตรกรท่านใดค้านว่าปลูกแล้วไม่ได้ผลผลิตเยอะแบบที่ผมพูด ให้ท่านย้อนกลับไปดูว่า เราปลูกแบบไหน ใช้ยาแบบไหน อย่างของแปลงตนที่ได้ผลผลิตต่อไร่เยอะ เพราะดูแลแบบดั้งเดิมตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อ รุ่นพ่อเคยปลูกอย่างไร ให้น้ำอย่างไร ควบคุมปุ๋ย ควบคุมน้ำ หรือฉีดยาอะไร ก็ให้มาแบบเดิมตลอด จะไม่เห่อตามกระแสเพราะมีเกษตรกรบางรายไปเห่อใช้ยาใช้ปุ๋ยตามที่คนอื่นว่าดี แต่สุดท้ายกลับแย่กว่าเดิม

ตลาดทั้งในและต่างประเทศต้องการ มีเท่าไรแม่ค้ารับซื้อหมด

“ณ ขณะนี้ ตลาดเผือกหอมนับว่าสดใส พ่อค้าแม่ค้าทั้งในและต่างประเทศรับซื้อไม่ขาดสาย ตลาดต่างประเทศ จีนจะเป็นประเทศหลักที่เข้ามารับซื้อในจำนวนมาก เพราะที่ประเทศจีนไม่สามารถปลูกเผือกได้ นอกจากประเทศจีนก็มีประเทศมาเลเซียที่รับซื้อเผือกจากไทยไป ส่วนตลาดในประเทศ ส่งแม่ค้าที่ตลาดไท มีแม่ค้ามารับซื้อ พร้อมมีคนมาขุดให้พร้อม เรามีหน้าที่ชั่งและคิดเงิน อย่างสระบุรี ปลูกเผือกกันหลายพันไร่ ก็มีแม่ค้ามารับซื้อหมด หรือหากเกษตรกรท่านไหนอยากปรึกษาหรือหาตลาดก็โทร.มาปรึกษากับผมได้” คุณต้น กล่าว

หรือเกษตรกรท่านใดสนใจอยากทดลองซื้อลูกพันธุ์เผือกไปปลูก ก็สามารถติดต่อที่คุณต้นได้ โดยราคาขาย 1 ไร่ ประมาณ 8,000-10,000 ต้น คิดต้นละ 1 บาท พร้อมบวกค่าจัดส่ง ขึ้นอยู่กับระยะทาง แต่ถ้าสั่ง 8 ไร่ ขึ้นไป ค่าจัดส่งฟรีทั่วประเทศ

ฝาก 2 ข้อคิด สำหรับเกษตรกรมือใหม่

“สุดท้าย อยากฝากข้อคิดถึงเกษตรกรทั้งมือใหม่ทั้งแง่บวกและแง่ลบว่า

การปลูกเผือกมีข้อดีหลายข้อ Royal Online V2 ที่เห็นได้ชัดคือ เรื่องรายได้ และเวลาที่เพิ่มขึ้น เมื่อก่อนทำงานได้เงินเดือนละ 30,000 บาท ผมต้องทำงานทุกวัน แต่ปลูกเผือกผมดูน้ำตอนเช้า ดูลูกจ้างฉีดยาหว่านปุ๋ยอาทิตย์ละครั้ง …1 เดือน ผมทำงานไม่ถึง 7 วัน แต่หากใครจะคิดแบบผมได้อันนี้ต้องมีต้นทุน เพราะ 6 เดือน ผลผลิตออก 1 ครั้ง จึงแนะนำให้เกษตรกรที่กำลังจะปลูก แบ่งปลูกเป็น 2 เดือน ปลูก 1 แปลง เพื่อจะได้มีผลผลิตเก็บขายสร้างรายได้ทุกเดือน หากไม่แบ่งเกษตรกรไม่สามารถอยู่ได้
คือเรื่องของประสบการณ์ หากเป็นเกษตรกรมือใหม่ ก่อนอื่นคือต้องศึกษาหาข้อมูลที่จริงว่าการปลูกเผือกมีต้นทุนเท่าไร เพราะนอกจากเผือกต้องใช้ระยะเวลาการปลูกที่นานแล้ว คุณต้องมีเงินทุนสำรองในการดำเนินชีวิตระหว่างรอผลผลิต และต้องหมั่นหาความรู้เรื่องปุ๋ย เรื่องยา แต่สมัยนี้ไม่ยากมีแหล่งที่คุณไปหาข้อมูลได้เยอะไปหมด” คุณต้น กล่าวทิ้งท้าย

ปีนี้เป็นปีทองผลไม้ไทยของเกษตรกรทุกราย โดยเฉพาะภาคที่มีผลไม้มากสุด เห็นจะเป็นจังหวัดที่อยู่ในแถบภาคตะวันออกของไทย สำหรับที่มีผลไม้ที่ขึ้นหน้าขึ้นตามากสุด อาทิ ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง และลำไย เมืองจันทบุรี คาดว่าอนาคตผลไม้ที่น่าจะไปไกลคงไม่พ้นทุเรียน ที่ชาวจีนต่างชื่นชอบจนไม่พอจำหน่าย ตรงข้ามคนไทยต้องบริโภคของแพง รวมทั้งมังคุดอีกต่างหาก

กล่าวถึงสวนมังคุดลุงสุน สวนมังคุดดังสุดจากอดีตและปัจจุบัน ซึ่งผู้อ่านหรือผู้บริโภคมังคุดลุงสุนแห่งอำเภอแกลง จังหวัดระยอง อาจจะสงสัยว่าทำไมถึงมีคุณภาพดีเลิศ เขามีกระบวนการผลิตอย่างไรถึงได้ส่งออกจำหน่ายไปต่างประเทศเป็นรายแรกของไทย กล่าวถึงวันนี้จากวันนั้นของสวนมังคุดลุงสุนที่โด่งดัง ขนาดอดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีเคยไปเยี่ยมสวนมาแล้ว สมัยท่านยังเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้ชาวสวนผลไม้ระยองออกมาต้อนรับกันอย่างเนืองแน่น

วิบากกรรมของสวนมังคุดลุงสุนมันแสนสาหัสเพียงใด ท่านผู้อ่านที่ยังไม่เคยรับฟัง รับรู้ อาจจะมองข้ามไปว่า ความสำเร็จของสวนลุงสุนนั้นกว่าจะเป็นวันนี้ได้ ลองมาฟังประวัติและชีวิตของลูกผู้ชายที่เรียนจบแม่โจ้ รุ่น 27 แล้วมาเสี่ยงชะตากับโรคโคนเน่ารากเน่าได้อย่างน่าเห็นใจ ที่ประสบกับปัญหาสวนทุเรียนมาก่อน