ที่ผ่านมามักจะเจอคำถามเกี่ยวกับการปลูก การดูแลครับ

อย่างเช่น มะม่วงพันธุ์นี้ต้นสูงไหม สายพันธุ์ไหนดูแลยาก ดูแลง่าย ผมก็ตอบว่า ไม่มีความแตกต่าง มะม่วงถ้าปล่อยให้โต จะมีความสูงใกล้เคียงกันหมด ยกเว้นมะม่วงบางตัวที่มีข้อสั้น เช่น มะม่วงค่อมแคระ มะม่วงสายพันธุ์นี้จะโตช้า ก็จะมีอยู่บ้าง แต่ก็น้อยมากครับ ด้านโรคและแมลงมีความต้านทานโรคที่ไม่แตกต่างกันเท่าไร ถ้ามีโรคที่ร้ายแรง มันจะติดทุกสายพันธุ์ ยาก ง่าย แตกต่างกันออกไป

นอกจากนี้ คุณสุรศักดิ์ ยังตอกย้ำความมั่นใจให้ฟังอีกว่า มะม่วงภายในสวนนั้น เป็นการปลูก แบบออร์แกนิก 100% ไม่มีการใช้สารเคมี ปุ๋ยและยาที่ใช้ภายในสวนจะเป็นแบบชีวภาพทั้งหมด

“ปุ๋ยที่ใช้เป็นปุ๋ยคอก ยาที่ใช้เกี่ยวกับเรื่องโรคและแมลงเดี๋ยวนี้ดีมาก เราไม่ต้องปิดจมูก ใช้มือคนได้ เข้าปากก็ไม่เป็นอะไร พวกสารสะเดาสกัดเข้มข้น พวกหนอนตายอยาก อะไรแบบนี้ครับ แต่ถามว่าถ้าไม่ใช้เคมีเกิดปัญหาอะไรขึ้นไหม ก็มีเรื่องโรคครับ การที่เรารวบรวมมะม่วงต่างๆ จากภายในประเทศและต่างประเทศที่เข้ามานั้น ผมก็มาเกือบทุกชนิด ทำให้มันก็นำโรคเข้ามาด้วย โรคบางอย่างเคมีก็เอาแทบไม่อยู่ ผมจะใช้วิธีตัดทำลาย และเผาไฟทิ้งครับ ถ้าเกิดเป็นและมีการติดต่ออย่างรุนแรงครับ”

ในด้านของราคาขาย จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้ ปลูกมะม่วง เพื่อทำกิ่งพันธุ์ขายอย่างเดียว
ปลูกมะมวง เพื่อขายผลผลิต แยกออกเป็นกลุ่มย่อยอีกจำนวนมาก ซึ่งผลผลิตที่มีขั้นตอนยุ่งยากน้อยที่สุด คือการขายลูกอ่อน ผลตอบแทนไว และได้ผลตอบแทนไวที่สุด
“ปัจจุบันนี้นั้น มาตรฐานเหมือนกันหมดเลย ก็คือ กิ่งทาบ 50 บาท หากย้อนไปเมื่อช่วงที่ผมเริ่มทำมะม่วงใหม่ๆ นั้น ย้อนไปเกือบ 30 ปี ตอนนั้นมั้น 15 บาท ราคานี้เป็นราคากลางมาตรฐานครับ”

ในด้านของรายได้ คุณสุรศักดิ์ บอกว่า อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพึงพอใจ มีกลุ่มลูกค้าทั้งในและนอกประเทศที่ให้การตอบรับผลผลิตและกิ่งพันธุ์มะม่วงหลากหลายสายพันธุ์

สำหรับใครที่สนใจเกี่ยวกับมะม่วงสายพันธุ์ต่างๆ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ คุณสุรศักดิ์ ศรีอำนวย เจ้าของสวนบ้านล้วนไม้ดี ในพื้นที่ หมู่ที่ 7 ตำบลแก่งเสี้ยน อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี หรือเบอร์โทรศัพท์

“คุณเบิร์ด” หรือ คุณยุทธนา คามบุตร ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเจ้าพนักงานการเกษตร ศวพ.เพชรบูรณ์ มาเป็นเกษตรกรทำไร่ทำสวนอย่างเต็มตัว ปลูกฝรั่งพันธุ์กิมจู และฝรั่งพันธุ์หงเป่าสือ บนที่ดิน 3 ไร่ ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน GAP ภายใต้แบรนด์ “สวนลุงเบิร์ด” มีรายได้เดือนละ 7,000-8,000 บาทตลอดทั้งปี

“คุณเบิร์ด” วัย 33 ปี นับเป็นเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ของอำเภอหนองมะโมง จังหวัดชัยนาท ที่กลับมาสานต่ออาชีพทำไร่ของครอบครัว ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มาหลายปี แต่ผลผลิตที่ได้ไม่แน่นอน เนื่องจากขาดการบริหารจัดการน้ำ จึงได้มีการนำความรู้ทางวิชาการ เทคนิควิธีการต่างๆ จากประสบการณ์ในการเรียน และการฝึกงานเกษตรที่ประเทศอิสราเอล ในโครงการจัดการเรียนการสอน พืชศาสตร์ ระบบทวิภาคี ไทย-อิสราเอล (ARAVA) นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต ทำให้บริหารจัดการฟาร์มได้ดีขึ้น สามารถเพิ่มรอบการผลิตได้มากกว่าเดิม จึงได้รับรางวัลเกษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพทำไร่ ระดับจังหวัดชัยนาท ประจำปี 2565

นอกจากนี้ คุณเบิร์ด ยังเข้าร่วมโครงการพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ (Young Smart Farmer : YSF) ของจังหวัดชัยนาท ได้แลกเปลี่ยนความรู้เรื่องการเกษตรกับเกษตรกรในท้องถิ่นและจังหวัดใกล้เคียง มีเข้ารับการอบรมเรื่องการจัดทำสื่อเพื่อการประชาสัมพันธ์กิจกรรมการเกษตรของตนเอง และเครือข่าย

เนื่องจากการทำไร่มีความเสี่ยงเรื่องฟ้าฝน หลังหมดฤดูเก็บเกี่ยวพืชไร่ไม่มีรายได้เข้ามา คุณเบิร์ดจึงตัดสินใจปลูกฝรั่ง เพราะเป็นไม้ผลที่สร้างรายได้ตลอดทั้งปี โดยศึกษาดูงานสวนฝรั่งของเพื่อน YSF ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และนำความรู้มาใช้ลงทุนทำสวนฝรั่งกิมจู ที่จังหวัดชัยนาท จนประสบความสำเร็จ สร้างอาชีพที่มั่นคงและมีรายได้ตลอดทั้งปี

คุณเบิร์ด ปลูกฝรั่งพันธุ์กิมจู บนเนื้อที่ 2 ไร่ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว ข้างล่างเป็นทางน้ำไหลผ่าน จึงยกร่องลูกฟูก ไม่ให้น้ำขังในแปลงเพาะปลูก โดยปลูกต้นฝรั่งกิมจู 400 กว่าต้น ในระยะห่าง 3×3 เมตร คุณเบิร์ดทำการตัดแต่งกิ่งเป็น 3 รุ่นต่อปี โดยทำการตัดแต่งกิ่งแต่ละรุ่น ห่างกัน 3 สัปดาห์ หลังตัดยอดแล้วจะมียอดใหม่โผล่ขึ้นมา เริ่มติดดอก ดอกบาน และติดผลอ่อน หลังจากห่อผลประมาณ 2 เดือน จึงตัดผลออกมาขาย

กว่าจะมาเป็นฝรั่งที่แสนอร่อยให้ได้ทาน ตั้งแต่เริ่มเป็นดอกไปจนถึงเก็บผล ใช้เวลาเกือบ 4 เดือนเลยทีเดียว หลังจากเก็บผลผลิตหมดแล้ว ก็ทำความสะอาดแปลง ตัดแต่งกิ่ง เพื่อเตรียมห่อผลในรุ่นต่อไป เพื่อให้มีผลผลิตเข้าสู่ตลาดตลอดทั้งปี ปัจจุบัน สวนแห่งนี้ผลิตฝรั่งกิมจู สด ใหม่ ปลอดภัย การันตีด้วยมาตรฐาน GAP ซึ่งใบรับรองมาตรฐาน GAP ไม่ใช่แค่เครื่องมือในการต่อรองราคา แต่เป็นเครื่องการันตีว่า ทุกกระบวนการผลิตมีคุณภาพและปลอดภัย สำหรับผู้บริโภคและเกษตรกรผู้ผลิตอีกด้วย

สำหรับการจัดการแปลงปลูกฝรั่งในช่วงฤดูแล้ง ใช้วิธีการห่มดินเพื่อรักษาความชื้นในดิน ซึ่งเทคนิคการห่มดินของคุณเบิร์ด ไม่ใช่แค่การนำใบไม้หรือเศษวัสดุที่เหลือจากการเกษตร มาคลุมที่โคนต้นไม้เพราะมีขั้นตอนมากกว่านั้น ขั้นแรก ตัดแต่งกิ่ง ก้านใบ กาบใบ ส่วนที่แห้งออกไปก่อน เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของโรคและแมลง ทำให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกขึ้น

หลังจากตัดแต่งกิ่งแล้ว ทำการถากหญ้ารอบๆ โคนต้น และทำคันดินล้อมโคนต้นไม้ ความกว้างประมาณ 1.5 เมตร รอบโคนต้น เพื่อเป็นคันดินกักเก็บน้ำไม่ให้ไหลออกไปข้างนอกทรงพุ่ม หลังจากนั้น นำใบไม้หรือเศษวัสดุที่เหลือจากการเกษตรมาคลุมรอบๆ โคนต้นไม้ และรดน้ำให้ชุ่ม ซึ่งการคลุมดินนั้นจะช่วยลดการระเหยของน้ำได้มาก

คุณเบิร์ด ตระหนักดีว่า การใช้สารเคมีอย่างถูกต้องและเหมาะสม นอกจากจะปลอดภัยแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการใช้สารเคมีได้อีกทาง สวนฝรั่งแห่งนี้ จึงฉีดยาป้องกันเพลี้ยแป้ง เพลี้ยไฟ ไรแดง แล้วเว้นไว้อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนห่อผล เพื่อให้สารเคมีสลายตัวและไม่เกิดการตกค้างในผลฝรั่ง เพื่อความปลอดภัยต่อผู้บริโภค และก่อนฉีดยาจะทำการสำรวจในแปลงก่อน หากไม่เจอการระบาดของเพลี้ยต่างๆ ก็ไม่ฉีด เพื่อความประหยัดต้นทุน

คุณเบิร์ด บอกว่า การปลูกฝรั่งเพื่อทำผลนั้น มักพบปัญหาในฤดูฝนมากเป็นพิเศษ เนื่องจากปัญหาลมและฝนที่ตกแรง ทำให้กิ่งหักหรือต้นล้มได้ แถมรสชาติฝรั่งหวานน้อยกว่าปกติ เพราะต้นฝรั่งดูดน้ำเข้าไปมากในช่วงฝนตก ปุ๋ยสูตรเดิม (20-8-20) ที่ใช้เพิ่มความหวานได้น้อย จึงต้องใช้ปุ๋ยสูตร 12-6-30 ที่ให้ธาตุอาหารสูง ช่วยให้ความหวานเพิ่มขึ้นต่างจากเดิมค่อนข้างมาก

“ปกติฝรั่งของเรามีค่าความหวานอยู่ที่ 13-15 บริกซ์ แต่ความหวานสูงสุดที่เคยทำได้ คือ 19 บริกซ์ ซึ่งเกิดจากปัจจัยเรื่องการจัดการดิน น้ำ ปุ๋ย และฤดูกาล ช่วงปลายฝนต้นหนาวเป็นช่วงที่ฝรั่งรสชาติดีที่สุด โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ผลฝรั่งจะมีค่าความหวานดีที่สุด” คุณเบิร์ด กล่าว

ปัจจุบัน สวนลุงเบิร์ดจำหน่ายผลฝรั่งสด, น้ำฝรั่ง เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และกิ่งพันธุ์ฝรั่งผ่านช่องทางตลาดออนไลน์ และตลาดในท้องถิ่น เช่น ตลาดนัดวัดเขาดิน อำเภอหนองมะโมง หน่วยงานราชการในจังหวัดชัยนาท เป็นต้น

ฝรั่งสวนลุงเบิร์ดไม่ได้มีแค่ความอร่อย แต่ใส่ใจในทุกกระบวนการผลิต คุณเบิร์ดมุ่งมั่น ตั้งใจผลิตฝรั่งดี มีคุณภาพ ปลอดภัยต่อผู้บริโภค ฝรั่งกิมจูและฝรั่งหงเป่าสือ ที่ตั้งใจปลูกดูแลรักษาให้ได้ผลผลิตที่ดี มีคุณภาพ ปลอดภัยกับลูกค้า การันตีด้วยมาตรฐาน GAP พร้อมส่งทั่วไทย คิดค่าส่งตามจริง

เนื่องจากฝรั่งเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมต่อเนื่องตลอดทั้งปี คุณเบิร์ดจึงขยายพื้นที่เพาะปลูกฝรั่งพันธุ์หงเป่าสือ จาก 1 งาน ขยายเป็น 2 ไร่ ปลูกเพิ่มเป็น 210 ต้น หงเป่าสือ เป็นฝรั่งไต้หวันไส้แดง ที่โดดเด่นเรื่องรสชาติที่จัดจ้านมาก เนื้อเยอะ เมล็ดน้อยจนแทบไร้เมล็ด มีรสชาติกรอบ รสหวานซ่อนเปรี้ยวแบบลงตัวมาก และที่สำคัญขายได้ราคาดี 120 บาท ต่อกิโลกรัม และในปี 2566 คุณเบิร์ดเตรียมเปิดขายสินค้าตัวใหม่ พุทราน้ำอ้อย เบอร์ 12 ซึ่งเป็นพุทราสายพันธุ์ไต้หวัน ผลดก ลูกใหญ่ รสชาติหวาน กลิ่นหอมเหมือนน้ำอ้อย ให้ลูกค้าได้ลิ้มลองรสชาติความอร่อยกัน

ในระยะยาว คุณเบิร์ดตั้งเป้าหมายพัฒนาสวนแห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เพราะที่นี่ปลูกไม้ผลหลากหลายชนิด สามารถพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องการปลูกไม้ผลแต่ละชนิดรวมทั้งการแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้แก่เกษตรกรและประชาชนที่สนใจได้เข้ามาชมและเลือกซื้อสินค้าต่างๆ เป็นของขวัญของฝาก รวมทั้งสร้างแรงบันดาลใจต่อยอดธุรกิจให้แก่เกษตรกรทั่วไปได้ในอนาคต

หากใครสนใจสั่งซื้อสินค้า สวนลุงเบิร์ด หรืออยากเปลี่ยนข้อมูลเรื่องการปลูกฝรั่งและการบริหารจัดการฟาร์มเกษตร ติดต่อ คุณเบิร์ด หรือ คุณยุทธนา คามบุตร ได้ที่ สวนลุงเบิร์ด บ้านเลขที่ หมู่ที่ 5 บ้านพุน้อย ตำบลสะพานหิน อำเภอหนองมะโมง ชัยนาท โทร. 097-462-5498 หรือติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของสวนลุงเบิร์ด ได้ทาง Facebook : Yutthana Khambut และเพจ Facebook สวนลุงเบิร์ด

2 สามีภรรยา ส่งลูกเรียนจบปริญญาโท 2 คน ด้วยการทำไร่นาสวนผสมเกษตรทฤษฎีใหม่ มีเหลือ “กิน แจก แลก ขาย” เป็นแปลงต้นแบบที่มีรายได้หลักแสนบาทต่อปี มีรายได้ รายวัย รายสัปดาห์ รายเดือน รายปี

การเดินทางไปยังฟาร์มแห่งนี้ ถือว่าสะดวกสบาย จากปากทางข้างเทศบาลตำบลหินกอง มีซุ้มประตูบอกว่า “บ้านหนองสระ” ประมาณ 2 กิโลเมตร เข้าไปถึงไร่นาสวนผสมเกษตรทฤษฎีใหม่ คุณลุงอ่อนสา-คุณป้านิ่มนวล ชุมวัน อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ที่ 9 บ้านหนองสระ ตำบลหินกอง อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด โทร. 084-826-5759

บนพื้นที่ 6-2-0 ไร่ มีซุ้มทางเข้าเตรียมปลูก ฟัก แฟง ถั่วฝักยาว บวบ แตง ที่นี่บริหารจัดการตามรูปแบบไร่นาสวนผสมตามแนวพระราชดำริฯ เกษตรทฤษฎีใหม่ 30-30-30-10 ขุดบ่อน้ำขนาด กว้าง 15 เมตร ยาว 20 เมตร ลึก 7 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี บ่อขนาดกว้าง 5 เมตร ยาว 10 เมตร ลึก 7 เมตร อีก 5 บ่อ มีการเลี้ยงปลา นิล ไน ตะเพียน ปลาจะละเม็ด ปลาหมอ ปลากะโห้ ปลาดุก

นอกจากนี้ ยังเลี้ยงหมูป่า เป็ด ห่าน ปลูกมะพร้าวน้ำหอม ไผ่ตงหวาน มะละกอ เพกา มะนาว มะกรูด มะขามเทศ ขนุน ข่า ตะไคร้ พลูกินหมาก พุทรา กล้วย มะม่วง ผักติ้ว ดอกกระเจียว แตงร้าน เครือหมาน้อย มะระขี้นก ไม้ป่าใช้สอยริมรั้ว ยมหอม ยางนา สามารถสร้างเงินได้แทบทุกตารางนิ้ว

ปี 2546 คุณลุงอ่อนสา-คุณป้านิ่มนวล เริ่มต้นขุดบ่อลึก 7-8 เมตร ตักดินล่างขึ้นมาด้านบน เพราะดินไม่ดี ต้องปรับปรุงดิน ด้วยอินทรียวัตถุ ที่นี่ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่กินได้ “กิน แจก แลก ขาย” หรือ ปลูกไว้กิน เหลือกินจั่งขายเจ้านายมาเก็บเป็นของฝากไผอยากให้เก็บไปกิน อยู่อย่างเอื้ออาทร จุนเจือกันไปตามแบบฉบับคนทุ่งกุลาร้องไห้

ครอบครัวนี้ มีลูก 4 คน มีรายได้จาก “ไร่นาสวนผสมเกษตรทฤษฎีใหม่” ส่งลูกเรียนหนังสือ จบปริญญาโท 2 คน ปริญญาตรี 2 คน รับราชการ 3 คน ทำงานบริษัทเอกชน 1 คน

คุณลุงอ่อนสา-คุณป้านิ่มนวล บอกว่า ที่นี่ คือขุมทรัพย์ที่มีอยู่มีกินตลอดชีวิต เป็นแหล่งอาหารของชุมชน วันจันทร์ วันศุกร์ วันเสาร์ เปิดตลาดนัด ชุมชนตำบลหินกอง นำสินค้าทางการเกษตร พืชผัก หน่อไม้ ปลา มะนาว ภายในสวน ไปขาย มีรายได้ ครั้งละ 1,800-2,000 บาท เฉลี่ยเดือนละ 8,000-10,000 บาท ปีละ 120,000 บาท บางวันไม่ได้ไปขายของที่ตลาด มีลูกค้าเข้ามาซื้อเป็ด ปลา พืชผักหน้าสวน เกิดรายได้ทุกวัน นอกจากนี้ ยังทำนาปลูกข้าวอีก 70-80 ไร่ ได้ข้าวหอมมะลิ 30-40 ตัน/ปี ขายข้าวได้ปีละ 4-5 แสนบาท มีอาหารจากไร่นาสวนผสมเกษตรทฤษฎีใหม่ ปลอดภัยจากสารพิษล้วนๆ คือ สินค้าเกษตรอินทรีย์ ครอบครัวมีความภาคภูมิใจที่เป็นคนทุ่งกุลาร้องไห้ ชนะความยากจนด้วย “ศาสตร์พระราชา”

ผักกูด เป็นชื่อของผักชนิดหนึ่งจัดอยู่ในตระกูลเฟิร์น สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู และนอกจากจะนำมาเป็นอาหารได้แล้วยังใช้เป็นสมุนไพรได้อีกด้วย ผักกูดมักจะขึ้นอยู่ตามริมน้ำหรือพื้นที่ชุ่มน้ำมากกว่าในป่าทึบ เจริญเติบโตได้ดีในช่วงฤดูฝน

นอกจากนี้แล้ว ผักกูด ยังเป็นดัชนีชี้วัดถึงสภาพแวดล้อม ให้ได้รู้ว่าบริเวณไหนอากาศไม่ดี ดินไม่บริสุทธิ์ มีสารเคมีเจือปนอยู่ ผักกูดจะไม่ขึ้นหรือแตกต้นในบริเวณนั้น ด้วยสรรพคุณและคุณค่าที่มีมากมาย จึงทำให้ในปัจจุบันเกษตรกรหันมาปลูกผักกูดเชิงการค้ามากขึ้น

คุณชาญณรงค์ พวงสั้น อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ที่ 7 ตำบลวังจันทร์ อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เล่าถึงงานปลูกผักกูดว่า เกิดนึกสนใจและมองเห็นอนาคตของผักกูดว่าน่าจะไปได้ดี

ผักกูดเป็นผักที่หาได้จากธรรมชาติในสมัยก่อน แต่ในปัจจุบันเริ่มหารับประทานยากขึ้นทุกวัน ตนจึงมองเห็นโอกาสจากตรงนี้ ใช้เวลาว่างช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ทำงานสวนปลูกผักกูดอินทรีย์แซมสวนสัก โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง รัชกาลที่ 9 คือปลูกพืช 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ดังนั้น ในสวนของคุณชาญณรงค์จะเต็มไปด้วยการปลูกพืชที่เอื้ออำนวยกันไปเป็นลำดับ

พื้นที่ 21 ไร่ ยึดหลัก ปลูก 3 ประโยชน์ 4
คุณชาญณรงค์ เล่าว่าพื้นที่เดิมตรงนี้เป็นป่าละเมาะเล็กๆ ตนเริ่มปลูกมะนาวเป็นอย่างแรก ได้มีการใช้สารเคมีมากมาย เมื่อเวลาผ่านไปสักพักได้เล็งเห็นว่าความปลอดภัยน้อยลง ทั้งในเรื่องของสุขภาพ และสภาพพื้นดิน จึงหยุดปลูกมะนาว หันมาปลูกจันทน์ผาอยู่ช่วงหนึ่ง ตอนนั้นจันทน์ผากำลังเป็นที่ฮือฮา ก็ขายได้บางส่วน พื้นที่อีกส่วนใช้ปลูกต้นสัก เพราะสักเป็นพืชที่มีอนาคต อายุต้นสักภายในสวนคุณชาญณรงค์อายุ 15 ปี คิดเป็นมูลค่ากว่าต้นละ 5,000 บาท ภายในสวนมี 1,000 ต้น ปลูกในระยะ 6×4 เมตร

สาเหตุที่ตนปลูกพืชหลายอย่างในสวนเดียวกัน เพราะได้ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ปลูกพืช 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ชั้นล่างสุดจะปลูกผักกูด ชั้นสองคือ จันทน์ผา ชั้นสาม ไม้สัก ตกกลางคืนจะมีหิ่งห้อยเข้ามาบ่งบอกได้ถึงความอุดมสมบูรณ์ในสวนแห่งนี้ สิ่งเหล่านี้ได้ประโยชน์กว่าที่คิด

ปลูกผักกูดอย่างไร ให้ได้กิน ได้ขาย
คุณชาญณรงค์ เล่าให้ฟังว่า ผักกูด เป็นพืชที่อยู่คู่กับริมแม่น้ำเพชรบุรี บริเวณริมแม่น้ำจะมีผักกูดขึ้นอยู่เต็มไปหมด แต่การปลูกเป็นแปลงจะน้อย เกษตรกรจะใช้วิธีเก็บผักกูดตามริมน้ำ ซึ่งในฤดูแล้งจะขาดแคลน ผู้บริโภคที่ต้องการก็จะหายาก

วิธีการปลูกผักกูดของคุณชาญณรงค์ เขาให้น้ำตลอด ดินต้องมีความชื้นตลอด และข้อดีของการปลูกผักกูดแซมในสวนสักคือ ผักกูดเป็นพืชที่ต้องการน้ำ ดังนั้น ให้น้ำผักกูดตลอด 12 เดือน ส่งผลไปถึงต้นสัก

ต้นสักโตเร็ว เท่านั้นไม่พอที่นี่กลางคืนมีหิ่งห้อย เพราะเป็นระบบธรรมชาติที่สมบูรณ์ไม่มีการใช้สารเคมีมาเกี่ยวข้อง

ผักกูดที่นี่ใช้วิธีขยายพันธุ์โดยสปอร์ ซึ่งจะพัฒนาเป็นหน่อเล็กๆ ปลูกในระยะระหว่างต้นระหว่างแถว 30×50 เซนติเมตร 4 เดือน เริ่มเก็บผลผลิตได้

ผักกูด เป็นพืชที่ให้น้ำหนักดีมาก โดยยอดที่สมบูรณ์ โดยประมาณ 30 ยอด ได้น้ำหนักถึง 1 กิโลกรัม ถ้ายอดเล็ก ประมาณ 50 ยอด จะได้ 1 กิโลกรัม

ปุ๋ย ให้เป็นปุ๋ยคอกอย่างเดียว ปีละครั้ง ระบบน้ำ ดินชื้นไม่ต้องให้ ดินแห้งจึงให้

“ฤดูฝนไม่ต้องให้น้ำ topgoo.net ผักกูดเป็นพืชที่ไม่ชอบแสงแดดมากเกินไป ถ้าน้ำน้อยน้ำขาดจะแห้งเลย ถ้าอยากปลูกผักกูดสร้างรายได้ต้องคำนึงถึงน้ำและร่มเงา ปลูกกลางแจ้งไม่ได้ ข้อจำกัดเขามีอยู่ตรงนี้ อีกวิธีหนึ่งคือใช้ซาแรนคลุมเพื่อลดแสงแดด แต่จะเป็นการเพิ่มต้นทุน ใบไม้ก็สามารถทำเป็นปุ๋ยได้ เมื่อทิ้งไว้นานใบไม้เริ่มเปื่อยใช้ได้ดี ใช้ไม่มีหมด อย่าไปเผา อย่าไปทำลายฉีดยา สิ่งเหล่านี้เป็นประโยชน์ทั้งนั้น” คุณชาญณรงค์ บอก

ศัตรูพืช ของผักกูดคือ แมลงกินใบ แต่คุณชาญณรงค์บอกว่าไม่เป็นไร เพราะใบของผักกูดมีเยอะ ถ้าเราให้น้ำเยอะใบก็แตกเยอะ แมลงกินไม่ทัน คุณชาญณรงค์ยังพูดติดตลกอีกว่า ก็แบ่งๆ แมลงกินบ้างไม่เสียหาย ดีกว่าเสียเงินไปซื้อยาฆ่าแมลง ทั้งเพิ่มต้นทุนและทำลายระบบนิเวศที่สมบูรณ์อยู่แล้ว

ผักกูดนำมาประกอบอาหารอร่อยเลิศ
หากท่านใดเคยได้ลิ้มลองผักกูดในเมนูอาหารต่างๆ มาแล้ว มั่นใจว่าท่านจะต้องติดใจในรสชาติความหวานและความกรอบของยอดผักกูดอย่างแน่นอน สำหรับท่านที่ยังไม่เคยได้ลองเมนูผักกูดถือว่าพลาดมาก รีบไปหามารับประทานได้เลย ผักกูดสามารถประกอบอาหารได้หลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นยำ แกงส้มผักกูด ผัดผักกูดใส่หมูกรอบ หรือจะลวกจิ้มน้ำพริกอร่อยสุดยอด และยังมีคุณค่าทางสมุนไพรอีกด้วย

การตลาดหาไม่ยาก เริ่มจากสิ่งใกล้ตัว
“แก่งกระจาน มีรีสอร์ตเยอะ ดังนั้น การตลาดของผมจึงไม่ต้องคิดมากเลย มุ่งหน้าทำตลาดกับรีสอร์ตก่อนเป็นอันดับแรก เหตุผลที่เลือกส่งรีสอร์ตจะเป็นในเรื่องของความสะดวก ไม่ต้องเสียเวลานั่งขาย ได้รายได้แน่นอนกว่า แต่ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน ผมก็จัดสินค้าบางส่วนส่งให้ตลาดในท้องถิ่นและตลาดที่กรุงเทพฯ ซึ่งแม่ค้านำสินค้าจากในพื้นที่เข้ากรุงเทพฯ ก็จะติดผักกูดไป กิโลกรัมละ 50 บาท ลองคิดดูเล่นๆ ตกยอดละบาทกว่าเลยนะ แปลงนี้เรายังไม่เน้นขาย เน้นทำพันธุ์และเก็บกิน แจก เหลือก็ขาย พอสร้างรายได้เลี้ยงคนงาน” คุณชาญณรงค์ บอก

แนะนำสำหรับคนที่อยากปลูก
สิ่งแรกที่ต้องดูคือ ตลาด ว่าผู้บริโภคต้องการไหม เพราะพืชบางตัวผู้บริโภคไม่ต้องการก็มี สองยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ปลูก 3 ประโยชน์ 4 เพื่อลดความเสี่ยงในการปลูกพืชเชิงเดี่ยว แถมได้รายได้หลายทาง ไม่ต้องปลูกเยอะเริ่มจากน้อยๆ เพื่อรับรู้ลองถูกลองผิด เมื่อชำนาญแล้วจึงขยาย ถ้าทำแบบนี้ได้จะปลูกอะไรก็สำเร็จ และสร้างอาชีพได้อย่างยั่งยืน