นอกจากจะจำหน่ายพันธุ์กล้วยแล้ว คุณสมบัติยังแปรรูปกล้วย

เป็นกล้วยตากนำกล้วยเล็บมือนางจากสวนชาวบ้านในละแวกและสวนของตนเอง มาร่วมกันแปรรูปสร้างรายได้อีกทาง“ผมแปรรูปเองแล้วจึงไปสอนให้ชาวบ้านทำ เพื่อเป็นรายได้อีกทาง เพราะบางทีชาวบ้านมักโดนพ่อค้ากดราคากล้วย” ถามถึงรายได้จากการขายพันธุ์กล้วย คุณสมบัติ บอกว่า แล้วแต่งาน บางงานได้ถึงหลักแสนบาท หรือบางงานหลักหมื่นบาทก็มี

“รายได้ขึ้นอยู่กับงาน งานไหนโปรโมตดี คนมาเยอะก็ขายได้เยอะ อย่างทางอีสานเคยขายได้แตะหลักล้านบาท”

ซึ่งในการขายแต่ละครั้ง ไม่ได้นำทุกพันธุ์ไปขาย คัดๆ เอาพันธุ์ที่เหมาะกับพื้นที่และดูจากความต้องการของลูกค้า ขนไปแต่ละครั้ง ก็ 2-3 คันรถ คุณสมบัติ ทิ้งท้าย ตำบลตะเคียนเลื่อน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา อาชีพหลักส่วนใหญ่ของประชาชนในตำบลคือ การทำไร่ ทำสวนผลไม้ ซึ่งมีหลากหลายชนิดตามฤดูกาล ต่อมามีการนำพันธุ์กล้วยไข่จากจังหวัดกำแพงเพชรมาปลูก และมีการขยายพื้นที่ปลูกออกไป จึงเกิดการเรียนรู้ การปรับปรุง การพัฒนาคุณภาพการผลิตขึ้น จนเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคทั่วประเทศ

ต่อมาได้รับคำแนะนำ รวมทั้งเงินทุนในด้านการบริหารจัดการจากทางราชการ จึงมีการจัดตั้งเป็นกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยไข่ และกลุ่มแม่บ้านแปรรูปอาหารจากผลไม้ตามฤดูกาลขึ้น รวมถึงการผลิตและการจำหน่ายผลไม้สดตามฤดูกาลทั้งในพื้นที่อำเภอ จังหวัด จังหวัดใกล้เคียง และต่างประเทศ

ปัจจุบัน กล้วยไข่ตะเคียนเลื่อน นับเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีชื่อเสียงของจังหวัดนครสวรรค์ นับเป็นผลไม้ที่หายากตลาดมีความต้องการสูง ด้วยจุดเด่นที่กล้วยไข่ของที่ตำบลตะเคียนเลื่อนมีขนาดผลที่ใหญ่ ผิวสวย รสชาติดี เพราะมีแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์และสภาพพื้นที่เหมาะสมในการปลูกกล้วยไข่เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเคยมีการทดลองนำกล้วยไข่ตะเคียนเลื่อนไปปลูกที่อื่นก็ไม่ได้ผลดีเหมือนปลูกที่ตะเคียนเลื่อน เพราะฉะนั้นกล้วยไข่ตะเคียนเลื่อนจึงกลายเป็นงานเกษตรสร้างรายได้ และกลายเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของพี่น้องเกษตรกรชาวนครสวรรค์อย่างไม่ต้องสงสัย

คุณสุเทพ ธาระนาม อยู่บ้านเลขที่ 118 หมู่ที่ 12 ตำบลตะเคียนเลื่อน อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ เกษตรกรผู้ปลูกกล้วยไข่ตะเคียนเลื่อนเป็นอาชีพ เล่าว่า ครอบครัวของตนมีอาชีพเป็นเกษตรกรมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษปู่ ย่า ตา ยาย สืบมาถึงรุ่นพ่อ รุ่นแม่ และตกมาถึงรุ่นลูก ถือว่าตนเองมีความผูกพันได้ซึมซับวิถีชีวิตของการเป็นเกษตรกรมาตั้งแต่เกิด เมื่อโตมาจึงคิดว่าอาชีพเกษตรกรรมน่าจะเป็นอาชีพที่ถนัดและเหมาะกับตนมากที่สุด จึงยึดเป็นอาชีพมาเรื่อยๆ

ส่วนพืชหลักที่ปลูกเลี้ยงครอบครัว มีอยู่ 2 ชนิด คือ กล้วยไข่ และผักชีฝรั่ง ปลูกสลับกันไป เพราะต้องบอกตามตรงว่า ราคาพืชผลทางการเกษตรไม่แน่นอน กล้วยไข่ตะเคียนเลื่อนตลาดต้องการมากก็จริง แต่ราคาก็มีความผันผวนสูง บวกกับภัยธรรมชาติที่คาดเดาไม่ได้ จึงจำเป็นต้องหาปลูกพืชอายุสั้นอย่าง ผักชีฝรั่ง เสริม เพื่อป้องกันการผิดพลาด

ปลูกกล้วยไข่ตะเคียนเลื่อน ให้ได้คุณภาพ
เทคนิคสำคัญประกอบด้วยหลายปัจจัย
เจ้าของบอกว่า การปลูกกล้วยไข่ตะเคียนเลื่อนให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ลูกใหญ่ ผิวสวย รสชาติดี ต้องประกอบด้วยปัจจัยหลายอย่าง เมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว ตนก็เคยปลูกกล้วยไข่มาก่อน แต่ต้องหยุดไป เนื่องด้วยสภาพพื้นที่ปลูกไม่เหมาะสม พื้นที่ต่ำเกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ปลูกแล้วไม่เห็นทุน เห็นกำไร จึงหยุดปลูกไปสักพัก เพิ่งจะมาเริ่มฟื้นฟูการปลูกกล้วยไข่ใหม่อีกครั้ง นับปีนี้เป็นปีที่สอง เนื่องจากหาพื้นที่การปลูกที่เหมาะสมได้แล้ว

ดังนั้น การปลูกกล้วยไข่จึงต้องคำนึงถึงองค์ประกอบหลายอย่างด้วยกัน
1. พื้นที่ปลูกต้องมีความเหมาะสม ดินต้องเป็นดินร่วนซุย จะเหมาะกับการปลูกกล้วยไข่เป็นที่สุด
2. ต้องมีแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ ที่จังหวัดนครสวรรค์นับว่าโชคดีที่มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ มีระบบชลประธานไม่ขาด
3. ปุ๋ยอย่าให้ขาด พยายามเลือกใช้สูตรให้ตรงต่อความต้องการของพืช
4. กล้วยไข่จะเจริญเติบโตได้ดีในดินแรก พูดง่ายๆ คือ ต้องขยันเปลี่ยนแปลงปลูกทุกๆ 2 ปี เปลี่ยน 1 ครั้ง เพื่อคุณภาพและผลผลิตที่เท่าเดิม และถ้าสงสัยว่าไม่เปลี่ยนพื้นที่ได้ไหม แต่ใช้เป็นวีธีการบำรุงดินแทนก็ได้ แต่ด้วยที่เรามีข้อจำกัดเรื่องเงินทุน เรามีพื้นที่ปลูกเยอะจึงไม่คุ้ม ถ้าเปลี่ยนพื้นที่ปลูกจะง่ายและประหยัดต้นทุนมากกว่า

“ปัจจุบัน ผมปลูกกล้วยไข่บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ นับเป็นต้นก็ประมาณเกือบ 10,000 ต้น พันธุ์กล้วยที่ปลูกสืบเนื่องจากรุ่นพ่อรุ่นแม่ได้พันธุ์กล้วยมาจากกำแพงเพชร แล้วนำมาปลูกต่อที่บริเวณหลังบ้าน และนำมาขยายพันธุ์เพิ่ม แต่ที่ของเราผลใหญ่ ผิวสวย และรสชาติดี คงเป็นเพราะสภาพพื้นที่ของเรามีความอุดมสมบูรณ์เหมาะกับการปลูกกล้วยไข่ที่สุด”เจ้าของบอก

กล้วยไข่ตะเคียนเลื่อน มีจุดเด่นที่ ผลใหญ่ น้ำหนักดี ผิวสวย รสชาติอร่อย พิสูจน์ได้จากสมัยก่อนมีบริษัทส่งออกเคยมาทำและเขาบอกว่าผลผลิตที่นี่ดีกว่าจังหวัดอื่น ผลใหญ่กว่าที่อื่น ผิวสวย รสชาติอร่อย ตลาดส่วนใหญ่ต้องการผลผลิตจากที่นี่

การปลูกกล้วยไข่หลักๆ คือ ดินดี น้ำดี ปุ๋ยอย่าขาด ถ้าพื้นที่ใครมีองค์ประกอบที่กล่าวมาครบก็ทำได้

การเตรียมดิน… โดยการใช้รถไถดะไถแปร ตากดินทิ้งไว้ 5-7 วัน เสร็จแล้วจ้างแรงงานขุดหลุม หลุมละ 2 บาท ขุดกว้าง 50 เซนติเมตร ลึก 50 เซนติเมตร 1 ไร่ ปลูกได้ 400 ต้น ก่อนลงหน่อกล้วยสำคัญที่สุดคือ ต้องชุบน้ำยาเรียกรากและน้ำยากันปลวกก่อนลงหลุม หลังจากนั้นให้รดน้ำ

การให้น้ำ…ถ้าตอนปลูกใหม่ๆ ให้รดน้ำทุกวัน วิธีการรด เริ่มรดตั้งแต่ปลูก สมมุติเริ่มปลูกเดือนมกราคม ก็รดน้ำยาวมาถึงช่วงหน้าฝน ถ้าฝนไม่ตกก็ใช้คนเข้าช่วยรด

ระยะการปลูก…เมื่อต้นกล้วยเริ่มแทงหน่อ มีอายุ 5-6 เดือน กล้วยจะเริ่มให้ปลี เมื่อมีอายุ 8 เดือน สังเกตการออกปลี ก้านปลีเริ่มยื่นยาวออก น้ำหนักมากขึ้นจึงโน้มห้อยลง ปลีจะเริ่มบานให้เห็นดอก เมื่อได้รับการผสมเกสรดอกจะพัฒนาเป็นกล้วย จากนั้นให้ตัดปลีที่ยังไม่บานออก นับไปอีก 45 วัน ก็สามารถเก็บผลผลิตได้ 1 ต้น ให้ผลผลิตไม่ต่ำกว่า 6 กิโลกรัม 1 ไร่ ปลูกได้ 400 ต้น เท่ากับ 1 ไร่ ได้ผลผลิต 2,400 กิโลกรัม

ปุ๋ย…เดือนแรกยังไม่ต้องใส่ จะเริ่มใส่ปุ๋ยเดือนที่สอง เป็นปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 ผสมกับปุ๋ยสูตรเย็น 46-0-0 อัตราการใส่ 1 เดือน ใส่ 1 ครั้ง ครั้งละ 1 กำมือ จะช่วยเร่งความเจริญเติบโตทั้งต้นทั้งลูกอย่างชัดเจน การห่อผล…คือเทคนิคทำให้ผิวสวย แต่ไม่ใช่แค่นำถุงมาห่ออย่างเดียวแล้วผิวของกล้วยจะสวยได้ เราจะต้องมีฮอร์โมนและยาฆ่าแมลงอ่อนๆ ไม่ให้แมลงรบกวน และไม่ให้เกิดเชื้อรา โดยจะฉีดยา 2 ครั้ง
ครั้งที่ 1 ฉีดตอนปลีจะเริ่มออกหัวปลีจะแดงๆ ขึ้นมา

ครั้งที่ 2 ฉีดตอนปลีโน้มห้อยลงมาจนคายปลีแล้วเห็นหวีทั้งหมด จะเริ่มใช้ถุงพลาสติกกัน ยูวี มาห่อ ตั้งแต่ตัดหัวปลีไปแล้ว

ต้นทุนการผลิต…คิดรวมค่าปุ๋ย ค่าแรงงาน แล้วต้นทุนตกต้นละ 30 บาท ปัญหา และอุปสรรค
ในการปลูกกล้วยไข่ ต้องรับมือให้ได้
การปลูกกล้วยไข่ ศัตรูตัวสำคัญคือ หนอนกอ ถ้าดูแลป้องกันไม่ดี หน่อกล้วยที่ปลูกจะตาย วิธีรับมือ ดังนี้
1. จุ่มสารเพื่อป้องกัน วิธีนี้ป้องกันได้ประมาณ 70% ยังไม่สามารถแก้ได้ทั้งหมด แต่ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย อย่างปีนี้ของผมปลูกเกือบ 10,000 ต้น ต้นตาย เพราะหนอนกอไป 1,200 ต้น ถือว่าเยอะมาก

2. ภัยธรรมชาติ คือ ลม ถ้าสมมุติกล้วยเป็นสาว บางปีคือกำลังจะตกเครือลมมาช่วงกำลังตกเครือ ต้นจะหักเรียบเลยนั้นคือปัญหา ต้องอาศัยดวง ถ้าจะแก้ด้วยการปลูกต้นไม้กันลม ถือว่ายังไม่คุ้ม เพราะการปลูกกล้วยไข่ยังต้องย้ายพื้นที่ปลูก ทิศทางลมมาไม่ตรงและแต่ละปีมาไม่เท่ากัน

3. ตรงนี้เป็นพื้นที่ต่ำ แต่มีความจำเป็น ถ้าจะเลือกพื้นที่สูง ดินไม่ดี พื้นที่ต่ำดินจะร่วนซุย ปลูกอะไรก็งาม ทำให้เราต้องเลือกที่ต่ำ แต่ว่าต้องลุ้นว่าปีนี้น้ำจะท่วมไหม ถ้าไม่เจอภัยธรรมชาติเลย ปีนั้นถือว่าโชคดีมีกำไรเต็มๆ

4. ให้ท่องไว้เสมอว่า ทุกอาชีพมีความเสี่ยง ถึงตอนนี้พืชผลที่เรากำลังปลูกอยู่ราคากำลังไปได้ดี แต่ก็ต้องมีแผนสำรองกันพลาดไว้ด้วย อย่างผมตอนนี้ไม่ได้ปลูกกล้วยไข่อย่างเดียว แต่ปลูกผักชีฝรั่งด้วย ทุก 4 เดือน ก็ได้ถอนขายมีเงินใช้หมุนเวียนในการทำเกษตรต่อไป

ปัจจุบันและอนาคต กล้วยไข่ตะเคียนเลื่อน
ยังเป็นของดีหายากและตลาดมีความต้องการสูง
คุณสุเทพ บอกว่า ถ้าถามหาเหตุผลว่า ทำไม กล้วยไข่ตะเคียนเลื่อนจึงเป็นที่ต้องการของตลาดมาตลอด
1. เราได้เปรียบในเรื่องของพื้นที่ที่เหมาะแก่การปลูก

2. ประสบการณ์ของเกษตรกรที่ปลูกกันมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษมีการถ่ายทอดเทคนิคการปลูกจากรุ่นสู่รุ่น

3. มีเพียงไม่กี่พื้นที่ปลูกแล้วจะได้ผลดี ทั้งประเทศไทยมี 77 จังหวัด แต่พื้นที่เหมาะสำหรับการปลูกกล้วยไข่ มีแค่ 2-3 จังหวัด จึงทำให้กล้วยไข่ตะเคียนเลื่อนยังเป็นที่ต้องการของตลาดตลอดมา ไม่เคยประสบปัญหาเรื่องผลผลิตล้นตลาด แต่อาจต้องมีเคล็ดลับสำคัญสักนิดคือ ต้องปลูกให้ตรงกับฤดูกาลที่ตลาดต้องการด้วย ถ้าไปปลูกชนกับผลไม้อย่างอื่นของเราจะขายยาก ควรวางแผนปลูกให้ผลผลิตออกช่วงที่เงาะหมด ทุเรียนหมด เราแค่เลือกปลูกไม่ให้ตรงกับพืชชนิดอื่น ช่วงที่ตลาดต้องการกล้วยไข่มากที่สุดอยู่ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน

ส่วนเรื่องของการตลาดจะมีพ่อค้าเข้ามารับซื้อถึงสวนทุกปี เกษตรกรที่นี่ไม่ต้องไปหาตลาดเอง แค่ปลูกให้รอด มีผลผลิตขายให้พ่อค้าก็พอ ราคาก็ค่อนข้างมีความผันผวนบ้าง อย่างปีที่แล้วราคาแพงที่สุด อยู่ที่กิโลกรัมละ 10 บาท แต่ปีนี้ปัญหาคือ แล้งกล้วยเหลือน้อย จากเคยปลูกกัน 10,000 ต้น ปีนี้เหลือ 5,000 ต้นก็มี ดังนั้น เมื่อผลผลิตมีน้อยพ่อค้าแม่ค้าต่างแย่งกันซื้อ ปีนี้ราคาขึ้นมาเป็น กิโลกรัมละ 15 บาทแล้ว และตลาดในต่างประเทศตอนนี้ก็มีติดต่อเข้ามาบ้าง เรากำลังอยู่ในช่วงเตรียมการ เพราะเมื่ออดีตที่ตำบลตะเคียนเลื่อนเคยมีนายทุนมาผลิตกล้วยไข่ส่งออกนอกและได้ผลดีจริงๆ แต่ต้องหยุดไป เพราะผลผลิตไม่พอต่อการส่งออก และตอนนี้เริ่มมีบริษัทมาติดต่อให้ทำส่งออกนอกอีกครั้ง เพราะตลาดต้องการผลผลิตกันมากขึ้น เขาจึงวิ่งมาหาเรา ผมจึงเริ่มคุยกับเขาว่าจะเริ่มทำส่งให้ปีนี้ ซึ่งสถานการณ์ตรงนี้ก็ส่งผลไปถึงตลาดในประเทศด้วย พ่อค้าแม่ค้าในประเทศมีการปรับราคารับซื้อให้สูงขึ้น ถือเป็นของหายาก

ฝากถึงเกษตรกร
ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร ใจต้องมาก่อน
การเป็นเกษตรกรถือเป็นอาชีพที่หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน
1. ใครจะเดินทางสายนี้ใจต้องมาก่อน ถ้าใจไม่รัก ก็ทำไม่ได้ เพราะการทำการเกษตรต้องตากแดดตลอด
2. ต้องมีความรู้มากพอ ผมก็ไม่ได้เก่งทุกเรื่อง เก่งเฉพาะเรื่องกล้วยกับผักชีฝรั่ง ถ้ามือใหม่คิดอยากจะทำก็ทำได้ เพียงแค่ต้องหมั่นหาความรู้อยู่ตลอด เรียนรู้กระบวนการทุกอย่าง ถือว่าไม่ยาก เพราะไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของคน และที่ผ่านมาถือว่ากล้วยไข่เลี้ยงผมและครอบครัวได้เป็นอย่างดี

ว่านหางจระเข้ สมุนไพรชั้นดี สรรพคุณทางยามากมาย ทั้งช่วยรักษาแผล หรือสมานแผล ช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนของแผลที่เกิดจากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ว่านหางจระเข้ก็ช่วยได้ และนอกจากเป็นสมุนไพรรักษาแผลที่ดีแล้ว ด้วยในปัจจุบันนวัตกรรมที่ก้าวไกล มีผู้คิดค้นวิจัยนำว่านหางจระเข้มาทำเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ผิวกาย มากมาย ทำให้ปริมาณความต้องการว่านหางจระเข้มีมากขึ้น ส่งผลดีต่อรายได้ของเกษตรกรในประเทศไทยเป็นอย่างดี ซึ่งแหล่งปลูกสำคัญอยู่ทางภาคตะวันตกที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ การปลูกว่านหางจระเข้ส่งโรงงาน ถือเป็นอาชีพสร้างรายได้ดีให้กับเกษตรกรแถวนั้นมานานกว่า 30 ปี และปัจจุบันนี้ได้สืบทอดมาถึงรุ่นลูก ตลาดก็ยังสดใสอยู่

ว่านหางจระเข้ ปลูกไม่ยาก
ปลูกครั้งเดียว เก็บขายได้นาน 10 ปี
การปลูกว่านหางจระเข้ปลูกง่าย ใช้น้ำน้อย พันธุ์ที่ปลูกคือ พันธุ์บาบาเดนซิส ลักษณะเด่นคือ กาบใหญ่ เนื้อเยอะ มีสรรพคุณทางยามากมาย ปลูกโดยการใช้หน่อ หากเป็นมือใหม่อาจต้องมีต้นทุนในการซื้อหน่อมาปลูก หน่อก็มีหลายราคาให้เลือก ขึ้นอยู่กับขนาดของหน่อ เริ่มต้นตั้งแต่ 10-100 บาท ถ้าหน่อใหญ่ระยะเวลาการปลูกให้ผลผลิตก็จะเร็วขึ้น

ตอนนี้ที่ไร่ปลูกว่านหางจระเข้ ประมาณ 25-30 ไร่ การปลูกไม่ยาก มีการไถดินสองรอบ รอบแรกไถดะ รอบที่สองไถแปร หากพื้นที่ตรงไหนมีน้ำขังให้ชักร่องปลูกให้น้ำไหลออก เพราะว่านหางจระเข้เป็นพืชที่ไม่ชอบน้ำ หากพื้นที่ไหนมีน้ำขังรากจะเน่า

ควรเว้นระยะห่างระหว่างร่อง 1 เมตร ระหว่างต้น 1 ศอก ระยะนี้ถือเป็นระยะที่เหมาะสม เพราะถ้าปลูกถี่เกินไปเมื่อต้นโตกาบจะชนกัน ส่งผลทำให้การเจริญเติบไม่ดีเท่าที่ควร และหมั่นทำความสะอาดแปลง กำจัดวัชพืชอย่าให้ขึ้นสูง

ระบบน้ำ… ว่านหางจระเข้ เป็นพืชทนแล้ง ไม่ต้องการน้ำมาก 1 สัปดาห์ รดน้ำสัก 1 ครั้ง โดยการติดตั้งระบบน้ำสปริงเกลอร์เปิดรดช่วงตอนเย็น เพราะอากาศเย็นว่านหางจระเข้จะรับน้ำได้อย่างเต็มที่ หากรดช่วงที่อากาศร้อนจะทำให้ว่านหางจระเข้รากเน่า ระยะเวลาในการรดน้ำ 1 ชั่วโมง ถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง

ปุ๋ย… ไม่ต้องใส่มาก ในระยะ 1-2 ปีแรกไม่ต้องใส่ปุ๋ย เพราะว่าช่วงปีแรกๆ ว่านหางจระเข้จะสมบูรณ์มาก ถ้าใส่ไปอาจทำให้เน่า แนะนำให้เริ่มใส่ปุ๋ยช่วงปีที่ 3 ใส่เพียงปีละครั้ง ใส่สูตร 21-0-0 แมลงศัตรูพืช…มีบ้าง แต่ไม่มีผลกับว่านหางจระเข้ อาจมีรอยที่ใบบ้าง แต่ไม่มีผลต่อเนื้อข้างใน

ระยะเวลานาน ในการให้ผลผลิต
ว่านหางจระเข้ ถือเป็นพืชที่ลงทุนน้อยแต่ผลตอบแทนมาก เพราะปลูกเพียงครั้งเดียวสามารถเก็บผลผลิตขายได้ทุกเดือน นานถึง 10 ปี แต่การปลูกครั้งแรกต้องรอนาน 8-9 เดือน และหลังจากนั้นสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตขายได้ทุกเดือน ระยะในการปลูกครั้งแรก ประมาณ 8-9 เดือน หลังจากนั้นสามารถเก็บผลผลิตได้ทุกเดือน ในสมัยรุ่นพ่อปลูกครั้งหนึ่งเก็บได้นานเป็น 10 ปี แต่พอมาถึงรุ่น คุณจูน ลดลงมาเหลือแค่ 5-6 ปี แล้วไถทิ้งปลูกใหม่ ด้วยเหตุผลที่ว่าเอาไว้นานมากกาบจะเล็ก แต่ถ้าหากตลาดรับซื้อไม่เกี่ยงขนาด ก็สามารถอยู่ได้ถึง 10 ปี

ผลผลิตต่อไร่… ระยะเวลาการตัดแล้วแต่เกษตรกรบางรายนะ ตัดแบบ 20 วัน ตัดครั้งหนึ่ง หรือ 1 เดือน ตัดครั้ง ถ้าทิ้งไว้ 1 เดือน จะได้กาบที่ใหญ่และน้ำหนักดี ผลผลิต 3.5-4 ตัน ต่อไร่ ต่อเดือน ส่งขายได้ กิโลกรัมละ 2.5-3 บาท ถือว่าสร้างรายได้ดีมาก

คุณจรัญ เจริญทรัพย์ เกษตรกรสวนมะพร้าวในอำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี เจ้าของกิจการส่งออกมะพร้าวน้ำหอมทั้งลูกสดและแปรรูป ใครจะรู้ว่ากว่าที่จะมาเป็นเจ้าของสวนมะพร้าว กว่า 120 ไร่ เมื่อก่อนเคยติดหนี้สินจนเกือบจะเสียที่นาที่มีอยู่เพียง 1 ไร่ ไปแล้ว

ปัจจุบัน เขาดำรงตำแหน่งประธานสภายุวเกษตรจังหวัดราชบุรี และประธานวิสาหกิจชุมชนอำเภอดำเนินสะดวก ทำธุรกิจส่วนตัวในฐานะผู้ประกอบการส่งออกผักและผลไม้ อยู่บ้านเลขที่ 196 หมู่ที่ 2 ตำบลท่านัด อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี เคยได้รับรางวัล A Model Farmer From The Kingdom of Thailand โดย Food and Agriculture Organization of The United Nations จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในงานวันอาหารโลกประจำปี 2556 ที่จัดขึ้น ณ องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาติ หรือ (FAO) ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก

ประวัติของคุณจรัญนั้น เดิมทีพ่อแม่ทำสวนปลูกพืชล้มลุกจำพวก พริก ต้นหอม แตงกวา เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตั้งแต่ยังเยาว์วัยมีความฝันอยากเป็นข้าราชการ แต่ไม่ได้เรียน เพราะฐานะทางบ้านยากจน มีพี่น้องทั้งหมด 8 คน พ่อกับแม่ได้รับมรดกจากคุณตามา 1 ไร่ ตอนทำสวนใหม่ๆ ที่ดินที่มีอยู่นั้นเกือบหลุดไปเป็นของนายทุน เพราะกู้เงินมาทำไร่ ต้องเช่าที่ 7 ไร่ มาทำสวน เพราะที่เพียง 1 ไร่ นั้นไม่พอกิน มีขาดทุนบ้าง ได้กำไรบ้าง สลับกันไป ช่วงที่ทำแล้วได้กำไรก็จะเก็บเงินที่ได้เอาไว้ลงทุนในรอบต่อไป แต่ถ้าขาดทุนก็จะไปยืมเงินมาลงทุนวนอยู่แบบนี้ประมาณ 6-7 ปี จนมีความรู้สึกว่าไม่อยากที่จะทำเกษตรแล้ว เพราะทำแล้วยิ่งเป็นหนี้ พ่อกับแม่ก็เหนื่อยมาก

ตัดสินใจเลิกทำเกษตรเพราะเป็นหนี้
จุดเปลี่ยนของชีวิตก็มาถึงเมื่อเขาตัดสินใจเลิกทำเกษตร เพราะเป็นหนี้และไม่มีเงินไปใช้ เขาจึงตัดสินใจหยุดและยอมไปเป็นลูกจ้าง ทำงานรับจ้างทำสวนทั่วๆ ไป แต่ในขณะที่ทำสวนก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่า ทำไมคนทำสวนบางคนเขาถึงรวย จึงตัดสินใจไปลงแขกกับคนที่ทำการเกษตรแล้วประสบความสำเร็จ จึงทำไปด้วยศึกษาไปด้วย สุดท้าย จึงรู้ว่าพืชมีระยะเวลาการกินอาหาร มีระยะเวลาการพักผ่อน ทำให้เริ่มเข้าใจพืชและเริ่มเข้าใจการปลูกพืชมากกว่าเดิม เริ่มรู้ว่าฤดูกาลสามารถวางแผนให้ได้ราคาว่าปลูกแล้วขายได้ราคาดีกว่าเมื่อก่อน เช่น มีการพักดินและปลูกในช่วงจังหวะที่พืชได้ราคา

เขาใช้เวลาในอาชีพรับจ้างประมาณ 2 ปี เก็บเงินที่รับจ้างไปใช้หนี้ ซึ่งขณะนั้นเป็นหนี้เกือบหนึ่งแสนบาท เมื่อใช้หนี้หมดแล้วจึงมีความคิดที่อยากจะกลับมาทำสวนอีกครั้ง เริ่มต้นสู่การพัฒนา
เริ่มแรกคุณจรัญนำความรู้ที่ได้จากการเป็นลูกจ้างมาปลูกข้าวโพดฝักอ่อน เพราะข้าวโพดฝักอ่อนเป็นพืชระยะสั้น 45 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ และสามารถขายได้ในตลาดทั่วไป ลงทุนน้อย ไม่ต้องฉีดยาใส่ปุ๋ยมากมาย เพราะว่าเมื่อก่อนปลูกพริก ปลูกหัวหอม หวังพึ่งแต่ยาเคมี ใครบอกว่าอันไหนดี ก็ไปซื้อตามมาใช้ ไม่มีเงินซื้อก็ไปหายืมเขามา แต่พอได้ทำใหม่การปลูกข้าวโพดฝักอ่อนไม่ต้องใช้ยาหรือสารเคมี เงินที่รับจ้างมาก็เอามาเป็นเงินทุน

พอถึงช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต เริ่มแรกก็ส่งเข้าโรงงาน ติดต่อเว็บ UFABET ต่อมาได้เรียนรู้ว่า ถ้าไม่ขายให้โรงงานก็สามารถที่จะแปรรูปเองได้ จึงเริ่มนำข้าวโพดฝักอ่อนมาปอกแล้วใส่ถุงขายในตลาดศรีเมืองบ้าง ฝากรถขายในตลาดในกรุงเทพฯ บ้าง ตลาดสี่มุมเมืองบ้าง พอมาทำแล้วเลยได้เรียนรู้การตลาด การแปรรูป แล้วก็นำความรู้ที่มีมาพัฒนากับหน่อไม้ฝรั่ง

ตอนทำข้าวโพดฝักอ่อน ทำอยู่ในพื้นที่ 5 ไร่ ที่ก็เช่าเขามาทั้งหมด ต่อมาเช่าเพิ่มอีก 25 ไร่ ขณะที่ขายข้าวโพดอยู่ที่ตลาดศรีเมืองก็โชคดีที่มีพ่อค้าชาวสิงคโปร์ พ่อค้าชาวมาเลเซียมาเจอ ข้าวโพดฝักอ่อนมีข้อดีคือเก็บอ่อน ฝักสั้น ไซซ์เสมอ ซึ่งแตกต่างจากของคนอื่นที่ไซซ์ไม่เท่ากัน พ่อค้าต่างประเทศมาเห็นก็เลยสนใจ เลยตามมาดูที่สวน

“เขามีล่ามมาด้วย ถามว่าสามารถส่งออกได้ไหม? ผมก็บอกว่าไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าจะส่งยังไง ภาษาก็ไม่ได้ เขาบอกเขาอยากซื้อ ผมก็บอกว่าผมอยากขาย” คุณจรัญเล่าถึงเหตุการณ์ตอนนั้น ซึ่งเขามีอายุเพียง 20 ปี

“หลังจากนั้น ชาวมาเลเซียก็กลับไปและหาวิธีการให้ทางเราส่งออก เขาก็สอนเรา ทั้งเรื่องเอกสารการส่งและเรื่องการแพ็ก ก็เลยเริ่มส่งไปต่างประเทศได้” คุณจรัญ บอก

ตอนนั้นเขาเน้นพืชส่งออก เน้นพืชเศรษฐกิจ รายได้ช่วงนั้นได้เป็นแสนจึงเริ่มเก็บเงินมาเรื่อยๆ เพื่อไปซื้อไร่ แรกๆ ซื้อ 5 ไร่ ต่อมาก็ซื้อ 7 ไร่ แล้วก็ไปซื้อแปลงใหญ่ 10 ไร่ 35 ไร่ เรื่อยมา เก็บเงินได้ก็ซื้อที่ดินอย่างเดียว ขณะนั้นราคาที่ดินไร่ละประมาณ 100,000 บาท แต่ตอนนี้ราคาไร่ละ 500,000 บาท รวมแล้วทั้งหมดก็มีที่ดินทั้งหมด 100 กว่าไร่ และได้เริ่มปลูกมะพร้าวหลังจากจับจุดของการปลูกพืชได้ ตอนนี้ปลูกมะพร้าวมาประมาณ 10 ปี เริ่มต้นกระบวนการแปรรูปมาแล้ว 8 ปี และเริ่มต้นส่งออกมะพร้าวมาได้ 5 ปี จากกลุ่มพ่อค้ากลุ่มเดิมที่มาแนะนำ

ในมะพร้าวที่มี ถ้าตัดมะพร้าวทั้งหมด 32 ไร่ ก็จะได้มะพร้าวประมาณ 14,000 ลูก โดยจะหมุนเวียนการตัด ขณะนี้ขายลูกสดไปต่างจังหวัด เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ส่งไป 3,000 ผล ต่อวัน เข้าโรงงาน 8,000 ผล ต่อวันเช่นกัน ส่วนลูกที่ตกไซซ์ก็จะนำมาแปรรูปเป็นน้ำมะพร้าว 100%, ไอศกรีม, เนื้อและน้ำแช่แข็ง