นอกจากนี้ ปลาเหยื่ออย่างลูกปลานิลมีฟันเล็กๆ ที่อาจทำ

ให้เกิดการติดเชื้อเวลาตอด เช่นเดียวกับกุ้งฝอยกับก้ามของมัน ผมเห็นหลายรายแล้วครับที่กลับถึงบ้านปลามังกรตายอืดคาตู้โดยมีปลาเหยื่อกุ้งฝอยว่ายเริงร่าอย่างผู้ชนะ (เหยื่อพวกนี้มันไม่อินังขังขอบกับน้ำเน่าเสียเท่าไหร่หรอกครับ เพราะมันถูกเลี้ยงมาในสภาพแบบนั้นอยู่แล้ว)

เป็นไปได้ควรพยายามฝึกให้ปลาที่เคยชินกับการกินเหยื่อสดๆ เป็นๆ หันมากินอาหารสำเร็จรูป อาจฝึกยากหน่อยแต่จริงๆ ก็สามารถทำได้นะครับ มันจะทำให้การเลี้ยงปลาง่ายขึ้น แถมยังสบายใจไม่ต้องเอาชีวิตหนึ่งไปให้อีกชีวิตหนึ่งกินเพื่อหล่อเลี้ยงความสุขของเรา

5.ก่อนออกจากบ้านให้ปิดไฟตู้ปลา บางคนหากระดาษมาบังรอบตู้ให้ค่อนข้างมืดเลยด้วยซ้ำเพื่อที่ความมืดจะทำให้ปลาลดกิจกรรมลง ยอบตัวนอนกับพื้นหรือว่ายช้าๆ เอื่อยๆ เหมือนกับที่มันเป็นในช่วงกลางคืน ปลาจะไม่ต้องการอาหารมาก ไม่ต้องการออกซิเจนเพื่อใช้ในการเผาผลาญมาก และไม่ก้าวร้าวใส่กันเหมือนช่วงเวลาที่มองเห็นกันได้ชัด

เครื่องให้อาหารปลา (Automatic Feeder)

ปัจจุบันหลายคนนิยมใช้เครื่องให้อาหารปลาอัตโนมัติเวลาไม่อยู่บ้านหลายๆ วัน อุปกรณ์แบบนี้มีประโยชน์มาก ใช้งานง่าย แต่ไม่เหมาะกับปลาที่กินอาหารสด ลักษณะของเครื่องให้อาหารปลาอัตโนมัติจะเป็นกล่องขนาดเล็กๆ พอที่จะติดตั้งอยู่ด้านบนคานกระจกของตู้ปลาได้โดยไม่เกะกะ มีช่องสำหรับบรรจุอาหาร ภายในช่องนี้มีลิ้นที่ใช้ปรับปริมาณของอาหารที่จะให้ในแต่ละมื้อได้ ด้านหน้าของเครื่องจะเป็นหน้าปัดสำหรับตั้งเวลา บางรุ่นตั้งได้หนึ่งถึงสองมื้อ แต่โดยส่วนใหญ่จะได้มากกว่านั้น อาจเป็น 4 หรือ 6 มื้อต่อวันแล้วแต่ผู้ใช้จะกำหนด แต่ขอแนะนำว่าหากไม่อยู่บ้านหลายๆ วันควรตั้งเครื่องให้อาหารปลาอัตโนมัติให้ทำงานเพียงวันละครั้งก็พอ เพื่อให้น้ำไม่เสียเร็วเนื่องมาจากปลาบริโภคและขับถ่าย

อาหารที่เหมาะกับเครื่องแบบนี้ต้องเป็นอาหารสำเร็จรูปเท่านั้น และควรเป็นอาหารชนิดเม็ดเล็ก หรือหากชอบใช้ชนิดแผ่น (สำหรับปลาเล็กบางชนิด) ก็ควรป่นอาหารนั้นให้เล็กลงก่อนจะบรรจุลงในช่องเก็บอาหาร เหตุผลคืออาหารแผ่นมันติดขัดตรงบริเวณช่องปล่อยอาหารทำให้อาหารไม่ไหลตกลงมาแม้ว่าเครื่องจะทำงานตามปรกติ

ตำแหน่งที่ตั้งของเครื่องให้อาหารปลาอัตโนมัติควรอยู่ห่างจากจุดปล่อยฟองอากาศ เนื่องจากความชื้นของฟองน้ำที่แตกเป็นละอองเมื่อถึงผิวน้ำอาจทำให้อาหารชื้นเสียขึ้นรา และหากตู้ปลามีระบบกรองแบบกรองในตัวก็ควรวางเครื่องให้ห่างจากทางเข้าของระบบกรอง เนื่องจากอาหารที่เครื่องเพิ่งปล่อยลงไปจะไหลเข้าสู่ระบบกรองทันทีส่วนหนึ่งซึ่งทำให้น้ำเสียได้เร็ว

ตรวจสอบการทำงานของเครื่องก่อนใช้งาน เครื่องให้อาหารปลาอัตโนมัติเดี๋ยวนี้ผลิตจากประเทศจีน มีราคาถูก การใช้งานก็นับว่าพอได้แต่บทจะเสียก็เสียขึ้นมาดื้อๆ แถมไม่มีรับประกันเสียอีก ตรวจสอบให้แน่ใจและเปลี่ยนถ่านใหม่ก่อนออกเดินทาง เพราะเครื่องอาจจะดีเยี่ยม แต่ใช้ไปได้หน่อยถ่านดันหมด ปลาเมื่อถึงเวลาก็มารอเก้อมองเครื่องตาแป๋ว

อีกทางเลือกหนึ่งที่คนเลี้ยงปลาหลายรายนิยมใช้กัน คือใช้อาหารสำเร็จรูปสำหรับวันหยุด ลักษณะของอาหารประเภทนี้มีหลายแบบ เช่นเป็นแบบเยลลี่แข็งๆ เหมาะสำหรับปลาทอง แบบแท่งสั้นๆ อ้วนๆ เหมาะสำหรับปลาเล็ก และแบบอัดเป็นเม็ดใหญ่ๆ สีขาวคล้ายปูนพลาสเตอร์ เหมาะกับปลาที่หลากหลายกว่า (แต่คุณภาพอาจสู้สองแบบแรกไม่ได้) คุณสมบัติของอาหารกลุ่มนี้คือสามารถแช่อยู่ในน้ำได้นาน ไม่ละลาย ปลาอาจกินยากสักหน่อยแต่ก็ยังได้กินบ้างไม่อด การให้อาหารวันหยุดควรให้แต่พอดี (จะมีปริมาณการใช้ต่อจำนวนปลาบอกไว้ข้างกล่อง) อย่าให้เผื่อ และเมื่อกลับถึงบ้านแล้วก็ควรเก็บอาหารที่เหลือออกแล้วเปลี่ยนถ่ายน้ำสัก 20 – 25%

การเก็บมะพร้าวกะทิมาใช้ประโยชน์ส่วนใหญ่นิยมนำเนื้อไปใส่น้ำแข็งไสผสมน้ำเชื่อมโดยใช้ช้อนคว้านเป็นชิ้นพอคำ หรือใช้ช้อนตัก กินเฉยๆ ก็ได้รสชาติหวานมันอร่อยด้วยเนื้อมะพร้าวที่หนา ฟู อ่อนนิ่ม ปัจจุบันนิยมคว้านใส่ไอศกรีม ทำบัวลอย “มะพร้าวกะทิ” ขายตามร้านอาหาร ภัตตาคาร

มีหลายคนมักเข้าใจว่า “มะพร้าวกะทิ” เป็นมะพร้าวพันธุ์หนึ่ง แต่ความจริงในธรรมชาติไม่มีต้นมะพร้าวกะทิพันธุ์แท้อยู่เลย แต่ผลมะพร้าวกะทิที่เห็นกันได้มาจากการเกิดร่วมกับผลมะพร้าวปกติที่อยู่รวมกันในต้นมะพร้าวธรรมดาทั่วไปบางต้นเท่านั้น

ที่ผ่านมาปัญหาที่เกิดจากการใช้มะพร้าวกะทิคือไม่สามารถแยกได้ว่าผลใดเป็นกะทิ ทำให้ต้องใช้วิธีปอกเปลือกดูเนื้อภายใน หรือชาวบ้านบางคนที่มีความชำนาญก็จะฟังดูว่าถ้าไม่มีเสียงน้ำในผลดังกระฉอกเลย หมายถึงมะพร้าวผลนั้นเป็น“มะพร้าวกะทิ” วิธีการดังกล่าวค่อนข้างจะยุ่งยากและเสียเวลาไม่ใช่น้อย

….แต่เหตุใดมะพร้าวจึงไม่เป็นกะทิทั้งหมด

เรื่องนี้คุณจิตติ รัตนเพียรชัย กูรูด้านการปรับปรุงพันธุ์พืช อธิบายว่าเหตุผลประการหนึ่งคือเป็นเรื่องของพันธุกรรม เพราะมะพร้าวกะทิถูกควบคุมโดยยีนเพียงคู่เดียว และเป็นลักษณะด้อยเสียด้วย แต่มีลักษณะของมะพร้าวธรรมดาเป็นยีนข่ม

“ฉะนั้นต้นมะพร้าวที่ให้ลูกเป็นกะทิจึงมีลักษณะพันธุ์ทาง แล้วเมื่อมะพร้าวธรรมดาไปผสมกับมะพร้าวพันธุ์ทาง จึงทำให้เกิดเป็นมะพร้าวธรรมดา 3 ส่วนและมะพร้าวกะทิเพียง 1 ส่วน ด้วยเหตุนี้ปริมาณมะพร้าวกะทิจึงมีน้อย และหายากมากในท้องตลาด อีกทั้งราคามะพร้าวกะทิมีราคาแพงกว่ามะพร้าวธรรมดาหลายเท่า”

คุณจิตติ เป็นผู้คร่ำหวอดในวงการกล้วยไม้มายาวนาน เขาเรียนจบจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขน จากนั้นได้ชักชวนเจ้าของสวนกล้วยไม้หลายแห่งมารวมตัวกันเพื่อจัดตั้งเป็นบริษัทที่ชื่อ บางกอกฟลาวเวอร์เซ็นเตอร์ จำกัด ได้ดำเนินธุรกิจส่งออกดอกกล้วยไม้ไปยังตลาดต่างประเทศทั่วโลก ด้วยการศึกษาและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจได้ขยายขอบเขตครอบคลุมถึงดอกไม้เขตร้อนประเภทอื่นๆ

ไม่เพียงแค่การปรับปรุงพันธุ์กล้วยไม้ที่ประสบความสำเร็จ เขายังปรับปรุงพันธุ์มะพร้าวเพื่อให้เป็นมะพร้าวกะทิร้อยเปอร์เซ็นต์ ด้วยการร่วมงานกับดร.อุทัย จารณศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับปรุงพันธุ์อีกท่านหนึ่ง แล้วเปิดตัว “อูติพันธุ์พืช” ขึ้นเพื่อมุ่งเน้นการผลิตเมล็ดพันธุ์ กล้าพันธุ์ปาล์มน้ำมัน รวมถึงมะพร้าวกะทิ และพันธุ์ไม้ชนิดอื่นอีกหลายอย่าง

เพื่อให้ได้ต้นที่เป็นกะทิสมบูรณ์

ต้องแยกปลูกเท่านั้น

คุณจิตติบอกว่าโดยหลักวิชาการแล้ว การจะทำให้ผลมะพร้าวเป็นกะทิได้ทั้งต้นจะต้องมีการแยกต้นมะพร้าวกะทิพันธุ์แท้ที่ได้จากการเพาะเลี้ยงมาปลูกให้อยู่ในกลุ่มเดียวกันและอย่าให้มีต้นมะพร้าธรรมดาร่วมอยู่ อีกทั้งไม่ควรปลูกมะพร้าวต้นไม่เป็นกะทิใกล้กับต้นเป็นกะทิ เพื่อป้องกันการผสมข้ามสายพันธุ์

และด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ “อูติพันธุ์พืช” จึงได้จัดพื้นที่ปลูกมะพร้าวกะทิบนเกาะเล็กๆแห่งหนึ่งในเขื่อนวชิราลงกรณ์ อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี และเป็นพื้นที่ปลูกที่อยู่ห่างไกลจากมะพร้าวธรรมดาพันธุ์อื่นประมาณ 10 กิโลเมตร

“เหตุผลที่ต้องใช้พื้นที่บนเกาะเพราะต้องการให้ห่างไกลจากเกสรของมะพร้าวธรรมดา และต้องการให้มะพร้าวกะทิผสมกันเองล้วน ในช่วงนั้นความนิยมมะพร้าวกะทิมีพอสมควร แต่มะพร้าวกะทิตามธรรมชาติมีเพียงลูกครึ่ง ซึ่งถ้าผสมกันเองในกลุ่มมะพร้าวกะทิลูกครึ่งผลผลิตที่ได้ประมาณ 1 ใน 4 หรือ 25 เปอร์เซ็นต์ แต่ในความเป็นจริงอาจได้ไม่ถึง ต้นไหนเคยเป็นกะทิ ถ้าผสมตัวมันเองก็ได้เป็นกะทิเพียง 1 ใน 4 แต่หากผสมข้ามจะไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นใน 1 ต้น แต่ละทะลายอาจได้เป็นกะทิเพียง 1-2 ลูกเท่านั้น

สำหรับบนเกาะนี้จำนวนมะพร้าวกว่าสองพันต้นล้วนเป็นมะพร้าวกะทิทุกลูก จึงทำให้สามารถเก็บมะพร้าวกะทิได้ตามขนาดที่ต้องการของตลาด อย่างร้านทำขนมไม่ต้องการเนื้อฟูมาก แต่หากจะใช้บริโภคจะนิยมเนื้อฟู เพราะเวลาหั่นจะได้เป็นท่อนชิ้นสี่เหลี่ยมสำหรับไว้ใส่ในขนมหวาน เช่น ทับทิมกรอบ ดังนั้นเวลาเก็บจึงไม่ต้องให้แก่มากและเปลือกยังมีสีเขียว แต่มีรอยย่นเล็กน้อย” คุณจิตติอธิบาย

คุณจิตติ เผยถึงคราวที่เริ่มต้นปรับปรุงมะพร้าวให้เป็นกะทิล้วนว่าครั้งนั้นการหาพันธุ์ต้องไปหาซื้อลูกมะพร้าวตามที่ชาวบ้านเก็บ เช่นแถวทับสะแก พอซื้อมาแล้วจัดการผ่าออก นำไปเข้าห้องแล๊บ ดึงจาวออกมาแล้วนำไปเพาะด้วยอาหารวิทยาศาสตร์ในสภาพปลอดเชื้อ เป็นวิธีการเดียวกับการเพาะกล้วยไม้

“ได้นำเอาคัภพะ จากผลมะพร้าวกะทิมาเลี้ยงในอาหารวิทยาศาสตร์ภายในสภาพปลอดเชื้อ เป็นระยะเวลาประมาณ 8 – 9 เดือน แล้วจึงนำออกปลูกลงดินในถุงเพาะให้ต้นกล้ามีอายุประมาณ 18 เดือน จึงนำปลูกลงดินตามธรรมชาติ เนื่องจากต้นกล้ามะพร้าวกะทิพันธุ์แท้อยู่ในสภาพการงอกที่ผิดธรรมชาติ (งอกในอาหารวิทยาศาสตร์ ภายใต้สภาพปลอดเชื้อ) กล่าวคือไม่ได้งอกจากผลมะพร้าวที่มีกะลาและเปลือกมะพร้าวห่อหุ้มไว้ จึงทำให้ต้นกล้าถูกเชื้อจุลินทรีย์เข้าทำลายได้ง่าย โอกาสรอดตายจึงมีน้อย”

คุณจิตติ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเพาะครั้งแรกมีปัญหาและความยุ่งยากมาก เพราะมะพร้าวเป็นพืชที่มีขนาดใหญ่ แตกต่างจากกล้วยไม้ที่เคยทำที่มีขนาดเล็ก เขาเล่าว่าการเพาะพันธุ์ในขวดแก้วเพียงแค่ต้นอ่อนที่ยังไม่ได้เวลาที่เหมาะสมยังใหญ่แน่นขวดกลม ครั้นพอนำออกมาจากขวดยิ่งลำบากและยุ่งยาก ทำให้เสียหายและตายเป็นจำนวนมาก ซึ่งเหลือจำนวนรอดไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ เปรียบว่าคล้ายกับเด็กที่คลอดก่อนกำหนด ส่วนต้นที่รอดนำไปขายราคาต้นละ1,500 บาทมีคนซื้อน้อย ในที่สุดขาดทุน และต่อมามีความพยายามหาวิธีทำใหม่ และได้ค่อยๆพัฒนาจนเพิ่มจำนวนต้นที่รอดมากขึ้น

โครงการนำมาแปรรูป

เป็นไอศกรีมมะพร้าวกะทิ

ปั่นใส่น้ำหวานขาย

นักปรับปรุงพันธุ์ กล่าวถึงเหตุผลที่มาทำธุรกิจขายมะพร้าวกะทินอกจากต้องการขายเป็นมะพร้าวลูกในประเทศแล้ว ยังเห็นว่าที่ประเทศฟิลิปปินส์ มีการปลูกมะพร้าวกะทิจำนวนมาก แล้วส่วนหนึ่งมีการนำไปแปรรูปเป็นไอศกรีมมะพร้าวกะทิขายที่สนามบิน ซึ่งเป็นไอศกรีมที่มีชื่อเสียงของฟิลิปปินส์ทำให้โด่งดัง ส่วนที่อินโดนีเซียยังใช้เนื้อมะพร้าวกะทิปั่นด้วยเครื่องให้ละเอียดแล้วนำมาใส่ในน้ำหวานสีสันต่างๆ ทำเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมในโรงแรมชื่อดังหลายแห่ง ด้วยเหตุนี้จึงเห็นช่องทางทำเป็นธุรกิจ

ดังนั้น แผนและโครงการที่ได้วางไว้คือการต่อยอดทางธุรกิจผลิตมะพร้าวด้วยการผลิตไอศกรีมมะพร้าวกะทิแบบที่ฟิลิปปินส์ โดยช่วงที่มีมะพร้าวจำนวนมากจะเก็บเนื้อมะพร้าวแช่แข็ง แล้วทยอยนำออกมาผลิตเป็นไอศกรีมทั้งปี ส่วนการขายผลมะพร้าวยังคงทำตามปกติ นอกจากนั้นยังเคยมีความคิดว่ามะพร้าวกะทิน่าจะแปรรูปเป็นขนมขบเคี้ยวได้ เพราะวัตถุดิบคือมะพร้าวที่ปลูกสามารถกำหนดช่วงเวลาหรือกำหนดอายุมะพร้าวว่าต้องการใช้แบบใดอ่อนหรือแก่

นอกจากโปรเจ็คมะพร้าวแล้ว คุณจิตติยังมีโครงการจะปลูกกล้วยไม้ป่าจำนวนหลายชนิดอีก ซึ่งขณะนี้กำลังรวบรวมพันธุ์จากหลายแหล่งไว้ที่วิทยาลัยเกษตรเพชรบุรี

มะพร้าวที่ปลูกสามารถ

แยกขนาดได้ตามต้องการ

สำหรับปุ๋ยที่ใช้ใส่มะพร้าวกะทินั้นคุณจิตติบอกว่าเน้นเป็นแม่ปุ๋ยเช่นไนโตรเจนก็ใส่แอมโมเนียมซัลเฟต, ฟอสฟอรัสใส่ร็อคฟอสเฟตที่เป็นหินบด, โปรแทสเซียมใส่โปรแทสเซียมคลอไรน์,แมกนีเซียมใส่แมกนีเซียมซัลเฟต,และโบรอน โดยมีอัตราส่วนคือ 2.5-1-4 นอกจากนั้นแล้วยังใส่ปุ๋ยขี้วัว ขี้ไก่ทุกปี

คุณจิตติ บอกว่า เริ่มมาปลูกมะพร้าวกะทิบนเกาะเมื่อปี 2532 มีขนาดผล 3 ขนาดคือเล็ก กลาง และใหญ่ จำนวนต้นที่ปลูกครั้งแรก 2,150 ต้น อายุการเก็บผลผลิตครั้งแรกถ้าเป็นมะพร้าวเล็กเริ่มเก็บเมื่ออายุ 3 ปีครึ่ง แต่ถ้าเป็นมะพร้าวใหญ่เริ่มเก็บเมื่ออายุ 5-6 ปี นับตั้งแต่เริ่มปลูก

เขาบอกว่า ความจริงธรรมชาติมะพร้าวจะขึ้นได้ดีบริเวณชายทะเล หรือน้ำกร่อย ซึ่งมีความเค็มของโซเดียมคลอไรด์ ดังนั้นการปลูกมะพร้าวนอกเหนือจากพื้นที่ดังกล่าวจึงควรมีการใส่เกลือด้วยเพื่อช่วยในการให้ผลผลิตมีคุณภาพ คุณจิตติบอกว่ามะพร้าวกะทิที่เพาะเลี้ยงบนเกาะแห่งนี้จึงต้องใส่เกลือช่วย เกลือที่นำมาใส่มีปริมาณต้นละ 1 กิโลกรัมใส่ปีละครั้งในช่วงต้นฝน เคยทดลองไม่ใส่เกลือปรากฏว่าเนื้อมะพร้าวจะบางทันที

ควรบริหารจัดการภายในแหล่งปลูกให้ดี

สำหรับโรคแมลงที่พบได้แก่แมลงดำหนามอย่างเดียว แต่ไม่ค่อยพบบ่อย อาจเป็นเพราะมีการดูแลบริหารจัดการภายในพื้นที่อย่างดี โดยจะต้องให้พนักงานคอยตัดหญ้าและวัชพืชหลายอย่างให้หมดต้องให้พื้นที่โล่งเตียนไม่ปล่อยให้สกปรกรกรุงรังอันเป็นบ่อเกิดของสัตว์ต่างๆ เช่นหนู ที่มาคอยกัดกินผลมะพร้าวจนต้องห่อหุ้มพลาสติกหรือแผ่นสังกะสี เพื่อป้องกันไม่ให้หนูปีนขึ้นต้นมะพร้าว อย่างไรก็ตามการเอาใจใส่เช่นนี้ทำให้สวนมะพร้าวแห่งนี้ไม่ใช้สารเคมีใดเลย

พร้อมกับปลูกพืชหลายอย่างแซมคู่กับมะพร้าว ไม่ว่าจะเป็นกล้วย และไม้ผลอื่น ตลอดจนพืชผักสวนครัว ที่น่าสนใจคือปลูกโกโก้พ่อ-แม่พันธุ์ ที่ได้มาจากมาเลเซียไว้หลายต้นซึ่งมีผลออกมากมาย เขาบอกว่าทดลองปลูกดูเพราะได้มาเมื่อคราวเดินทางไปทำธุระที่มาเลเซีย

น้ำถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีส่วนทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น การให้น้ำกับมะพร้าวกะทิบนเกาะแห่งนี้ใช้ระบบมินิสปริงเกอร์มี 3 หัวพ่นและพ่นได้ระยะไกลกว่า 1 เมตร ติดตั้งไว้รอบต้นในตำแหน่งที่โคนต้น เหตุผลที่ใช้วิธีนี้เพื่อต้องการรักษาระดับความชื้นในดินให้อยู่ในเกณฑ์ที่พอเหมาะ ซึ่งจะทำให้ต้นมะพร้าวงอกงามและได้ผลผลิตดี

นอกจากนั้นยังสามารถควบคุมการเกิดวัชพืชได้ เพราะการให้น้ำเฉพาะที่โคนต้น ทำให้พื้นที่ดินบริเวณอื่นไม่เปียก และวัชพืชจึงเกิดได้ยาก อีกทั้งยังช่วยให้ประหยัดค่าแรงงานด้วย สำหรับการปล่อยน้ำจะทำเพียงวันละครั้ง แต่ถ้าเป็นช่วงหน้าแล้งจะเปิดน้ำถี่ขึ้นกว่าเดิม

คุณจิตติ เปิดเผยถึงผลผลิตที่ได้ในช่วงระหว่างปีจะมีปริมาณไม่เท่ากัน ช่วงที่มีมากที่สุดคือฤดูร้อนระหว่างเดือนมีนาคม-มิถุนายน เป็นเวลา 4 เดือน ซึ่งจะให้ผลผลิตเฉลี่ยสัปดาห์ละไม่ต่ำกว่า 1,600 ลูกบางครั้งเกือบ 2,000 ลูก ถ้าเป็นช่วงที่ให้น้อยคือในช่วงหน้าฝนประมาณเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน เป็นเวลา 4 เดือนเช่นกัน

ใช้ทั้งคนและลิงช่วยเก็บ

ส่งขายทุกสัปดาห์

สงสัยจริงว่า วิธีเก็บมะพร้าวที่มีจำนวนมากขนาดนี้ทำได้อย่างไร คุณจิตติเผยว่าถ้าต้นไม่สูงนักจะใช้คนเก็บโดยใช้ไม้สอยหรือปีน ส่วนต้นไหนที่สูงจะใช้ลิงกังเก็บ ซึ่งเป็นลิงที่เลี้ยงมานานมีอยู่หนึ่งตัว ผ่านการฝึกเก็บมะพร้าวมาอย่างชำนาญและสามารถเก็บมะพร้าวได้วันละหลายร้อยลูก และอีกไม่นานจะนำมาช่วยอีกหนึ่งตัวเป็นลิงช่วงวัยรุ่นที่กำลังมีความคล่องตัวเพื่อช่วยตัวเดิมที่มีอายุมากแล้ว

ด้านการตลาด คุณจิตติบอกว่าจะส่งให้กับพ่อค้าแถวตลาดดอนหวายเป็นหลักมีจำนวน 3-4 รายเพราะทำธุรกิจกันมานาน การขายเป็นลักษณะขายส่ง และต้องมีการนัดหมายจุดรับ-ส่งกันทุกครั้ง เพราะปริมาณที่ต้องการแตกต่างกัน บางครั้งทางนี้อาจเดินทางไปส่ง แต่บางครั้งลูกค้าอาจมารับเอง ดังนั้นวิธีนี้ถือเป็นการถ้อยที ถ้อยอาศัยกัน

“มะพร้าวกะทิส่วนมากร้านทำขนมจะสั่งมากกว่า แต่มีบางรายอาจนำไปขายที่ตลาดอตก. ที่ถือว่าเป็นแหล่งจำหน่ายดั้งเดิม”

และบอกถึงราคาจำหน่ายว่ามะพร้าวกะทิทั้งปีจะมีราคาแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณมะพร้าวที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้น กล่าวคือถ้าช่วงที่มะพร้าวดกราคาลูกเล็กประมาณ 15 บาท ขนาดใหญ่ราคาประมาณ 30 บาท แต่ถ้าช่วงผลผลิตน้อยราคาลูกเล็กจะค่อยๆขยับมาจนถึงประมาณลูกละ 20 บาท ส่วนขนาดใหญ่จะค่อยปรับราคามาจนถึงเต็มที่ประมาณ 45 บาท แต่การนำไปขายปลีกจะมีราคาแพงมาก บางแห่งราคาลูกละเป็นร้อยบาท

ท้ายนี้มีวิธีรับประทานมะพร้าวกะทิแบบผ่ารับประทาน ตามแบบคนเฒ่าคนแก่บอกเคล็ดลับว่า ถ้าต้องการให้เนื้อในของ “มะพร้าวกะทิ” ฟู หรือเหนียวแน่น อร่อย ต้องนวดก่อน โดยเอาผลที่ปอกเปลือกแล้วกระแทกกับพื้นปูนเบาๆรอบๆผลให้ทั่ว กะเวลาจนแน่ใจว่าพอแล้วจึงนำผลไปผ่าครึ่ง จะพบว่าเนื้อในฟูเป็นสีขาวคล้ายปุยฝ้าย ใช้ช้อนตักรับประทานได้เลย รสชาติหวานมันหอมอร่อยมาก

สำหรับเกาะมะพร้าวพันธุ์กะทิของอูติพันธุ์พืช ถือเป็นแหล่งพันธุกรรมมะพร้าวกะทิที่มีประโยชน์ในด้านการปรับปรุงพันธุ์แห่งหนึ่งของประเทศมีผืนดินมีของกิน เริ่มต้นแบบนี้อีกแล้ว เพื่อยืนยันอีกครั้ง เพราะดูเถิดไม่ว่าจะร้อนแล้งแห้งผากเพียงใดก็ตาม หรือฝนจะตกน้ำจะท่วม บนแผ่นดินเราก็มีของกิน และผู้คนก็หาวิธีจัดการทำกินได้สารพัด

ช่วงที่เริ่มเข้าฤดูแล้ง โดยเฉพาะภาคเหนือ จะมีดอกไม้สวยขึ้นจากดินเอามาทำกิน ฉันไม่รู้ว่าที่อื่นเรียกว่าอะไร แต่ที่บ้านท่าสองยาง จังหวัดตาก เรียกดอกดิน ดอกดินสีสวยมาก ขาวนวล ก้านดอกจะมีเหลือมีกลิ่นหอมอ่อนด้วย

“ดอกดินเฉยๆ” เขายืนยัน

ในช่วงหน้าแล้งที่แห้งจัดมากๆ ดอกมันจะโผล่ขึ้นมาจากดินจึงเรียกว่าดอกดิน ไม่มีใบ มีแต่ก้านดอกสั้นๆ

“ทำอะไรกินได้บ้าง”

“ได้ทุกอย่างแหละป้า แกงส้ม ต้มจืด ต้มลวกจิ้มน้ำพริก”เย็นต่อมาจึงมีแกงส้มดอกดินกับปลา น้ำแกงน้ำใสๆ แกงส้มของสถานพักพิงบ้านทัศนีย์ แกงรสอ่อนๆ ใส่พริกไม่มากเพราะให้เด็กๆ ได้กินด้วย ปลาสดเอามาทอดก่อนที่จะเอาไปแกง มีรุ่นพี่ทำกับข้าวให้น้องกิน

แนะนำสถานพักพิงบ้านทัศนีย์ก่อนนะคะ เป็นที่พักพิงของเด็กๆ มีเด็กกำพร้า เด็กครอบครัวแตกแยก เด็กที่พ่อแม่ไม่สามารถเลี้ยงดูได้ สถานพักพิงบ้านทัศนีย์ บ้านท่าสองยางอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ติดเขตขายแดนไทยพม่าตอนนี้มีเด็กๆ อยู่ 60 คน ทั้งน้องเล็กหนึ่งขวบถึงสี่ขวบและพี่ๆ วัยรุ่น พวกเขาอยู่กันที่บ้านพักพิง มีแม่คนเดียวกันคือ แม่ทัศนีย์ คีรีประณีต เธอเลี้ยงดูเด็กๆ มานานถึง 26 ปีแล้ว เด็กๆ ทุกคนได้เรียนหนังสือไปตามสภาพ รุ่นโตที่ออกไปจากแล้วเจ็ดคนพวกเขามีงานการทำและกลับมาเยี่ยมน้องๆ

ปีที่แห้งแล้งร้อนจัดมากๆ ไฟไหม้ป่า ตรงที่ไฟไหม้นั่นแหละดอกดินจะขึ้นมา เห็นไหมว่าไฟก็มีประโยชน์ต่อพืชบางอย่าง ดังนั้น จะตั้งหน้าตั้งตารังเกียจไฟได้อย่างไร ไฟมีคุณอนันต์มันอยู่ที่ว่าเราจะจัดการอย่างไรให้พอเหมาะพอดี และต้องแก้ทั้งระบบ ทั้งควันจากไฟไหม้ป่า จากรถรายวดยานบนถนน จากโรงงานอุตสาหกรรม และจากขยะที่ซุกไว้ตามที่ต่างๆ และเกิดการไหม้ นั่นเป็นเรื่องที่ต้องแกไขจัดการกันต่อไป สำหรับเราๆ ชาวบ้านธรรมดาที่ทำได้ตอนนี้ก็คือดูแลเฉพาะส่วนตัว เท่าที่ทำได้โดยไม่ต้องสนใจว่าใครจะทำเริ่มที่ตัวเรา ไม่เผาขยะใดๆ ไม่ใช่รถสวนตัวช่วงนี้ ไม่กินอาหารปิ้งย่าง

กลับมาที่ดอกดินต่อว่าถึงความสวยแล้ว ดอกดินดู บอบบางอ่อนโยน สวยงามไม่แพ้ดอกไม้อื่นใด อีกทั้งเป็นอาหารตามฤดูกาลดอกดินสดจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ แต่เมื่อเอามาแกงกลิ่นจะเปลี่ยนไป ยามกัดกินจะมีกลิ่นขึ้นจมูกนิดๆ แบบสมุนไพรไทยๆ เข้าใจว่าน่าจะอยู่ในกลุ่มตระกูลเดียวกับหัวไพล หัวขิง

ดอกดินจะคู่กับไข่มดแดงด้วย เพราะนอกจากจะมีดอกดินก็จะมีไข่มดแดงซึ่งถือว่าเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารสูงเอามาทำกินได้สารพัก เช่นแกงกับดอกดิน แกงกับผักหวาน ใส่ไข่เจียว แกงใส่วุ้นเส้น

ในระหว่างเดินทางกลับ เส้นทางท่าสองยางไปยังแม่สอด พบดอกดินวางขายข้างถนนตลอดสายบอกน้องคนขับว่า ขอหยุดถ่ายรูปหน่อย

คราวนี้หอบดอกดินกลับเชียงใหม่เลยกินดอกดินที่สถานพักพิงทัศนีย์มาสองมื้อแล้ว มื้อแรกเป็นแกงส้ม มื้อที่สองต้มจืดกับเต้าหู้แบบจืดเพราะเป็นของกินสำหรับเด็กที่นี่เอาเด็กเป็นหลักผู้ใหญ่ก็กินอาหารเด็กไป สำหรับคนกินอาหารรสจัดก็ไม่ค่อยอร่อยถูกปากแต่ดีกับสุขภาพมากในการกินผักกินจืดห้าวันที่อยู่กับเด็กๆ ความดันลดลง

มาถึงที่เชียงใหม่ ถามเพื่อนดูเขาทำแกงดอกดินกันอย่างไร เพื่อนบอกว่าทำแบบเมืองๆ แบบเหนือ ต้องมีมะเขือส้ม และชะอมด้วย

เริ่มจากเอาดอกดินมีล้าง ผ่าเป็นซีก น้ำพริกแกงก็มี พริกแห้งเผ็ดมากน้อยตามแต่ต้องการ หอมกระเทียม เกลือ ตะไคร้ตำให้ละเอียดใส่กะปิลงไป เพื่อนบอกว่าต้องแกงด้วยกระดูกหมูแต่บ้านเรามีพี่น้องมุสลิมด้วยจึงใช้ไก่แทน ใช้ไก่บ้านส่วนเนื้อติดกระดูก น้ำพริกแกงละลายน้ำเอาไก่ลงไปต้มกับน้ำพริกแกงก่อนแล้วจึงเอาดอกดินลงไป ตามด้วยชะอม มะเขือเทศลูกเล็กๆ ปรุงรสด้วยน้ำปลานิดหนึ่ง

กินกับข้าวสวยร้อนๆ เหมาะมาก แถมไข่เจียวอีกจานก็ได้ผศ.ดร.ดำรงค์ คงสวัสดิ์ อาจารย์จากภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี สกัดคลอโรฟิลล์จากใบบัวหลวง หวังเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ให้แก่ใบบัวในอนาคต

คลอโรฟิลล์ สารสีเขียวที่พบในพืชที่มีสีเขียวเป็นส่วนใหญ่และพบมากที่ส่วนของใบนอกจากนี้ยังอาจพบที่ ลำต้น ดอก ผลและรากที่มีสีเขียวนอกจากนี้ยังพบในสาหร่ายทุกชนิดและในแบคทีเรียบางชนิด ในท้องตลาดในปัจจุบันจะพบเห็นคลอโรฟิลล์ทั้งชนิดน้ำและผงออกมาวางขายมากมาย และได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเพราะเชื่อว่าคลอโรฟิลล์ในพืชที่สกัดออกมาวางขายนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกาย จากการวิจัยทางการแพทย์ยืนยันว่า ร่างกายของคนเราสามารถนำเอาสารคลอโรฟิลล์ ไปเป็นสารตั้งต้นในการสร้างเม็ดเลือด เมื่อร่างกายต้องการ โดยเฉพาะในภาวะที่เกิดความบกพร่องในการสร้างเม็ดเลือดแดง เนื่องจากขาดสารอาหารอย่างเช่นในภาวะโลหิตจาง

เนื่องจากในปัจจุบันมีการสกัดคลอโรฟิลล์ออกมาจำหน่ายและโฆษณาถึงสรรคุณมากมาย หากแต่บางครั้งผู้ขายก็ไม่ได้ระบุให้ผู้บริโภคได้ทราบแน่ชัดว่า คลอโรฟิลล์ที่สกัดออกมาวางขายในท้องตลาดเป็นคลอโรฟิลล์ที่สกัดจากพืชชนิดใด ทำให้บางครั้งอาจเกิดความคลางแคลงใจและความเชื่อถือลดน้อยลง นั่นจึงทำให้ ผศ.ดร.ดำรงค์ ได้เล็งเห็นถึง ประโยชน์ของพืชที่มีอยู่มากมายในประเทศไทยซึ่งก็คือใบบัว และเกิดการวิจัยและคิดค้นจนสามารถสกัดคลอโรฟิลล์จากใบบัวได้เป็นผลสำเร็จ โดยการนำเอาใบบัวหลวงมาสกัดด้วยการหมักแช่ใบบัวหลวงด้วย methanol และpetroleum ether จนได้สารสกัดออกมาจากนั้นนำไปศึกษาและทดลองจนเกิดกระบวนการผลิตเป็นคลอโรฟิลล์ชนิดผงต่อไป

ทั้งนี้ จุดมุ่งหมายสำคัญในการวิจัยการสกัดคลอโรฟิลล์จากใบบัวหลวงนั้นผู้วิจัยกล่าวว่าเพื่อใช้ประโยชน์จากพืชที่มรมากมายและหาได้ง่าย อย่างใบบัวหลวง เพื่อเพิ่มมูลค่าให้ได้มากที่สุด ส่วนกรรมวิธีทางการผลิตที่คิดค้นขึ้นผู้วิจัยฝากบอกว่า หากมีผู้สนใจกระบวนการผลิตอย่างจริงจัง สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดที่ผู้วิจัยโดยตรง ที่หมายเลขโทรศัพท์ 087-562-6343

โรงเรียนบ้านทัพ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต 6 เห็นความสำคัญของวัฒนธรรมของชุมชนเล็กๆ หลังขุนเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย คือ ดอยอินทนนท์ ในเรื่องของการทอผ้าตีนจก จึงได้นำมาถ่ายทอดให้นักเรียนได้เรียนรู้วัตนธรรมอันคุณค่าเชิงศิลปะ ของชุมชนให้นักเรียนได้เรียนรู้ เนื่องจากเป็นวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าที่ควรอนุรักษ์ไว้ตลอดไป

โรงเรียนบ้านทัพ จึงเป็นส่วนหนึ่งของการสืบสาน ให้แก่เยาวชน การถ่ายทอดภูมิปัญญาจากคนรุ่นเก่าสู่คนรุ่นใหม่ ถือว่าเป็น หน้าที่ที่สำคัญของการศึกษาที่มีต่อสังคม

เพื่อให้นักเรียนมีความรู้และทัศนคติที่ดีต่อการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น พร้อมให้นักเรียนมีพื้นฐานการงานอาชีพและการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ รวมทั้งพัฒนาอาชีพในท้องถิ่น จนปัจจุบันโรงเรียนบ้านทัพ เป็นโรงเรียนนำร่องที่จัดให้มีการเรียนการสอนในหลักสูตรท้องถิ่น เรื่อง “การทอผ้าตีนจก”ในโรงเรียน โดยมีวิทยากรภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญ

1.กี่ คืออุปกรณ์หลักที่สำคัญของการทอผ้า มีลักษณะเป็นโครงไม้ที่ใช้ขึงเส้นฝ้ายในการทอผ้าและเป็นที่นั่งสำหรับผู้ทอ

2.กระสวย ใช้สำหรับใส่หลอดด้ายซึ่ง นำไปเป็นเส้นพุ่งขวางกับเส้นยืน 3.ฟืม เป็นอุปกรณ์ที่ใช้จัดเรียงเส้นด้ายในแนวยืนและใช้เป็นเครื่องมือในการกระแทกให้เส้นฝ้ายพุ่งยึดติดแน่นเป็นเนื้อเดียวกัน จะติดอยู่กับส่วนที่เรียกว่า ขอบฟืม ซึ่งติดอยู่กับกี่ทอผ้า ฟืมจะมีหลายขนาด เรียกขนาดของฟืมว่า หลบ (1 หลบ มี 4 อ่าน)

4.พะขอ ใช้สำหรับจัดเรียงเส้นด้าย (ฮ้วน) ให้ได้ความกว้างยาวตามต้องการ นอกจากนี้ยังช่วยในการจัดเรียงสีและลายผ้า

5.บะกวัก เป็นอุปกรณ์ที่ใช้กรอเส้นฝ้ายก่อนนำไปฮ้วน หรือพันใส่หลอด หรือ พะขอ

6.อีด ใช้หนีบเอาเมล็ดฝ้ายออก 7.สะลุ่ม เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการรองรับปุยฝ้ายที่เกิดจากการยิงฝ้าย

8.ขนหมู ใช้ในการหวีเส้นฝ้ายที่ขึงในกี่ (หูก) ให้เรียงอย่างเป็นระเบียบ ง่ายต่อการทอ และทำให้ผืนผ้าเรียบ สวยงาม

กระบวนการทอผ้าตีนจกแม่แจ่ม

1.นำดอกฝ้ายมาตากให้แห้ง

2.ดอกฝ้ายที่ตากแห้งแล้ว นำไปอีดเพื่อให้เกิดฟองปุยฝ้าย โดยใช้สลุ่น-ธนูยิงปุยฝ้าย

3.นำฟองปุยฝ้ายไปทำหะหรูหรี เพื่อนำไปปั่น

4.ปั่นฝ้ายให้เป็นเส้นด้ายโดยใช้เผี่ยน

5.นำเส้นด้ายที่ปั่นได้ไปย้อมสีตามใจชอบและผสมน้ำข้าว

6.นำเส้นดายที่ย้อมแล้วไปฮ้วนเพื่อให้เส้นด้ายเป็นระเบียบ โดยใช้กวงและพะขอ เสร็จแล้วนำไปสืบบนกี่

7.ใช้เส้นด้ายเป็นเส้นยืน เพื่อที่จะกระสวยและเหล็กแหลม (ขนเม่น) สอดจกให้เกิดลวดลายที่สวยงาม เป็นลายจกต่างๆ ที่เกิดจากจินตนาการของผู้ทอผสมผสานกับศิลปวัฒนธรรมในท้องถิ่น ทอให้ได้ความยาว ตามความต้องการแล้วนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน 3.นำด้ายเส้นยืนมาสืบต่อ กับตอด้ายเดิม ที่ฟืมบนกี่สืบต่อครบทุกเส้น

4.เริ่มทอจกโดยทอทึบไว้ประมาณ 1 นิ้วจกลวดลายตามแม่แบบที่จะจก

5.ใช้ขนเม่นหรือเหล็กแหลมควักเส้นด้ายสอดเว้นไปมา ตามลวดลายและทอจากด้านหลังคว่ำลายลง การเก็บเส้นด้ายแน่น เรียบทอไปจนเสร็จ ผืนยาวประมาณ 1.70-1.80 เมตร หรือตามความต้องการในท้องตลาดหรือผู้ที่สั่งซื้อ

ผลงานของโรงเรียน ที่ผ่านมาทางโรงเรียน เป็นตัวแทนสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต 6 นำเสนอผลงานโรงเรียนนำร่องเพื่อส่งเสริมการจัดการศึกษาด้านอาชีพสำหรับเด็กด้อยโอกาสบนพื้นที่สูงและถิ่นทุรกันดาร พร้อมทั้งแสดงผลงาน ผ้าตีนจก งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระดับชาติ รวมทั้งรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 การประกวดแข่งขันทอผ้าและจกหน้าหมอน งานเทศกาลผ้าซิ่นตีนจก ครั้งที่ 18 ประจำปี 2554

วันนี้ (29 พฤศจิกายน 2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีการเปิดรับซื้ออ้อยประจำฤดูการผลิตปี 2561/2562 โดยมีการประกาศราคาขั้นต้นที่ 700 บาทต่อตัน สืบเนื่องมาจากน้ำตาลในระบบของตลาดทั่วโลกมีมากเกินความต้องการ หลังจากผลผลิตน้ำตาลในหลายประเทศซึ่งเป็นคู่แข่งในการส่งออกน้ำตาลมีผลผลิตเพิ่มมากขึ้น เพราะสภาพอากาศเอื้ออำนวย ทำให้เกษตรกรหลายรายเริ่มบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าราคาที่ได้ต่ำกว่าราคาที่ควรจะเป็น

จากการลงพื้นที่สอบถามนางสมควร แก้วประกาย เกษตรกรผู้ปลูกอ้อย ในตำบลโคกกระเบื้อง อำเภอบ้านเหลื่อม จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ทันทีที่โรงงานเปิดรับซื้ออ้อยก็ได้ว่าจ้างให้คนมาทำการตัดอ้อยเพื่อส่งโรงงานทันที เพราะกลัวจะตัดส่งโรงงานก่อนปิดหีบอ้อยไม่ทันจนต้องมีผลผลิตตกค้างเป็นจำนวนมาก ส่วนในด้านราคาอ้อยที่มีการประกาศล่าสุดนั้น ถือว่าลดลงกว่าปีที่แล้วค่อนข้างมาก เมื่อรวมค่าความหวานและค่าเงินช่วยเหลือต่างๆ แล้วจะได้ราคาตันละไม่ถึงหนึ่งพันบาท ซึ่งไม่คุ้มค่ากับการลงทุน เนื่องจากในการลงทุนปลูกอ้อยจะมีทั้งค่าพันธุ์ ค่าปุ๋ย ค่าแรงงานในการตัด ค่าขนย้ายส่งโรงงาน

อยากวอนไปยังหน่วยงานภาครัฐให้หามาตรการในการช่วยแก้ปัญหาราคาอ้อยตกต่ำอย่างเร่งด่วนด้วย หลังจากนี้อาจจะมีการปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นๆหมุนเวียนเพิ่มเติม เพราะไม่มั่นใจราคาการรับซื้ออ้อยในปีหน้าว่าจะลดลงมากกว่านี้อีกหรือไม่

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่ม 9 จังหวัดภาคใต้ ตกหนักร้อยละ 70 เผยภาคเหนือหนาวถึงหนาวจัด ยอดดอยมีเหมยขาบ ให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลสุขภาพด้วย กรุงเทพฯวันนี้มีเมฆมาก อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศาเซลเซียส
กรมอุตุฯ / เมื่อวันที่ 29 พ.ย. กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนืออากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีอากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก

บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดกับมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงด้วย สำหรับภาคใต้มีฝนตกต่อเนื่องกับมีฝนตกหนักบางแห่ง

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้เริ่มมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ยังคงทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า ส่วนบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด กับมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้เริ่มมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ภาคใต้มีฝนตกต่อเนื่อง กับมีฝนตกหนักบางแห่ง

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06.00 น.ของวันนี้ ถึงเวลา 06.00 น.ของวันที่ 30 พ.ย.นี้ ภาคเหนือ อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 13-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด กับมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 2-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีอากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร