นอกจากนี้ พืชสมุนไพรที่ปลูกยังสามารถนำไปขายเพิ่มรายได้

อีกทางหนึ่งด้วยเมื่อเก็บเกี่ยวพืชผักแล้ว ต้องรีบทำความสะอาดแปลง เศษพืชที่เป็นโรคให้รีบทำลายนอกพื้นที่ปลูก ส่วนที่ไม่เป็นโรคก็สามารถนำมาทำปุ๋ยต่อไปได้ กลุ่มจะใช้ทรัพยากรในแปลงให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Zero waste)

ปัจจุบัน กลุ่มฯ มีการผลิตพืชผักกว่า 20 ชนิด เป็นการปลูกแบบหมุนเวียนกันไป ได้แก่ ตะไคร้ ข่า พริก คะน้า ผักชีฝรั่ง กวางตุ้ง กล้วย โหระพา ถั่วพู ผักบุ้งจัน ผักสลัด ฝรั่ง เป็นต้น โดยวิธีการปลูกนั้นจะเน้นการปลูกแบบยกร่องรอบแปลงเพื่อกักน้ำและป้องกันน้ำที่ปนเปื้อนสารเคมี โดยรูปแบบแปลงจะวางแนวไปตามตะวัน เนื่องจากพืชใช้แสงแดดในการปรุงอาหารและช่วยฆ่าเชื้อโรคไปในตัว

ความสำเร็จของกลุ่มเกิดจากความมุ่งมั่นตั้งใจและเสียสละของสมาชิก ทั้งยังเป็นเครือข่ายของสามพรานโมเดลจึงมีการประชุมกลุ่มทุกเดือนอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเครือข่ายสามพรานโมเดลได้นำระบบการรับรองเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม พีจีเอส กับกลุ่มผู้ผลิตในเครือข่าย เป็นการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์รูปแบบหนึ่ง รับรองเกษตรกรที่เป็นสมาชิกของกลุ่มโดยองค์กรผู้ผลิตเอง

แต่ในบางกรณี ก็อาจเป็นการดำเนินการของผู้ซื้อผลผลิตจากเกษตรกร แต่ไม่ใช่เป็นการตรวจรับรองโดยหน่วยงานอิสระ โดยระบบชุมชนรับรองนี้จะให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของเกษตรกรในระบบ การประชุมกลุ่มอย่างต่อเนื่องทุกเดือน ทำให้สมาชิกได้แบ่งปันความรู้และเมื่อเกิดปัญหาก็จะมาร่วมกันแก้ไข

จากตัวเมืองตรังถึงอำเภอปะเหลียน ระยะทางราว 40 กว่ากิโลเมตร ระยะทางประมาณนี้ไม่ถือว่าไกลสำหรับการเดินทางในต่างจังหวัด ยิ่งเมื่อลัดเลาะลึกเข้าไปตามตำบลและหมู่บ้าน ห่างไกลจากถนนสายหลักด้วยแล้ว ความสดชื่นร่มรื่นที่ได้จากต้นไม้ระหว่างทางยิ่งเพิ่มพูนเข้าสู่ร่างกายไม่น้อยเลยทีเดียว แม้ว่าต้นไม้ส่วนใหญ่ที่เห็นได้ในภาคใต้เป็นสวนปาล์มและสวนยางพารา แต่ก็สร้างความจำเริญใจได้เป็นอย่างดี

ด้วยสภาพของพื้นที่ตำบลปะเหลียน เป็นภูมิประเทศที่ราบสลับกับเทือกเขาบรรทัด และลาดลงมาทางทิศตะวันตก จึงก่อให้เกิดน้ำตกขึ้นในพื้นที่ตำบลปะเหลียนหลาย ทั้งยังมีกลุ่มเขาเล็กๆ ตั้งสลับหว่างตลอดพื้นที่ ตลอดระยะทางกว่า 40 กิโลเมตร จึงเป็นการเดินทางที่ผ่อนคลายมากที่สุดในรอบสัปดาห์

จุดหมายปลายทางอยู่ที่ไร่วังน้ำค้าง หมู่ 11 ตำบลปะเหลียน อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ห่างจากบริเวณทางเข้าน้ำตกน้ำพ่าน ราว 5-6 กิโลเมตร ไร่วังน้ำค้างแห่งนี้ถูกโอบล้อมไปด้วยเขาเล็กๆ พอเรียกได้ว่า ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา อุณหภูมิบริเวณไร่จึงต่ำกว่าด้านนอก พื้นที่ทั้งหมด 150 ไร่ ครึ่งหนึ่งของพื้นที่ทั้งหมดปลูกส้มโชกุน ซึ่งมีถิ่นกำเนินอยู่ที่จังหวัดยะลา การเจริญเติบโตและลักษณะต้นคล้ายกับส้มเขียวหวาน ส่วนพื้นที่อีกครึ่งที่เหลือ เจ้าของไร่วังน้ำค้าง ปลูกไม้ผลอื่นอีก คือ ทุเรียน มังคุด และเงาะ

ไร่วังน้ำค้าง มีคุณอดิเรก คงวิทยา วัย 49 ปี เป็นเจ้าของ พืชที่ปลูกโดยรอบของไร่วังน้ำค้าง ส่วนใหญ่เป็นปาล์มและยางพารา หากจะเป็นพืชอื่นก็อยู่ในกลุ่มพืชไร่ที่ไม่ใช่ไม้ผล ดังนั้น บริเวณนี้มีเพียงไร่วังน้ำค้างแห่งเดียวที่ปลูกไม้ผลยืนต้นไว้รับประทานและจำหน่ายในเชิงพาณิชย์

คุณอดิเรก เป็นชาวจังหวัดตรังโดยกำเนิด ด้วยพื้นเพเป็นชาวใต้ การปลูกยางพาราก็เป็นสิ่งที่เห็นมาตลอดตั้งแต่เด็ก เมื่อเติบโตขึ้นมีที่ดินพอทำกิน จึงปลูกยางพาราเช่นเดียวกับเพื่อนบ้าน เมื่อมุมมองด้านการตลาดกว้าง จึงเล็งเห็นราคาผลผลิตที่สูงอย่างต่อเนื่องในตลาดผลไม้ จึงเปลี่ยนแนวคิดนำทุเรียนสายพันธุ์ดีจากจังหวัดจันทบุรีมาปลูก เริ่มต้นจากจำนวน 800 ต้น แต่เพราะไม่มีพื้นฐานความรู้ในการปลูกไม้ผล ทำให้ 8 ปีแรกไม่ได้ผลผลิต เมื่อศึกษาการปลูกทุเรียนอย่างจริงจัง กระทั่งได้ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจ วางขายในตลาดเมืองตรังได้ราคาดี แต่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนเป็นกระแสรักษ์สุขภาพ ปริมาณการบริโภคทุเรียนลดลง เมื่อคำนวนต้นทุนการผลิตแล้ว คุณอดิเรกเห็นว่าไม่คุ้ม จึงตัดสินใจเลิกปลูกจำหน่ายเชิงพาณิชย์

คุณอดิเรก ทิ้งช่วงการศึกษาหาพืชที่เหมาะสมกับตลาดและพื้นที่นานเกือบ 2 ปี ท้ายที่สุดมาสรุปที่ส้มโชกุน เพราะราคาขายตามท้องตลาดสูง เกษตรกรผู้ปลูกส้มโชกุนก็มีจำนวนไม่มาก ผลผลิตมีตลอดปี ราคาขายไม่ผันผวนตามตลาดมากนัก อีกทั้งส้มยังเป็นผลไม้ที่คนรักสุขภาพกินได้ และใช้ได้ในทุกเทศกาล

“ผมซื้อกิ่งตอนต้นส้มโชกุนมาจากอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ครั้งแรกจำนวน 800 ต้น ลงปลูกในเนื้อที่ 12 ไร่ ปลูกไป 5 ปีแรก ส้มก็ออกดอก มั่นใจว่าได้ผลแน่นอน แต่ผิดคาด ถูกเพลี้ยทำลายหมด เป็นประสบการณ์ที่ต้องศึกษาให้ดีก่อนจะปลูกอะไร สุดท้ายก็ฝ่าฟันมา ได้ผลผลิตนำไปขายได้ในปีที่ 7 เข้าปีที่ 8 ของการปลูกทีเดียว”

โชคดีที่คุณอดิเรกมีแผงค้าผลไม้ในตลาดเมืองตรังเป็นของตนเอง จึงไม่ต้องพึ่งพาฝากขาย หรือรอให้พ่อค้าแม่ค้ารับซื้อมากดราคาถึงสวน เมื่อได้ผลผลิตจึงนำไปวางขายที่แผง แรกๆ ยังไม่ติดตลาด เพราะมือใหม่ยังดูแลผิวส้มไม่ดี ผิวจึงไม่สวย ขณะที่ส้มสายน้ำผึ้งกำลังเป็นที่นิยม ผิวสวย มันวาว กว่าจะทำให้ติดตลาดได้ใช้เวลาเกือบ 2 ปีทีเดียว

จากขายหน้าแผงของตนเอง ก็มีแม่ค้ามารับซื้อถึงสวน ให้ราคาสูงเป็นที่น่าพอใจ จนถึงปัจจุบัน ไม่ต้องพึ่งพ่อค้าแม่ค้าคนกลาง เพราะส่งผู้ค้ารายใหญ่ที่รับไปจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าเท่านั้น

การปลูกและการดูแล

คุณอดิเรก ปลูกส้มโชกุน 2 แบบ คือ 1.ระยะห่างระหว่างต้น 6 เมตร ระยะห่างระหว่างแถว 4 เมตร และ 2.ระยะห่างระหว่างต้น 5 เมตร ระยะห่างระหว่างแถว 5 เมตร

แบบที่ 1 เป็นแปลงส้มโชกุนชนิดเดียว ไม่มีไม้ผลอื่นปะปน ส่วนแบบที่ 2 เป็นการปลูกส้มโชกุนในแปลงเงาะ ซึ่งระยะห่างระหว่างต้นและแถวของต้นเงาะอยู่ที่ 10X10 เมตร จึงจำเป็นต้องปลูกระยะห่างน้อยเกินไป โดยข้อเสียของการปลูกแบบที่ 2 คือ ต้นชิดกันเกินไป แต่มีวิธีแก้ไข โดยการแต่งกิ่งให้เล็กลงและสูงขึ้น แต่ปัญหาที่ตามมา คือ ต้องใช้แรงงานเก็บส้มที่อยู่สูง และการแต่งกิ่งสูง

ถึงตอนนี้ คุณอดิเรก เรียนรู้เกี่ยวกับส้มโชกุนไว้มาก จึงตอนกิ่งส้มโชกุนเอง แต่ไม่จำหน่าย ยกเว้นเกษตรกรที่สนใจจริงมาขอไปปลูกก็จะให้ ไม่คิดค่าใช้จ่าย

คุณอดิเรก อธบายถึงการปลูกว่า ก่อนปลูก ให้ขุดหลุมลึก 50 เซนติเมตร ปากหลุมกว้าง 50 เซนติเมตร วางกิ่งตอนลงหลุม แล้วนำปุ๋ยคอกคลุกเคล้ากับดินที่ขุดขึ้นมา กลบลงไปในหลุม ไม่ต้องอัดดินแน่น ไม่ต้องรดน้ำ เพราะลงปลูกในเดือนพฤษภาคม ซึ่งตรงกับฤดูฝน ส้มจะได้น้ำจากน้ำฝนในฤดูพอดี ซึ่งเป็นความโชคดีที่ดินบริเวณไร่วังน้ำค้างเป็นดินเหนียว สภาพของดินเหมาะสำหรับปลูกส้ม หากปลูกส้มที่ดินร่วมปนทราย จะทำให้ส้มมีรสชาติเปรี้ยวมากกว่าหวาน

“ปกติที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ต้นกำเนิดของส้มโชกุน สภาพดินเป็นดินเหนียว ด้วยสภาพดินที่อำเภอปะเหลียนเป็นดินเหนียวเหมือนกัน สภาพอากาศเหมือนกัน มีความชื้นสูง ตอนกลางคืนอุณหภูมิต่ำ ฤดูร้อนจะร้อนไม่มาก ทำให้ปลูกส้มได้ผลดี”

การให้น้ำส้ม นับตั้งแต่ลงปลูกจะงดให้น้ำจนกว่าจะเข้าฤดูร้อน ในช่วงเดือนมกราคม หรือ เดือนกุมภาพันธ์ หรือเมื่อส้มมีอายุประมาณ 8-9 เดือน เพราะดินที่ได้จากน้ำฝนจะอุ้มน้ำไว้และเก็บความชื้นได้นาน เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน ดินค่อนข้างแล้ง ให้รดน้ำโดยการเปิดสปริงเกลอร์ ประมาณ 20 นาที จากนั้นเว้นระยะ 5 วัน แล้วให้น้ำในปริมาณเท่าเดิมใหม่ ทำอย่างนี้กระทั่งเข้าฤดูฝน จึงหยุดให้น้ำ

สำหรับปุ๋ยนั้น คุณอดิเรก คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภค พยายามทำให้ส้มโชกุนของไร่วังน้ำค้างปลอดสารเคมีมากที่สุด โดยให้ปุ๋ยคอกในช่วงที่ฝนเริ่มตก โรยรอบต้น ไม่ต้องพรวนดิน และให้ครั้งเดียวต่อปี ส่วนปุ๋ยเคมีให้เฉพาะช่วงที่ต้องการให้ต้นสมบูรณ์ คือ ระหว่างที่ส้มมีอายุ 1-3 ปีแรก ควรให้ปุ๋ยเคมี ทุก 3-4 เดือน เมื่อต้นมีสภาพสมบูรณ์แล้ว ก็ให้เฉพาะปุ๋ยคอกเพียงอย่างเดียว

“ช่วงที่ส้มเริ่มติดผลจะงดให้ปุ๋ย แต่ถ้าพบว่ามีโรคและแมลงกวน ต้องฉีดสารเคมีฆ่าแมลง โดยให้หลังจากติดดอกบานแล้ว 1 ครั้ง และเมื่อผลส้มขนาดเท่าผลมะนาวอีก 1 ครั้งเท่านั้น เพื่อให้สารเคมีตกค้างหมดไปก่อนเก็บเกี่ยวผลผลิตไปขาย”

การแต่งกิ่ง ควรเริ่มเมื่อส้มเริ่มแตกยอดอ่อนแรก เพื่อให้ส้มได้รับธาตุอาหารอย่างทั่วถึง ไม่แย่งอาหารกัน นอกจากแต่งกิ่งด้านนอกของต้นแล้ว ควรแต่งกิ่งด้านในของต้นด้วย เพื่อให้อากาศและแสงผ่านเข้าถึงต้นด้านใน ป้องกันโรคและแมลงที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งการแต่งกิ่งด้านในให้อากาศและแสงผ่านเข้ากลางลำต้น ช่วยได้มาก โดยคุณอดิเรก บอกว่า การแต่งกิ่งด้านใน ช่วยลดปัญหาโรคและแมลงได้มาก ซึ่งตั้งแตปลูกส้มมาเป็นเวลากว่า 10 ปี ยังไม่ประสบปัญหาโรคและแมลงแม้แต่ครั้งเดียว

แต่สิ่งหนึ่งที่ถือว่ามีส่วนช่วยลดปัญหาโรคและแมลง นอกจากการตัดแต่งกิ่งแล้ว คุณอดิเรก ยังนำภูมิปัญญาชาวบ้านมาใช้ เพื่อกัดแมลงวันทองตัวผู้ คือ การนำขวดน้ำพลาสติกที่ไม่ใช้แล้ว เจาะรูขนาดพอให้แมลงวันทองบินเข้าไปได้ นำสำลีชุดยาฆ่าแมลงติดไว้บริเวณปากขวด ส่วนกลางขวดห้อยสารล่อแมลงวันทองตัวผู้ จะทำให้แมลงวันทองตัวผู้เข้าไปติดกับภายในขวดตาย และเมื่อไม่มีแมลงวันทองตัวผู้ การวางไข่ของแมลงวันทองตัวเมียก็จะไม่เกิดประโยชน์ ซึ่งภูมิปัญญาชาวบ้านเช่นนี้ ควรแขวนไว้ระยะห่างแต่ละชิ้น 20 เมตร หากใกล้ไป อาจทำให้แมลวันทองบินเข้าไปในขวดไม่ถูก และควรเปลี่ยนสำลีชุบยาแมลง รวมทั้งสารล่อแมลงวันทองตัวผู้ทุกๆ 45 วัน ส่วนผีเสื้อ ซึ่งเป็นแมลงศัตรูพืชอีกชนิด ใช้แรงงานคนจับ เพราะผีเสื้อจะมีจำนวนมากเฉพาะช่วงที่ผลไม้สุก และจับเฉพาะเวลากลางคืน เท่านั้น

คุณอดิเรก แนะนำว่า ส้มโชกุนที่ดี ต้องมีรสชาติหวานนำเปรี้ยวตาม ผลส้มโชกุนจะทรงแป้น หากสุกได้ที่บริเวณก้นจะบุ๋ม รสชาติจะหวานนำเปรี้ยวตาม ผลผลิตที่ได้ต่อรุ่นอยู่ที่ 80 กิโลกรัมต่อต้น คุณอดิเรก มีคนงานคัดแยกขนาดส้มโดยใช้เครื่อง บรรจุส้มที่ได้ขนาดไว้ให้ลูกค้าประจำมารับไป วางจำหน่ายขึ้นห้างสรรพสินค้าชื่อดังในกรุงเทพฯ บางส่วนที่ไม่ได้ขนาด คุณอดิเรกจะนำไปวางขายหน้าร้านในตัวเมืองตรัง ในราคากิโลกรัมละ 150 บาท

ส้มโชกุนขึ้นชื่อของจังหวัดตรัง ก็เห็นจะมีที่ไร่วังน้ำค้าง ของคุณอดิเรก เพียงท่านเดียว สวนส้มโชกุนแห่งนี้ เปิดกว้างให้ผู้สนใจเยี่ยมชมและศึกษา ติดต่อได้ที่ คุณอดิเรก คงวิทยา ไร่วังน้ำค้าง หมู่ 11 ตำบลปะเหลียน อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง หรือโทรศัพท์ 087-271-5052

สวนกล้วยในช่วงที่มีฝนตกบางพื้นที่ระยะนี้ กรมวิชาการเกษตร แนะเกษตรกรปลูกกล้วยให้สังเกตอาการของโรคใบจุดซิกาโตกาสีเหลือง มักพบอาการของโรคในระยะการเจริญเติบโตทางลำต้น เริ่มแรกพบจุดเล็กสีเหลือง ต่อมาแผลขีดสีเหลืองยาวขนานไปตามเส้นใบขยายใหญ่ ตรงกลางแผลแห้งเป็นสีน้ำตาลปนเทา แผลคล้ายรูปตา มีวงสีเหลืองล้อมรอบ หากอาการรุนแรง ใบจะเหลือง ขอบใบแห้งและฉีกขาด ทำให้กล้วยมีการเจริญเติบโตไม่เต็มที่ การออกดอกและผลไม่ปกติ ผลเล็กไม่สมบูรณ์ และผลแก่ก่อนกำหนด

สำหรับแนวทางในการป้องกันกำจัด ให้เกษตรกรหมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ หากพบใบกล้วยมีอาการของโรค ให้รีบตัดใบที่เป็นโรคนำออกไปทำลายนอกแปลงปลูก และตัดแต่งใบกล้วยในแต่ละต้นหรือแต่ละกอไม่ให้แน่นเกินไป เพื่อลดความชื้นในกอกล้วยที่จะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหรือสะสมโรค จากนั้นให้พ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืชโพรคลอราซ 50% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 30 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารทีบูโคนาโซล 43% เอสซี อัตรา 30 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารไดฟีโนโคนาโซล 25% อีซี อัตรา 30 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารแมนโคเซบ 80% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 30 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร โดยพ่นให้ทั่วต้นที่เป็นโรค

นอกจากนี้ หากเกษตรกรต้องการปลูกกล้วยในพื้นที่ใหม่ หลีกเลี่ยงการปลูกในพื้นที่ที่เคยมีการระบาดของโรคนี้มาก่อน และไม่นำหน่อพันธุ์จากต้นตอที่เป็นโรคไปปลูก ให้เลือกใช้หน่อกล้วยที่มีคุณภาพดีจากแหล่งปลอดโรค และควรทำความสะอาดอุปกรณ์การเกษตรที่ใช้กับต้นที่เป็นโรคก่อนนำกลับมาใช้ใหม่

คุณเดี่ยว หรือ “ว่าที่ ร.ต. พิทักษ์ พึ่งพเดช” เกษตรกรรุ่นใหม่ไฟแรงที่ประสบความสำเร็จในเส้นทางอาชีพเกษตรกรรม โดยเริ่มต้นจากนำที่ดินมรดกมาปรับปรุงเป็นสวนมะพร้าวอินทรีย์ ปลูกเอง พัฒนาตลาดเอง เน้นความสด “ปอกปุ๊บดื่มปั๊บ” เน้นขายสินค้าผ่านสื่อออนไลน์ ภายใต้แบรนด์ “เดี่ยว บ้านแพ้ว” กลายเป็นที่รู้จักจดจำของลูกค้า สินค้าเด่น คุณภาพดี ขายเป็น ก็เห็นกำไร โดยไม่ต้องพึ่งพาพ่อค้าคนกลางเหมือนในอดีต

เวลาที่คุณเดี่ยวนำสินค้าออกขายงานอีเว้นต์ในแต่ละครั้ง ลูกค้าเข้าคิวยาวเหยียด ขายดิบขายดีจนสินค้าขายหมดในระยะเวลาอันรวดเร็ว จนขึ้นชื่อ “เดี่ยว บ้านแพ้ว” มะพร้าวอินทรีย์ของดีเมืองสมุทรสาครไปแล้ว ส่งผลให้ คุณเดี่ยว บ้านแพ้ว กลายเป็นเกษตรกรต้นแบบ ที่สร้างแรงจูงใจให้หนุ่มสาววัยทำงานหลายๆ คน อยากหวนคืนบ้านเกิด เพื่อไปพลิกฟื้นผืนดินให้เป็นแหล่งทำมาหากินเลี้ยงดูครอบครัวเช่นเดียวกับ “เดี่ยว บ้านแพ้ว” เกษตรกรไอดอลคนดัง

ปัจจุบัน คุณเดี่ยว หรือ “ว่าที่ ร.ต. พิทักษ์ พึ่งพเดช” อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 78/1 หมู่ที่ 6 ซอย 1 ถนนยกกระบัตร-หลักสี่ ตำบลยกกระบัตร อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร คุณเดี่ยวเล่าให้ฟังว่า เขาเป็นลูกหลานชาวสวนผลไม้ในอำเภอบ้านแพ้ว พ่อแม่ทำสวนมะพร้าวใหญ่สำหรับทำน้ำตาลมะพร้าว เมื่อต้นมะพร้าวมีอายุมาก ลำต้นมีความสูงมากขึ้นปีนเก็บน้ำตาลมะพร้าวไม่ไหว ก็เปลี่ยนมาปลูกพุทรา ซึ่งใช้สารเคมีเยอะมาก ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ จึงตั้งใจเปลี่ยนวิถีการปลูกมาทำสวนเกษตรอินทรีย์ ที่ไม่ใช้สารเคมี

ช่วงนั้นคุณเดี่ยวมีโอกาสเข้าร่วมโครงการอบรมความรู้เรื่องการทำเกษตรให้แก่ลูกหลานเกษตรกรรุ่นใหม่ จัดโดยกรมส่งเสริมการเกษตร โดยปัจจุบัน คุณเดี่ยวได้รับการคัดเลือกให้เป็นประธานกลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ หรือสมาร์ทฟาร์มเมอร์ (YSF-Samutsakhon) ประกอบกับคุณเดี่ยวเรียนจบด้านเกษตร จาก วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีราชบุรี คุณเดี่ยวจึงนำความรู้จากการอบรมมาใช้พัฒนาอาชีพครอบครัว เปลี่ยนจากสวนพุทรามาเป็นสวนมะพร้าวน้ำหอมอินทรีย์

“ก่อนหน้านี้ พ่อแม่ผมก็เคยปลูกมะพร้าวน้ำหอมไว้ริมตลิ่ง ประมาณ 40-50 ต้น เพื่อป้องกันการพังทลายของหน้าดิน ต้นมะพร้าวน้ำหอมที่ปลูกไม่เคยใช้ปุ๋ยเคมี แต่ให้ผลผลิตที่ดี ผมจึงใช้จุดนี้มาใช้ปรับปรุงสวน เป็นสวนมะพร้าวน้ำหอม โดยเริ่มจากปลูกมะพร้าวน้ำหอม แซมระหว่างต้นพุทรา โดยลดการใช้สารเคมีให้น้อยลง สลับกับใช้น้ำหมักสมุนไพร และผสมฮอร์โมนใช้เอง วิธีนี้ช่วยให้ผมมีรายได้หมุนเวียนระหว่างที่รอให้ต้นมะพร้าวโต และเริ่มให้ผลผลิตในปีที่ 3” คุณเดี่ยว กล่าว

ต่อมา คุณเดี่ยว มีโอกาสนำสินค้ามะพร้าวน้ำหอมไปวางขายตลาดสีเขียวของกรมส่งเสริมการเกษตร ที่บางเขน ครั้งแรก คุณเดี่ยวนำมะพร้าวน้ำหอมผลสดไปขาย 500 ลูก แต่ขายไม่หมด เพราะสินค้ายังไม่เป็นที่รู้จัก ช่วงนั้นก็มีเกษตรกรนำมะพร้าวน้ำหอมมาวางขายหลายราย เขาต้องใช้ความอดทนในการพัฒนาตลาด ค่อยๆ ประชาสัมพันธ์สินค้าให้เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค

“หากลูกค้ารายใด มีโอกาสทดลองชิมรสชาติ จะต้องติดใจทุกรายไป เพราะมะพร้าวน้ำหอมบ้านแพ้วสด อร่อย หวานหอมไม่เหมือนที่ไหน จนเกิดกระแสการพูดต่อจากปากต่อปากในกลุ่มลูกค้า ทำให้สินค้ามะพร้าวน้ำหอมบ้านแพ้วของผมขายดิบขายดี ทุกวันนี้ ผมสามารถขายมะพร้าวผลสดในตลาดแห่งนี้ได้ครั้งละไม่ต่ำกว่า 1,000 ผล” คุณเดี่ยว บอก

คุณเดี่ยว มีสวนมะพร้าวที่ปลูกเอง 19 ไร่ มีลูกสวน 70 ไร่ เป็นระบบอินทรีย์เกือบทั้งหมด พันธุ์มะพร้าวที่ปลูกเป็นมะพร้าวพันธุ์ก้นจีบ ที่ให้ผลขนาดใหญ่และมีน้ำเยอะ ในการดูแลจัดการสวน สำหรับช่วงหน้าฝน คุณเดี่ยวจะปล่อยให้ต้นมะพร้าวเติบโตไปตามธรรมชาติ ส่วนหน้าแล้งจะคอยดูแลรดน้ำทุก 3 วัน ตัดหญ้าให้สั้น ไม่รกรุงรัง และรักษาความชื้นบนผิวดิน

ทุกวันนี้ สวนเดี่ยวบ้านแพ้ว สามารถเก็บผลผลิตออกขายได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงฤดูร้อน ตั้งแต่เดือนมีนาคม-เมษายน ผลผลิตน้อยลดลงจากปกติ ประมาณ 70-80% อย่างไรก็ตาม คุณเดี่ยวพยายามดูแลจัดการสวนมะพร้าวอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้ต้นมะพร้าวขาดคอ โดยใช้วิธีการให้น้ำและบำรุงต้น และให้ปุ๋ยคอกจากขี้หมูบำรุงต้น เฉลี่ย 4 เดือน/ครั้ง เฉลี่ยต้นละ 1 กระสอบ

คุณเดี่ยว บอกว่า สวนมะพร้าวโดยทั่วไปมักเจอปัญหาหนอนหัวดำระบาดในช่วงฤดูแล้ง เพราะแมลงศัตรูพืชชนิดนี้ ชอบอากาศร้อนแล้ง ผมคอยดูแลจัดการสวนให้มีความชื้นอย่างสม่ำเสมอในช่วงฤดูแล้ง โดยใช้เรือรดน้ำในแปลงปลูกมะพร้าวทุกๆ 3 วัน ครั้งละประมาณ 1 ชั่วโมง วิธีนี้ใช้ได้ผลดี เพราะไม่ค่อยเจอปัญหาหนอนหัวดำระบาดรุนแรงเหมือนกับที่อื่นๆ

ที่นี่เน้นปลูกมะพร้าวน้ำหอมก้นจีบบ้านแพ้ว โดยแต่ละปีสามารถเก็บผลผลิตออกขายได้ประมาณ 15-18 ทะลาย โดยตัดผลทุกๆ 20 วัน ปัจจุบัน สวนเดี่ยวบ้านแพ้ว มีผลผลิตป้อนเข้าสู่ตลาดได้มากกว่า 20,000 ลูก/รอบ คุณเดี่ยววางแผนการผลิตร่วมกับกลุ่มสมาชิกแปลงใหญ่ เน้นทำตลาดเองทั้งหมด ไม่ส่งผ่านพ่อค้าคนกลาง คุณเดี่ยวบริหารจัดการให้เป็นระบบ มีการต่อยอดนำผลผลิตจากสวนมาแปรรูปเป็นน้ำมะพร้าวพร้อมดื่ม เน้นเรื่องการทำตลาด โดยนำสื่อออนไลน์เข้ามาประยุกต์ใช้ให้ทันสมัย มีการนำเสนอแบบเล่าเรื่องราวภายในสวนผ่านสื่อออนไลน์

ปัจจุบัน สินค้าหลักคือ การจำหน่ายมะพร้าวน้ำหอมบ้านแพ้วผลสด ที่ปลูกดูแลในระบบเกษตรอินทรีย์เต็ม 100% และพัฒนาสินค้าในรูปแบบน้ำมะพร้าวพร้อมดื่มในขวดใส และมะพร้าวแก้วพร้อมรับประทาน โดยขูดเนื้อและมีน้ำใส่แก้วซีลฝาอย่างดี นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าวน้ำหอมทั้งหมด เช่น น้ำตาลมะพร้าว ต้นพันธุ์มะพร้าว

มะพร้าวน้ำหอมบ้านแพ้ว สินค้า จีไอ ขายดี

มะพร้าวน้ำหอมบ้านแพ้ว ได้รับขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) กับกรมทรัพย์สินทางปัญญา อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2561 เนื่องจากมะพร้าวน้ำหอมบ้านแพ้ว มีลักษณะเฉพาะตัวที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร เนื่องจากมะพร้าวน้ำหอมบ้านแพ้วมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ เพราะปลูกในสภาพพื้นที่ของจังหวัดสมุทรสาคร เป็นพื้นที่ราบลุ่มชายฝั่งทะเล ได้รับอิทธิพลด้านความชื้นในบรรยากาศสม่ำเสมอ เจริญเติบโตได้ดี มะพร้าวน้ำหอมบ้านแพ้ว มีรสชาติหวาน ค่าความหวานในช่วง 6-7.5 บริกซ์ กลิ่นของน้ำมีความหอมคล้ายกลิ่นใบเตย ซึ่งเกิดจากสารให้ความหอมที่เรียกย่อๆ ว่า 2-เอพี (AP) สารให้ความหอมชนิดนี้พบในข้าวหอมมะลิและใบเตยเท่านั้น

มะพร้าวน้ำหอมบ้านแพ้ว สมัครไฮโลออนไลน์ อยู่ในกลุ่มมะพร้าวน้ำหอมพันธุ์ต้นเตี้ย มีทรงผลกลมรีเหมือนหัวลิง ก้นผลเป็นจีบ 3 จีบชัดเจน ผิวเปลือกมีสีเขียว มะพร้าวน้ำหอมบ้านแพ้ว เกิดจากการพัฒนาพันธุ์ โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เกษตรกรจังหวัดสมุทรสาคร ได้นำมาปลูกในพื้นที่อำเภอกระทุ่มแบน อำเภอบ้านแพ้ว และขยายสู่อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร มาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2495 จนถึงปัจจุบัน

คุณเดี่ยว เป็นเกษตรกรกลุ่มแรกของอำเภอบ้านแพ้ว ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสวนมะพร้าวบ้านแพ้ว จีไอ จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา แม้จะไม่ส่งผลให้คุณเดี่ยวขายสินค้าในราคาที่สูงขึ้น แต่ทำให้สินค้าของเขาเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในวงกว้างมากขึ้น ทำให้คุณเดี่ยวไม่ต้องเหนื่อยกับการวิ่งหาตลาดเหมือนในอดีต แต่กลายเป็นพ่อค้าแม่ค้าวิ่งมาขอซื้อสินค้าถึงสวน เพราะมีคุณภาพสินค้า GAP และสินค้า จีไอ เป็นเครื่องการันตีคุณภาพสินค้า เพิ่มโอกาสในการขยายตลาดได้อย่างไม่สิ้นสุด

สินค้านวัตกรรม น้ำมะพร้าวผง

ในปี 2563 คุณเดี่ยววางแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ คือ น้ำมะพร้าวผงพร้อมชง และเนื้อมะพร้าวอ่อนที่ผลิตในระบบฟรีซดราย ฉีกซองออกมารับประทานได้ทันที เนื่องจากตลาดในประเทศนิยมบริโภคผลสดมาก เพราะหาซื้อง่ายและมีราคาถูก ดังนั้น สินค้าใหม่ทั้งสองชนิด คุณเดี่ยวจึงตั้งใจผลิตป้อนตลาดส่งออกเป็นหลัก เนื่องจากมะพร้าวน้ำหอมจัดอยู่ในกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ เป็นที่ต้องการของลูกค้าทั่วโลก สินค้านวัตกรรมใหม่นี้จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้เป็นอย่างดี แถมมีน้ำหนักเบาและมีอายุการจำหน่ายนาน 1 ปี โดยขณะนี้ มีลูกค้าติดต่อสั่งซื้อสินค้าเพื่อไปทดลองจำหน่ายหลายประเทศ เช่น ดูไบ ไต้หวัน ฯลฯ

“หากใช้มะพร้าวขนาดกลาง 1 ผล เมื่อนำมาแปรรูป จะได้น้ำมะพร้าวผง 1 แก้ว คำนวณคร่าวๆ น้ำมะพร้าวสด 10 ลิตร เมื่อผ่านกระบวนการแปรรูป น้ำหนักจะหายไป ประมาณ 90% เหลือน้ำมะพร้าวผง อยู่ที่ 10% โดยนำน้ำมะพร้าวผงมาบรรจุซอง น้ำหนัก 25 กรัม ขายในราคา ซองละ 50 บาท เมื่อฉีกซองเทลงแก้ว เติมน้ำสะอาดลงไป 200 ซีซี จะได้น้ำมะพร้าวพร้อมดื่มที่คงรสชาติความอร่อย และรักษาคุณค่าสารอาหารของน้ำมะพร้าว เช่นเดียวกับการบริโภคมะพร้าวน้ำหอมที่เพิ่งปอกเสร็จใหม่ๆ ผมมั่นใจว่า วิธีนี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้ามะพร้าวน้ำหอม ขณะเดียวกันเป็นสินค้าทางเลือกสำหรับแก้ไขปัญหาหากเกิดกรณีมะพร้าวน้ำหอมล้นตลาดและมีราคาตกต่ำได้เป็นอย่างดี” คุณเดี่ยว กล่าวในที่สุด