ปลูกต้นกุหลาบ มะนาว ออกดอก พอตูมแล้วร่วง แก้ปัญหาอย่าง

ชบา ปัจจุบันมีการนำพันธุ์ใหม่ๆ เข้ามาปลูกในบ้านเรามากขึ้น มีดอกสีสันสวยงาม การติดดอกแล้วร่วง เกิดได้จากหลายกรณี ตั้งแต่ให้น้ำมากเกินไปก็ทำให้ดอกร่วงได้ ประการสำคัญต้นไม่สมบูรณ์ อาหารไม่พอ ควรใส่ปุ๋ยให้บ้าง โดยใช้ปุ๋ย สูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 เพียงเล็กน้อย จะช่วยให้ติดดอกดีขึ้น

กุหลาบ เป็นไม้ที่เลี้ยงยาก เพราะเป็นไม้ที่ต้องการอากาศหนาวเย็น จึงปลูกได้ดีที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา กาญจนบุรี และราชบุรี บางอำเภอ ส่วนใหญ่แล้วกุหลาบที่ใส่กระถางนำมาจำหน่าย มักนำมาจากพื้นที่ดังกล่าว เมื่อนำมาปลูกในถิ่นอื่นมักไปไม่รอด

อย่างไรก็ตาม หากต้องการปลูกด้วยใจรักย่อมทำได้ เริ่มจากเปลี่ยนกระถาง ปรุงดินให้โปร่ง ร่วนซุย อย่าให้น้ำขังแฉะขณะรดน้ำ หรือหลังจากฝนตก และควรพรางแสงด้วยซาแรนสีดำ ทั้งด้านบนและแนวตั้งด้านข้างที่มีลมพัดแรง ตัดแสงลงอย่างน้อย 30 เปอร์เซ็นต์ ให้ปุ๋ยชนิดละลายช้า สูตร 15-15-15 หรือ 12-24-12 คราวละ 1 ช้อนชา ทุกๆ 2 เดือน จะช่วยลดปัญหาข้างต้นลงได้

มะนาว ที่ติดผลดกต้องบำรุงต้นให้สมบูรณ์ สูตร 15-15-15 อัตรา 2 ช้อนโต๊ะ ต่อ 1 วงบ่อ เดือนละ 1 ครั้ง มะนาวเป็นพืชต้องการแดดจ้า จึงควรให้ได้รับแสงอย่างน้อยวันละ 4-6 ชั่วโมง ดินปลูกต้องสะอาด และโปร่งร่วนซุย เพื่อไม่ให้น้ำขังแฉะขณะรดน้ำ หรือฝนตก ประการสำคัญ ต้องควบคุมแมลงศัตรูให้ได้

หากปลูกไว้ใกล้บ้านจำนวนไม่มาก แนะนำให้ใช้ยาเส้น หรือยาฉุน มีจำหน่ายตามร้านขายของชำทั่วไป ถุงละ 10 บาท แบ่งมาครึ่งถุง แช่ในน้ำสะอาด จำนวน 1 ลิตร เป็นเวลา 3 ชั่วโมง เป็นอย่างน้อย แล้วคั้นและกรองเอาเฉพาะน้ำสีชา ใส่ในกระบอกฉีด หรือฟ็อกกี้ เติมเหล้าขาว 2 ฝาแม่โขง เขย่าให้เข้ากัน นำไปฉีดใบอ่อนที่ผลิออกมาตั้งแต่วันแรก ป้องกันหนอนชอนใบ หนอนกินใบ และแมลงอื่นๆ เข้ามาทำลาย ฉีดทุกๆ 3 วัน จนใบอ่อนมีอายุ 10 วัน ขึ้นไป จึงจะปลอดภัย เมื่อติดผลแล้วให้ใส่ปุ๋ย สูตร 13-21-13 อัตรา 2-3 ช้อนโต๊ะ ปรับได้ตามความเหมาะสม

หากปฏิบัติได้ตามคำแนะนำ คุณจะได้มะนาวให้ผลดีตามความต้องการ ฝรั่ง เป็นผลไม้ที่มีรสชาติอร่อย กินง่าย กินได้ทุกเพศทุกวัย และดีต่อสุขภาพอย่างมาก เพราะเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด ฝรั่งจัดเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงที่สุดในบรรดาผลไม้ทุกชนิด โดยฝรั่งมีวิตามินซีสูงกว่ามะนาวถึง 4 เท่า และยังมีวิตามินอื่นๆ ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย และมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ช่วยชะลอวัย ลดริ้วรอย บำรุงผิวพรรณให้สวยงาม ฝรั่งอุดมไปด้วยกากใยอาหาร เมื่อรับประทานแล้วจะทำให้อิ่มนาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน หรือควบคุมน้ำหนัก

นิติกรหนุ่ม มีใจรักอาชีพเกษตรกรรม คุณธีรธรรม แก้วเพ็ญศรี บ้านเลขที่ 130 หมู่ที่ 2 ตำบลหนองขาม อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ ดำเนินอาชีพนิติกรเทศบาลมานาน 15 ปี เนื่องจากคุณธีรธรรมมีใจรักชื่นชอบอาชีพเกษตรกรรม จึงใช้เวลาว่างปลูกฝรั่งเป็นรายได้เสริม โดยเลือกปลูกฝรั่งพันธุ์กิมจู เพราะเป็นสายพันธุ์ฝรั่งที่ปลูกดูแลง่าย และตลาดมีความต้องการสูง

คุณธีรธรรม บอกว่า ยุคนี้เป็นตลาดของคนรักสุขภาพ ฝรั่งอยู่ในกลุ่มผลไม้ขายดี เพราะมีรสชาติอร่อย กินง่าย แถมมีประโยชน์มากมาย ฝรั่งเป็นไม้ผลที่ปลูกดูแลง่าย โดยเฉพาะฝรั่งกิมจูเป็นพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมาก ราคาขายไม่แพง

ตนชอบศึกษาเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ชอบไปดูสวนเกษตรในพื้นที่ต่างๆ เปิดดูในเฟซบุ๊กและดูข้อมูลการเพาะปลูกในกูเกิลบ้าง ตนเป็นสมาชิกเครือข่ายเกษตรหลายแห่ง เพื่อใช้เป็นเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลเรียนรู้ และนำกลับมาประยุกต์ใช้ที่สวนของตนเอง

ปัจจุบัน คุณธีรธรรม มีพื้นที่เพาะปลูกฝรั่งกิมจู จำนวน 2 ไร่ และมีเป้าหมายที่จะขยายพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นอกจากปลูกฝรั่งแล้ว เขายังสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตรที่ปลูก โดยนำไปแปรรูปเป็นน้ำสมุนไพร โดยใช้ชื่อว่า “น้ำสมุนไพรดวงใจกวี” มีทั้งหมด 24 รสชาติ เช่น น้ำฝรั่ง น้ำตะไคร้ น้ำใบเตย น้ำฟักทอง น้ำลูกหว้า เป็นต้น

ขณะเดียวกัน คุณธีรธรรมยังสนใจปลูกต้นหญ้าหวาน เป็นพืชสมุนไพรทางเลือก ใช้บริโภคแทนน้ำตาล เพราะใบหญ้าหวานนั้นมีความหวานมากกว่าน้ำตาล 10-15 เท่า แต่เป็นความหวานที่ไม่ก่อให้เกิดพลังงาน ใช้เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล โดยไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดสูง

ต้นหญ้าหวานเป็นพืชล้มลุก ลักษณะทั่วไปคล้ายต้นโหระพา ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ดและการใช้กิ่งชำ ปัจจุบันคุณธีรธรรมปลูกต้นหญ้าหวานสำหรับใช้ภายในครอบครัวและเพื่อนบ้าน ต้นฝรั่งยิ่งดูแลใส่ใจ ผลผลิตก็ยิ่งสวย

คุณธีรธรรม บอกว่า การปลูกต้นฝรั่งนั้นง่ายมากๆ เริ่มจากเตรียมดิน โดยไถดินตากแดดไว้ประมาณ 2 สัปดาห์ ตามด้วยขุดหลุมลึกประมาณ 2 หน้าจอบ ก็เอาต้นฝรั่งลงปลูกได้เลย ที่นี่ดูแลให้น้ำต้นฝรั่งด้วยระบบน้ำหยดลงที่โคนต้นฝรั่ง ที่ปลูกโดยเว้นระยะห่าง ประมาณ 20-30 เซนติเมตร

การปลูกและให้น้ำต้นฝรั่งด้วยวิธีนี้ ใช้น้ำน้อยมาก ช่วยประหยัดน้ำ การปลูกฝรั่งนั้น หากเร่งฮอร์โมนจากสารเคมีบำรุงต้นมาก ต้นฝรั่งมักโทรมเร็ว อายุแค่ 5-6 ปี ต้นฝรั่งจะเริ่มโทรมและตายลงในที่สุด

หากต้องการให้ต้นฝรั่งมีผลผลิตเก็บได้ตลอดทั้งปี คุณธีรธรรมแนะนำให้บำรุงต้นฝรั่งโดยใช้ปุ๋ยมูลวัวผสมมูลไก่ เดือนละ 1 ครั้ง ประมาณ 1 ถัง บริเวณโคนต้น เมื่อต้นฝรั่งผลิดอกออกผลมาแล้ว ต้องรอประมาณ 5 เดือน ก็เก็บผลออกขายได้ จะได้ผลผลิตประมาณ 2.5-3 ตัน/ไร่

เทคนิคการห่อผลฝรั่ง

เมื่อต้นฝรั่งให้ดอกเยอะ ดอกดก รอไปสัก 2-3 สัปดาห์ ก่อนห่อหรือเพิ่งห่อเสร็จ ให้ตัดใบออกสามคู่ใบ ฝรั่งต้องขลิบออกไปเรื่อยๆ วิธีนี้จะช่วยให้ต้นฝรั่งแตกยอดออกมาเรื่อยๆ จะเป็นกิ่งที่สดใหม่ตลอดเวลา ผ่านไปได้สัก 2-3 ปี กิ่งฝรั่งจะเริ่มแก่ ทำให้จำเป็นต้องทำสาวต้นฝรั่งใหม่

ซึ่งวิธีการทำสาวต้นฝรั่ง คือการตัดให้เหลือกิ่งที่สมบูรณ์ไว้ เพื่อให้ต้นฝรั่งแตกกิ่งใหม่ ในระยะเวลา 15-30 วัน ก็จะมีใบใหม่ผลิขึ้นมา หลังจากนั้นอีก 2 เดือน ก็จะเห็นดอกฝรั่งผลิบานออกมา รอไปอีก 1 เดือน ต้นฝรั่งติดผลอ่อน ขนาดประมาณเหรียญ 5 บาท ก็เริ่มห่อผลได้

“ตอนแรกผมทดลองใช้กระดาษคลุมก่อนห่อ แต่รู้สึกว่ายังไม่ดีพอ จึงเปลี่ยนมาห่อผลด้วยถุงพลาสติกสีขุ่นกันแสงยูวี ปรากฏว่า ผลผลิตที่ได้มีผิวสวยดีมาก หลังจากห่อประมาณ 50-60 วัน ก็จะพร้อมตัดผลผลิตออกขายได้” คุณธีรธรรม กล่าว

การตัดแต่งกิ่ง

หากต้นฝรั่งใหญ่เกินไปจะทำให้ทำงานยากลำบากมากๆ คุณธีรธรรมมักตัดแต่งกิ่งต้นฝรั่ง โดยพยายามรักษาทรงพุ่มไว้ให้ได้ เพื่อให้สะดวกในช่วงให้ปุ๋ยทางใบ และช่วงห่อผล

หากต้นฝรั่งสูงมาก จะห่อผลลำบาก ทำให้ยุ่งยากเสียเวลา หากทำงานไม่ทัน ไม่สามารถห่อผลได้ในระยะเวลาที่กำหนด เสี่ยงเจอปัญหาหนอนชอนไชผลผลิต และอาจเกิดโรคพืชต่างๆ ตามมาได้ ดังนั้น คุณ ธีรธรรมจึงพยายามตัดแต่งกิ่งต้นฝรั่งปีละครั้ง เพื่อให้สะดวกในการดูแลจัดการสวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ศัตรูพืชในสวนฝรั่ง

คุณธีรธรรม บอกว่า ฝรั่งเป็นไม้ผลที่มีศัตรูพืชเยอะมาก ทั้งหนอนชอนใบ หนอนกินใบ ไรแดง เพลี้ยไฟ เพลี้ยแป้ง เป็นต้น ต้องคอยดูแลฉีดน้ำส้มควันไม้อยู่เป็นประจำ นอกจากนี้ ต้องพยายามดูแลตรวจสอบต้นฝรั่งเป็นประจำ โดยเน้นตรวจสอบใบฝรั่งเป็นหลักๆ ยิ่งต้นฝรั่งมีใบเยอะก็มีโอกาสเจอศัตรูพืชเยอะด้วยเช่นกัน เพราะศัตรูพืชส่วนใหญ่มาทางใบเป็นหลัก

“ต้นฝรั่งไม่จำเป็นต้องมีใบมากนัก ต้องหมั่นตรวจสอบใบฝรั่งบ่อยๆ ว่า มีปัญหาเพลี้ยตัวขาวๆ หรือมีไรแดงบ้างหรือเปล่า หากเจอใบฝรั่งที่มีศัตรูพืช ต้องรีบเด็ดใบฝรั่งออกมาเผาทำลายนอกสวนฝรั่ง ห้ามปล่อยทิ้งไว้เด็ดขาด เพราะศัตรูพืชเหล่านี้จะดูดกินน้ำเลี้ยงของพืช ทำให้ผลผลิตไม่สมบูรณ์” คุณธีรธรรม กล่าว

รายได้เสริมจากเงินเดือนประจำ

ปัจจุบัน คุณธีรธรรม ขายผลผลิตฝรั่งกิมจูอยู่ 3 ช่องทาง คือ ขายหน้าสวน โดยมีพ่อค้าแม่ค้ามารับซื้อผลผลิตหน้าสวนในราคา กิโลกรัมละ 25 บาท ช่องทางที่สอง เปิดจุดขายบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ภายในตลาดชุมชน ช่องทางที่สาม คือ เปิดขายผ่านตลาดออนไลน์ ปัจจุบัน คุณธีรธรรม มีรายได้จากการจำหน่ายผลผลิต เฉลี่ยปีละ 300,000 บาท

‘‘การจำหน่ายสินค้าเกษตร ในปัจจุบันไม่จำเป็นต้องมีทำเลตลาดที่ดี เพียงแค่มีเฟซบุ๊ก มีกลุ่มไลน์เครือข่ายในพื้นที่อำเภอ ผมโพสต์ขายสินค้าไม่ถึงชั่วโมง ก็ขายหมดไป 300 กิโลกรัมแล้ว’’ คุณธีรธรรม กล่าว

นอกจากขายฝรั่งผลสดแล้ว คุณธีรธรรมยังมีรายได้เสริมจากการจำหน่ายกิ่งพันธุ์ฝรั่งกิมจูให้กับผู้สนใจ ในราคากิ่งละ 50-100 บาท ซึ่งเป็นเม็ดเงินไม่ใช่น้อยในแต่ละปี ขณะเดียวกันเขายังมีรายได้จากการขายน้ำสมุนไพรดวงใจกวี ขายในราคาขวดละ 10 บาท แถมเปิดสอนหลักสูตรการทำน้ำสมุนไพร ระยะเวลา 1 วัน ในราคา 1,200 บาท/คน เรียนจบหลักสูตร สามารถนำความรู้กลับไปทำเป็นอาชีพได้เลย

หากใครสนใจแลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องการปลูกฝรั่งกิมจู หรือสนใจสั่งซื้อสินค้าของคุณธีรธรรม สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับ คุณธีรธรรม แก้วเพ็ญศรี ได้ที่ บ้านเลขที่ 130 หมู่ที่ 2 ตำบลหนองขาม อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ เบอร์โทรศัพท์ 093-452-6556 หรือติดต่อกับคุณธีรธรรมทางเฟซบุ๊กและไลน์ FB : ธีรธรรม แก้วเพ็ญศรี LINE : 0934526556

โรสแมรี่ (Rosemary) เป็นพืชสมุนไพรพื้นเมืองของแถบเมดิเตอร์เรเนียน จัดอยู่ในวงศ์กะเพรา ใบ มีรูปร่างคล้ายเข็ม ยาว 2-4 เซนติเมตร กว้าง 2-5 มิลลิเมตร มีกลิ่นหอม และเขียวอยู่ตลอดปี ด้านบนของใบมีสีเขียว ด้านท้องใบเป็นสีขาว และมีขนปกคลุม ดอกมีหลายสี เช่น สีขาว สีชมพู สีม่วง หรือสีฟ้า ใช้ปรุงอาหารทำให้มีกลิ่นหอม ปัจจุบัน เริ่มเข้ามามีบทบาทในวงการอาหารบ้านเรามากขึ้น ไม่เพียงแค่เฉพาะโรงแรมที่ใช้นำมาประดับตกแต่งมื้ออาหารสุดหรู แต่ยังแพร่หลายไปถึงระดับครัวเรือนที่ชื่นชอบทำอาหารสไตล์ฝรั่ง ก็สามารถเข้าถึงสมุนไพรโรสแมรี่นี้ได้ง่ายมากขึ้น และนอกจากการนำมาประดับเพื่อเพิ่มความสวยงามแล้ว “โรสแมรี่” ยังมีส่วนช่วยทำให้รสชาติอาหารอร่อย มีความกลมกล่อมมากขึ้น สามารถช่วยลดกลิ่นคาวของอาหารประเภทเนื้อสัตว์ได้ดี รวมไปถึงสรรพคุณด้านกลิ่น ช่วยรักษาไข้หวัด แก้ไอ ทำให้ชุ่มคอ ได้อีกด้วย

คุณดวงเดือน พิทักษ์ไพร หรือ พี่เดือน เจ้าของสวน Grace Garden อยู่ที่ 180 หมู่ที่ 11 ตำบลบ้านแม อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ อดีตครูอาสา กลับมาช่วยพัฒนาธุรกิจร้านขายต้นไม้-สมุนไพรฝรั่งของที่บ้าน คว้าโอกาสช่วงที่ทุกคนต้องหยุดอยู่บ้าน และมีการทำอาหารไว้รับประทานเองมากขึ้น จึงได้ริเริ่มดึงจุดขายวัตถุดิบพืชผักสมุนไพรต่างๆ ที่ภายในสวนมี หยิบจับมาสร้างคุณค่าให้รู้ว่าพืชผักสมุนไพรแต่ละชนิดมีดีอะไร จนสามารถทำรายได้เข้าสวนเป็นเงินเกือบหนึ่งแสนบาทต่อเดือน

พี่เดือน เล่าถึงจุดเริ่มต้นของกระแสของสมุนไพรโรสแมรี่ ว่า โดยพื้นฐานครอบครัวของตนเป็นครอบครัวเกษตรกรมาก่อนอยู่แล้ว พ่อกับแม่เปิดร้านขายต้นไม้มาก่อน ส่วนตนก็ได้ใช้เวลาไปกับหน้าที่ที่รักคือ การไปเป็นครูอาสาสอนนักเรียนอยู่ที่พม่า จนวันหนึ่งได้เกิดสถานการณ์โควิด-19 ขึ้น ทำให้ตัดสินใจกลับมาอยู่บ้าน และทำให้ได้มองเห็นถึงช่องทางสร้างรายได้จากธุรกิจร้านต้นไม้ที่พ่อกับแม่ทำไว้ ด้วยการที่เข้ามาพัฒนาการตลาด อาศัยความเป็นคนรุ่นใหม่เข้าใจกระแสของสังคมที่กำลังเป็นไปในปัจจุบัน จึงได้นำเอาพืชสมุนไพรฝรั่งที่สวนมีมาสร้างจุดขายให้กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ คือ เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ใครหลายคนต้องหยุดอยู่ที่บ้าน มีเวลาอยู่บ้านมากขึ้น และการเริ่มหางานอดิเรกทำก็ตามมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นการปลูกต้นไม้ หรือการทำอาหาร โดยเฉพาะคนที่ชอบอาหารสไตล์ฝรั่ง ประเภทเนื้อ สเต๊ก แต่ไม่สามารถที่จะเข้าไปนั่งทานในร้านได้ ก็จำเป็นที่จะต้องทำอาหารเอง ซึ่งการทำอาหารฝรั่ง วัตถุดิบสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือเครื่องเทศสมุนไพรฝรั่ง โดยเฉพาะการทำสเต๊ก ที่จะนิยมนำโรสแมรี่มาเป็นส่วนผสมในการทำ และรวมไปถึงสมุนไพรชนิดอื่นๆ จึงคิดอยากที่จะปลูกสมุนไพรเหล่านี้ให้มากขึ้น เพื่อให้คนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้ ตรงนี้จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญจากที่การตลาดของสมุนไพรฝรั่งเป็นไปอย่างช้าๆ อยู่แค่ในวงการไม้ประดับ แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าสามารถนำไปปลูกเป็นไม้ประดับก็ได้ หรือจะปลูกไว้นำมาประกอบอาหารก็ถือว่าเหมาะมากๆ

“โรสแมรี่” สมุนไพรฝรั่ง
ปลูกขาย สร้างรายได้สวนกระแส
เจ้าของบอกว่า ตอนนี้ที่สวนของตนมีพื้นที่ปลูกสมุนไพรฝรั่งอยู่ประมาณ 5-7 ไร่ และไม่ได้ปลูกแค่เฉพาะโรสแมรี่ แต่ยังมีสมุนไพรชนิดอื่นๆ อีกมากมาย เช่น คูลลิ่ง (Curry plant) ลาเวนเดอร์ แบนเดอร่า (lavendula bandera purple) ใบไทม์ ออริกาโน (oregano) พาสเลย์ (paisley) ทาร์รากอน (Tarragon) และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งสมุนไพรทุกตัวกินได้ มีสรรพคุณเป็นสมุนไพรปรุงอาหาร ชงชา รสชาติยอดเยี่ยม ราคาไม่แพง โดยสายพันธุ์ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์นำเข้ามาจากต่างประเทศ และได้มีการศึกษาข้อมูลการปลูกและการดูแลจากทั้งในอินเตอร์เน็ต เรียนรู้ประสบการณ์บอกเล่าจากพ่อกับแม่ และสำคัญที่สุดคือการลงมือทำเอง เพื่อเก็บรายละเอียดของพืชแต่ละชนิดว่าเหมาะกับสภาพอากาศแบบไหน ควรต้องระวังอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ เนื่องจากเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดจากต่างประเทศ จึงจำเป็นต้องศึกษาให้เข้าใจเพื่อคุณภาพที่ดี ส่วนเทคนิคการปลูกครั้งนี้จะมาแนะนำวิธีการปลูกสมุนไพรโรสแมรี่ เนื่องจากเป็นสมุนไพรที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และขายดีที่สุดในตอนนี้

การเตรียมดิน สำหรับความเหมาะสมของดิน และสภาพอากาศในประเทศไทย นับว่าไม่เป็นปัญหาสำหรับการปลูกโรสแมรี่ แต่หัวใจสำคัญคือน้ำเท่านั้น เพราะจริงๆ แล้วโรสแมรี่ เป็นไม้แดด 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ที่หลายคนเลี้ยงตายนั้นไม่ใช่เพราะโดนแดดมากเกินไป แต่เป็นเพราะการรดน้ำที่ผิดวิธี
การปลูก สามารถปลูกได้ 2 วิธี 1. คือวิธีการปลูกแบบลงดิน ใช้วิธีการปักชำกิ่ง เพราะเป็นวิธีที่รวดเร็ว ไม่กลายพันธุ์ โดยให้ปลูกแบบยกร่อง เพื่อให้น้ำไหลผ่านได้สะดวก ระยะห่างระหว่างต้น 50 เซนติเมตร เหมาะสำหรับต้นที่มีอายุ 4 เดือนขึ้นไป
ปลูกในกระถาง โดยมีอัตราส่วนการผสมดินปลูกดังนี้ 1. ดินทั่วไป 2. ขุยมะพร้าว 3. กาบมะพร้าว 4. แกลบดิบ และ 5. ปุ๋ยขี้ไก่ นี่คือการผสมดินสำหรับเพาะขายมีน้ำหนักเบา ช่วยลดภาระในการจัดส่งให้กับลูกค้า แต่ถ้าสำหรับท่านใดที่ปลูกไว้ที่บ้านให้เน้นใช้ดินเป็นส่วนผสมหลัก แล้วนำขุยมะพร้าว หรือกาบมะพร้าวเอาไว้รองก้นจะดีกว่า

ซึ่งการปลูก 2 วิธีนี้ ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคนด้วย หากอาศัยอยู่ตามคอนโดฯ มีพื้นที่จำกัด แนะนำให้ปลูกใส่กระถาง และเน้นใช้กระถางที่มีขนาดใหญ่

การให้น้ำ คือสิ่งสำคัญที่สุดของการปลูก “โรสแมรี่” เป็นพืชสมุนไพรที่ไม่ต้องการน้ำเยอะ แต่ต้องการน้ำในปริมาณที่พอดี หากรดน้ำมากเกินไปโคนต้นจะเน่าและไม่ติดราก ซึ่งแต่ถ้าให้น้ำน้อยไปก็ทำให้ไม่ติดรากอีกเช่นกัน
เพราะฉะนั้นวิธีการรดน้ำที่เหมาะสมคือ การรดน้ำในแต่ละครั้งจะรดให้ชุ่มจนน้ำไหลออกมานอกกระถาง แต่จะเว้นระยะในการรด ไม่จำเป็นต้องรดทุกวัน โดยให้สังเกตตามสภาพอากาศ หากวันไหนที่อากาศร้อนก็ให้น้ำไว้สัก 30 นาที และหลังจากนั้นเมื่อต้นพ้นอายุ 1 เดือน ติดรากแล้วก็ไม่น่าเป็นห่วง

การใส่ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยยูเรีย สูตร 46-0-0 เสริมบ้างเล็กน้อย เพราะโรสแมรี่ไม่ได้ต้องการอาหารมาก
ระยะปลูกจนถึงเก็บเกี่ยว ใช้ระยะเวลาในการติดราก ประมาณ 1 เดือน และต้องใช้เวลาเลี้ยงต่อไปอีก ประมาณ 4 เดือน รวมระยะเวลาการปลูกถึงเก็บเกี่ยวใช้เวลาประมาณ 5 เดือน สามารถขายได้ และยังสามารถนำมาขยายพันธุ์ต่อได้อีก หรือเท่ากับการปลูกครั้งเดียวสามารถขยายพันธุ์ต่อไปได้เรื่อยๆ ซึ่งความยากอยู่ที่ระยะติดราก ผู้ปลูกต้องหมั่นดูแลเก็บรายละเอียด ตรวจแปลง เนื่องจากข้อจำกัดของแต่ละพื้นที่แตกต่างกันออกไป และถือเป็นขั้นตอนปราบเซียนเลยก็ว่าได้

อุปสรรค คือฤดูฝนของไทย ฝนชุก nancyajramonline.com ทำให้ต้นรากเน่าติดเชื้อราได้ง่าย เพราะฉะนั้นควรต้องมีโรงเรือนสำหรับปลูกในฤดูฝน วิธีการดูแล สำหรับมือใหม่
แนะนำสำหรับมือใหม่ที่ซื้อต้นที่มีอายุ 4 เดือนขึ้นไป ที่ซื้อมาจากร้านขายต้นไม้ทั่วไป ปกติทางร้านจะเพาะใส่ถุง ขนาดประมาณ 4×8 นิ้วมาให้ เพื่อสะดวกในการขนส่ง ประหยัดต้นทุน แต่เมื่อซื้อมาแล้วแนะนำให้นำให้เปลี่ยนปลูกลงกระถางขนาด 8×10 นิ้ว เน้นใส่ดินให้เยอะ และไม่แนะนำให้ใช้ดินผสมใบไม้ เพราะจะทำให้เกิดความชื้น ไม่ดีต่อต้น

ราคาขาย เริ่มต้นที่ 60 บาท ไปจนถึงราคาต้นละ 2,500 บาท ตามขนาดและอายุของ การสร้างรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 80,000-90,000 บาท หากเทียบกับต้นทุนแล้วถือว่าคุ้มค่ามากๆ เพราะแทบจะไม่ต้องใช้เคมี การจัดการน้อย และยังเป็นพืชที่กำลังมาแรง และกระแสจะยังอยู่ได้อีกนาน และสามารถนำมาพัฒนาต่อยอดได้อีกหลากหลาย

ตลาดรับซื้อ 1. ขายส่งให้กับร้านขายต้นไม้ทั่วไป 2. ตลาดออนไลน์ บนเพจเฟซบุ๊ก นับเป็นช่องทางที่กำลังมาแรงในขณะนี้ และ 3. ขายให้กับร้านอาหารและโรงแรมที่ต้องการใช้เป็นวัตถุดิบทำอาหาร และเพื่อนำไปประดับในจานเพิ่มความน่ารับประทาน ซึ่งถือเป็นพืชสวนกระแสมาแรงในขณะนี้

ฝากถึงเกษตรกร
“ฝากถึงเกษตรกรทุกคนว่าอย่าเพิ่งท้อกับในสภาวะที่ทุกอย่างดูเลวร้าย แต่ให้ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทำ ไม่ต้องตกใจเพราะจากสถานการณ์ที่เกิดจะทำให้ธุรกิจทุกอย่างไปได้อย่างช้าๆ ถ้าเราลงทุนทำอะไรก็ใจเย็นๆ รอก่อน แล้วก็ค่อยๆ ดูช่องทางต่อยอด ทุกอย่างจะไม่รวดเร็วอย่างที่ผ่านมา แต่ก็สามารถทำให้มีกำไรได้” คุณดวงเดือน กล่าวทิ้งท้าย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร. 062-826-9033 หรือติดต่อผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก : GRACE Garden สวนสมุนไพรฝรั่ง มหาอุทกภัยครั้งร้ายแรงเมื่อปลายปี 2554 ที่มีมวลน้ำก้อนมหึมา ถาถมเข้าใส่พื้นที่หลายจังหวัด นับตั้งแต่ตอนบนของประเทศเรื่อยมาจนถึงกรุงเทพมหานคร ในครั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นใครที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องประสบชะตากรรมเดียวกัน

ซึ่งไม่ต่างจากความเดือดร้อนของคู่สามีภรรยาคือ ป้าสาวและลุงเนียร ในยามบั้นปลายของชีวิตที่บอกว่าไม่เคยมีเหตุการณ์น้ำท่วมร้ายแรงเช่นนี้มาก่อน กระทั่งทำให้พื้นที่ทั้งหมดของตำบลบางม่วง จังหวัดนครสวรรค์ และพื้นที่อีกหลายแห่งต้องจมอยู่กับความสูงของระดับน้ำ 4 เมตร เป็นเวลานานถึง 2 เดือน

ซาบซึ้งในโครงการหลักเศรษฐกิจพอเพียง

ลาออกจากงาน เดินหน้าตามโครงการ

ผู้เขียนได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 39/1 หมู่ที่ 2 ตำบลบางม่วง อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อไปพบกับ ป้าสาว หรือ คุณมันทนา กลิ่นนิ่มนวล และ ลุงเนียร หรือ คุณจำเนียร กลิ่นนิ่มนวล คู่ชีวิตที่เพิ่งผ่านการต่อสู้กับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมมาไม่นาน เพราะทราบมาว่าท่านทั้งสองใช้ชีวิตคู่ด้วยการทำไร่นาสวนผสม ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ป้าสาว ในวัย 70 ปีเศษ เดิมเคยทำงานที่ท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ฝ่ายการเงิน แต่เมื่อซาบซึ้งในโครงการหลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง คุณป้าจึงตัดสินใจลาออกก่อนวัยเกษียณ 1 ปี เพราะสนใจในโครงการของพระองค์ท่าน แล้วพร้อมน้อมนำมาปฏิบัติในฐานะคนไทย บนผืนดินที่เธอได้รับมรดกแล้วมาปรับเข้ากับแนวทางดังกล่าว จนกระทั่งเกิดเป็นไร่นาสวนผสม เมื่อปี 2546 ส่วนลุงเนียร ในวัยเกือบ 80 ปี ก็เคยทำงานเป็นพนักงานอยู่สายการบินบริติส แอร์เวย์ ได้มีความรู้สึกเดียวกันจึงลาออกมาร่วมทุกข์ร่วมสุขกับภรรยาทันที

มุ่งพัฒนาดิน จนได้เป็นหมอดินอาสา