ปลูกอัญชัน พืชใช้น้ำน้อย ต้นทุนต่ำ เก็บขายสร้างรายได้หลักพัน

กรมส่งเสริมการเกษตร แนะปลูกอัญชัน พืชใช้น้ำน้อย อัญชัน มีลักษณะเป็นไม้เลื้อย ดอกมีทั้งชนิดที่เป็นดอกชั้นเดียวซึ่งมีสีน้ำเงินคราม ออกดอกเกือบตลอดปี อัญชันที่ถูกนำมาใช้ประโยชน์เป็นอัญชันดอกสีม่วง ซึ่งสามารถใช้ได้หลายส่วน ทั้งดอก เมล็ด และราก ในดอกอัญชันมีสารแอนโธไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งเป็นสารสีม่วง มีคุณสมบัติเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในหลอดเลือดเล็กๆ

ต้นทุนการผลิตอัญชัน 1 ไร่ อยู่ที่ 10,000-12,000 บาท เมื่อเทียบกับผลพลอยได้แล้ว ถือว่าคุ้มค่ามาก เนื่องด้วยว่าอัญชัน 1 ต้น สามารถเก็บดอกสดได้ 50-100 กรัม ต่อวัน จะได้ผลผลิตสดวันละ 100 กิโลกรัม ขายสดกิโลกรัมละ 50-100 บาท ทำให้มีรายได้ 5,000-10,000 บาท ต่อวัน แต่จะใช้แรงงานในเก็บเกี่ยวค่อนข้างมาก จึงนิยมทยอยเก็บวันละ 5-10 กิโลกรัม และนำไปตากแห้ง โดยดอกอัญชันสด 10 กิโลกรัม เมื่อตากแห้งแล้วจะได้ดอกแห้งเท่ากับ 1 กิโลกรัม ซึ่งดอกแห้งนี้ขายได้ กิโลกรัมละ 350-500 บาท และวิธีนี้ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าและลดปัญหาเรื่องแรงงานในการเก็บเกี่ยวได้

ที่ผ่านมาศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตร กรมวิชาการเกษตร ได้เปิดตัวอัญชันพันธุ์ใหม่ คือ อัญชันพันธุ์เทพรัตน์ไพลิน 63 ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์ปลูกทั่วไป และมีลักษณะเด่นคือ ให้ผลผลิตสูงประมาณ 2,122 กิโลกรัม ต่อไร่ มีกลีบดอกใหญ่ 5 กลีบซ้อนเวียนสม่ำเสมอในต้นเดียวกัน มีปริมาณสารแอนโธไซยานินปริมาณสูงไม่น้อยกว่า 70 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักสด 100 กรัม เก็บเกี่ยวครั้งแรกเร็วกว่าพันธุ์ทั่วไป 6 วัน เหมาะสำหรับเป็นทางเลือกให้กับเกษตรกรได้ ทางกรมส่งเสริมการเกษตร โดยกองขยายพันธุ์พืช ได้ประสานนำต้นพันธุ์อัญชันพันธุ์เทพรัตน์ไพลิน 63 จัดสรรเพื่อเป็นแม่พันธุ์ให้ศูนย์ขยายพันธุ์พืชทั้ง 10 ศูนย์ ได้ดำเนินการตามพันธกิจในการผลิตพืชพันธุ์ดีโดยกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสมให้ได้คุณภาพและมาตรฐานตรงตามความต้องการของเกษตรกร โดยเฉพาะที่ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 6 จังหวัดพิษณุโลก มีการผลิตเมล็ดพันธุ์พืชผักหลายชนิด เช่น มะเขือพวง กระเจี๊ยบเขียว ถั่วฝักยาว และอัญชันพันธุ์เทพรัตน์ไพลิน 63 เป็นต้น

หากเกษตรกรหรือผู้ที่สนใจเมล็ดพันธุ์อัญชันพันธุ์เทพรัตน์ไพลิน 63 สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 6 จังหวัดพิษณุโลก เบอร์โทรศัพท์ (055) 906-220 หรือติดต่อผ่านเฟซบุ๊ก ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 6 จังหวัดพิษณุโลก

จากสถานการณ์ ไวรัส โควิด-19 ที่ได้เกิดขึ้นมาเป็นระยะหนึ่งแล้ว ส่งผลให้ผู้คนตระหนักถึงความสำคัญของชีวิตกันมากขึ้น สังเกตได้จากการป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยจากไวรัสด้วยวิธีต่างๆ ทั้งฉีดฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์ รวมถึงการสวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันไวรัส แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่วิธีป้องกันภายนอกเท่านั้น ยังมีคนอีกหลายกลุ่มที่นอกจากจะป้องกันภายนอกแล้ว เขายังมีวิธีป้องกันจากภายในขึ้นมาด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของตัวเอง หันมาใส่ใจรายละเอียดกับอาหารที่จะกินมากขึ้น จนถึงขั้นลุกมาปลูกผักกินเอง จนทำให้ใครหลายคนเห็นโอกาสในยามวิกฤตพุดไอเดียสร้างอาชีพให้ตัวเองขึ้นมา เช่นเธอคนนี้

คุณปุณยภัสร์ จิราเมธาฐิติโชติ หรือ พี่นุ่น อยู่บ้านเลขที่ 89/1 หมู่ที่ 7 บ้านตะโก ตำบลพุดซา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ผู้ที่สร้างอาชีพใหม่ได้จากวิกฤต โควิด-19 ในครั้งนี้ โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นแนวทางการใช้ชีวิตและการประกอบอาชีพ

พี่นุ่น เล่าให้ฟังว่า ก่อนที่จะมาทำธุรกิจดินถุงปลูกต้นไม้ ตนทำธุรกิจส่วนตัวมาก่อน แล้วเกิดปัญหาการขาดทุนเป็นจำนวนเงินสูงกว่า 4-5 ล้านบาท กลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่ต้องมานั่งปรึกษากับคุณพ่อ คือ คุณตาทวน สกุลรัตนาพันธุ์ เจ้าของที่มาของดินคุณตาในปัจจุบันนี้ว่า จะไปทางไหนกันต่อดี และด้วยความที่คุณพ่อมีพื้นฐานอาชีพเดิมเป็นเกษตรกรอยู่แล้ว ประกอบกับเป็นผู้ใหญ่บ้านด้วย จึงค่อนข้างจะมีองค์ความรู้หลากหลาย ท่านจึงแนะนำให้ทดลองทำดินถุงพร้อมปลูก ด้วยมุมมองที่ว่าอาชีพเกี่ยวกับเกษตรกรรม จะเป็นอะไรที่ยั่งยืนและเป็นทางรอด เพราะตั้งแต่เริ่มเกิดโรคระบาด ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น หันมานิยมปลูกผักกินเอง โดยที่ไม่ต้องไปมองตัวอย่างที่ไหนไกล เพราะขนาดที่บ้านตนเองยังมีแปลงผักที่ปลูกไว้กินเอง และถือเป็นการทดลองดินที่จะทำขายไปในตัวว่าปลูกแล้วผลออกมาเป็นเช่นไร ก็ปรากฏว่าผลผลิตออกมาเป็นที่น่าพอใจ ไม่ต้องใส่ปุ๋ยเพิ่ม แถมยังได้ผักออกมามีคุณภาพอีกด้วย

“ดินถุงคุณตา” ดินปลูกต้นไม้ชีวภาพแร่ธาตุสูง
มีค่า pH 6.5 ที่เป็นค่าที่ดีที่สุดในดินเพื่อการเพาะปลูกต้นไม้
หลังจากที่มีแนวทางที่จะไปต่อ พี่นุ่น เล่าว่า เริ่มลงมือทำโดยอาศัยความรู้และประสบการณ์การเป็นเกษตรกรของคุณพ่อเข้ามาช่วย ด้วยการทดลองปรับปรุงสูตรกันเอง จนได้ดินถุงพร้อมปลูกที่มีคุณภาพแร่ธาตุสูงออกมา เริ่มขายในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นับได้ว่าเป็นระยะเวลาไม่นาน แต่ธุรกิจนี้กลับได้ผลตอบรับที่ดีเกินคาด จากเดือนแรกยอดขายได้เพียงหลักหมื่นบาทต่อเดือน และค่อยขยับมาเรื่อยๆ จนมียอดขายเดือนละแสนในเวลาเพียงไม่นาน ด้วยความใส่ใจของคุณพ่อที่พยายามใช้วัตถุดิบปรุงดินจากหลายๆ จังหวัด ส่วนผสมของดินจึงมีแร่ธาตุสูง มีค่า pH 6.5 ซึ่งเป็นค่าที่ดีที่สุดในดินเพื่อการเพาะปลูกต้นไม้ จนทำให้ลูกค้าติดใจกลับมาซื้อซ้ำ จนเกิดเป็นรายได้แบบดีวันดีคืน และยังเป็นการกระจายรายได้ให้กับคนในชุมชนอีกด้วย

“ดินถุงคุณตา” มีทั้งหมด 2 สูตร
คือสูตรชีวภาพ และสูตรใบก้ามปู
เจ้าของบอกว่า ดินคุณตา มีขายด้วยกันทั้งหมด 2 สูตร มีจุดเด่นที่ใช้หน้าดินบึงที่มาของตะกอนซากพืชซากสัตว์หรือที่เรียกว่า ฮิวมัส มีส่วนผสมของขี้วัวเยอะใส่แบบไม่หวง ผสมให้ในสัดส่วนที่เหมาะสม และหมักด้วยอีเอ็ม เพื่อส่งผลให้พืชเจริญเติบโตได้ดี และปรับสภาพได้ดีกว่าการใช้ดินร่วนทรายแบบปกติ เพราะพืชจะงอกได้ดีกับดินเหนียวที่มีความโปร่ง ซึ่งดินคุณตาก็จะมีตัวที่ทำให้ดินโปร่ง คือ ขุยมะพร้าว แกลบดำ ขี้วัว อีเอ็มเป็นตัวประสานตัวทำให้มีไนโตรเจน ออกซิเจน เพิ่มมากขึ้น ทำให้เวลานำไปปลูกดินไม่เสื่อมคุณภาพง่าย

โดยสูตรชีวภาพนี้เป็นสูตรที่เหมาะกับการนำมาปลูกไม้ดอกไม้ประดับ และพืชผักสวนครัว นำไปปลูกผักแล้วไม่ต้องใส่ปุ๋ยเพิ่ม ใช้ดินแทนปุ๋ยได้เลย สมมุติว่า มีพื้นที่ 2×4 เมตร จะใช้ดินประมาณ 20-30 ถุง น้ำหนัก 6 กิโลกรัม ต่อ 1 ถุง ราคาถุงละ 8 บาท ลูกค้าที่เคยซื้อไปใช้แล้วบอกดี 2 วัน แทงยอด หรือบางกรณีต้นเหลือง ก็สามารถนำดินตัวนี้ไปโรยบำรุงแทนปุ๋ย แล้วรดน้ำ เดี๋ยวยอดใหม่จะแทงออกมา เพราะว่าในส่วนผสมของดินมีแร่ธาตุอยู่แล้ว

สูตรใบก้ามปู… ส่วนผสมเหมือนสูตรเดิม เพียงแต่เพิ่มใบก้ามปูลงไป โดยใบก้ามปูจะไปตรึงไนโตเจนมากกว่าพืชตระกูลถั่ว 2 เท่า จึงนิยมใช้กับพืชต้นใหญ่ หรือพืชที่ให้ผล ราคาขายเท่ากัน เพราะอยากให้เกษตรกรได้ใช้ดินที่มีคุณภาพ ประสบผลสำเร็จในการปลูก เจริญเติบโตและดูดซับน้ำได้ดี ได้ดินดีอัตราการรอดก็สูง สามารถปลูกพืชขึ้นได้อย่างที่ใจหวัง เป็นการตอบสนองตอบโจทย์ลูกค้าไปในตัว

อาชีพขายดินก็รวยได้
ต้องบอกก่อนว่า ตอนเริ่มต้นทำดินขายยังไม่ได้คำนึงถึงกำไรสักเท่าไร แต่มองว่าเป็นรายได้ระยะยาว เป็นความยั่งยืนของอาชีพมากกว่า เพราะในอนาคตเกษตรกรรมจะเป็นอะไรที่กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง ยกตัวอย่าง เหตุการณ์ โควิด-19 ที่เกิดขึ้น ทุกคนต้องหยุดอยู่บ้าน และถ้าทุกคนมีผักไว้กินเอง เพื่อลดการจับจ่ายในสถานการณ์ที่รายได้ลดลงจะดีแค่ไหน ตรงนี้ถือเป็นจุดประสงค์แรกที่คิดที่จะทำดินขาย แต่เมื่อทำไปสักพัก จึงรู้ว่าอาชีพขายดินนอกจากจะสร้างอาชีพที่มั่นคงแล้ว ยังสามารถทำให้รวยได้อีกด้วย เพราะทุกวันนี้ดินคุณตาสร้างยอดขายได้หลักแสนบาทต่อเดือน ลูกค้ามาจากทั่วประเทศ มีกรุงเทพฯ และจังหวัดทางภาคอีสานเป็นลูกค้าหลัก สามารถจัดส่งให้ได้ทั่วทุกพื้นที่ แต่ต้องมียอดสั่งขั้นต่ำ 200 ถุง ขึ้นไป คิดค่าส่งตามระยะทางจริง หรือหากใครสะดวกมารับเองที่ร้านก็มาได้ หรือสั่งออนไลน์ได้ที่เพจ ดินคุณตา และเว็บไซต์ดินคุณตาก็ได้เช่นกัน

ฝากถึงเกษตรกร
“อยากให้พี่น้องเกษตรกรลองเปลี่ยนวิธีคิดจากการที่ปลูกพืชด้วยสารเคมีเพื่อเร่งผลผลิต มาเปลี่ยนเป็นใช้ดินที่มีคุณภาพ เพื่อปรับสภาพหน้าดินแล้วลองปลูกเป็นผักที่ปลอดสารพิษ มันจะทำให้เขามียอดขายที่ดีขึ้น เพราะคนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ก็หันมารับประทานอาหารที่ปลอดภัยไร้สารพิษมากขึ้น จะเป็นการสร้างรายได้ให้มากกว่า อย่างตัวเราเองเราก็ยอมจ่าย ถ้าอะไรที่ทำให้สุขภาพเราไม่เสีย ลองปรับเปลี่ยนใช้ดินที่ดีในการเป็นต้นทุนในการปลูก ก็จะได้พืชผลอีกแบบหนึ่ง เพราะว่าเราทดลองใช้ดินตัวเองปลูกผักกินเองแล้ว ผลรับออกมาดี พืชผักงอกงามดี รสชาติหวานกรอบมากกว่า โดยที่ไม่ต้องใช้สารเคมีเลย ใช้เวลาปลูกเพียง 17 วัน ได้กินผักแล้ว” คุณนุ่น กล่าวทิ้งท้าย

“เขาหาว่า ผมบ้า มาปลูกองุ่นกลางท้องนา” คุณธนกฤต ธนศรีตะเวน หนุ่มใหญ่วัยฉกรรจ์ เจ้าของสวนองุ่นธนกฤต บอกเล่าความหลัง เมื่อเขาตัดสินใจพลิกฟื้นผืนนามาทำสวนองุ่นแห่งแรกในอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว

เดิมทีครอบครัวของ คุณธนกฤต ธนศรีตะเวน มีอาชีพทำนา แต่การปลูกข้าว ต้องพึ่งพาน้ำฝนเป็นหลัก ปีไหนฝนฟ้าไม่เป็นใจ ก็ได้ผลผลิตไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย บางปีก็ขายข้าวไม่ได้ราคา ระยะหลังเจอปัญหาภัยแล้งทุกปี ก็สู้ไม่ไหว ตัดสินใจเลิกทำนา หันมาทำสวนองุ่นแทน เพราะองุ่นเป็นไม้ผลที่ให้ผลตอบแทนดี สามารถวางแผนการปลูกให้มีผลผลิตเก็บเกี่ยวได้ตลอดทั้งปี

ในระยะแรก คุณธนกฤตเรียนรู้เรื่องการปลูกดูแลองุ่นจากตำรา และเยี่ยมชมสวนองุ่นในพื้นที่ต่างๆ นำมาประยุกต์ใช้ในสวนองุ่นของตัวเอง จนได้ผลผลิตคุณภาพดี ที่นี่เน้นปลูกองุ่นไร้เมล็ด เมื่อสวนองุ่นเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง เขาเปิดโอกาสให้ผู้สนใจเข้ามาแวะชม-ชิม-ช็อป องุ่นผลสดและน้ำองุ่นในสวน กลายเป็นจุดขาย ทำให้สวนองุ่นแห่งนี้เริ่มเป็นที่รู้จักของชาวบ้าน มีกลุ่มลูกค้าขาประจำแวะเวียนเข้ามาซื้อสินค้าถึงสวนอย่างไม่ขาดสาย กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรชื่อดังของอำเภออรัญประเทศมาจนถึงทุกวันนี้

ปลูกดูแลองุ่น

สวนองุ่นแห่งนี้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องการบริหารจัดการสวนองุ่นแบบมืออาชีพ ที่ผู้สนใจแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมกิจการและแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องการบริหารจัดการสวนองุ่นกับคุณธนกฤตตลอดทั้งปี
คุณธนกฤต หาซื้อกิ่งพันธุ์องุ่น ตอป่า ติดตา จากกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกองุ่นในเฟซบุ๊กมาปลูกในสวน พร้อมลงทุนสร้างโรงเรือนพลาสติกสำหรับปลูกองุ่น เพื่อรักษาคุณภาพผลผลิต เพราะการปลูกองุ่นให้ได้คุณภาพดี จำเป็นต้องป้องกันเรื่องโรคและแมลงอย่างใส่ใจ การคลุมพลาสติกบนค้างองุ่น ช่วยป้องกันน้ำค้าง ซึ่งจะนำโรคเชื้อราน้ำค้างมาสู่ผลองุ่นได้

“องุ่น จะเจริญเติบโตเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับการเตรียมดินเป็นสำคัญ เนื่องจากที่ดินผืนนี้เป็นที่นาเก่า เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมได้ง่าย ผมจึงลงทุนซื้อดินมาถมที่ให้สูงขึ้น เหมาะสำหรับปลูกไม้ผล แต่ปรากฏว่า ดินที่ซื้อมาถมเป็นดินก้นบ่อที่ไม่มีธาตุอาหารเหลืออยู่สำหรับการเติบโตของพืช จึงต้องใส่ปุ๋ยขี้วัว ปุ๋ยขี้ไก่ ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ รวมทั้งปลูกปุ๋ยพืชสด เช่น ปอเทือง ต่อเนื่องจนกระทั่งสภาพดินกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง จึงนำมาใช้ปลูกองุ่นได้” คุณธนกฤต กล่าว

องุ่น เป็นไม้ผลที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตหนาว มีการพักตัวในช่วงฤดูหนาว เมื่อนำมาปลูกในเขตร้อนจำเป็นต้องตัดแต่งกิ่งหรือเถา ทั้งนี้ก่อนตัดแต่งกิ่งต้องงดการให้น้ำอย่างน้อยเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ช่วยให้องุ่นมีรสหวานอร่อยตามธรรมชาติ

สวนองุ่นโดยทั่วไปนิยมใช้เทคนิคการจัดกิ่งองุ่น แบบ “กิ่งก้างปลา” เป็นการจัดการกิ่งอย่างประณีต ช่วยให้ต้นองุ่นสามารถเจริญเติบโตได้เร็วขึ้น สามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตให้เพิ่มมากขึ้น และได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดีขึ้น เทคนิคการจัดกิ่งองุ่น แบบ “กิ่งก้างปลา” ช่วยปรับระยะปลูกให้ห่างขึ้นเพื่อความเหมาะสมต่อการปลูก “องุ่น” ซึ่งเป็นผลไม้เมืองหนาวที่ปลูกเขตร้อนอย่างประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สวนองุ่นธนกฤตจัดกิ่งองุ่นทรงต้นแบบตัว H และ ตัว T ซึ่งเป็นทรงต้นที่เกษตรกรส่วนใหญ่ใช้ในปัจจุบัน การจัดวางกิ่งอย่างเป็นระบบระเบียบ สร้างกิ่งที่ให้ผลผลิต มีจำนวน ความสมบูรณ์ และตำแหน่งของกิ่งได้ตามที่ต้องการ ทำให้ต้นองุ่นมีผลผลิตสูง มีคุณภาพ สม่ำเสมอ ยาวนาน และง่ายต่อการจัดการโรค-แมลง อีกด้วย

สวนองุ่นแห่งนี้ คุณธนกฤต ปลูกดูแลคนเดียว แค่รดน้ำอย่างเดียวก็ใช้เวลาแทบจะหมดวันแล้ว จึงลงทุนติดตั้งอุปกรณ์ให้น้ำแบบตั้งเวลา ระบบน้ำหยด พร้อมกับพัฒนาการผลิตองุ่นให้ได้มาตรฐาน GAP เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคและเพิ่มมูลค่าสินค้าไปด้วยในตัว

กังหันลม ให้ประโยชน์ 2 ต่อ

คุณธนกฤต ติดตั้งระบบกังหันลมภายในสวนแห่งนี้ เพื่อเพิ่มความสวยงามและเป็นสัญลักษณ์ประจำสวน ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูป ต่อมาคุณธนกฤตสังเกตเห็นว่า กังหันลมมีประโยชน์มากกว่าความสวยงาม เนื่องจากช่วยส่งสัญญาณเตือนเรื่องการดูแลป้องกันโรคแมลงในช่วงเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอีกด้วย

“ผมสังเกตเห็นว่า ช่วงฤดูหนาว กังหันลมจะหมุนทวนเข็มนาฬิกา หากกังหันลมพัดตามเข็มนาฬิกาเมื่อใด แสดงว่า เปลี่ยนเข้าสู่ช่วงฤดูลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้แล้ว เตือนให้เราเตรียมตัวป้องกันพวกโรคและแมลง ไม่ให้เข้ามารบกวนในสวนองุ่น เช่น แมลงค่อม ที่มักกัดกินใบและยอดอ่อนของต้นองุ่น กลายเป็นว่า วันนี้ กังหันลม ช่วยสร้างประโยชน์ 2 ต่อ คือ 1. ด้านความสวยงาม 2. ช่วยเตือนภัยป้องกันโรคและแมลงไปในตัว” คุณธนกฤต กล่าว

สายพันธุ์องุ่น

สวนองุ่นธนกฤต ปลูกสะสมสายพันธุ์องุ่นไว้มากมาย ได้แก่ องุ่นไร้เมล็ดรับประทานสด องุ่นพันธุ์รูทเพอเรท องุ่นพันธุ์แบล็คโอปอล องุ่นพันธุ์แบล็คบิวตี้ องุ่นพันธุ์บิวตี้ชีดเลส องุ่นพันธุ์ซีราส์ หรือ ชีราซ (Syrah หรือ Shiraz) ซึ่งเป็นสายพันธุ์องุ่นชื่อดังที่นิยมใช้ทำไวน์ สีดำปนน้ำตาลเข้ม รสชาติเข้มหนา ติดรสฝาดแต่อร่อย “คนไทยส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่า องุ่นเป็นไม้ผลเมืองหนาว ปลูกได้เฉพาะพื้นที่ที่มีภูมิอากาศหนาว ความจริงแล้ว มีสายพันธุ์องุ่นที่นำมาปลูกในเขตร้อนจะมีลักษณะใบเขียวตลอดปี ไม่มีการพักตัวตามธรรมชาติ จึงต้องใช้การตัดแต่งเพื่อให้ต้นองุ่นได้พักตัว และแตกตาดอก ตาใบได้ ที่นิยมปลูกกันทั่วไปในเมืองไทยมีทั้งชนิดผลสีดำ ผลสีแดง และผลสีเขียว ได้แก่ พันธุ์แบล็คโอปอล พันธุ์รูทเพอเรท (Loose Perlette) และพันธุ์บิวตี้ซีดเลส ทั้ง 3 สายพันธุ์ ทนต่ออากาศร้อนได้ดี ปลูกไปราว 8 เดือน หลังตัดแต่งกิ่งจะเริ่มให้ผลผลิตที่มีรสชาติหวาน กรอบ อร่อย” คุณธนกฤต กล่าว

องุ่นแต่ละสายพันธุ์มีลักษณะเด่นที่แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่าง เช่น องุ่นพันธุ์รูทเพอเรท (Loose Perlette) ผลสีเขียว ทรงกลมๆ สีเขียว ไร้เมล็ด หวาน กรอบ อร่อย กลิ่นหอม วัดเป็นเปอร์เซ็นต์ความหวานของผลองุ่นได้ 18-24 เปอร์เซ็นต์บริกซ์ ซึ่งถือได้ว่ามีรสชาติที่หวานมาก ส่วนองุ่นพันธุ์แบล็คโอปอล โดดเด่นเรื่องรสชาติหวาน กรอบ และมีขนาดผลเล็ก

องุ่นพันธุ์บิวตี้ซีดเลส (BEAUTY seedless) เป็นองุ่นไม่มีเมล็ด ทรงผลรี มีขนาดปานกลาง สีดำ ช่อใหญ่ ออกดอกติดผลง่าย รสชาติอร่อย หวานกรอบ เป็นที่นิยมของผู้บริโภคและมีราคาแพง อายุต่ำ ตัดแต่งกิ่งจึงจะเก็บผล 4 เดือนครึ่ง ขึ้นอยู่กับช่วงฤดูและสภาพพื้นที่ ซึ่งองุ่นพันธุ์บิวตี้ซีดเลสสามารถบังคับให้ออกผลได้ 2 ปี 5 ครั้ง ผู้ปลูกองุ่นสามารถคืนทุนได้ภายใน 1-2 ปี โดยตัดแต่งกิ่งให้มีผลผลิตออกได้ทุกเดือน เกษตรกรส่วนใหญ่นิยมตัดแต่งกิ่งให้มีผลผลิตแก่เก็บเกี่ยวตรงกับช่วงเทศกาล เช่น ปีใหม่ ตรุษจีน ฯลฯ

สวนองุ่นธนกฤต นอกจากจำหน่ายองุ่นผลสดให้แก่ผู้สนใจแล้ว ยังมีสินค้าเด่นคือ น้ำองุ่น 2 รสชาติ ฉลากสีแดง ผลิตจากองุ่นไร้เมล็ด รสชาติหวาน หอม อร่อย ส่วนน้ำองุ่นฉลากสีม่วง ผลิตจากองุ่นดำ พันธุ์ชีราซ ที่นิยมใช้ทำไวน์องุ่น

องุ่นดำพันธุ์ชีราซ เมื่อนำมาแปรรูปเป็นน้ำองุ่นสดจะมีรสเข้มข้น ติดรสฝาดแต่อร่อย ดื่มแล้วดีต่อสุขภาพ เพราะองุ่นดำอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและมีแคลอรีต่ำ มีสารต้านอนุมูลอิสระในองุ่นดำที่ช่วยในการขับสารพิษออกจากร่างกาย ยังมีประโยชน์ช่วยในการทำงานของหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ ช่วยเพิ่มการสร้างเกล็ดเลือดและเพิ่มการผลิตไนตริกออกไซด์เพื่อช่วยปกป้องเส้นเลือดแดง และช่วยต่อต้านความเครียดอีกด้วย

เปิดให้ชมสวนได้ทุกวัน

ปัจจุบัน สวนองุ่นธนกฤต มีจุดขายสำคัญ เรื่อง “องุ่นไร้เมล็ด เมืองชายแดนอรัญประเทศ” เป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มนักท่องเที่ยว ในฐานะสวนองุ่นปลอดสารพิษ เพื่อการท่องเที่ยวเชิงเกษตร มีกังหันเป็นสัญลักษณ์ประจำสวน เปิดโอกาสให้ผู้สนใจแวะชมสวนฟรีทุกวัน ตั้งแต่ 08.30-17.30 น. สินค้าเด่น ได้แก่ องุ่นผลสด น้ำองุ่นสดหวานอร่อย น้ำองุ่นสดปั่น พุทรานม มัลเบอรี่ มะเดื่อฝรั่ง (ฟิก) สายพันธุ์อีรัคกี้ (Iraqi) และจำหน่ายกิ่งพันธุ์องุ่น ต้นละ 150 บาท ตอป่าติดตาพร้อมปลูก…ไม่ต้องรอลุ้น

การเดินทางไปสวนองุ่นแห่งนี้ไม่ยาก สวนองุ่นธนกฤตตั้งอยู่เลขที่ 90 หมู่ที่ 8 บ้านหนองเทา ตำบลบ้านใหม่หนองไทร อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว 27120 หากไม่มั่นใจเส้นทาง สอบถามได้ที่เบอร์โทร. 081-927-8548

ยุคใหม่ของเกษตรกรไทยมาถึงแล้ว “Kaset Go” แอปชุมชนออนไลน์ของคนเกษตร มีคำตอบทุกปัญหาเรื่องเกษตร พร้อมผู้เชี่ยวชาญคอยช่วยการันตีรู้จริง! ทำได้จริง! เปิดให้โหลดฟรี แล้ววันนี้กับ แอปพลิเคชัน “Kaset Go” Go ให้ไกล…ไปด้วยกัน ชุมชนออนไลน์ของคนเกษตร เป็นพื้นที่ที่ให้เกษตรกรทั่วประเทศ เข้ามาพูดคุยกัน เพื่อแบ่งปันความคิดและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไปพร้อมๆกัน

พร้อมทั้งมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเกษตร มาตอบคำถาม สมัครเว็บคาสิโน ให้คำแนะนำแนวทางการแก้ไขปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องการเกษตร ทั้งเรื่องการเพาะปลูก และการต่อยอดธุรกิจเกษตรกรรมที่เชื่อถือได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และในแอปยังมีข้อมูลอีกมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องเกษตรกรไทย

บนแอปพลิเคชัน Kaset Go มีจุดเด่นๆ ดังนี้

– เป็นพื้นที่พูดคุยออนไลน์ของเกษตรกรทั่วไทย โดยรวมเกษตรกรจากหลายกลุ่มพืชหลายพืชผลมาพูดคุย แลกเปลี่ยนความรู้กัน ช่วยกันแก้ปัญหาต่างๆ

– มีผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรช่วยเหลือตอบคำถามของเหล่าเกษตรกร – มีผู้เชี่ยวชาญการเกษตรช่วยการันตีความถูกต้องของคำตอบต่างๆที่สมาชิกเกษตรกร ช่วยเหลือกันใน Kaset Go หากคำตอบใดถูกต้องตามหลักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตร จะกดรับรองข้อมูล เพื่อยืนยันว่า คำตอบนั้น ถูกต้องและเชื่อถือได้ เพื่อลดปัญหาการแชร์คำตอบที่ไม่ถูกต้องในชุมชนออนไลน์นี้ และทำให้คำตอบที่ได้สามารถนำไปใช้ได้จริง

– ใช้งานง่ายเพียงแค่ใช้บัญชี Facebook, Line หรือ Apple ID ก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนเกษตรออนไลน์ได้เลย นี่คือแอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อพี่น้องเกษตรกรมืออาชีพจริงๆ Kaset Go พร้อมรับฟังความคิดเห็น ความต้องการของเกษตร เพื่อพัฒนาให้ Kaset Go ตอบโจทย์ของเกษตรกร

หม่อนหิมาลายัน มีถิ่นกำเนิดจากเทือกเขาหิมาลัยและเทือกเขาทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ที่มีระดับสูงกว่าน้ำทะเล 2,300 เมตร เป็นไม้ผลัดใบ ขนาดเล็ก ที่สูงถึง 15 เมตร ชื่อวิทยาศาสตร์ โมรัสเซอราต้า อยู่ในสปีชีส์ มัลเบอรี่ มีสองสี สีขาว และแดงอมม่วง ขนาดผลยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร มีรสหวาน

หม่อนหิมาลายัน เป็นพืชที่พัฒนาพันธุ์ และขยายพันธุ์โดยการเสียบยอด โดยใช้ต้นตอพันธุ์พื้นเมืองบ้านเรา หม่อนหิมาลายัน มีสองสี คือ ไวท์หิมาลายัน มัลเบอรี่ และ เรดหิมาลายัน มัลเบอรี่ แต่การพัฒนาพันธุ์ทำให้ปลูกได้ในเขตร้อน เช่น ประเทศไทยเรา ผู้เขียนได้สอบถามเกษตรกรผู้ที่ปลูกหม่อนหิมาลายัน คือ อาจารย์วิเชียร บุญเกิด แห่งสวนสุวรรณีปรางทอง กำแพงเพชร

“ผมปลูกมาหลายปีแล้วครับ เหมาะสำหรับปลูกไว้ดูเล่นเป็นไม้ประดับได้ และสร้างรายได้เสริมให้ชาวบ้าน เพราะหม่อนหิมาลายันนี้มีลักษณะผลยาว 3-4 นิ้ว และรสชาติหวาน ไม่มีเปรี้ยวผสมเลยครับ” อาจารย์บอก

จากข้อมูลประสบการณ์ตรงที่สวนอาจารย์วิเชียร หม่อนหิมาลายัน ถือว่าเป็นต้นไม้ที่ปลูกไว้คลายเครียดได้ เพราะจะให้ผลผลิตตลอดทั้งปี สีสันสวยงาม อยู่ที่การดูแลและตัดแต่งกิ่ง อาจารย์วิเชียร ได้บอกกับผู้เขียนว่า ต้นหิมาลายัน ที่สวนอาจารย์ทำไมถึงสวยงาม สมบูรณ์ ท่านใช้ต้นตอพันธุ์จากพันธุ์เชียงใหม่ 60 เพราะว่าทนแล้งได้ดี และทนต่อโรคพืช นำต้นหม่อนหิมาลายันมาเสียบยอด เป็นเคล็ดลับจากการลองผิดลองถูก จึงได้ต้นพันธุ์ที่ปลูกได้สมบูรณ์และสามารถปลูกได้ทุกที่ในประเทศไทยและประเทศใกล้เคียง