ปลูก ‘ข้าวอินทรีย์’ แจกฟรี 1.35 แสน เกษตรฯ อัดหมื่นล้านดัน

ไทยขึ้นอันดับ 5 ของเอเชียกระทรวงเกษตรฯ ดันยุทธศาสตร์เกษตรอินทรีย์แห่งชาติ ใช้งบ 1 หมื่นล้าน 5 ปี เพิ่มพื้นที่ 6 แสนไร่ ขึ้นแท่นอันดับ 5 ผู้ผลิตรายใหญ่ของเอเชีย ชาวนาปลูกข้าวอินทรีย์ อุดหนุนเงินให้เปล่า 1.35 แสนบาท ชง 4 มาตรการ ช่วยสวนยางเข้าครม.อัดหมื่นล้านดูดซับผลผลิต

พล.อ. ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ พ.ศ. 2560-2564 ภายใต้งบประมาณ 1 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้เป็นแนวทางขับเคลื่อนและพัฒนาเกษตรอินทรีย์ในระยะ 5 ปี เป้าหมายปี 2564 จะเพิ่มพื้นที่เกษตรอินทรีย์ไม่น้อยกว่า 600,000 ไร่ และมีจำนวนเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 30,000 ราย

โดยสินค้าเกษตรอินทรีย์จะจำหน่ายในประเทศ 40% และจำหน่ายตลาดต่างประเทศ 60% ผลการตรวจรับรองเกษตรอินทรีย์รายใหม่ในปี 2560 รวมทั้งประเทศ เกษตรกร 3,671 ราย พื้นที่เพิ่มขึ้น 33,372 ไร่ โดยแยกเป็นข้าว 30,355 ไร่ พืชผสมผสาน 2,577 ไร่

ปัจจุบัน มีพื้นที่ผลิตเกษตรอินทรีย์ทั่วโลก รวม 318 ล้านไร่ ใน 183 ประเทศ ในขณะที่ด้านการตลาดมีมูลค่าสินค้าเกษตรอินทรีย์ทั่วโลก รวม 3.0 ล้านล้านบาท สำหรับไทยมีพื้นที่ผลิต รวม 0.3 ล้านไร่ ถือเป็นอันดับ 8 ของเอเชีย และอันดับ 60 ของโลก

การเดินหน้ายุทธศาสตร์เกษตรอินทรีย์ 1,333,860 ไร่ ตั้งเป้า 5 ปี ไทยสามารถผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ได้อันดับ 5 ของเอเชีย จากปัจจุบันอันดับ 8 แต่ต้องเข้าใจว่าการทำเกษตรอินทรีย์ ในช่วงแรกผลผลิตของเกษตรกรจะลดลงมาก กว่าจะสามารถมีผลผลิตได้ใกล้เคียงกับการใส่ปุ๋ยเคมี ก็ประมาณปีที่ 4-5

“ดังนั้น เกษตรกรที่ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการทำเกษตรอินทรีย์จะได้รับเงินสนับสนุน เพื่อปรับเปลี่ยนอาชีพ แตกต่างไปตามชนิดของสินค้าเกษตร อาทิ ข้าว จะได้รับเงินอุดหนุน หรือเงินให้เปล่าประมาณ 1.35 แสนบาท ในระยะเวลา 3 ปี ภายใต้เงื่อนไข ปีแรก 2 พันบาท/ไร่ ปี 2 จำนวน 3 พันบาท/ไร่ และปีที่ 3 จำนวน 4 พันบาท/ไร่ รายละไม่เกิน 15 ไร่ ไม่รวมการให้สินเชื่อเพื่อเปลี่ยนอาชีพในอัตราดอกเบี้ยต่ำ” รมว.เกษตรฯ กล่าว

พล.อ. ฉัตรชัย กล่าวอีกว่า สัปดาห์หน้าเตรียมเสนอ 4 มาตรการ ตามมติของคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) เพื่อช่วยเหลือชาวสวนยางพารา เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบเรื่องสำคัญคือ สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อรวมยางพาราทั้งระบบ วงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและดูดซับผลผลิตที่จะออกมาสู่ตลาด โดยรัฐบาลจะชดเชยรับภาระดอกเบี้ยไม่เกิน 3%

พล.อ. ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรฯ กำลังเดินหน้าตามยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ พ.ศ. 2560-2564 ภายใต้งบประมาณ 1 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้เป็นแนวทางขับเคลื่อนและพัฒนาเกษตรอินทรีย์ในระยะ 5 ปี เป้าหมาย ปี 2564 จะเพิ่มพื้นที่เกษตรอินทรีย์ไม่น้อยกว่า 600,000 ไร่ และมีจำนวนเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 30,000 ราย โดยสินค้าเกษตรอินทรีย์จะจำหน่ายในประเทศ40% และจำหน่ายตลาดต่างประเทศ 60% ทั้งนี้ ผลการตรวจรับรองเกษตรอินทรีย์รายใหม่ในปี 2560 รวมทั้งประเทศ ขณะนี้มีเกษตรกรทั้งสิ้น 3,671 ราย พื้นที่เพิ่มขึ้น 33,372 ไร่ โดยแยกเป็น ข้าว 30,355 ไร่ พืชผสมผสาน 2,577 ไร่

“ปัจจุบันมีพื้นที่ผลิตเกษตรอินทรีย์ทั่วโลก รวม 318 ล้านไร่ ใน 183 ประเทศ มีมูลค่าสินค้าเกษตรอินทรีย์ทั่วโลก รวม 3 ล้านล้านบาท โดยไทยมีพื้นที่ผลิต รวม 3 แสนไร่ เป็นอันดับ 8 ของเอเชีย และอันดับ 60 ของโลก ซึ่งยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติจะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในภูมิภาคทั้งด้านผลิต การค้า การบริโภค และการบริการ โดยภายใน 5 ปี ไทยจะสามารถผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ได้อันดับ 5 ของเอเชีย” พล.อ. ฉัตรชัย กล่าว

นายสุวิทย์ ชัยเกียรติยศ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ในปี 2560 ได้ดำเนินนโยบายเกษตรอินทรีย์เป็น 2 ส่วน คือที่จังหวัดยโสธร ซึ่งมีการปลูกข้าวอินทรีย์เป็นพืชหลัก ปลูกพืชผักหลังนา และเลี้ยงไก่อินทรีย์เป็นกิจกรรมเสริม และพื้นที่ทั่วไปซึ่งมีกิจกรรมหลากหลาย ทั้งพืช ปศุสัตว์ และประมงอินทรีย์ ส่วนกลไกขับเคลื่อนการดำเนินงานได้แบ่งเกษตรกรออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มเริ่มใหม่ กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มเกษตรกรที่พร้อมยกระดับ และกลุ่มสุดท้าย ได้รับการรับรองเกษตรอินทรีย์แล้ว

นายธีรวัฒน์ บุญสม ผู้อำนวยการกองประเมินผลและจัดการความรู้งานวิจัย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เป็นประธานมอบเครื่องอบแห้งแบบถังทรงกระบอกหมุนด้วยรังสีอินฟราเรดร่วมกับลมร้อนปล่อยทิ้งแบบเคลื่อนย้ายได้ ให้กับ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวชุมชนบ้านโนนรัง ตำบล สาวิถี อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น
นายธีรวัฒน์ บุญสม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองประเมินผลและจัดการความรู้งานวิจัย วช. เข้าร่วมกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ ของโครงการที่ได้รับการขึ้นบัญชีสิ่งประดิษฐ์ไทย และได้รับการสนับสนุนโครงการส่งเสริมและสนับสนุนต่อยอดสิ่งประดิษฐ์ไทย ประจำปี ๒๕๕๙ เรื่อง “เครื่องอบแห้งแบบถังทรงกระบอกหมุนด้วยรังสีอินฟราเรดร่วมกับลมร้อนปล่อยทิ้งแบบเคลื่อนย้ายได้” ณ ที่ทำการวิสาหกิจชุมชน ศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวชุมชนบ้านโนนรัง จังหวัดขอนแก่น โดยกิจกรรมในงานได้มีการให้ความรู้และสาธิตการใช้เครื่อง

หลังจากนั้นได้มีการมอบเครื่องดังกล่าวให้แก่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ผลิตเมล็ดพันธ์ข้าวชุมชนบ้านโนนรัง ตำบลสาวะถี อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น และ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตเมล็ดพันธ์ข้าวบ้านหนองช้าง ตำหนองแวง อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเครื่องอบแห้งดังกล่าว เป็นผลงานประดิษฐ์คิดค้นของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จักรมาส เลาหวณิช แห่งมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ทั้งนี้มีเกษตรกร ประธานวิสาหกิจชุมชนผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวชุมชนบ้านโนนรัง และผู้แทนของหน่วยงานในพื้นที่ อาทิ ผู้แทนจาก สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า จ.ร้อยเอ็ด ผู้แทนจาก ธกส. จ.ร้อยเอ็ด และผู้นำจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต่าง ๆ ในกลุ่มจังหวัด “ร้อยแก่นสารสินธุ์” เข้าร่วมการอบรม จำนวน ๑๐๐ คน

การยางแห่งประเทศไทย เดินหน้าจัดโครงการด้านการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม มุ่งเน้นให้เกิดการ บูรณาการด้านความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วนที่มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อพัฒนาสังคมในทุกมิติ

นายเชาว์ ทรงอาวุธ รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทยด้านบริหาร เผยว่า กยท. มุ่งมั่นและให้ความสำคัญในการดำเนินงานด้านการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) มาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2560 กยท. ได้ดำเนินงานโครงการด้าน CSR ต่างๆ มากมายหลายโครงการ ได้แก่ โครงการเศรษฐกิจพอเพียง โครงการนำร่องปลูกป่าแบบยั่งยืนในสวนยางพารา โครงการร่วมปลูกป่าและบริจาคเงินสมทบ “โครงการน้อมใจถวาย 6 ล้านกล้า ฟื้นฟูป่าอนุรักษ์ เฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เพื่อลดภาวะโลกร้อน” โครงการปลูกป่าในพื้นที่สาธารณประโยชน์ (ครองราชย์ครบ 70 ปี) โครงการสาธารณกุศลเพื่อชุมชน โครงการฝายชะลอน้ำ โครงการยางปูพื้นสนามเด็กเล่น โครงการทุนการศึกษา กยท. และโครงการรณรงค์ต่อต้านการคอรัปชั่น เป็นต้น โครงการต่างๆ เหล่านี้ เน้นประโยชน์พัฒนานำไปสู่ความยั่งยืนให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง และประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ โดยใช้กระบวนการบูรณาการเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมทั้งจากคนในชุมชน หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ซึ่งนอกจากความสุขที่ได้จะเกิดขึ้นแก่คนในชุมชนนั้นๆ แล้ว ยังก่อให้เกิดความสามัคคีอันเกิดจากความร่วมมือของทุกคนอีกด้วย

นายเชาว์ กล่าวต่อว่า ล่าสุด กยท. ได้สำรวจพื้นที่ต่างๆ พบว่า จังหวัดน่าน กำลังประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ใช้ในการอุปโภคบริโภค และใช้ในการทำเกษตรกรรม จึงมีแนวคิดสร้างและซ่อมแซมฝายชะลอน้ำใน 3 หมู่บ้าน จาก 3 อำเภอจังหวัดน่าน คือ (1) บ้านต้นผึ้ง เขตพื้นที่อำเภอปัว (2) บ้านเหนือวัด เขตพื้นที่อำเภอเมือง และ (3) บ้านพี้เหนือ เขตพื้นที่อำเภอบ้านหลวง เพื่อชะลอการไหลแรงของน้ำในช่วงฤดูฝน สร้างความชุ่มชื้นแก่ป่าบริเวณต้นน้ำ รักษาทรัพยากรธรรมชาติและความสมดุลของระบบนิเวศน์ในพื้นที่ให้มีความสมบูรณ์ รวมถึงเป็นการกักเก็บน้ำไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภคและใช้ทำการเกษตรแก่ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่ง กยท. ได้ร่วมกับผู้นำชุมชน ประชาชน หน่วยงานราชการในพื้นที่ ภาคีเครือข่ายของแต่ละพื้นที่ ทั้ง 3 หมู่บ้าน ดำเนินการสร้างและซ่อมแซมฝายชะลอน้ำสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ซึ่งเกิดจากความร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน

“กยท. มีความพร้อมในการดำเนินการโครงการการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ตามกรอบแผนที่วางไว้ในปีงบประมาณ 2560 อย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อเป็นการบูรณาการให้เกิดการพัฒนาต่อสังคมร่วมกันในทุกมิติ” นายเชาว์กล่าวทิ้งท้าย

ด้านนายชัยศรี โชติรุ่งโรจน์ ผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทยเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง กล่าวถึง โครงการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) “การเลี้ยงปลาในบ่อเคลือบน้ำยาง” จ.นครราชสีมา ว่า โครงการนี้ กยท.ได้ร่วมกับสำนักงานประมงจังหวัดนครราชสีมา และสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครราชสีมา ณ ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้แนวคิดส่งเสริมการใช้ยางในหน่วยงานภาครัฐ หวังที่จะสนับสนุนให้เกษตรกรชาวสวนยางมีการดำเนินชีวิตตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการประกอบอาชีพเสริมด้วยการเลี้ยงปลา ซึ่งจะเป็นทางเลือกให้เกษตรกรชาวสวนยางมีรายได้ทางเลือกเพิ่มขึ้น และยังเป็นการส่งเสริมการใช้ยางแทนการใช้ถุงพลาสติกที่มีอายุการใช้งานเพียง 2 ปีสำหรับรองพื้นบ่อ

นายธนพันธ์ ชำนาญธนา ผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทย จ.นครราชสีมา กล่าวว่า การปูบ่อเลี้ยงปลาด้วยน้ำยางพาราจะมีอายุการใช้งานได้นานถึง 10 ปี โดยการนำน้ำยางผสมกับสารเคมีปูพื้นบ่อเลี้ยงปลา ซึ่ง กยท. ทำบ่อเลี้ยงปลาดังกล่าวให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง จำนวน 5 ครัวเรือนในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา พร้อมทั้งสนับสนุนเงินค่าพันธุ์ปลาและอาหารปลา รวมถึงพันธุ์ไม้และเมล็ดพันธุ์ผัก ร่วมทั้งการมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียนในพื้นที่ด้วย

ดร.ลักษมี ปลั่งแสงมาศ ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายธัชพล เกียรติวิชชุกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทคอสซูติค อินโนเวชั่น แลบอราทอรี่ส์ จำกัด ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง “การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตผลิตภัณฑ์เวชสำอางนาโนเอสเซ้นท์เซรั่ม VITISTRA บำรุงผิวหน้าจากสารสกัดโอลิโกเมอริกโปรแอนโธรไซยานิดินจากเมล็ดองุ่นสู่เชิงพาณิชย์” เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2560 ณ ห้องประชุม กวท. อาคารวิจัยและพัฒนา 1 วว. เทคโนธานี คลองห้า จ.ปทุมธานี

ผลิตภัณฑ์เวชสำอางนาโนเอสเซ้นท์เซรั่ม “วิทิสตรา (VITISTRA)” จากสารสกัดเมล็ดองุ่นไทย วิจัยและพัฒนา โดย ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร วว. อุดมด้วยสาร oligomeric proanthocyanidin (OPC) สารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพสูงกว่าวิตามินซีและวิตามินอี พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยวิทยาการนาโนเทคโนโลยีช่วยให้สามารถกักเก็บสาร OPC ให้มีความคงตัวและมีขนาดอนุภาคเล็กกว่า 100 นาโนเมตร จึงสามารถซึมลงสู่ใต้ผิวหนังและออกฤทธิ์กระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (fibroblast) ให้ผลิตคอลลาเจนมากขึ้นถึง 70% และกระตุ้นการสร้างอีลาสตินเพิ่มขึ้น 15% จึงช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น แข็งแรง เรียบตึง

กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศ ประจำวันที่ 11 มิถุนายน 2560 ดังนี้

ลักษณะอากาศทั่วไป พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังคงมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนที่อาศัยในที่ราบลุ่ม ที่ลาดเชิงเขาบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย สำหรับภาคใต้มีปริมาณฝนลดลง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนงดออกจากฝั่ง

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา poipetsix.co.uk หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมทะเลจีนใต้ ประกอบกับมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันตอนบนและประเทศไทยมีกำลังอ่อน แต่ยังคงทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร สำหรับหย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณอ่าวเบงกอลตอนกลางและชายฝั่งประเทศอินเดียมีทิศทางการเคลื่อนตัวไปทางอ่าวเบงกอลตอนบนและประเทศบังคลาเทศ

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก อุตรดิตถ์ พิษณุโลก กำแพงเพชร และสุโขทัย
อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภู หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร
นครพนม ชัยภูมิ และขอนแก่น
อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี กาญจนบุรี
ราชบุรี สุพรรณบุรี และนครปฐม
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่
บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม/ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต
อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
จังหวัดระนองขึ้นไป: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม/ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร
จังหวัดภูเก็ตลงมา: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม/ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศ ประจำวันที่ 11 มิถุนายน 2560 ดังนี้ ลักษณะอากาศทั่วไป พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังคงมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนที่อาศัยในที่ราบลุ่ม ที่ลาดเชิงเขาบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย สำหรับภาคใต้มีปริมาณฝนลดลง

ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนงดออกจากฝั่ง

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมทะเลจีนใต้ ประกอบกับมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันตอนบนและประเทศไทยมีกำลังอ่อน แต่ยังคงทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร สำหรับหย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณอ่าวเบงกอลตอนกลางและชายฝั่งประเทศอินเดียมีทิศทางการเคลื่อนตัวไปทางอ่าวเบงกอลตอนบนและประเทศบังคลาเทศ

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก อุตรดิตถ์ พิษณุโลก กำแพงเพชร และสุโขทัย
อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภู หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร
นครพนม ชัยภูมิ และขอนแก่น
อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี กาญจนบุรี
ราชบุรี สุพรรณบุรี และนครปฐม
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่
บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม/ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร