ปีติ “พระองค์ที” เสด็จเยี่ยมปชช.ร่วมพระราชพิธีฯ พร้อมทรงทำ

กิจกรรมจิตอาสาเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 ตุลาคม พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ในฉลองพระองค์จิตอาสาสีดำ พระมาลาสีฟ้า และผ้าพันพระศอจิตอาสาสีเหลือง ได้เสด็จมายังวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร เพื่อทรงร่วมทำกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” กับประชาชนจิตอาสาที่มารอเฝ้ารับเสด็จ

เมื่อเสด็จถึง ทรงถวายสักการะพระราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จากนั้นเสด็จไปที่โบสถ์วัดราชบพิธฯ เพื่อนมัสการพระพุทธอังคีรส พระประธานของโบสถ์ โดยระหว่างพระดำเนินทรงทำวันทยหัตถ์ตอบรับการถวายความเคารพจากประชาชนจิตอาสา สร้างความปลาบปลื้มให้กับประชาชน

จากนั้น ถวายสังฆทานแด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และสนทนาธรรมกับสมเด็จพระสังฆราช ก่อนเสด็จไปทำกิจกรรมจิตอาสายังสุสานหลวง ทรงวางพวงมาลัยถวายสักการะพระราชสรีรางคารภายในอนุสรณ์สถานรังษีวัฒนา ต้นราชสกุลมหิดล และอนุสาวรีย์เจ้าจอมมารดาอ่วม ซึ่งภายในบรรจุสรีรางคารของเจ้าจอมมารดาอ่วม พิศลยบุตร และพระโอรส รวมทั้งสมาชิกสายราชสกุลกิติยากร

ต่อมา ทรงทำความสะอาดหน้าต่างกระจกสีด้านข้างอนุสรณ์สถานรังษีวัฒนา และทรงทำความสะอาดบานประตูสุนันทานุสาวรีย์ ซึ่งภายในบรรจุพระสรีรางคาร สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี (สมเด็จพระนางเรือล่ม) ก่อนเสด็จไปทรงทาสีกำแพงวัด

จากนั้นเวลา 11.25 น. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ เสด็จไปยังศาลหลักเมือง เพื่อประทานอาหาร ได้แก่ ขนมปังไส้ถั่วแดง ขนมปังหมูหยองมายองเนส น้ำดื่ม ยาหม่อง พิมเสนน้ำ ให้แก่พสกนิกรที่มาปักหลักร่วมชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ร่วมกับพระอาจารย์และเหล่าแพทย์จิตอาสาจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลภูมิพล พยาบาลจิตอาสาสี่เหล่าทัพ โดยได้เสด็จไปตามถนนราชดำเนินในจากหน้าศาลหลักเมือง ถึงศาลฎีกา จากนั้นเสด็จเข้ามณฑลพิธีท้องสนามหลวง ทอดพระเนตรพระเมรุมาศ พระที่นั่งทรงธรรม และเสด็จกลับในเวลา 12.26 น.

การนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ทรงโบกพระหัตถ์และทรงแย้มพระสรวลให้กับประชาชนที่มาปักหลักรอคิวตลอดเส้นทาง โดยประชาชนที่อยู่ลึกเข้าไปแถวที่ 2 และ 3 นั้น พระองค์ทรงโน้มพระวรกายเข้าไปประทานของให้กับประชาชนด้วยพระองค์เอง ทั้งยังเสด็จเข้าไปในบริเวณที่ประชาชนนั่งอยู่ด้วย ซึ่งประชาชนต่างตื่นเต้นที่ได้รับเสด็จ เนื่องจากไม่ได้เห็นพระองค์เป็นเวลานาน หลังจากเสด็จไปศึกษาต่อที่ประเทศเยอรมนี โดยเปล่งเสียงทรงพระเจริญ ทรงพระรูปหล่อ ซึ่งประชาชนที่ได้รับของประทานต่างรู้สึกปลาบปลื้มและสำนึกในพระกรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม นายวรานนท์ ปีติวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กรมการจัดหางาน เปิดรับสมัครคัดเลือกผู้รับการฝึกอบรมเพื่อจัดส่งไปฝึกงานปฏิบัติงานเทคนิคในประเทศญี่ปุ่น โดยผ่านองค์กร IM Japan ตำแหน่งคนงานทั่วไป ระยะเวลาฝึกงาน 3 ปี โดย IM ประเทศญี่ปุ่น จะจ่ายค่าโดยสารเครื่องบินไป-กลับ (กรุงเทพฯ – โตเกียว – กรุงเทพฯ) และได้รับเบี้ยเลี้ยงตลอดการฝึกงาน โดยในเดือนแรกได้รับเบี้ยเลี้ยงเดือนละ 80,000 เยน หรือประมาณกว่า 23,000 บาท และรับผิดชอบค่าที่พัก ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ ยกเว้นค่าอาหาร ค่าโทรศัพท์ และค่าใช้จ่ายส่วนตัว เดือนที่ 2 ถึงเดือนที่ 36 จะฝึกปฏิบัติงานเทคนิคภายใต้สัญญาจ้างตามกฎหมายแรงงานญี่ปุ่น ได้รับค่าจ้างไม่น้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด ผู้ฝึกปฏิบัติงานเทคนิคจะต้องรับผิดชอบค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าสาธารณูปโภคต่างๆ และค่าประกันสังคม รวมทั้งค่าภาษีตามที่กฎหมายกำหนด

เมื่อสำเร็จการฝึกปฏิบัติงานแล้วจะได้รับใบประกาศนียบัตรรับรองการฝึกงาน พร้อมเงินสนับสนุนในการประกอบอาชีพเมื่อเดินทางกลับประเทศไทยอีกจำนวน 600,000 เยน หรือประมาณกว่า 175,000 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2560) คุณสมบัติเป็นเพศชาย อายุ 20 – 30 ปี จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ไม่จำกัดสาขาวิชา ส่วนสูงไม่ต่ำกว่า 160 ซม. สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ สายตาปกติ และตาไม่บอดสี พ้นภาระการรับราชการทหาร ไม่มีรอยสัก หรือความผิดปกติทางร่างกาย ไม่มีความประพฤติเสียหาย และไม่เคยเข้าเมืองหรือทำงานโดยผิดกฎหมายในประเทศญี่ปุ่น หรือประเทศอื่น ๆ และไม่เคยไปฝึกปฏิบัติงานเทคนิคที่ประเทศญี่ปุ่นโดยใช้วีซ่าประเภท Technical lntern มาก่อนหรือเป็นผู้ต้องห้ามในการเข้าประเทศญี่ปุ่น

นายวรานนท์ กล่าวเว่า ผู้สนใจสามารถสมัครได้ด้วยตนเองพร้อมหลักฐานได้แก่ ใบสมัครสอบคัดเลือก รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก และไม่สวมแว่นตาดำ ขนาด 1 นิ้ว จำนวน 3 รูป สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน หลักฐานการศึกษา หลักฐานการพ้นภาระการรับราชการทหาร ใบรับรองแพทย์ที่แสดงว่าสุขภาพแข็งแรง สายตาปกติและตาไม่บอดสี ประวัติส่วนตัว ใบผ่านงาน (ถ้ามี) ทั้งนี้ หากตรวจพบว่าผู้สมัครรายใดขาดคุณสมบัติ ข้อใดข้อหนึ่งจะถูกตัดสิทธิการเข้าร่วมโครงการทันที สมัครตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2560 โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น สมัครได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1 – 10 หรือที่กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ อาคารสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 3 ชั้น 8 ภายในกระทรวงแรงงาน ถนนมิตรไมตรี ดินแดง กรุงเทพมหานคร สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02 245 1186 หรือ สายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694

เป็นผู้ถ่ายทอดภาพได้ลึกซึ้งถึงอารมณ์อีกคน สำหรับ vinbuddy โดยได้เขียนเรื่องราวความประทับใจที่ได้พบระหว่างงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ซึ่งมีประชาชนทั่วทุกสารทิศเดินทางมา โดยวิน ได้เขียนถึงเหตุการณ์ที่ได้พบว่า “Simply Hero “… 24.10.2560 เวลา 15.10 น เทวดามาได้หลายรูปร่างครับ คุณลุงคนนี้ขี่มอเตอร์ไซด์มาแจกอาหาร วันนี้ 800 ห่อละครับ คุณลุงบอกว่ามาแบบนี้แหละสะดวกดี เข้าถึงได้ง่าย ……. ทุกๆคนที่มารอส่งในหลวงรัชกาลที่ 9 ทุกคนไม่มีอะไรสะดวกเลยจริงๆนะครับ นอกจากจะต้องนั่ง นอน ยืนเฝ้าที่ เฝ้าสิทธิ์ของตัวเองแล้ว เรื่องอาหารการกิน ห้องน้ำ ที่นอนนี่ลำบากสุดๆ ตอนฝนตกไม่ต้องพูดถึงครับ หยิบยื่นอะไรให้กันได้ก็ทำนะครับ คืนนี้ผมก็เตรียมอาหารจะไปแจกเหมือนกัน จะพาโฮมช่วยแจกด้วย จะได้รับรู้ถึงความจงรักภักดีของลูกของพ่อทุกคนด้วยครับ #vinbuddylife #vinbuddyจะคิดดีทำดีต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม กลุ่มจิตอาสาเฉพาะกิจในเขตพื้นที่จังหวัดเลย ต่างเล่าขานความอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นที่บ้านฟากนา หมู่ 10 ต.นาอาน อ.เมือง จ.เลย ว่ากลุ่มจิตอาสาของหมู่บ้านฟากนา จำนวนกว่า 50 คน กำลังช่วยกันเหลาก้านมะพร้าว ซึ่งเป็นก้านมะพร้าวที่ทางนายอำเภอเมืองเลย ได้ร้องขอจำนวน 50,000 ก้าน เพื่อใช้ในงานเสริมต้นดอกดาวเรืองที่จัดสวนตกแต่งสถานที่หน้าศาลากลางจังหวัดเลย ถวายดอกไม้จันทน์ เป็นการสร้างความดีถวายในหลวง และขอให้ทุกคนเหลาเกินอายุตนเองเพื่อเป็นสิริมงคล

ในขณะที่กำลังช่วยกันเหลาก้านมะพร้าวเกิดหมด และไม่พอตามความต้องการ จึงได้คิดจะหาต้นมะพร้าวเพื่อจะนำก้านมาทำต่อ ขณะกำลังปรึกษากันก็มีเหตุอัศจรรย์ ทั้ง 50 คน ต่างขนลุกและลงกราบภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ พระบรมฉายาลักษณ์ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 พร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย โดยจู่ๆ ต้นมะพร้าวสูงเกิดล้มเอนนอนลงมา โดยไม่ทราบสาเหตุสร้างความประหลาดใจให้กับบรรดาจิตอาสาที่ต่างบอกว่าเสมือนต้นมะพร้าวต้นนี้ได้สละตนเองเพื่อให้เอาก้านมาเหลาเพื่อนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์

นางอังคนา อินทนิล ผู้ใหญ่บ้านฟากนา หัวหน้ากลุ่มจิตอาสา ได้เล่าว่า วันที่เกิดเหตุ ท่านบรรพต ยาฟอง นายอำเภอเมืองเลย ได้บอกให้ช่วยกันเหลาก้านมะพร้าว 50,000 ก้าน เพื่อนำไปตกแต่งก้านดอกดาวเรืองหน้าพระเมรุมาศจำลอง หน้าศาลากลางจังหวัดเลย จึงได้นัดจิตอาสาในหมู่บ้านช่วยกันทำที่ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงกลางหมู่บ้านจำนวน 50 คน บางคนก็ทำดอกไม้จันทน์ บางคนก็เหลาก้านมะพร้าว ขณะกำลังทำกัน ก้านมะพร้าวได้หมดลง จึงช่วยกันคิดว่าจะไปหามะพร้าวที่ไหน แต่ที่เห็นต้นมะพร้าวอยู่หน้าศูนย์การเรียนรู้ก็ต้นสูงมาก จะหาบันใดขึ้นก็คงลำบาก จึงคิดจะไปหาต้นมะพร้าวต้นเตี้ยๆ แต่ก็มีในหมู่บ้านอื่น แต่ทันใดนั้นต้นมะพร้าวที่สูงลิ่วก็ได้เกิดค่อยๆ เอนลงมาทีลงนิด ต่อหน้าต่อหน้าทุกคนจนถึงพื้นถนน

ที่แรกมีบางคนคิดว่าคงมีบางคนไปล้มต้นมะพร้าว จึงวิ่งไปดูต้นมะพร้าวก็ไม่พบใคร ต้นมะพร้าวได้ล้มตัวลงนอนเอง ทั้ง 50 คน ต่างขนลุก และต่างก็ลงกราบภาพภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ พระบรมฉายาลักษณ์ ของในหลวง บางคนถึงกับน้ำตาไหล เชื่อกันว่าเป็นเพราะบารมีของในหลวง เทวดา อารักษ์ ต่างทราบว่าเราจะทำเพื่อในหลวง ต้นมะพร้าวจึงได้สละชีพเพื่อการนี้ ทางกลุ่มจึงได้นำต้นมะพร้าวต้นนี้มาเหลาเอาก้าน และได้ทั้งหมด 54,000 ก้าน ที่ได้นำไปประดับเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ครึ่งทางขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายโดยกรมประมงได้แค่ 8,000 คน หลุดเป้ามโหฬาร เหตุตั้งด่านตรวจจับ แรงงานไม่กล้าข้ามจังหวัด ด้าน ส.การประมงฯ มีมติเอกฉันท์เสนอกรมประมงออกใบอนุญาตทำประมงพาณิชย์ให้เรือกลุ่มที่ 2 ต่อไปอีก
นายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากการที่กรมประมงเสนอให้ออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องการออกหนังสือคนประจำเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมง

และผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งออกตามมาตรา 83 พระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ตามร่างประกาศกรมประมงจะเปิดขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวภาคการประมง เพื่อให้สามารถทำงานในเรือประมงได้แบบเบ็ดเสร็จ โดยสามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ได้ระหว่างวันที่ 1-31 ตุลาคมศกนี้ ที่สำนักงานประมงจังหวัดใน22 จังหวัดชายทะเลนั้น มีแนวโน้มสูงที่จะไม่ได้แรงงานประมงตามที่ขาดแคลนทั่วประเทศ 74,000 คน โดยจนถึงขณะนี้มีแรงงานต่างด้าวมาขึ้นทะเบียน ประมาณ 8,000 คนเท่านั้น คาดว่าถึงสิ้นเดือนตุลาคมนี้จะได้แรงงานรวมประมาณ 10,000 คน แม้จะมีประกาศกระทรวงมหาดไทยอนุญาตให้คนต่างด้าวที่ผิดกฎหมายอยู่ในประเทศไทยได้ในกิจการประมง สาเหตุเนื่องมาจากภาครัฐตั้งด่านตรวจจับแรงงานต่างด้าวทำให้แรงงานต่างด้าวไม่กล้าข้ามมาขึ้นทะเบียนแรงงานประมงในจังหวัดที่นายจ้างประกอบกิจการอยู่

ส่วนประเด็นเรื่องเรือประมงกลุ่มขาว-แดงถูกล็อกเรืออยู่นั้น นายมงคลกล่าวว่า ที่ประชุมสมาชิกสมาคมลงมติเอกฉันท์ที่จะเสนอกรมประมงว่า เรือ กลุ่มขาว-แดง ที่มีทะเบียนเรือและมีใบอนุญาตใช้เรือ ขอให้ออกใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ได้ในประเภทเครื่องมือจับปลาที่ไม่ถูกควบคุม โดยอาจกำหนดวันทำประมงที่เหมาะสม -นอกจากนี้ยังขอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการซื้อเรือกลุ่มขาวแดงอย่างเป็นรูปธรรมด้วย

นอกจากนี้ ในเรื่องวันทำการประมงเรือกลุ่มที่ 1 ในปีทำการประมง 2561- 62 ที่ประชุมมีมติขอให้ได้วันทำการประมงทั้งปี ให้เป็นไปตามที่กรมประมงแถลงข่าวเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2560 ส่วนเรือกลุ่มที่ 2 ที่ประชุมได้มีมติเอกฉันท์ ขอให้เรือทุกลำได้ใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ แต่วันทำการประมงให้พิจารณาจากค่า MSY ของปี 2560 โดยเรือที่ได้วันทำการประมงน้อยแต่มีความสามารถ ให้สามารถซื้อเรือมาควบรวมได้ตลอดทั้งปี โดยไม่กำหนดระยะเวลาการซื้อเรือมาควบรวม ทั้งนี้ ถ้าเรือกลุ่มที่ 2 มีเรือไม่พอ สามารถซื้อเรือขาว-แดงมาควบรวมได้
“การซื้อเรือขาว-แดงมาควบรวมได้ รัฐจะได้จ่ายเงินมาซื้อเรือคืนลดลง ทำให้ประหยัดงบประมาณได้ หลังจากเรือกลุ่มนี้จอดตายมา 2 ปีเศษ เพราะรัฐไม่ให้ใบอนุญาตทำการประมง”

นางอ้อมทิพย์ สุทธิพงศ์เกียรติ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 2 จังหวัดราชบุรี กรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า จากสภาพภูมิอากาศช่วงนี้ที่กลางวันร้อนอบอ้าวอุณภูมิสูง กลางคืนอากาศเย็น หรือมีน้ำค้างปริมาณมาก สภาพอากาศแบบนี้เหมาะที่จะทำให้เกิดโรคไหม้ ดังนั้น เกษตรกรควรหมั่นสำรวจแปลงนาอย่างสม่ำเสมอ หากพบต้นข้าวมีอาการดังต่อไปนี้ คือ ระยะกล้า ใบมีแผลจุดสีน้ำตาลคล้ายรูปตา มีสีเทาอยู่ตรงกลาง แผลขยายลุกลามและกระจายทั่วบริเวณใบ ถ้าเป็นระยะรุนแรงกล้าข้าวจะแห้งฟุบตาย อาการคล้ายถูกไฟไหม้ ส่วนระยะแตกกอ อาการพบได้ที่ใบ ข้อต่อของใบ ข้อต่อของลำต้น ขนาดแผลใหญ่กว่าที่พบในระยะกล้าและระยะออกรวง ถ้าเป็นโรคช่วงรวงข้าวแก่ใกล้เก็บเกี่ยวจะปรากฏรอยแผลช้ำสีน้ำตาลที่ส่วนคอรวง ทำให้เปราะ หักง่าย เมล็ดข้าวจะเสีย ส่งผลกระทบต่อผลผลิตและรายได้ของเกษตรกร

โรคไหม้เป็นโรคที่พบได้เป็นประจำในพื้นที่ที่มีการทำนามากกว่าปีละครั้ง โดยเฉพาะในแหล่งที่มีการปลูกข้าวหนาแน่น อับลม อากาศไม่ถ่ายเท รวมทั้งมีการใส่ปุ๋ยมากเกินความจำเป็น ประกอบกับมีสภาพอากาศแห้งแล้งตอนกลางวัน อากาศเย็นหรือชื้นจัดในเวลากลางคืน ซึ่งการป้องกันสามารถทำได้โดยการปลูกพันธุ์ข้าวที่ต้านทานต่อโรค เช่น กข 7 กข 13 ชัยนาท สุพรรณบุรี 60 สุพรรณบุรี 90 พิษณุโลก 60-2 เป็นต้น และหว่านข้าวในอัตรา 15-20 กิโลกรัม ต่อไร่

นายสมคิด เฉลิมเกียรติ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืช จังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวว่า การป้องกันโรคไหม้ให้ได้ผลดี ควรใช้เชื้อราไตรโคเดอร์ม่าเริ่มตั้งแต่แช่หรือคลุกกับเมล็ดข้าว จนถึงระยะข้าวก่อนออกรวง ประมาณ 3-4 ครั้ง ก็สามารถป้องกันโรคได้เป็นที่น่าพอใจ หรือกรณีที่เพิ่งพบการระบาดระยะแรกๆ สามารถใช้เชื้อราไตรโคเดอร์ม่าผสมสารจับใบฉีกพ่นในช่วงเย็นหรือช่วงแสงแดดอ่อนๆ ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง ทุก 5 วัน ก็สามารถลดการระบาดของโรคได้ แต่ถ้าพบการระบาดระยะรุนแรงและจำเป็นต้องใช้สารเคมี ควรฉีดพ่นสารเคมีกำจัดเชื้อรส เช่น ไตรไซคลาโซล ไอโซไพรไทโอเลน คาชูกาไมซิน อีดิเฟนฟอส คาร์เบนดาซิน ผสมสารจับใบตามอัตราที่ระบุ แต่การใช้สารเคมีต้องปฏิบัติตามคำแนะนำการใช้สารเคมีที่ถูกต้องและปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืชจังหวัดสุพรรณบุรี โทร. (035) 440-926-7 หรือติดต่อได้ที่หน่วยงานในสังกัดกรมส่งเสริมการเกษตรทั่วประเทศ

รับเบอร์แลนด์ อุทยานการเรียนรู้เกี่ยวกับยางพาราของไทย เปิดบ้านต้อนรับนักออกแบบรุ่นใหม่ 20 ทีมจาก 277 ทีม 18 จากสถาบันการศึกษาทั่วประเทศที่ผ่านการคัดเลือกในโครงการประกวด “รับเบอร์แลนด์ ดีไซน์ คอนเทสต์” (RUBBERLAND Design Con-test) เวทีค้นหาสุดยอดนักออกแบบรุ่นใหม่ ที่สร้างสรรค์ผลงานจากวัสดุโฟมยางพารา ภายใต้คอนเซ็ปต์ Future Living ปั้นยางให้เป็นงาน ผลิตภัณฑ์เพื่อวิถีชีวิตแห่งอนาคต

“วันจักร โชติชัยชรินทร์” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสด้านปฏิบัติการและการบริหารสินค้ารับเบอร์แลนด์ กล่าวว่า โครงการนี้ถือเป็นหนึ่งในวิสัยทัศน์ของรับเบอร์แลนด์ที่ต้องการมอบความรู้ ควบคู่ไปกับการสร้างมูลค่าเพิ่ม และคุณภาพมาตรฐานให้กับยางพาราผ่านงานดีไซน์

“เนื่องจากประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกยางพาราดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเป็นประเทศที่มีการส่งออกน้ำยางพาราในอันดับต้นๆ ของเอเชีย และของโลก จนส่งผลให้ยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย ดังนั้น หากมีการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จะส่งผลดีต่อประเทศ และเกษตรกรชาวสวนยางอย่างมหาศาล”

“ฐวัฒน์ สมมะโนพัฒน์” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด รับเบอร์แลนด์ กล่าวว่า โครงการ RUBBERLAND Design Contest จัดขึ้นเพื่อค้นหานักออกแบบรุ่นใหม่ และจุดประกายให้นักออกแบบหันกลับมามองยางพารา ซึ่งเป็นวัสดุจากธรรมชาติในประเทศ ด้วยการนำมาออกแบบเพื่อเพิ่มมูลค่าให้ตลาดยางพาราไทย และสินค้าไทย

“เราจึงเปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาส่งผลงานการออกแบบ หัวข้อ Future Living ผลิตภัณฑ์เพื่อวิถีชีวิตแห่งอนาคต ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์สำหรับห้องนอนหรือห้องนั่งเล่น โดยมีวัสดุโฟมยางพาราเป็นองค์ประกอบในการออกแบบสำคัญไม่น้อยกว่า 60% เพราะยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของชาติ หากได้รับการส่งเสริมด้านนวัตกรรมจะทำให้ต่อยอดการพัฒนา และเพิ่มมูลค่าได้”

“ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่ต้องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยด้วยเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม ซึ่งโมเดลนี้จะสำเร็จได้ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ดังนั้น รับเบอร์แลนด์ในฐานะภาคเอกชนเล็งเห็นถึงศักยภาพของการเติบโตในอุตสาหกรรมยางพารา จึงมีแนวคิดที่จะต่อยอด และเปิดโอกาสให้กลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าวไปในทิศทางเดียวกัน”

สำหรับขั้นตอนการคัดเลือกนักออกแบบรุ่นใหม่ในโครงการ RUBBERLAND Design Contest ทางคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน จะพิจารณาจาก หนึ่ง ความคิดสร้างสรรค์ และการออกแบบ 30% สอง การคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยและสามารถผลิตได้จริง 30%
สาม การใช้วัสดุจากโฟมยางพารามากกว่า 60% ของชิ้นงาน 20% และสี่ ความสามารถต่อยอดทางการตลาดและสร้างแบรนด์ได้ 20%
โดยวันตัดสินจะคัดเลือกจาก 20 ทีมสุดท้ายให้เหลือเพียง 10 ทีม เพื่อนำเสนอผลงานพร้อมแบบโมเดลต่อหน้าคณะกรรมการผู้ทรงวุฒิและสื่อมวลชน ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2560 ณ ลานแฟชั่นฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน

ทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ในโครงการ RUBBERLAND Design Contest จะได้รับเงินสด 50,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัลสำหรับทีม และประกาศนียบัตร พร้อมเซ็นสัญญารับส่วนแบ่งในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากทางรับเบอร์แลนด์ เป็นระยะเวลา 1 ปี รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จะได้รับเงินสด 30,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัลสำหรับทีม และประกาศนียบัตร รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 จะได้รับเงินสด 20,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัลสำหรับทีม และประกาศนียบัตร

โดยโครงการนี้จะเป็นจุดเริ่มต้น bestsitez.com และแรงบันดาลใจให้นักออกแบบริเริ่มนำเอาวัตถุดิบธรรมชาติที่มีอยู่ในประเทศมาต่อยอดให้เกิดประโยชน์ และเห็นคุณค่ามากขึ้น ด้วยการนำเอาความคิดสร้างสรรค์ หรือนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในการเพิ่มมูลค่าทางด้านเศรษฐกิจอีกด้วย

เมื่อเวลา 16.40 น. บริเวณหน้าหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้พบชายชาวฝรั่งเศส ชื่อ นายฌอง ฌากซ์ บราวน์ นักธุรกิจวัย 57 ปี ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย ซึ่งผ่านจุดคัดกรองและได้จับจองพื้นที่บริเวณหน้าวัดโพธิ์ เพื่อรอเข้าร่วมพระราชพิธี

นายฌอง ฌากซ์ กล่าวว่า ตนนั้นได้เข้ามาทำงานในประเทศไทยกว่า 30 ปี มีความประทับใจพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นอย่างมาก เพราะว่าไม่เคยเห็นพระมหากษัตริย์พระองค์ใดที่ทรงพระปรีชาสามารถในทุกๆ ด้าน ทุ่มเทพระวรกายเพื่อประชาชนของพระองค์ท่านเสมอมา และเป็นที่รักของประชาชนเช่นนี้มาก่อน

นายฌอง ฌากส์ กล่าวต่อว่า ด้วยความทราบซึ้งในตัวพระองค์ท่านเป็นอย่างมาก เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้บวชเพื่อพระองค์ท่านเป็นเวลา 9 วันด้วยกัน ส่วนการมาร่วมพิธีในครั้งนี้เพราะต้องการร่วมกับประชาชนชาวไทยทุกคนในการส่งพระองค์ท่านสู่สวรรค์คาลัย ได้เริ่มวางแผนจองที่พักตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมาหลังจากทราบกำหนดวันที่ชัดเจน

นางวรวรรณ ชิตอรุณ รองเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กล่าวว่า กรณีที่สมาคมชาวไร่อ้อยเตรียมประชุมหารือนโยบายการยกเลิกโควตาและลอยตัวน้ำตาลทราย ที่ภาครัฐจะประกาศลอยตัวอย่างเป็นทางการ โดยทางสมาคมชาวไร่อ้อยกังวลว่าหากภาครัฐยังไม่พร้อมก็ควรเลื่อนระยะเวลาการลอยตัวออกไปก่อน เพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบในอนาคต

“ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายได้เตรียมความพร้อมในการปรับปรุงระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2559 ที่ให้ความเห็นชอบแผนปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ และมติ ครม. เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2560 ที่รับทราบความคืบหน้ากรณีการเจรจาบราซิลฟ้องไทยอุดหนุนการส่งออกน้ำตาลทรายต่อองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2560 ให้มีการยกเลิกโควตาและยกเลิกการกำหนดราคาน้ำตาลทรายในประเทศ ณ หน้าโรงงานแบบคงที่ โดยปล่อยให้ราคาน้ำตาลเคลื่อนไหวตามราคาตลาดโลก หรือการลอยตัวราคาน้ำตาลทรายในประเทศ ก่อนการเริ่มต้นฤดูการผลิตปี 2560/2561 โดยในเดือนต.ค. 2560 ที่ผ่านมา สำนักงานได้มีการประชุมหารือกับผู้แทนชาวไร่อ้อยและผู้แทนโรงงานน้ำตาล จำนวน 3 ครั้งแล้ว และได้ข้อสรุปร่วมกันในหลักการการปรับปรุงระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายเป็นที่เรียบร้อย”

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวจะต้องมีการแก้ไขระเบียบที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตามขั้นตอนจะต้องนำเสนอร่างระเบียบต่าง ๆ ต่อคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) ที่มีผู้แทนฝ่ายราชการ ฝ่ายชาวไร่อ้อย และฝ่ายโรงงานร่วมเป็นคณะกรรมการพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน โดยมีกำหนดการประชุม กอน. ในวันที่ 31 ต.ค. 2560 จากนั้นจึงนำเสนอกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ซึ่งสำนักงานจะต้องเร่งรัดดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่วางไว้ อย่างไรก็ตาม แนวทางดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ได้ก็จะต้องผ่านการพิจารณาของ กอน. และ ครม. ตามลำดับด้วยแล้ว