ผลดีประสิทธิ์ ผอ.ส่วนสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติ

และสิ่งแวดล้อมจังหวัดแพร่ เปิดเผยถึงวัตถุประสงค์ว่า ในช่วงฤดูนี้จะมีอากาศร้อนและมีฝุ่นละอองในอากาศมากทำให้เกิดปริมาณควันและฝุ่นละอองซึ่งจะเกิดผลกระทบต่อด้านสุขภาพร่างกายของประชาชนรวมถึงระบบนิเวศไฟป่ายังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 13 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกริช น้อยผา นายอำเภอศรีสาคร จ.นราธิวาส ได้อำนวยการ และสั่งการให้ พ.ต.ท.รุ่ง แก้วบัวดี สารวัตรกองกำกับการสืบสวน 1 การบังคับการสืบสวนจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ต.ภาณุสรณ์ ชูกรงมวน รอง ผบ.กรมทหารพรานที่ 49 ร.ต.อ.อรุณ กุลกัลยา หัวหน้าชุดเฉพาะกิจ ตชด.44 นายมะตอเฮ ดะมิแล เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ 1 อ.ศรีสาคร และนายตอปา แซะ เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ 3 อ.จะแนะ ได้ร่วมสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ อส.อ.ศรีสาคร จำนวน 60 นาย เดินทางขึ้นไปพิสูจน์ทราบ บนเทือกเขาหลังหมู่บ้านไอร์ซือดอ ม.1 ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร หลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่ามีการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าเป็นพื้นที่กว้าง

โดยเจ้าหน้าที่ต้องนั่งรถยนต์ และเดินเท้าขึ้นเทือกเขาที่สูงชันเป็นเวลานานเกือบ 1 ชั่วโมง เมื่อใกล้ถึงเป้าหมายเจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงเลื่อยยนต์ จึงได้กระจายกำลังกันโอบล้อมพื้นที่ โดยพบว่ามีการสร้างเพิงพักชั่วคราวด้วยการนำผ้าเต็นท์สีฟ้าสลับขาวมามุงเพื่อใช้กันแดดและฝน เมื่อได้จังหวะจึงได้บุกชาร์จกับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 2 คน คือ 1.นายอับดุลปาตะห์ มะแซ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/8 ม.4 ต.ซากอ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส 2.นายอับดุลรอเซะ ดาระนิบง อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 52 ม.4 ต.วากอ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส

พร้อมของกลางเป็นเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ 1 เครื่อง อุปกรณ์ในการบำรุงรักษาเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์จำนวนหนึ่ง น้ำมันเชื้อเพลิง 1 แกลลอน มีดพร้า 1 เล่ม ตลับเมตร 1 อัน ไฟฉาย 3 กระบอก อาวุธปืนยาวแบบผลิตเอง 1 กระบอก โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ยาบ้า 2 เม็ด ไม้ตะเคียนชันตาแมว 4 ท่อนใหญ่ ไม้ตะเคียนชันตาแมวที่แปรรูปแล้ว 22 ชิ้น และอื่นๆ รวมทั้งสิ้น 22 รายการ

โดยนายนายอับดุลปาตะห์ และนายอับดุลรอเซะ ให้การรับสารภาพว่า ได้ลักลอบตัดไม้เพื่อแปรรูปจำหน่ายให้กับคนทั่วไป เนื่องจากไม่มีอาชีพ จึงได้ชักชวนกันขึ้นไปลักลอบตัดไม้ โดยได้ขึ้นมาลักลอบตัดไม้ประมาณ 2 อาทิตย์แล้ว และได้ขนย้ายไปขายมาแล้ว 2 เที่ยว เป็นไม้ตะเคียนชันตาแมวที่มีอายุกว่า 400 ปี ซึ่งมีขนาดลำตันวัดโดยรอบประมาณ 7 เมตร

เจ้าหน้าที่จึงยึดของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.ศรีสาคร และแจ้งดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันลักลอบตัดไม้ทำลายป่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อเสพ มีเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน รวมทั้งครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต

เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 14 ก.พ.นี้ ซึ่งเป็นวันแห่งความรัก หรือวันวาเลนไทน์ ประจำปี 2561 อีกทั้งในปีนี้วันวาเลนไทน์ยังใกล้กับเทศกาลปีใหม่ของจีน หรือตรุษจีนด้วย ทำให้บรรยากาศในการเลือกซื้อดอกไม้ และของที่ระลึกเป็นไปด้วยความคึกคัก แต่ก็ประสบปัญหาตรงที่มีราคาสินค้าแพงกว่าทุกปี โดยเฉพาะดอกกุหลาบสดมีคาสูงขึ้นเท่าตัว

โดยบริเวณหน้าโรงเรียนอำนาจเจริญได้มีพ่อค้าแม่ค้า เริ่มทยอยพากันมาตั้งร้านค้า เพื่อเตรียมจำหน่ายดอกกุหลาบ ตุ๊กตา ให้กับประชาชน และเด็กนักเรียนที่จะซื้อไปมอบให้กับคนที่รัก ครูอาจารย์ เพื่อนๆ ในวันวาเลนไทน์นี้ โดยที่พ่อค้าแม่ค้าส่วนมากจะนำดอกกุหลาบพลาสติก ตุ๊กตา มาจำหน่ายแทนดอกกุหลาบสด เนื่องจากดอกกุหลาบมีการปรับราคาสูงขึ้นเป็นเท่าตัว จากที่ก่อนช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ดอกขนาดเล็กจะอยู่ที่ดอกละ 25-30 บาท แต่พอมาถึงช่วงวันวาเลนไทน์ ราคาสูงขึ้นถึงดอกละ 50-60 บาท

แม่ค้าสินค้าในช่วงวันวาเลนไทน์ เปิดเผยว่า ด้วยที่ดอกกุหลาบมีการปรับราคาสูงขึ้นเกือบเท่าตัว โดยที่ดอกเล็กอยู่ที่ 50-60 บาท ส่วนดอกที่มีขนาดใหญ่ราคาอยู่ที่ 100-120 บาท พอนำมาจ่ายต่อก็ต้องบวกราคาเพิ่มไปอีก ทำให้ปีที่ผ่านมาดอกกุหลาบสดที่มาจำหน่ายขายไม่ดี เนื่องจากเด็กส่วนใหญ่ไม่มีเงิน ยิ่งถ้าทำเป็นช่อ ช่อหนึ่งก็มีราคาสูงถึงช่อละ 400-500 บาท

แม่ค้า กล่าวต่อว่า พ่อค้าแม่ค้าจึงไม่ค่อยนิยมนำดอกกุหลาบสดมาจำหน่ายกัน และหันนำดอกกุหลาบพลาสติก และตุ๊กตามาจำหน่าย ซึ่งก็เป็นที่นิยมในหมู่ของเด็กนักเรียน เนื่องจากมีราคาดอกละ 15-20 บาทเท่านั้น และยังขายได้ดีกว่าดอกกุหลาบสดอีกด้วย

นายประยงค์ ภูดินทราย เกษตรจังหวัดปราจีนบุรี เข้าเยี่ยมเยียนเกษตรกร ณ ตลาดเกษตรกรจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งสนับสนุนโดยสำนักงานเกษตรจังหวัดปราจีนบุรี กรมส่งเสริมการเกษตร นายประยงค์กล่าวว่า “ผลผลิตที่เกษตรกรนำมาจำหน่ายในตลาดเกษตรกรจังหวัดปราจีนบุรีนั้น จำหน่ายโดยเกษตรกรผู้ผลิตจริง ซึ่งนำมาจำหน่ายให้ผู้บริโภคโดยตรง ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง จึงทำให้มั่นใจได้ว่าผลผลิตที่เกษตรกรนำมาจำหน่ายนั้น สด สะอาด ปลอดภัย และราคาย่อมเยา” โดยนางสาวพัชรินทร์ พุทธฤทธิ์ Young Smart Farmer จังหวัดปราจีนบุรี เจ้าของนาถนรินทร์ไฮโดรฟาร์ม กล่าวถึงเหตุผลที่มาจำหน่ายผลผลิตในตลาดเกษตรกรจังหวัดปราจีนบุรีว่า “เป็นการส่งเสริมให้ผู้บริโภคผู้ผลิตเจอกันโดยตรง สามารถเพิ่มช่องทางการตลาดในการกระจายสินค้า และเป็นการประชาสัมพันธ์ฟาร์มของผู้ผลิตอีกทางหนึ่ง”

ซึ่งตลาดเกษตรกรจังหวัดปราจีนบุรีนี้ จะเปิดจำหน่ายผลผลิตทุกวันศุกร์ เวลาประมาณ 05.00 น. เป็นต้นไป บริเวณลานหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.5 ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี

เกษตรฯ ยื่นของบปี’62 รวมกว่า 2 แสนล้าน กระตุ้นศักยภาพการผลิต ผนึก 7 กระทรวงเดินหน้าแผนงานบูรณาการพัฒนาศักยภาพการผลิตต่อเนื่อง พร้อมรุก 16 นโยบายเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการสินค้าเกษตร ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรให้เข้มแข็งและยั่งยืน
นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่าในปีงบประมาณ 2562 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เสนอขอตั้งงบประมาณ รวมจำนวนกว่า 213,386 ล้านบาท โดยจำแนกงบประมาณเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้

1.กลุ่มงบประมาณรายจ่ายบุคลากรภาครัฐจำนวน 26,969 ล้านบาท 2.กลุ่มงบประมาณรายจ่ายของกระทรวง/หน่วยงาน (Function) ซึ่งประกอบด้วยแผนงานพื้นฐานหรือแผนงานยุทธศาสตร์ต่างๆ จำนวน 37,581 ล้านบาท 3. กลุ่มงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ (Agenda)จำนวน 117,873 ล้านบาท โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เกี่ยวข้อง 11 แผนบูรณาการ ซึ่งมีงบประมาณส่วนใหญ่อยู่ที่แผนงานการบริหารจัดการน้ำ แผนงานพัฒนาศักยภาพการผลิตภาคเกษตร และแผนงานการวิจัยและนวัตกรรม และ 4) กลุ่มงบประมาณรายจ่ายพื้นที่ (Area) เพื่อพัฒนาพื้นที่ระดับภาค จำนวน 30,961 ล้านบาท

สำหรับแผนงานบูรณาการพัฒนาศักยภาพการผลิตภาคเกษตร ปี 2562 ซึ่งอยู่ในกลุ่มงบประมาณ Agenda ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย สศก.เป็นเจ้าภาพ ได้เสนอของบประมาณ รวมทั้งสิ้น 20,365 ล้านบาท มีหน่วยงานร่วมบูรณาการ 7 กระทรวง 60 หน่วยงาน 4 รัฐวิสาหกิจ ประกอบด้วย สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และรัฐวิสาหกิจ มีเป้าหมายหลัก 2 เป้าหมาย คือ

เป้าหมายที่ 1 เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการสินค้าเกษตรตลอดห่วงโซ่อุปทาน เน้น 5 สินค้า (ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ยางพารา) + 4 plus (สับปะรด มะพร้าว ปศุสัตว์ ประมง) โดยพัฒนาศักยภาพกระบวนการผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพมาตรฐานตามความต้องการของตลาด พัฒนาศักยภาพกระบวนการแปรรูปสินค้าเกษตร และพัฒนาศักยภาพกระบวนการตลาดสินค้าเกษตร เป้าหมายที่2เกษตรกรได้รับการพัฒนาศักยภาพให้เป็นเกษตรกรปราดเปรื่อง สามารถพึ่งพาตนเองได้ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและสถาบันเกษตรกรมีความเข้มแข็ง

ทั้งนี้ คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2562 ในจำนวนกว่า 213,386 ล้านบาท เป็นงบประมาณตามนโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 16 นโยบาย จำนวน 143,109 ล้านบาทโดยงบประมาณส่วนใหญ่จะอยู่ที่การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตรสู่มาตรฐาน (GAP) ระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ โครงการบริหารจัดการการผลิตสินค้าเกษตรตามแผนที่เกษตรเพื่อบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-Map) และเกษตรอินทรีย์

เลขาธิการ สศก.กล่าวทิ้งท้ายว่า การเสนอของบประมาณปี 2562 ได้คำนึงถึงความสอดคล้องกับกรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี แผนพัฒนาการเกษตรในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 กรอบแนวคิดการพัฒนาประเทศไปสู่ประเทศไทย 4.0 เพื่อเดินหน้าการผลิตภาคการเกษตร เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการสินค้าเกษตร ยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เสนอคำของบประมาณไปยังสำนักงบประมาณพิจารณา เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2561 ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณากรอบวงเงินงบประมาณเพื่อเสนอ ครม.ให้ความเห็นชอบต่อไป

นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานและกระทรวงพาณิชย์ ได้รายงานความคืบหน้าผลการดำเนินมาตรการบริหารสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบทั่วประเทศให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2561 ทราบ เพื่อแก้ปัญหาปริมาณปาล์มล้นตลาด โดยเมื่อเดือนธ.ค. 2560 ที่ผ่านมา ไทยมีปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบสูงมากเป็นประวัติการณ์ 5.32 แสนตัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบตกต่ำอยู่ที่กิโลกรัมละ (ก.ก.) 19 บาท และราคาผลผลิตปาล์มตกต่ำไปอยู่ที่ 3.37 บาท/ก.ก.

ทั้งนี้ หลังจากกระทรวงพลังงานได้ดำเนินมาตรการเพิ่มสัดส่วนการใช้น้ำมันปาล์มดิบในการผลิตไบโอดีเซลจาก 7% (บี 7) เป็น 10% (บี 10) ต่อเนื่อง ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตจาก 4 ล้านลิตรต่อวัน เป็น 6 ล้านลิตรต่อวัน และกระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินมาตรการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ 1.57 แสนตันต่อเนื่อง ส่งผลให้ตั้งแต่เดือนธ.ค.ที่ผ่านมา สามารถระบายสต๊อกปาล์มลดลงจาก 5.32 แสนตันต่อวันเหลือ 4.07 แสนตันต่อวันในช่วงเดือนม.ค. 2561 ทำให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้นจากก.ก.ละ 19 บาท เป็นก.ก.ละ 21 บาท ราคาผลผลิตปาล์มดิบเพิ่มขึ้นจากก.ก.ละ 3.37 บาทเป็น 4.10 บาท

“จากการดำเนินมาตรการดังกล่าวอย่างต่อเนื่องมั่นใจว่าจะสามารถระบายสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบออกไปได้จนเหลือ 3.14 แสนตันต่อวัน ดันราคาผลผลิตปาล์มดิบที่รับซื้อจากเกษตรเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ก.ก.ละ 4.20 บาท ภายในเดือนก.พ.นี้ตามเป้าหมายที่กำหนด”

นอกจากนี้ จะขอความร่วมมือผู้ค้ามาตรา 7 เก็บสต๊อกไบโอดีเซลเพิ่ม เนื่องจากขณะนี้ภาครัฐประสบปัญหาถังเก็บสต๊อกไม่เพียงพอ โดยปัจจุบันเก็บสต๊อกอยู่ที่ 109 ล้านลิตร จาก 92 ล้านลิตร ซึ่งหากขอความร่วมมือผู้ค้ามาตรา 7 ได้สำเร็จคาดว่าจะเก็บสต๊อกไบโอดีเซลเพิ่มขึ้นได้เป็น 120 ล้านลิตร และจะขอความร่วมมือควบคู่กับการให้สลับถังน้ำมันชนิดอื่นเพื่อมาเก็บสต๊อกไบโอดีเซลเพิ่มมากขึ้น โดยผู้ค้าจะต้องไม่ขายราคาบี 10 สูงกว่าบี 7 และเร็วๆ นี้ จะหารือกับกระทรวงพาณิชย์อีกครั้งว่ามีความจำเป็นว่าจะขอความร่วมมือเป็นมาตรการระยะยาวหรือไม่ เพื่อดูรักษาเสถียรภาพราคาให้อยู่ในระดับนี้ต่อไป

อย่างไรก็ตาม สำหรับแนวทางการเพิ่มสัดส่วนผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซล ยังติดปัญหาเรื่องการยอมรับของผู้ผลิตรถยนต์และผู้ใช้ แต่กระทรวงพลังงานยังคงเดินหน้าพัฒนาและยกระดับคุณภาพให้เกิดการยอมรับ โดยร่วมมือกับกระทรวงคมนาคมทดสอบใช้ไบโอดีเซล บี 10 ในหัวรถจักรรถไฟ ขบวนบ้านแหลม-อัมพวา ในวันที่ 23 ก.พ.นี้

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน(คน.) กระทรวงพาณิชย์ ได้สำรวจการจับจ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ตลาดกรมภูธเรศ เขตสัมพันธวงศ์ รวมถึงพื้นที่ในเขตเยาวราช โดยกล่าวว่า ใกล้ถึงวันไหว้ตามเทศกาลตรุษจีนของคนไทยเชื้อสายจีน ส่งผลให้มีผู้คนมาจับจ่ายใช้สอยย่านถนนเยาวราชอย่างคับคั่ง จากการตรวจสอบภาวะตลาด ราคาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลตรุษจีนในปีนี้เทียบกับปีที่ผ่านมา ราคาค่อนข้างทรงตัว โดยเฉพาะสินค้าในหมวดอาหารที่มีความจำเป็น และมีการใช้งานมากในช่วงนี้ เช่น เป็ด, หมู, ไก่ และไข่ ราคายังค่อนข้างทรงตัว

โดยเฉพาะหมูมีราคาลดลงกว่าเดิม ส่วนไข่ไก่ และไข่เป็ดมีราคาปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากการสอบถามผู้ขายพบว่า ราคายังค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบช่วงเทศกาลของปีที่ผ่านมา แต่ราคาสูงกว่าช่วงปกติที่ไม่ใช่เทศกาล เพราะเป็นช่วงที่มีความต้องการมาก ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้ในการเซ่นไหว้ก็มีราคาใกล้เคียงกับปีก่อนเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ได้รับข้อมูลจากผู้ขายว่าปีนี้ประชาชนมีความต้องการลดลงเนื่องจากคนไทยเชื้อสายจีนรุ่นใหม่มีการไหว้บรรพบุรุษลดน้อยลง ส่งผลให้ตลาดไม่ค่อยคึกคักนัก แต่โดยรวมถือว่าทรงตัว ผู้ค้าผู้ขายยังพอใจกับการจับจ่าย ขณะที่ผู้บริโภคเองพึงพอใจต่อระดับราคาสินค้าที่ไม่ได้ปรับเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมานัก

“กรมการค้าภายในมีภารกิจออกสำรวจตรวจภาวะตลาดและราคาสินค้าเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ช่วงเทศกาลตรุษจีนจะเข้มข้นเป็นพิเศษเพราะมีการจับจ่ายมากขึ้น ส่วนที่ลงพื้นที่ตรวจสอบด้วยตัวเองเพราะต้องการให้กำลังใจเจ้าหน้าที่สายตรวจที่ปฏิบัติงานกันหนักในช่วงนี้ โดยจะตรวจทั้งระดับราคาสินค้า การติดป้ายแสดงราคา การตรวจสอบตราชั่ง เพื่อไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค” นายบุณยฤทธิ์กล่าวและว่า การลงตรวจตลาดครั้งนี้ยังไม่พบการปรับราคาขึ้นอย่างผิดปกติ อย่าง เป็ดย่างไซซ์ใหญ่ขายตัวละ 450 บาท สูงกว่าราคาขายปกติอยู่ที่ตัวละ 430 บาท ถือว่าเป็นราคาปกติในช่วงเทศกาล

เมื่อวันที่ 13 ก.พ. อินดิเพนเดนต์รายงานว่ามีช้างตกเฉลี่ย 4 ตัวต่อวันถูกนักล่าสัตว์แอบเข้าไปล่าอย่างผิดกฎหมายในอุทยานแห่งชาติของโมซัมบิก ตั้งแต่ปี 2554 ส่งผลให้ประชากรช้างที่เคยมีสูงถึง 12,000 ตัว ลดเหลือเพียง 1,500 ตัวในอุทยานแห่งชาติเท่านั้น

การเปิดเผยดังกล่าวมาจากหน่วยงานที่ชื่อว่าเฟานา แอนด์ ฟลอรา อินเตอร์เนชั่นแนล หรือเอฟเอฟไอ หลังแสดงความกังวลว่าจำนวนช้างในอุทยานแห่งชาตินิอัสซา จะถูกฆ่าล้างจนสูญสิ้นจากกลุ่มนักล่าผิดกฎหมายติดอาวุธหนัก ช่วงสองเดือนที่ผ่านมามีช้างราวร้อยละ 5 ถูกล่าเพื่อเอางาช้างไปขาย

นายมาร์ก โรส หัวหน้าจากหน่วยงานดังกล่าวระบุว่าอุทยานแห่งชาตินิอัสซาเป็นอุทยานแห่งท้ายๆ ของทวีปที่มีสัตว์ป่าหลากหลายสายพันธุ์ และต้องเผชิญหน้ากับการล่างาช้างและของผิดกฎหมายอื่นๆ เช่นสินแร่

“มัเนเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมในระยะยาว และมันไม่ใช่เรื่องที่ฟังดูแล้วเหมือนกับการพูดโม้โอ้อวด รัฐบาลโมซัมบิกต้องเข้ามาจัดการวิกฤตโดยทันทีเพื่อลดจำนวนนักล่าผิดกฎหมาย” นายโรสกล่าว

ด้านนายแมตต์ ไรซ์ นักอนุรักษ์ธรรมชาติ เข้าของบริษัททัวร์ชูอิเลซิ ที่พานักท่องเที่ยวเข้ายลโฉมธรรมชาติในที่อุทยานแห่งชาติในพื้นที่ดังกล่าวระบุว่าวิกฤตการล่าสัตว์เถื่อนเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2552 และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มนักล่าติดอาวุธหนักอย่างปืนไรเฟิลจู่โจมที่ใช้ในกองทัพ ขณะที่กลุ่มนักอนุรักษ์มีเพียงแค่ปืนลูกซอง แต่ก็ไม่ทุกคนที่ถืออาวุธ นอกจากนี้ทางกลุ่มอนุรักษ์ยังพยายามที่จะติดต่อกับทางการในการขอใบอนุญาตถือาวุธอีกด้วย

ทั้งนี้ อุทยานแห่งชาตินิอัสซา เป็นบ้านของช้างกว่าร้อยละ 70 ในโมซัมบิก และอุทยานแห่งนี้กินพื้นที่ถึง 42,000 ตารางกิโลเมตร ส่วนงาช้างมักจะถูกส่งออกไปยังประเทศปลายทางอย่าง จีน ฮ่องกง

อีกทั้งยังมีขบวนการชาวจีนในการสนับสนุนการล่างาช้างอีกด้วย ซึ่งนายไรซ์ชี้ว่าส่วนใหญ่แล้วนักล่าจะได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายชาวจีน ประกอบกับการลงทุนจากจีนในประเทศนี้มากขึ้นทำให้มีขบวนการค้างาช้างมากขึ้น

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติชดเชยค่าใช้จ่ายกรณีเกิดภาวะขาดทุนจากการดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีปีการผลิต 2558/59 ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วงเงิน 906.82 ล้านบาท โดยขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยผลการดำเนินงานโครงการฯ ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2559 ธ.ก.ส. จ่ายเงินกู้ให้แก่เกษตรกรและสหกรณ์การเกษตร(สหกรณ์ฯ) รวม 74,497 ราย ปริมาณข้าวเปลือก 514,140.14 ตัน สินเชื่อ 6,749.48 ล้านบาท มีเกษตรกรและสหกรณ์ฯ ชำระหนี้และขอไถ่ถอนข้าวเปลือก จำนวน 45,870 ราย ปริมาณข้าวเปลือก 293,792.91 ตัน สินเชื่อ 3,856.82 ล้านบาท

ทั้งนี้ ธ.ก.ส. มีข้าวเปลือกคงเหลือที่จะต้องดำเนินโครงการระบายข้าวเปลือก ปริมาณ 208,578.58 ตัน เกษตรกรและสหกรณ์ฯ รวม 26,585 รายสินเชื่อ 2,760.32 ล้านบาท ซึ่งจากการระบายข้าวเปลือกขายได้ 1,853.50 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2558 ชอบให้ ธ.ก.ส. ดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2558/59 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้ ธ.ก.ส. จ่ายสินเชื่อชะลอการขายผลผลิตข้าวเปลือกหอมมะลิและข้าวเปลือกเหนียว เมื่อครบกำหนดชำระคืนเงินกู้ หากราคาตลาดของข้าวเปลือกต่ำกว่าราคาให้สินเชื่อ ให้คณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการบริหารจัดการข้าวระดับจังหวัดเป็นผู้พิจารณาอนุมัติการระบายข้าวเปลือกที่เป็นหลักประกัน ทั้งนี้ หากเกิดภาวะขาดทุนจากการดำเนินโครงการฯ ให้ ธ.ก.ส. เป็นผู้รับภาระเองทั้งหมด

ทั้งนี้ ในเรื่องดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์เสนอขอทบทวนมติครม. เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2558 ซึ่งครม. มีมติเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2558 เห็นชอบให้คลัง รับผิดชอบและบริหารจัดการความเสี่ยงของโครงการโดยไม่ทำสัญญาในลักษณะที่ก่อให้เกิดภาระต่อเกษตรกร และมอบหมายให้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพณิชย์ พิจารณากำหนดมาตรการในการชดเชยค่าใช้จ่ายกรณีเกิดภาวะขาดทุนจากการดำเนินโครงการฯ และให้เสนอคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาตามขั้นตอนต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ในคราวประชุม ครั้งที่ 4/2560 เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2560 เห็นชอบการเสนอขอให้รัฐบาลชดเชยภาระส่วนต่างราคาข้าวเปลือกระหว่างราคาที่จ่ายเงินกู้ในโครงการฯ และราคาที่ขายได้จากการระบายข้าวเปลือกของโครงการฯ จำนวน 906.82 ล้านบาท โดยให้ ธ.ก.ส. หารือวิธีการจ่ายเงินชดเชยกับกระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ เพื่อนำเสนอครม.พิจารณาต่อไป

สำนักงบประมาณได้เสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาชดเชยภาวะขาดทุนจากการดำเนินโครงการฯ โดยหักภาวะขาดทุนดังกล่าวจากเงินนำส่งคลังของ ธ.ก.ส. ซึ่งคลังมีความเห็นว่า ควรให้รัฐบาลชดเชยภาระดังกล่าว ผ่านกระบวนการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามปกติเหมือนที่เคยดำเนินการมาเช่น ปีงบประมาณ 2561 ธ.ก.ส. มีการตั้งงบประมาณรายจ่ายเพื่อชดเชยผลขาดทุนจากการดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2557/58 จำนวน 32.71 ล้านบาท

กระทรวงการคลัง พิจารณาแล้วเห็นควรนำเสนอ ครม. พิจารณาให้ความเห็นชอบการชดเชยภาวะขาดทุนจากการดำเนินโครงการฯ ให้ ธ.ก.ส. จำนวน 906.82 ล้านบาท ตามมติ นบข. ที่เห็นชอบในคราวประชุมครั้งที่ 4/2560 เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2560 และเป็นไปตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2558 โดยให้ ธ.ก.ส.ขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไปเหตุผลประกอบการพิจารณาความเห็นของ กษ.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาแล้ว เห็นควรให้ความเห็นชอบการชดเชยค่าใช้จ่ายกรณีเกิดภาวะขาดทุนจากการดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2558/59 ให้ ธ.ก.ส. ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้ธ.ก.ส. ขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี

“กรมการค้าต่างประเทศ” เผยผลสำเร็จการใช้เงินกองทุน FTA แค่ 5.31 ล้านบาท พลิกชีวิตเกษตรกรวาวี ดันราคา ‘ชาวาวี’ พุ่ง 100 เท่า กก.ละ 3,000 บาท รุกตลาดจีนขึ้นแท่นสุดยอดชาโลกได้สำเร็จ

นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 ก.พ.2561 ได้เดินทางลงพื้นที่ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย เพื่อติดตามผลการดำเนินงานตามโครงการศึกษาแนวทางการปรับตัวของผู้ประกอบการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกสินค้าชา ซึ่งกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตชาดอยตุงและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตชาวาวี ได้รับเงินสนับสนุนจากโครงการช่วยเหลือเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า (กองทุน FTA) รวม 5.31 ล้านบาทนับตั้งแต่ปี 2552-2553 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน เยียวผลกระทบจากการเปิดการค้าเสรี

“ก่อนที่กรมฯ จะเข้ามาช่วยเหลือด้วยเงินกองทุน FTA ราคาชาอบแห้งอยู่ในระดับต่ำมาก กก.ละ 30 – 40 บาทเท่านั้น ไม่สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการในพื้นที่ได้ แต่หลังจากที่กองทุน FTA เข้ามาดูแลให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ประกอบการในพื้นที่มีรายได้จากการปลูกและจำหน่ายชาปัจจุบันเพิ่มขึ้น 10 เท่าไปจนถึง 100 เท่า โดยราคายอดชาอบแห้ง กก. ละ 3,000 บาท ยอดชาอบแห้งติดใบ 1 ใบ กก.ละ 2,000 – 2,500 บาท ส่วนยอดชาอบแห้งติดใบ 2 ใบ กก. ละประมาณ 350 – 700 บาท เพราะสามารถขยายการส่งออกไปสู่ตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดที่มีการบริโภคใบชาได้สำเร็จ” นายอดุลย์กล่าว