พาณิชย์เร่งดำเนินการตามนโยบายมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร

ผู้ปลูกมันสำปะหลัง สามารถผลักดันราคาให้สูงขึ้นนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรคาดการณ์ผลผลิตมันสำปะหลังของไทย ปี 2560/61 มีประมาณ 28.57 ล้านตัน ลดลงจากปีก่อน 7.69% เนื่องจากเกษตรกรบางพื้นที่ปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า ซึ่งปัจจุบันราคาหัวมันสด ที่เกษตรกรขายได้ เชื้อแป้ง 25% กก.ละ 1.90 – 2.05 บาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีราคา กก.ละ 1.75 บาท และคาดว่าราคายังคงมีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากเป็นต้นฤดูการเก็บเกี่ยว ผลผลิตยังออกสู่ตลาดน้อย ขณะนี้ออกสู่ตลาดแล้ว 5.41% และจะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือน มกราคม – เมษายน 2561

ทั้งนี้ จากปัญหาเกษตรกรอำเภอโนนสุวรรณ จังหวัดบุรีรัมย์ ขายมันสำปะหลังได้ในราคา กก.ละ 1.50 บาท นั้น พาณิชย์จังหวัดได้มีการลงพื้นที่ติดตามปัญหาราคามันสำปะหลังตกต่ำได้ข้อเท็จจริงว่า จังหวัดบุรีรัมย์มีพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลัง 3 แสนไร่ ผลผลิตประมาณ 1.2 ล้านตัน ผลผลิตออกสู่ตลาดแล้วประมาณ 5% ภาวะราคามันสำปะหลังในพื้นที่ตั้งแต่ผลผลิตออกสู่ตลาดราคาปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 ราคาหัวมันสด (คละ) กก.ละ 1.80 – 1.85 บาท (เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน กก.ละ 0.20 บาท) ราคาหัวมันสดเชื้อแป้ง 25% กก.ละ 2.25 บาท (เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน กก.ละ 0.40 บาท) ซึ่งเป็นราคาที่เกษตรกรพึงพอใจ โดยอัตราเชื้อแป้งเฉลี่ยอยู่ที่ 25 – 26% (อายุ 8 – 9 เดือน)

สำหรับมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง รัฐบาลได้มีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2560/61 โดยคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติแนวทางการบริหารจัดการมันสำปะหลังปี 2560/61 จำนวน 14 โครงการ วงเงิน 551.659 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2560 โดยมีโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่สำคัญ เช่น การดูแลหนี้สินเดิมด้วยการพักชำระหนี้และลดดอกเบี้ยให้เกษตรกรที่เป็นสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรสำหรับในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาด การยกระดับมาตรฐานการผลิตและการแปรรูป และสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉินให้เกษตรกร

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้เตรียมแผนสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับมันสำปะหลัง โดยจะผลักดันให้มีการทำมันเส้นคุณภาพดีและมันเส้นสะอาด โดยดำเนินโครงการสนับสนุนเครื่องสับมันสำปะหลังให้วิสาหกิจชุมชน การสร้างโอกาสทางการค้าและพัฒนาผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และยังได้เตรียมมาตรการดูแลการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อราคาภายในประเทศ

อย่างไรก็ตาม สำนักงานพาณิชย์จังหวัดได้มีการประชาสัมพันธ์มาตรการแนวทางบริหารจัดการมันสำปะหลังให้เกษตรกรและผู้ที่เกี่ยวข้องทราบในจังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดที่เป็นแหล่งเพาะปลูกมันสำปะหลังอย่างต่อเนื่อง และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์ยังได้เชื่อมโยงตลาดมันเส้นสะอาดระหว่างกลุ่มเกษตรกร/สหกรณ์การเกษตรโนนสุวรรณกับฟาร์มสุกร บริษัท อาร์เอ็มซี ฟาร์ม จำกัด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ ปริมาณมันเส้นสะอาด 10,000 ตัน ในราคานำตลาดอีกด้วย

นักวิชาการอัดพ.ร.ก.แรงงานต่างด้าวทุบอุตฯ รายเล็ก ชี้ไทยติดกับดักค่าแรงราคาถูก เป็นข้อจำกัดนโยบาย 4.0 การแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวของรัฐ ล้มเหลวสิ้นเชิง เอกชนโวยรัฐให้ยกเลิก 10 อาชีพสงวน ห้ามต่างด้าวทำ ชี้ล้าสมัย ไม่ได้ใช้ทักษะฝีมือชั้นสูง

นายศุภชัย ศรีสุชาติ ผอ.สถาบันเสริมศึกษาและทรัพยากรมนุษย์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวในงานเสวนา “แรงงานข้ามชาติ ช่วยเหลือหรือวุ่นวาย” ที่ มธ.จัดขึ้นว่า การออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารจัดการการทำงานของ คนต่างด้าว พ.ศ. 2560 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ขนาดเล็กที่มีการจ้างงานในครัวเรือน และสถานประกอบการที่อยู่ใกล้ชายแดนที่ใช้แรงงานไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
การใช้แรงงานต่างด้าวเข้มข้นเป็นข้อจำกัดของนโยบายผลักดันประเทศไทย 4.0 ได้ เพราะไทยยังติดกับดักการใช้ต้นทุนแรงงานถูก ไม่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ระยะยาวควรระบุประเภทงานที่คนต่างด้าวทำได้มากขึ้น

นายสุชาติ จันทรานาคราช รองประธานสภาอุตสาห กรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลยกเลิกการห้ามต่างด้าวประกอบอาชีพ 10 อาชีพ ซึ่งไม่ได้เป็นการแสดงอัตลักษณ์ เอกลักษณ์หรือส่งเสริมภูมิปัญญาไทยแต่อย่างใด และไม่ได้ใช้ทักษะฝีมือชั้นสูง อาชีพที่สงวนให้คนไทย 39 อาชีพ ประกาศใช้มาตั้งแต่ปี 2522 ซึ่งผ่านมา 38 ปีแล้ว ทำให้ล้าสมัย กลายเป็นข้อจำกัดของภาคอุตสาหกรรมที่มีความต้องการแรงงานสูงในบางอาชีพ

10 อาชีพที่ขอให้ยกเลิกการห้ามต่างด้าวทำ ประกอบด้วย งานกรรมกร งานกสิกรรม (เลี้ยงสัตว์ ป่าไม้ ประมง ยกเว้นงานที่ใช้ความชำนาญ งานเฉพาะสาขา งานควบคุมฟาร์ม) ก่ออิฐ (งานช่างไม้หรืองานก่อสร้าง) เจียระไนหรือขัดเพชรหรือพลอย ทำที่นอนหรือผ้าห่มนวม ทำรองเท้า ทำหมวก ประดิษฐ์เครื่องแต่งกาย เครื่องปั้นดินเผา ทำมีด

นายยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ผอ.วิจัยด้านการพัฒนาแรงงาน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า แนวโน้มแรงงานต่างด้าวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติทั้งเมียนมา ลาว กัมพูชา โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดการณ์ปี 2560 มีแรงงานต่างด้าว 3,467,000 คน เนื่องจากไทยมีความไม่คงเส้นคงวาจาก นโยบายแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวของรัฐ ทำให้การแก้ปัญหาล้มเหลวสิ้นเชิง

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2560 เวลา 12.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจากตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาลว่า นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังจากการประชุมในวันนี้ว่าด้วยเรื่อง ขออนุมัติขอขยายระยะเวลาดำเนินโครงการชลประทานขนาดใหญ่ จำนวน 3 โครงการจากขอเสนอของทางกระทรวงเกษตรเเละสหกรณ์

โดยโครงการที่ 1 คือโครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นการบริหารจัดการน้ำในรุมแม่น้ำน่านตอนล่าง เพื่อที่จะส่งน้ำให้พื้นที่ชลประทานในเขตโครงการประมาณ 48,000 กว่าไร่ ที่ผ่านมาเกิดปัญหา คือการปรับแผนดำเนินการใหม่เนื่องจากสภาพภูมิประเทศได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไป มีการจัดหาที่ดินล่าช้า เนื่องจากการเจรจาต่อรองระหว่างภาครัฐและประชาชนไม่ลงตัว และภาคแปลงติดปัญหาข้อกฏหมาย นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขแบบก่อสร้างระบบส่งน้ำ เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน ในกรณีนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จทุกรายการภาคในปีงบประมาณ 2566 มีการขยายไปอีก 5 ปี

โครงงานที่ 2 คือโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.อุตรดิตถ์ วัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มพื้นที่ชลประทานฤดูฝนอีก 53,000 ไร่ บริหารจัดการน้ำและบรรเทาอุทกภัยในรุมแม่น้ำน่านตอนล่าง ที่ผ่านมามีปัญหาพื้นที่การก่อสร้างต้องออก พ.ร.ก.เพิกถอนอุทยานฯ และเพิ่งจะมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 30 มี.ค 2560 โครงการนี้ขยายระยะเวลาออกไปอีก 3 ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2564

เเละโครงการที่ 3 คือโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา จ.เชียงใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการรุมแม่น้ำปิงตอนบน และเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนของอ่างเก็บน้ำ เพื่อใช้ในการเกษตร อุปโภค บริโภค อุตสาหกรรม และระบบนิเวศน์ รวมถึงเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกในช่วงฤดูแล้ง ที่ผ่านมาเกิดปัญหาคือขั้นตอนการขอเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติศรีลานนา บางส่วนเพื่อใช้ในการก่อสร้างใช้ระยะเวลานาน ดังนั้นจึงขอขยายระยะเวลาออกไปอีก 5 ปี คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปี 2565

ริมถนนประเสริฐมนูกิจ ด้านหลังโรงเรียนสตรีวิทยา 2 เขตลาดพร้าว พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิด “งานเที่ยวลาดพร้าว รับลมหนาวชมดาวเรือง” ว่า กทม.โดยสำนักสิ่งแวดล้อมและสำนักงานเขต ได้ร่วมหารือหน่วยงานเพื่อปลูกดอกดาวเหลือง ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อน้อมถวายอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และประดับตกแต่งประดับเมืองและถนนสายสำคัญ ด้วยสีเหลืองเป็นสีเนื่องในวันพระราชสมภพของในหลวงรัชกาลที่ 9 กทม.

จึงได้เพาะพันธุ์ดอกดาวเรืองกว่า 2 ล้านต้น และส่วนหนึ่งได้นำปลูกในพื้นที่ว่างเปล่าที่ไม่ใช้ประโยชน์ โดยเชิญชวนภาคเอกชนมาร่วมปลูกดาวเรือง เปลี่ยนพื้นที่เปลี่ยวให้เป็นพื้นที่สีเขียวและปลอดภัย รวมถึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของประชาชน ทั้งนี้ มีบริษัท สยามประภาคาร จำกัด อนุญาตให้ใช้พื้นที่จำนวน 10 ไร่ บริเวณด้านหลังโรงเรียนสตรีวิทยา 2 จากนั้นทางสำนักงานเขตลาดพร้าวและภาคเอกชน ร่วมกันปลูกต้นดาวเรือง จำนวน 19,999 ต้น ระหว่างนี้ กทม.พร้อมช่วยดูแลพื้นที่อย่างเต็มที่ อาจปลูกไม้ดอกสลับหมุนเวียนตลอดปี หากภาคเอกชนยังไม่ได้นำพื้นที่ไปใช้ประโยชน์อื่น

พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวอีกว่า สำหรับทุ่งดาวเรืองดังกล่าวใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ กทม.โดยสำนักงานเขตลาดพร้าวจะเปิดให้ประชาชนเยี่ยมได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงช่วงเทศกาลปีใหม่ ในเดือนธันวาคม หากประชาชนเดินทางมาเยี่ยมชม จะมีพื้นที่จอดรถภายในรองรับประมาณ 50-60 คัน

อย่างไรก็ตาม กทม.ไม่มีพื้นที่ว่างเปล่าจำนวนมากประกอบกับราคาที่ดินพุ่งสูงขึ้น ทำให้ กทม.ไม่สามารถหาพื้นที่ปลูกดาวเรืองลักษณะนี้ได้ ก่อนหน้านี้ กทม.ได้ดำเนินการเปลี่ยนที่เปลี่ยวเป็นพื้นที่โปร่งเพื่อลดปัญหาอาชญกรรมในหลายพื้นที่ อาทิ ป้ายรถประจำทางเปลี่ยวในพื้นที่เขตบางนา อดีตเคยมีเหตุฆ่าข่มขืนหญิงสาว และอยู่ระหว่างดำเนินการในพื้นที่อื่นให้ประชาชนเดินทางสัญจรได้อย่างปลอดภัย พร้อมติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี)

“กทม.พยายามบำรุงรักษาดอกดาวเรืองให้อยู่ได้จนถึงสิ้นปี 2560 เมื่อดอกไม้ได้ร่วงโรยแล้วจะนำไปทำประโยชน์อย่างอื่น อาทิ นำไปบดอัดเป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่โรงกำจัดขยะอ่อนนุช ขณะเดียวกันข้อจำกัดสำหรับการเยี่ยมชนนั้น ไม่ได้มีข้อห้ามใด แต่ขอความร่วมมือประชาชนใช้วิจารญาณ อาทิ การถ่ายรูป การเด็ดดอกไม้ ซึ่งผมเชื่อว่าคนไทยพัฒนาไปมาก คงไม่เด็ดดอกไม้กลับบ้าน” พล.ต.อ.อัศวิน กล่าว

กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศ ประจำวันที่ 15 พฤศจิกายน 2560 ดังนี้

ลักษณะอากาศทั่วไป พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ในภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สำหรับภาคใต้ตอนล่างมีฝนมากกว่าบริเวณอื่น และมีฝนตกหนักบางแห่ง

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา บริเวณความกดอากาศสูงกำลังอ่อนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นและอุณหภูมิลดลงเล็กน้อย โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งในภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในขณะที่หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศมาเลเซียประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนมากกว่าบริเวณอื่น และมีฝนตกหนักบางแห่ง

อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีน จะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ในช่วงวันที่ 18-21 พ.ย. 2560 ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในระยะแรก หลังจากนั้นอากาศจะเย็นลง โดยอุณหภูมิลดลง 2-4 องศา สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง และคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้
ภาคเหนือ อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า
โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-16 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิลดลงเล็กน้อย
อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11-16 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีเมฆบางส่วน กับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค
อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีเมฆบางส่วนกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมากกับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆเป็นส่วนมากกับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล
อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆบางส่วนกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ชุมชนตำบลหนองโรง อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี โดดเด่นในเรื่องการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ แต่เดิมในพื้นที่เคยเป็นป่าเสื่อมโทรม ชาวบ้านจึงร่วมแรงร่วมใจกันฟื้นฟูป่าด้วยการปลูกต้นไม้นานาชนิดทดแทน จนเกิดเป็นป่าที่หล่อเลี้ยงชีวิตของคนในชุมชน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงลงพื้นที่สนับสนุนเพื่อให้เกิดเป็นการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน โดยเลือกชุมชนตำบลหนองโรง จ.กาญจนบุรี ให้เป็น 1 ใน 10 ชุมชนต้นแบบของกิจกรรม Village Tourism 4.0 โดยพาคณะอาจารย์ที่มากความสามารถเข้าไปช่วยพัฒนาสิ่งที่สามารถนำมาต่อยอดได้

อย่างเช่นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากภูมิปัญญาชาวบ้าน เครื่องประดับ แหวน กำไลที่ทำมาจากเถาวัลย์ซึ่งมีอยู่มากมายในป่า ต่อยอดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ในชุมชนให้เกิดเป็นเส้นทางการท่องเที่ยวอย่างการปลูกป่า ซึ่งจัดเป็นฐานการเรียนรู้ทั้งหมด 35 ฐาน ชมสวนผสมตามแนวพระราชดำริ ซึ่งเหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่สนใจด้านการเกษตรและการอนุรักษ์ สามารถเข้ามาเรียนรู้เพื่อนำประโยชน์ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ต่อไป นอกจากนี้ภายในชุมชนยังมีกิจกรรมสาธิตการทอผ้าขาวม้า ซึ่งล้วนมาจากฝีมือของชาวบ้าน อีกทั้งยังมีการแปรรูปต้นตาล นำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ อย่างเช่นนำเปลือกลูกตาลไปเลี้ยงวัว นำหัวตาลไปทำถ่านใช้ในครัวเรือนตามพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง และนำผลตาลไปทำเป็นขนมต่างๆมากมาย

นอกจากนี้ภายในชุมชนยังมีการแสดงพื้นบ้านอย่าง เพลงเหย่ย เป็นเพลงพื้นบ้านเก่าแก่ที่กำลังจะสูญหายไป ซึ่งคำว่า ‘เหย่ย’ เป็นเสียงที่เพี้ยนมาจากคำว่า ‘เอย’ นิยมเล่นกันในเทศกาลวันสงกรานต์ งานนักขัตฤกษ์ งานมงคล และงานรื่นเริงทั่วไปของชาวบ้าน แต่ในปัจจุบันเยาวชนของบ้านห้วยสะพานสามัคคีและสมาชิกในตำบลได้อนุรักษ์และต่อยอดโดยนำมาเป็นการแสดงต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในชุมชน ถือเป็นเสน่ห์ทางวัฒนธรรมวิถีชุมชนอีกรูปแบบหนึ่ง

นางปานจิตร สันทัดกลการ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกิจกรรมในครั้งนี้ว่า “ชุมชนหนองโรง อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็น 1 ใน 10 ชุมชนของภาคกลางในกิจกรรม Village Tourism 4.0 เป็นกิจกรรมที่ยกระดับและพัฒนาชุมชนโดยบูรณาการการท่องเที่ยวแบบเชื่อมโยง ทั้งวัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิต ภูมิปัญญาชาวบ้าน

เพื่อเป็นตัวเลือกให้แก่นักท่องเที่ยวที่สนใจการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แบบนี้ เพิ่มการจับจ่ายใช้สอย คนในชุมชนเองก็จะมีรายได้เพิ่มมากขึ้น จะเห็นได้ว่าชุมชนมีความพร้อมในเรื่องของผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มาจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่นี่มีป่าเชิงอนุรักษ์ ป่าสมุนไพร อยากเชิญชวนท่านที่สนใจมาเที่ยว มาเรียนรู้กันค่ะ ซึ่งทั้งนี้ ททท.ขอเชิญร่วมงานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 45 ในวันที่ 2-5 พฤศจิกายนนี้ ที่อิมแพ็คเมืองทองธานี ภายในงานเราได้จัดนำสินค้าและบริการของชุมชนไปวางจำหน่าย และหากท่านใดสนใจทริปเส้นทางการท่องเที่ยวภายในชุมชน สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสมัยสามัญขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ครั้งที่ 39 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 13 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับเวลาประมาณ 21.00 น.ของไทย ยูเนสโกมีมติประกาศยกย่องบุคคลสำคัญ และเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ ในปี 2561-2562 จำนวน 48 รายการ และเป็นที่น่ายินดีว่าในส่วนของไทย ยูเนสโกได้ประกาศยกย่องนายกำพล วัชรพล เป็นบุคคลสำคัญของโลก

ด้านการศึกษาและสื่อสารมวลชน modernmagazin.com เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 100 ปี ชาตกาล ในวันที่ 27 ธันวาคม 2562 ทั้งนี้ นายกำพลได้ทำสิ่งที่ถือเป็นคุณูปการให้กับวงการศึกษา และสื่อสารมวลชน นอกจากนี้ นายกำพลยังเป็นนักสื่อสารมวลชนที่มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการศึกษา โดยใช้สื่อเป็นตัวกลางในการส่งเสริมการเข้าถึงข้อมูล และการศึกษา ทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนไทยรัฐวิทยาแห่งแรกขึ้นที่ จ.ลพบุรี เมื่อปี 2512 แล้วยกให้ ศธ.โดยมีมูลนิธิไทยรัฐเป็นผู้อุปถัมภ์

นพ.ธีระเกียรติกล่าวอีกว่า สำหรับการเฉลิมฉลองบุคคลสำคัญและเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นโครงการที่สำคัญของยูเนสโก ในฐานะองค์การระหว่างประเทศ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเชิดชูเกียรติคุณของบุคคล และเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศสมาชิกยูเนสโกที่เกิดขึ้นในอดีต เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นบุคคลที่ทรงคุณค่า เป็นแบบอย่างทางด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม และสังคมศาสตร์ หรือสื่อสารมวลชน ช่วยส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างประเทศ

คนแห่เที่ยวทะเลตราด ธุรกิจเรือเร็ว/สปีดโบ๊ตเกาะกูดอู้ฟู่ “บุญศิริ” ยอดพุ่ง เดินหน้าทุ่มงบฯกว่า 100 ล้านบาท เพิ่มเรือเร็วขนาด 300 ที่นั่ง พร้อมบริการรถบัส วี.ไอ.พี.จากกรุงเทพฯ ขยายเส้นทางเชื่อม 3 เกาะ รองรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ด้านผู้ประกอบการเรือวอนรัฐเร่งสร้างท่าเทียบเรือมาตรฐาน เจ้าท่าแจงโครงการท่าเทียบเรือเกาะกูดอีไอเอยังไม่ผ่าน

ทีมข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” สำรวจการให้บริการเรือเร็วไปเกาะหมาก เกาะกูด แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดตราด พบว่า จากความนิยมและปริมาณของนักท่องเที่ยวบนเกาะกูด เกาะหมาก ที่เพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ธุรกิจการให้บริการเรือเร็ว เรือสปีดโบ๊ตเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยเส้นทางเกาะหมากมีผู้ประกอบการเรือเปิดบริการเรือสปีดโบ๊ต ออกจากท่าเรือแหลมงอบ จำนวน 4 ราย วันละ 8 รอบ ได้แก่ 1.เรือปาหนัน 2.เรือลีลาวดี 3.เรือซีเทลโบ๊ท 4.เรือสวนสุข และมีเรือไม้และเรือสปีดโบ๊ตเกาะช้าง-เกาะหมาก วันละ 3 เที่ยว

ส่วนเส้นทางเกาะกูด มีเรือเร็ว 3 บริษัท บริการวันละ 5 รอบ คือ 1.เรือเกาะกูดเอ๊กซ์เพรส 2.เรือเกาะกูดปริ๊นเซส และ 3.เรือบุญศิริเรือเร็ว และยังมีบริการเรือสปีดโบ๊ตของเกาะกูดเอ๊กซ์เพรสให้บริการอีก 1 แห่ง นอกจากนั้นยังมีเรือสปีดโบ๊ตของรีสอร์ตขนาดใหญ่ที่ขายแพ็กเกจทัวร์ให้บริการอีก 5-6 แห่ง

บุญศิริเพิ่มเรือเร็ว/รถบัส วี.ไอ.พี.

นายทศพล ปิยะพิทักษ์วงศ์ ผู้จัดการ บริษัท บุญศิริเรือเร็ว จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันเปิดให้บริการเรือเร็วเส้นทางจากท่าเรือแหลมศอก อ.เมือง จ.ตราด ไปเกาะหมาก เกาะกูด วันละ 2 เที่ยว โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ด้วยรถตู้หรือรถบัส วี.ไอ.พี. หากเดินทางมาเองโดยรถยนต์ส่วนตัวจะมีพื้นที่บริการรับฝากรถยนต์ หรือนักท่องเที่ยววอล์กอินก็จะมีบริการรถรับส่งตามจุดต่าง ๆ จากตัวเมืองมาที่ท่าเทียบเรือแหลมศอก