พื้นที่ตรงนี้ราว 40 ไร่ เป็นพื้นที่หลายคนบอกว่ามีความแห้งแล้ง

และมีปัญหาเรื่องน้ำ ทำนาไม่ค่อยได้ผลผลิต คุณหทัยทิพย์มีความตั้งใจว่าอยากพัฒนาที่ดิน จึงไปสมัครเป็น “หมอดินอาสา” ในปี พ.ศ. 2555 คุณหทัยทิพย์ได้มีโอกาสเข้าอบรมที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร จากนั้นได้นำเอาความรู้ที่ได้รับนำมาปรับใช้ในการทำนา เดิมทำนาโดยการใช้ปุ๋ยเคมีอย่างเดียว โดยไม่มีความรู้ว่าการใช้สารเคมีในปริมาณที่มากๆ นั้น ทำให้ดินเสื่อมสภาพ เมื่อได้เข้ารับการอบรม จึงได้รับความรู้จากเจ้าหน้าที่กิจกรรมงานศึกษาและพัฒนาที่ดิน สอนวิธีการทำปุ๋ยหมัก ทำน้ำหมัก และแนะนำวิธีการใช้ พร้อมตัวอย่างน้ำหมัก และ พด. ลองกลับไปใช้ที่บ้าน ต่อมาคุณหทัยทิพย์พร้อมสามีรับการอบรมการเพาะเห็ดและนำความรู้จากการอบรมไปใช้ในทันทีปัจจุบันเพาะเห็ดขายทั้งเปิดดอกขาย และส่งขายก้อนเชื้อ นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของอาชีพ ที่เพิ่มรายได้ให้กับครอบครัวได้

คุณหทัยทิพย์ บอกอีกว่า ความรู้การศึกษาไม่มีวันจบสิ้น จึงได้พาบุตรชายและหลานชาย เข้ารับการอบรมการทำเกษตรแบบผสมผสาน การปลูกไม้ผล จึงมีความคิดอยากลองปลูก เพราะเห็นในพื้นที่ศูนย์ฯ ภูพาน ปลูกได้ผล จึงหันลองมาปลูก จนถึงปัจจุบัน เริ่มให้ผลผลิตแล้ว ส่วนด้านปศุสัตว์ เลี้ยงโคเนื้อลูกผสม ด้านประมง เลี้ยงปลาดุก เลี้ยงปลานิล เลี้ยงปลาหมอเทศ พร้อมนี้ยังปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาที่ไม่เหมาะสมมาปลูกหญ้าเนเปียร์ เพื่อเป็นอาหารโค ปลูกมะขามเปรี้ยวยักษ์ฝักโต ฝรั่ง หม่อนและผักหวาน รวมพื้นที่ 6 ไร่ ปัจจุบันพืชผลกำลังเจริญเติบโต และให้ผลผลิตในบางอย่าง

ส่วนไม้ยืนต้น ปลูกไม้สัก พะยูง ประดู่ ฯลฯ สิ่งที่น่าภูมิใจคือเป็นมรดกจากพ่อแม่ ป่านั้นนับเป็นสิ่งที่ครอบครัวตัวเองได้ประโยชน์มากมาย ทั้งทางด้านจิตใจและธรรมชาติสิ่งแวดล้อม เป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์เป็นประโยชน์แก่ประชาชนทั่วไป

ดังนั้น ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับ จากศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร ที่ทุกท่านได้มอบให้นับเป็นประโยชน์อย่างมาก จากวันที่เข้ารับการอบรมครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน ทำให้ชีวิตครอบครัวเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น จากการทำเกษตรเชิงเดี่ยวปรับเปลี่ยนเป็นการทำเกษตรแบบผสมผสาน และอีกหนึ่งความภาคภูมิใจที่ได้รับในปี พ.ศ. 2556 รับรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 เกษตรกรสาขา อาชีพไร่นาสวนผสมดีเด่น ระดับจังหวัด สุดท้ายการทำเกษตรแบบผสมผสาน ทำเกษตรอินทรีย์ พึ่งพาตนเอง และมีการเกื้อกูลกันได้อย่างเป็นระบบ

ทุกวันนี้ บ้านของคุณป้าหทัยทิพย์กลายเป็นศูนย์แหล่งการเรียนรู้ ในพื้นที่อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร ท่านใดที่สนใจหรือมีโอกาสผ่านก็สามารถแวะชมและศึกษาได้ที่ คุณหทัยทิพย์ จารุสาร โทร. (080) 159-0461

ที่นี่ เป็นพื้นที่เครือข่ายของ โครงการ “นอนบ้านมั่งคั่ง นอนนาแก้จน” หมายถึง อยู่บ้านก็มีกินมีใช้ อยู่นาก็ไม่อดอยากมีรายได้…และมีอยู่มีกินอย่างพอเพียง

กิจกรรมในแปลงปัจจุบัน

1. การเพาะเห็ด (5 โรงเรือน) จำนวน 20,000 ก้อน
2. ปลูกหญ้าเนเปียร์ เพื่อเป็นอาหารโค จำนวน 2 ไร่
3. ปลูกมะขามเปรี้ยวยักษ์ฝักโต จำนวน 100 ต้น
4. ปลูกฝรั่ง จำนวน 200 ต้น
5. ปลูกหม่อน จำนวน 10 ต้น
6. ปลูกผักหวาน จำนวน 200 ต้น
7. ปลูกไม้สัก จำนวน 100 ต้น
8. ปลูกพะยูง จำนวน 100 ต้น
9. ปลูกประดู่ จำนวน 50 ต้น
10. เลี้ยงโค จำนวน 9 ตัว
11. เลี้ยงปลานิล (1 บ่อ) จำนวน 10,000 ตัว
12. เลี้ยงปลาหมอเทศ (1 บ่อ) จำนวน 20,000 ตัว

เทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดการดิน/แก้ปัญหา

เทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดการดินในช่วงแรกจะลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง เช่น การเลือกชนิดพืชที่ปลูกให้เหมาะสมกับสภาพ ดิน น้ำ อากาศ แต่ก็ยังไม่ค่อยได้ผลผลิตที่ดีพอ เพราะยังประสบปัญหาใหญ่คือ การขาดน้ำเพื่อใช้ในฤดูแล้ง จนกระทั่งได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ของสถานีพัฒนาที่ดินสกลนคร ในการปรับปรุงบำรุงดินโดยใช้องค์ความรู้ต่างๆ ของกรมพัฒนาที่ดิน

หลังจากนั้น จึงได้เข้าร่วมเป็นหมอดินอาสาและก็ได้รับการสนับสนุนการขุดสระน้ำในไร่นานอกเขตชลประทาน เพื่อให้มีน้ำใช้สม่ำเสมอตลอดปี โดยเก็บกักน้ำในฤดูฝน และใช้เสริมการปลูกพืชในฤดูแล้ง หรือระยะฝนทิ้งช่วงพร้อมปลูกหญ้าแฝกรอบสระเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดิน และบริเวณรอบๆ แปลงเกษตรเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในแปลงและสร้างความพรุนให้กับดินและยังขอรับการสนับสนุนปัจจัยต่างๆ ในการปรับปรุงดิน เช่น ในนาข้าว มีการใช้ปูนโดโลไมท์เพื่อปรับค่าความเป็นกรดด่างของดินการปรับปรุงดินด้วยวิธีงดเผาฟางและไถกลบตอซังข้าว โดยมีการฉีดพ่นน้ำหมักจากสารเร่งซุปเปอร์ พด.2 ขณะไถกลบเพื่อช่วยเร่งการย่อยสลายของตอซังข้าวใช้ปุ๋ยหมักจากก้อนเห็ดเก่าและเศษพืช

การไถกลบปุ๋ยพืชสด (ปอเทือง) ในนาข้าวเพื่อเพิ่มไนโตรเจนและทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น ดินร่วนซุยขึ้น โดยในระยะเวลา 3 ปี ผลผลิตข้าวได้เพิ่มขึ้นจาก 300 กิโลกรัม ต่อไร่ เป็น 400 กิโลกรัม ต่อไร่ ส่วนในแปลงของพืชชนิดอื่นๆ นั้นมีการห่มดินคลุมดิน ใช้ทั้งปุ๋ยหมักและน้ำหมักชีวภาพเพื่อช่วยลดการใช้สารเคมีทางการเกษตรในการเพิ่มผลผลิตพืช รวมทั้งป้องกันและกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืช ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลง ผลผลิตดีขึ้น ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น

นับตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคม 2562 เป็นต้นมา ถือว่า นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน มีอายุก้าวสู่ปีที่ 32… กว่า 30 ปี นิตยสารได้ทำหน้าที่สื่อมวลชนทางด้านการเกษตรอย่างต่อเนื่อง หากท่านที่ติดตามการทำงานของพวกเรามาโดยตลอด จะทราบระบบการผลิตสินค้าการเกษตรของไทยเป็นอย่างดี เพราะมีการรวบรวม เรียบเรียง ผู้ประสบความสำเร็จมานำเสนอ ทุกสาขาอาชีพการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นทางด้านพืช ปศุสัตว์ ประมง การแปรรูปสินค้าเกษตร การตลาด การท่องเที่ยวเชิงเกษตร และอื่นๆ

อาชีพเกษตรกรรมบางสาขา ได้แบ่งแยกย่อยออกไปอีก อย่างทางด้านพืช มีพืชไร่นา พืชสวน พืชสวนอุตสาหกรรม พืชสมุนไพร ทางด้านอื่น อย่างปศุสัตว์ ก็แบ่งเป็นสัตว์เล็ก สัตว์ใหญ่ สัตว์เลี้ยงสวยงาม แต่ทีมงานก็ตามเก็บข้อมูล เพื่อนำเสนอให้กับผู้สนใจ

กิจกรรมเสริมที่มิตรรักนักอ่านเทคโนโลยีชาวบ้านทราบกันดี ถือว่าเป็นจุดเด่นคือ เสวนาเกษตรสัญจร งานสัมมนาวิชาการที่อยู่ในความสนใจ

ในโอกาสก้าวเข้าสู่ปีที่ 32 ทีมงานจึงได้จัดสัมมนา “ไม้ผลพารวย ยุค 5 G” ขึ้น ที่ห้องประชุมใหญ่ สำนักงานหนังสือพิมพ์ข่าวสด วันที่ 31 ตุลาคม 2562 เวลา 13.00-16.00 น.

วิทยากรเริ่มจาก คุณชลธี นุ่มหนู ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 มาบอกเล่า “ผลิตทุเรียนให้รวยอย่างยั่งยืน” คุณณรงค์ศักดิ์ ชื่นสุชน จาก บริษัท เอ็นซี โคโคนัท จำกัด มาเล่าว่า “ส่งมะพร้าวน้ำหอมไปต่างประเทศ วันละ 1 แสนลูก ทำได้อย่างไร” คุณเสาวณี วิเลปะนะ เจ้าของแบรนด์คิง ฟรุทส์ เล่าประสบการณ์ “ส่งกล้วยหอมขึ้นห้างฯ วันละ 15 ตัน” และ ดร. วราภรณ์ พรหมพจน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาให้ความรู้ “เทคโนโลยี ยุค 5 G เพื่อลดต้นทุนทางการเกษตร”

ทุเรียน เป็นไม้ผลยอดฮิตในปัจจุบัน ทุกภาคสนใจปลูก แต่จะได้ผลมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐาน และความเข้าใจในการดูแลรักษา

คุณชลธี นุ่มหนู ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 จันทบุรี บอกว่า ทุเรียนเป็นพืชเศรษฐกิจ สามารถส่งออกต่างประเทศปีหนึ่งทำเงินหลายหมื่นล้านบาท เกษตรกรส่วนหนึ่งที่ปลูกทุเรียนมีรายได้ดีถึงขั้นเป็นเศรษฐี

แต่การที่จะปลูกทุเรียนแล้วขายได้ขายดี ต้องทำคุณภาพ เมื่อถึงเวลาขายต้องไม่มีแมลง โรค อยู่ที่ผล ไม่ตัดทุเรียนอ่อน หากดูภายใน ทุเรียนเนื้อไม่แกร็น ไม่ไส้ซึม และที่สำคัญมากนั้น ไม่มีสารตกค้างที่จะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค

การผลิตทุเรียนให้มีคุณภาพดี มีหลัก 4 ประการ ด้วยกัน

ประการที่หนึ่ง…ต้องเข้าใจพืช โดยเฉพาะเรื่องการเจริญเติบโต มีช่วงไหนที่พืชสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรค การเข้าทำลายของศัตรูพืช การออกดอก ติดผล และอื่นๆ

ประการที่สอง…ต้องเข้าใจปัจจัยการผลิต โดยเฉพาะสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช ฮอร์โมนต่างๆ หากเข้าใจจะลดต้นทุนการผลิตได้ ตรงกันข้าม หากไม่เข้าใจจะเป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิต และสร้างมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม

ประการที่สาม…ต้องเข้าใจสิ่งแวดล้อม ซึ่งสิ่งแวดล้อมแต่ละช่วงแตกต่างกัน อย่างทุเรียนออกดอกต้องการสิ่งแวดล้อมอย่างไร จะติดผลต้องการความชื้นมากน้อยขนาดไหน ทุเรียนแตกใบอ่อนขณะติดผลป้องกันและแก้ไขอย่างไร

ประการสุดท้าย…ต้องเข้าใจความสัมพันธ์ทั้ง 3 ประการ ที่กล่าวมา คือเข้าใจพืช เข้าใจปัจจัยการผลิต และสิ่งแวดล้อม หากเข้าใจจะสามารถผลิตทุเรียนมีคุณภาพปลอดภัยต่อผู้บริโภคได้

การผลิตทุเรียนให้มีคุณภาพนั้น ต้องมีเทคโนโลยีที่เหมาะสม กรมวิชาการเกษตร ในฐานะเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้วิจัยและรวบรวมข้อมูลไว้ครบถ้วน สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิจัยพืชสวนจันทบุรี, สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 และสถาบันวิจัยพืชสวน หน่วยงานที่กล่าวมานี้ สังกัดกรมวิชาการเกษตร

ส่งมะพร้าวน้ำหอมไปต่างประเทศ วันละ 1 แสนลูก ทำได้อย่างไร

เกือบ 40 ปี ที่คลุกคลีอยู่ในวงการมะพร้าวน้ำหอม คุณณรงค์ศักดิ์ ชื่นสุชน ผู้ก้าวจากเกษตรกรหนุ่มทำสวนมะพร้าว บุกเบิกตลาดค้าส่งมะพร้าวน้ำหอมด้วยตนเอง จนเติบโตรุกตลาดต่างประเทศด้วยแนวคิด ต้องการความยั่งยืนจากการทำการเกษตร ด้วยการก่อตั้งบริษัท แปรรูปสินค้า สร้างแบรนด์สินค้า และส่งออกด้วยตนเอง ครบทุกกระบวนการ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ จนปัจจุบัน คุณณรงค์ศักดิ์ มีพนักงานบริษัทอยู่ในความดูแลถึง 400 ชีวิต ตลาดมะพร้าวน้ำหอมที่ส่งออกยังต่างประเทศมีไม่น้อยกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ ของการผลิต ทั้งยังเป็นแหล่งรับซื้อมะพร้าวน้ำหอมจากลูกสวนที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี ด้วยการรับซื้อมะพร้าวน้ำหอมจากเกษตรกรชาวสวนมะพร้าวตามราคาซื้อขายสินค้าเกษตรที่แท้จริง

ความโดดเด่นของเกษตรกรรายนี้ เพราะความเป็นลูกชาวสวน จบการศึกษาเพียงมัธยมศึกษาปีที่ 6 และเติบโตคู่มากับการทำการเกษตรจริงๆ นับตั้งแต่ครั้งพ่อและแม่ ที่เป็นชาวสวน มีพื้นที่เพียงเล็กน้อย ปลูกพืชผักผลไม้ไปตามฤดูกาล และมะพร้าวน้ำหอม ก็เป็นผลไม้หนึ่งที่ปลูกมาตั้งแต่ยุคแรก ต่อเมื่อพืชอื่นมีความจำเป็นต้องพึ่งพาสารเคมี คุณณรงค์ศักดิ์ จึงหยุดปลูกพืชเหล่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี แล้วหันมาดูแลสวนมะพร้าวน้ำหอมเพียงชนิดเดียว

“จากเดิมเราก็ปลูกแล้วก็ขาย เหมือนสวนอื่นๆ แต่เรารู้ว่า เราไม่ควรย่ำอยู่กับที่ ควรพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ จึงพยายามเข้าตลาดค้าส่งด้วยตนเอง เข้าไปติดต่อ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะในอดีต ปี 2539 ก็มีคู่ค้าที่ผูกพันกันประจำแต่ละสวน การเปิดตลาดจึงเป็นเรื่องยาก แต่ก็เป็นความโชคดีที่ปีนั้น ตลาดไทเปิดใหม่ ผมจึงเข้าไปติดต่อค้าส่ง ก็ได้คู่ค้าที่ดี ค้าส่งกันเรื่อยมา และภายใน 1-2 ปีแรก ผมก็สามารถเปิดตลาดค้าส่งที่ตลาดโคราชได้อีกแห่ง แต่ถึงแม้จะเปิดตลาดค้าส่งได้แล้ว แต่ผมก็ยังคงเป็นเกษตรกรที่ทำหน้าที่ทุกอย่างเอง ตั้งแต่เป็นชาวสวน จนถึงขับรถหกล้อส่งมะพร้าวน้ำหอมเอง”

การพัฒนาการของการค้ามะพร้าว ไม่ได้มีแค่มะพร้าวลูกเขียว หรือมะพร้าวสด แต่เริ่มเข้าสู่ยุคของการปอกเปลือกมะพร้าวเหลือแต่ลูกกะลา แล้วนำไปต้มหรือเผา นับเป็นก้าวที่ 2 ของวงการมะพร้าวที่ไม่เฉพาะขายส่งมะพร้าวเขียว แต่เริ่มต่อยอดด้วยการแปรรูปให้เป็นผลรับประทานง่ายขึ้น

เมื่อมีโอกาสก้าวเข้าสู่ตลาดส่งออก ในปี 2544 เพราะมีเพื่อนแนะนำให้รู้จักกับลูกค้าชาวไต้หวัน และทำให้รู้จักการค้าในรูปแบบของ OEM (Original Equipment Manufacturer) หรือ รับจ้างผลิต โดยยังไม่มีแบรนด์เป็นของตนเอง และขยายฐานลูกค้าจากไต้หวันไปอีกหลายประเทศ

จุดเปลี่ยนที่สำคัญ คือ ต้องการความมั่นคงยั่งยืนในอาชีพ จึงตัดสินใจสร้างแบรนด์ของตนเอง โดยการก่อตั้ง บริษัท เอ็นซี โคโคนัท จำกัด และต่อยอดการแปรรูปจากมะพร้าวน้ำหอมปอกเปลือก เป็นวุ้นมะพร้าวในห่อสุญญากาศ ถือเป็นการทำการเกษตรครบวงจร และเริ่มค้าขายกับต่างประเทศภายใต้แบรนด์ เอ็นซี โคโคนัท กับหลากประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง อินโดนีเซีย ไต้หวัน จีน ออสเตรเลีย และอีกหลายประเทศในยุโรป

เปลือกมะพร้าว ที่เดิมเคยเป็นวัตถุดิบเหลือทิ้งจากสวนมะพร้าว ปัจจุบัน ถูกขายให้กับโรงงานผลิตไฟฟ้า เพราะการทิ้งเปลือกมะพร้าวเป็นต้นทุนการผลิตอย่างหนึ่ง คุณณรงค์ศักดิ์ จึงศึกษาเรื่องการนำเปลือกมะพร้าวไปผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้าในกลุ่มชีวมวล อย่างน้อยก็ได้จัดการวัตถุดิบเหลือทิ้งจากสวนมะพร้าวเป็นเม็ดเงินกลับมา

คุณณรงค์ศักดิ์ บอกว่า ตลาดมะพร้าวน้ำหอมในประเทศไทย ยังไม่ดีนัก ด้วยสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันมีผลกระทบ แต่สำหรับตลาดมะพร้าวน้ำหอมต่างประเทศ มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ซึ่งที่ผ่านมาการเติบโตของมะพร้าวน้ำหอมในต่างประเทศขยายตัวอย่างต่อเนื่องทุกปี ทำให้การค้าในประเทศมีผลผลิตจาก เอ็นซี โคโคนัท เพียง 5 เปอร์เซ็นต์ และส่งออกยังต่างประเทศมากถึง 95 เปอร์เซ็นต์ โดยในประเทศวางจำหน่ายที่ห้างโมเดิร์นเทรด เช่น โลตัส ซุปเปอร์สโตร์ ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ และศูนย์การค้าสยามพารากอน เท่านั้น

ปัจจุบัน คุณณรงค์ศักดิ์ ยังคงทำสวนมะพร้าวอยู่ ขยายพื้นที่ปลูกไปหลายแปลงในพื้นที่จังหวัดราชบุรี และช่วยเหลือเกษตรกรทำสวนมะพร้าวด้วยการรับซื้อมะพร้าวที่ได้คุณภาพมาตรฐานตามที่บริษัทกำหนด ภายใต้ราคาซื้อขายของตลาดสินค้าเกษตร ทั้งยังยืนยันด้วยว่า มะพร้าวน้ำหอม ยังเป็นสินค้าเกษตรที่มีทิศทางและการเติบโตที่ดีในต่างประเทศอีกมาก

สูตรความสำเร็จ กล้วยหอมทองร้อยล้าน

เกษตรกรตัวจริงเสียงจริงสร้างธุรกิจเงินล้านได้ไม่ยาก แค่จับตลาดให้ถูกช่องทาง แม้ทำธุรกิจกล้วยๆ อย่าง คิงฟรุทส์ (King Fruit) ผู้ผลิตกล้วยหอมสุกพร้อมรับประทานบรรจุในถุงพลาสติกใสที่เราคุ้นตากันในร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ สามารถสร้างรายได้สูงต่อปีถึง 150 ล้านบาท ทีเดียว

คุณเสาวณี วิเลปะนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัทคิง ฟรุทส์ จำกัด กล่าวว่า เราเป็นเกษตรกร ผู้ปลูกกล้วยหอมที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทยมานานกว่า 15 ปี มีพื้นที่การปลูกกล้วยหอมทองกว่า 3,000 ไร่ และเกษตรกรในเครือข่ายกว่า 1,000 ไร่ ควบคุมดูแลการปลูกโดยนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะภายใต้มาตรฐาน GAP ตั้งแต่การคัดเลือกหน่อพันธุ์ที่ดี จนถึงการเก็บเกี่ยว มีโรงคัดบรรจุตามระบบ GMP และ HACCP เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและปลอดภัยต่อผู้บริโภค ภายใต้นโยบายคุณภาพ “มุ่งมั่น พัฒนา ผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐาน เพื่อการบริโภคที่ปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม”

คิง ฟรุทส์ ตั้งเป้าเติบโตด้วยคุณภาพ เน้นการรวมกลุ่มเกษตรกรเครือข่ายผู้ปลูกกล้วยหอมทอง เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ ตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิตมาตรฐาน GAP ให้ครบทุกแปลง เพื่อร่วมกันพัฒนาปรับปรุงคุณภาพกล้วยให้เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างยั่งยืน เพื่อให้กล้วยหอมทองสัญชาติไทย ยี่ห้อ BANANA KING ที่รับประกันความสด รสชาติ คุณค่าสารอาหาร และความปลอดภัย จนถึงผู้บริโภค ป้อนตลาดในประเทศและวางแผนแปรรูปสินค้ากล้วยหอมทองส่งออกตลาดต่างประเทศในอนาคต

“ทุกวันนี้ คิง ฟรุทส์ เน้นเพิ่มคุณภาพผลผลิต ลดการสูญเสียในแปลง และการแปรรูปผลผลิตจากกล้วยเชิงอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าให้มากขึ้น เราใส่ใจศึกษาข้อมูลตั้งแต่การคัดเลือกสายพันธุ์กล้วยหอมทองคุณภาพดี การปลูก การเก็บเกี่ยว การคัดบรรจุ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิตกล้วยหอมทองอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างอาชีพและรายได้ที่มั่นคงของเกษตรกรเครือข่ายให้เติบโตไปพร้อมกับเรา” คุณเสาวณี กล่าว

เมืองไทยมีกล้วยหอมหลากหลายสายพันธุ์ ได้แก่ กล้วยหอมทอง กล้วยหอมส้ม กล้วยหอมค่อม กล้วยหอมกะเหรี่ยง กล้วยหอมแกรนด์เนน กล้วยหอมจันทน์ รวมทั้งกล้วยหอมคาเวนดิช หรือที่รู้จักกันในชื่อ “กล้วยหอมเขียว” พืชเศรษฐกิจชนิดหนึ่งที่คนไทยยังไม่ค่อยรู้จักนัก แต่เป็นสายพันธุ์กล้วยหอมที่นิยมปลูกเชิงการค้าในเวทีตลาดโลกถึง 95%

เมื่อ 2 ปีก่อน ที่เกิดวิกฤตภัยแล้งคุกคามในพื้นที่ปลูกกล้วยหอมทองของคิง ฟรุทส์ ทำให้ผลผลิตลดลง คิง ฟรุทส์ซื้อกล้วยหอมคาเวนดิชส่งสายการบินแห่งหนึ่งแทน ปรากฏว่า ลูกค้าต่างชาติไม่เอากล้วยหอมคาเวนดิช ต้องการรับประทาน “กล้วยหอมทอง” ผลไม้รสอร่อย คุณภาพดี ของไทยอย่างเดียว เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้คิง ฟรุทส์ตัดสินใจควักกระเป๋าลงทุนทำงานวิจัยเรื่องกล้วยหอมทองของไทยอย่างครบวงจร ตั้งแต่การคัดเลือกกล้วยหอมทองพันธุ์ดี การปลูกดูแลจัดการแปลงปลูก และการดูแลผลผลิตหลังการเก็บเกี่ยว เพื่อให้ผลผลิตคุณภาพดีตรงกับความต้องการของตลาด วางแผนเปิดตัวผลงานวิจัยดังกล่าวสู่สาธารณชนในช่วงต้นปี 2563

คิง ฟรุทส์ วางเป้าหมายเติบโตด้วยนวัตกรรม เว็บแทงบอลออนไลน์ จึงทุ่มงบประมาณและบุคลากรด้านงานวิจัยแปรรูปผลิตภัณฑ์จากกล้วยหอมทอง โดยใช้นวัตกรรมที่ทันสมัย ผลิต “ผงชงดื่มเพื่อสุขภาพจากกล้วยหอม” ที่คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพและมีมาตรฐานให้รสชาติอร่อยอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งกลิ่นและรส อันเป็นเอกลักษณ์ของกล้วยหอมทอง Banana Fiber Prebiotic Plus เสริมคุณค่าทางใยอาหาร มี Prebiotic จากธรรมชาติ ช่วยปรับสมดุลในการขับถ่าย เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ และผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย ผลงานชิ้นนี้ยังได้รับรางวัลเหรียญทอง ในกลุ่มสินค้า energy drink จากงาน Silicon Valley International Invention Festival 2018 (SVIIF 2018) สหรัฐอเมริกา เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของคิง ฟรุทส์ ที่ได้รับรางวัลจากงานระดับโลก

กล้วยหอมทองของไทย เปลือกสีเหลือง รสหวานจัด เนื้อเนียนละเอียด มีกลิ่นหอม รสชาติอร่อย ที่สำคัญมีคุณค่าทางอาหารสูง ที่เป็นเอกลักษณ์เด่นเฉพาะตัว ตลาดมีความต้องการบริโภคกล้วยหอมทองเพิ่มขึ้นทุกปี แต่จุดอ่อนสำคัญของกล้วยหอมทองคือ เปลือกบาง อายุเก็บรักษาสั้น ไม่ทนทานต่อการขนส่ง โดยเฉพาะตลาดไกลที่ใช้ระยะเวลาการขนส่งนาน มีผลต่อคุณภาพสินค้า จึงจำเป็นต้องแปรรูปกล้วยหอมทอง เพื่อยืดอายุการขาย รวมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้า เป็นสินค้าทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพ เพราะกล้วยหอมทองมีโปรตีนสูง มีแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยบำรุงระบบประสาท ช่วยลดความตึงเครียด ทำให้ร่างกายสดชื่น สามารถป้องกันโรคซึมเศร้าได้เป็นอย่างดี

หากใครยังมีที่ว่างสนใจปลูกกล้วยหอมทอง คุณเสาวณีมีข้อแนะนำปลูกกล้วยหอมทองอย่างไรให้ได้ผลผลิตไร่ละ 120,000 บาท หลังหักค่าใช้จ่าย ฟันกำไรไร่ละแสน เรื่องจริงที่เกษตรกรต้นแบบของ คิง ฟรุทส์ ทำได้จริงในหลายพื้นที่ มาฟังเคล็ดลับสู่ความสำเร็จในเส้นทางอาชีพการทำสวนกล้วยหอมทองกับคุณเสาวณีได้ ในงานเสวนา “ไม้ผลพารวย ยุค 5 G” ในวันที่ 31 ตุลาคม 2562 เวลา 13.00-16.00 น. ณ หอประชุมใหญ่ หนังสือพิมพ์ข่าวสด ประชานิเวศน์ 1 จตุจักร กทม. งานนี้ คุณเสาวณีเตรียมนำกล้วยหอมทองผลสดและกล้วยผงแปรรูปมาให้ชมและชิมรสชาติความอร่อยภายในงานกันอย่างจุใจ ห้ามพลาดเด็ดขาด