มูลวัวนมผสมมูลไส้เดือน หมายถึงที่อยู่และอาหารระหว่างการเดิน

ทางอยู่ในกล่องพร้อมตัวไส้เดือนพันธุ์อัฟริกันไนต์ครอเลอร์ (AF) จะคัดเฉพาะตัวที่แข็งแรงเท่านั้น จำนวน 1.5 กิโลกรัม น้ำหนักนี้รวมกล่องเลี้ยงด้วย ห่อไว้ด้วยผ้ามุ้งตามแบบที่เห็นในภาพ พร้อมบรรจุลงในกล่อง

และสุดท้าย มีเอกสารวิธีการเลี้ยงไส้เดือนในกล่องเลี้ยงและรายละเอียดต่างๆ ที่น่ารู้เกี่ยวกับการเลี้ยงไส้เดือนแถมไปอีกด้วย

ชุดทดลองเลี้ยงนี้สามารถตอบโจทย์แฟนๆ ที่คิดว่าไม่สามารถเลี้ยงไส้เดือนได้ และได้ปุ๋ยไส้เดือนตามที่ต้องการ หากปฏิบัติตามเอกสารประกอบการเลี้ยงน้องเดือนที่เธอให้ไว้จะสามารถเลี้ยงน้องเดือนได้อย่างไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด ทุกอย่างเธอมีพร้อมให้แฟนๆ ได้ทดลองเลี้ยงไส้เดือนเป็นเบื้องต้นได้อย่างสะดวกในราคาถูกมาก ชุดละ 300 บาท เท่านั้น ได้มีแฟนๆ ที่สนใจเรื่องการเลี้ยงน้องเดือน ได้สั่งชุดทดลองไปเลี้ยงกันเยอะมากครับแฟนๆ

หลังจากแฟนๆ มั่นใจจากชุดทดลองเลี้ยงน้องเดือนหรือเริ่มชื่นชอบในตัวน้องเดือนมากขึ้น คิดว่าไม่ยากอย่างที่คิดไว้พร้อมสนใจที่จะเลี้ยงไส้เดือนต่อไป เธอจึงเริ่มพัฒนาชุดที่ดีกว่าเพื่อมาแนะนำแฟนๆ เพิ่มขึ้น เนื่องจากชุดนี้มีเรื่องราวเนื้อหามากกว่าอีกด้วย คือชุดทดลองเลี้ยงที่ได้ทั้งปุ๋ยและน้ำมูลไส้เดือน จะสนุกกว่าชุดทดลองเลี้ยงแบบง่ายๆ มากขึ้นไปอีก เรียกว่า ชุดคอนโดฯ ของน้องเดือน มีรายละเอียดดังนี้

1. กล่องพลาสติก จำนวน 3 ชั้น ขนาดกว้าง 32 ยาว 40 และ สูง 33 เซนติเมตร เจาะรูไว้ให้เรียบร้อยทั้ง 2 ชั้น สำหรับชั้นล่างสุดเว้นไว้เพื่อเป็นที่รับน้ำหมักไส้เดือน

2. เบดดิ้ง 3 ส่วน รวมกับขุยมะพร้าว 1 ส่วน เตรียมให้ไว้สำหรับเลี้ยงไส้เดือนได้ทันที ชั้นละ 1.5 กิโล จำนวน 2 ถุง พร้อมตัวไส้เดือน รวม 3 ขีด บรรจุถุงเดียวแต่แบ่งเลี้ยง ชั้นละ 1.5 ขีด

3. มีเอกสารรายละเอียดเลี้ยงไส้เดือนพร้อมวิธีแช่มูลสัตว์เพื่อทำเบดดิ้งแถมไปด้วย ชุดนี้เธอมีพร้อมไว้บริการแฟนๆ จัดส่งบรรจุอย่างดีเยี่ยม ราคาชุดละ 850 บาทเท่านั้นเช่นกัน

สำหรับการเลี้ยงไส้เดือนนั้นหากแฟนๆ ท่านใดต้องการ เพียงแค่ไม่รังเกียจกับการจับต้องตัวน้องเดือนเท่านั้น เป็นว่าทุกอย่างไร้ปัญหา แม้ว่าจะมีเนื้อที่เพียงแค่เล็กน้อยก็ตาม ก็สามารถนำมาเลี้ยงและสามารถผลิตออกมาได้ทั้งปุ๋ยไส้เดือนและน้ำหมักมูลไส้เดือนมาใช้เป็นปุ๋ยสำหรับใช้เองภายในสวนบริเวณบ้านพักอาศัยได้ชนิดไม่ต้องไปซื้อหา ทั้ง 2 ชุดนี้ เธอมีไว้บริการสำหรับแฟนๆ ที่สนใจจะเลี้ยงน้องเดือน บริการส่งไปรษณีย์แบบด่วนพิเศษ (EMS) ถึงหน้าบ้านให้อีกด้วย

น่าสนใจจริงๆ นะครับ แฟนๆ ท่านใดสนใจทุกรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของไส้เดือน ติดต่อเธอได้ที่ Facebook. Niratchaporn Thammasiri หรือ ID. Tai_shop99 หรือ (091) 842-4968 หรือหากแฟนต้องการติดต่อเรื่องปุ๋ยไส้เดือน หรือน้ำหมักมูลไส้เดือน เธอก็มีพร้อมไว้บริการแฟนๆ ยินดีต้อนรับทุกท่านครับ

วันกับเวลาที่เหลืออยู่ของเรานั้นย่อมมีค่าอย่างมหาศาลที่สุดของที่สุดสำหรับชีวิต ความผิดหวังนั้นจะเป็นแค่เพียงสภาวะชั่วคราวเท่านั้น แต่การที่เรายอมแพ้ต่างหากที่เป็นความผิดหวังอย่างถาวร อย่าท้อ อย่ายอมแพ้ หรืออย่าสิ้นหวังกับชีวิต เปิดหัวใจให้กว้างแล้วมองด้วยสายตาและวิธีคิดใหม่ ต้องเป็นคนที่กล้าพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองในวันนี้เท่านั้น เพราะเราไม่ใช่ผู้วิเศษ เราแค่คนธรรมดา เรื่องต่างๆ ที่พบเจอเมื่อมีอุปสรรคย่อมเป็นของธรรมดาของเราก็เท่านั้นเอง อย่ากลัว ขอเพียงระหว่างทางที่กำลังก้าวเดินอยู่นั้นต้องพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดในทุกวัน

แฟนๆ ครับ เวลานั้นจะยืดยาวเสมอเมื่อเราเฝ้าคอย เช่นกันเวลาจะหดสั้นเมื่อเราเร่งรีบ แต่เวลาจะเดินอย่างคงที่ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ไม่สนใจต่อความรู้สึกของเราหรอก แค่เราจำไว้ว่า สุดยอดที่สุดของที่สุดสำหรับชีวิตก็คือการได้ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เท่านี้พอไหมครับ? ขอบคุณ สวัสดี

นายวุฒิพงษ์ คำลือ ประธานวิสาหกิจชุมชนส้มโอเวียงแก่นเพื่อการส่งออก เปิดเผยว่า ปัจจุบันพื้นที่ปลูกส้มโอของอำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย มีประมาณ 5,000 ไร่ ให้ผลผลิตแล้ว 4,000 ไร่ พันธุ์หลักที่ปลูกคือ ทองดี ตามด้วยขาวใหญ่และเซลเลอร์ ส้มโอเวียงแก่นปลูกเป็นการค้าจริงจังที่ หมู่ที่ 3 ตำบลม่วงยาย อำเภอเวียงแก่น เมื่อ 30 ปีมาแล้ว

นายวุฒิพงษ์ กล่าวว่า ผลผลิตส้มโอของอำเภอเวียงแก่นเริ่มออกสู่ตลาดเดือนพฤษภาคม ไปหมดในเดือนตุลาคม สำหรับตลาดจีน จะส่งออกได้ 140 ตู้คอนเทนเนอร์ โดยแต่ละตู้บรรจุส้มโอได้ 13,000-14,000 ผล ราคาซื้อขายนั้น ส้มโอขาวใหญ่ ขายได้ กิโลกรัมละ 50-60 บาท เมื่อต้นฤดู ส่วนส้มโอทองดี เมื่อต้นฤดูขายได้ ผลละ 37 บาท ช่วงที่ผลผลิตมีมากเดือนสิงหาคม ขายได้ ผลละ 20-22 บาท ราคาขนาดนี้เกษตรกรยังไม่ค่อยพอใจนัก

“ส้มโอที่อายุมากๆ ต้นสมบูรณ์ บางต้นมีผลผลิต 300-500 ผล หากขาย ผลละ 37 บาท มีรายได้มากกว่า 10,000 บาท ต่อต้น แต่เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของต้นไม่เท่ากัน เกษตรกรผู้ปลูกมีความแตกต่างกัน ผลผลิตจึงมีความแตกต่างกัน โดยภาพรวมปีหนึ่งส้มโอเวียงแก่นสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ผลผลิตส่วนใหญ่ส่งต่างประเทศ” นายวุฒิพงษ์ กล่าว

นายวุฒิพงษ์ พูดถึงการผลิตส้มโอในอำเภอเวียงแก่นว่า พบปัญหาโรคแบล็กสปอตที่ผล โรครากและโคนเน่า รวมทั้งโรคแคงเกอร์ก็พบบ้าง เกษตรกรสามารถป้องกันกำจัดได้ สำหรับการจัดงานวันส้มโอเวียงแก่น มีขึ้นประมาณช่วงเดือนสิงหาคม- กันยายน ของทุกปี ณ สนามหน้าที่ว่าการอำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ในงานมีการประกวดส้มโอ รวมทั้งนิทรรศการวิชาการต่างๆ

สำหรับส้มโอพันธุ์เซลเลอร์ นายไชยณรงค์ สวยงาม อดีตเกษตรอำเภอเวียงแก่น ให้ข้อมูลว่า เป็นส้มโอลูกผสม ที่นำเข้ามาจากฮาวาย ผิวผลเมื่อสุกสีเขียวอมเหลือง เนื้อในสีแดง แต่ไม่เข้มเท่ากับพันธุ์ทับทิมสยาม เป็นส้มโอที่รสชาติหวาน แต่มีข้อเสียเมื่อแก่จัดผลมักแตก

วิสาหกิจชุมชนส้มโอเวียงแก่นเพื่อการส่งออก ตั้งอยู่ เลขที่ 43 หมู่ที่ 5 ตำบลม่วงยาย อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย โทรศัพท์ (087) 174-1359 ปัญหา ไข้หวัดนก (Bird Flu) ที่เชื่อว่าเป็นผลจากนกอพยพที่หนีอากาศหนาวกลายเป็นตัวพาหะนำเชื้อไวรัส H5N1 มาแพร่ระบาดในภูมิภาคเอเชียหลายประเทศ รวมทั้งไทย ทำให้ เป็ด ไก่ ป่วยตายเป็นจำนวนมาก นับเป็นวิกฤตร้ายแรงสุดของอุตสาหกรรมสัตว์ปีกในขณะนั้น หากใครต้องการทำอาชีพเลี้ยงเป็ด ไก่ ต่อไป ต้องปรับตัวเข้าสู่ฟาร์มระบบปิดเท่านั้น การเพิ่มทุนสร้างโรงเรือนเลี้ยงไก่ระบบปิดไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเอกชนรายใหญ่ แต่เกษตรกรรายย่อยที่มีข้อจำกัดด้านเงินทุน ทำให้พวกเขาต้องยุติอาชีพการเลี้ยงไก่ลงในที่สุด

คุณชลวิทย์-คุณกุลณัฐฐา ชินฐิติโรจน์ สองสามีภรรยาเจ้าของกิจการฟาร์มเลี้ยงไก่ระบบเปิด ในพื้นที่อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม เป็นหนึ่งในครอบครัวเกษตรกรที่ได้ผลกระทบจากวิกฤตไข้หวัดนกในครั้งนั้น พวกเขาสนใจทำอาชีพเพาะเห็ด เป็นอาชีพทางเลือกใหม่ เนื่องจากญาติพี่น้องทำฟาร์มเพาะเห็ดเป๋าฮื้อส่งขายโรงงานในพื้นที่อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ซึ่งทางโรงงานมีการประกันราคารับซื้อที่แน่นอน จึงมั่นใจได้ว่าสินค้าที่ผลิตออกมามีตลาดรับซื้อแน่นอน

คุณชลวิทย์ และครอบครัวใช้โรงเรือนเลี้ยงไก่เดิมมาปรับปรุงเป็นโรงเรือนเพาะเห็ด พวกเขาเริ่มต้นทำความเข้าใจในธรรมชาติของเห็ด ซื้อก้อนเชื้อเห็ดมาเปิดดอก เก็บดอกเห็ดออกขายส่งโรงงานและขายปลีก พวกเขาลองผิดลองถูกสะสมประสบการณ์กันไป ใช้เวลานานหลายปี จนมั่นใจว่า ธุรกิจเพาะเห็ด สร้างอาชีพและรายได้ที่มั่นคง เลี้ยงครอบครัวได้อย่างยั่งยืน จึงลงทุนทำธุรกิจเห็ดแบบครบวงจร โดยทำก้อนเชื้อเห็ดเอง ซื้อเครื่องจักรอัดก้อน เครื่องผสมวัตถุดิบ เตานึ่งก้อน โดยดำเนินธุรกิจฟาร์มเห็ด ในชื่อว่า “พงศ์มาสฟาร์ม” จำหน่ายดอกเห็ด พร้อมรับสั่งทำก้อนเชื้อเห็ดอินทรีย์ เช่น เห็ดนางฟ้าภูฏาน เห็ดนางรมฮังการี เห็ดเป๋าฮือ เห็ดหูหนู เห็ดขอนขาว เห็ดนางรมดำ ฯลฯ

เนื่องจากการผลิตเห็ดอินทรีย์ เป็นพืชที่ใช้น้ำน้อย และเป็นพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการ เป็นสินค้าที่ตลาดมีความต้องการตลอดทั้งปี เหมาะที่จะส่งเสริมให้ชาวบ้านเพาะเห็ดเป็นรายได้เสริมในครัวเรือน คุณชลวิทย์จึงชักชวนชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ที่ 5 ตำบลกำแพงแสน อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม มาร่วมกันจัดตั้ง “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพาะเห็ดอินทรีย์กำแพงแสน” เพื่อผลิตเห็ดอินทรีย์ สร้างรายได้ รวมทั้งถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการเพาะเห็ดแบบครบวงจร การผลิตหัวเชื้อเห็ดที่มีคุณภาพให้แก่ผู้ที่สนใจ

ปัจจุบันกลุ่มวิสาหกิจฯ แห่งนี้ ผลิตดอกเห็ดขายในท้องถิ่นและออกงานจำหน่ายสินค้ากับหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ส่งเสริมการแปรรูปเห็ดเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน เช่น น้ำเห็ดสามสหาย ฯลฯ ส่งขายทั่วประเทศ

คุณชลวิทย์ มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการเพาะเห็ด และมีฟาร์มผลิตก้อนเชื้อเห็ดนานาชนิด จึงเปิดบ้านเป็นศูนย์การเรียนรู้ชุมชนเรื่องเห็ด ส่งเสริมให้ชาวบ้านในชุมชนเพาะเห็ดเป็นอาชีพเสริม และใช้เป็นแหล่งอาหารในครัวเรือน ตลอดจนทำกิจกรรมส่งเสริมอาชีพเพาะเห็ดให้กับนักเรียน นักศึกษา ในสถาบันต่างๆ ทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ รวมทั้งรับอบรมการเพาะเห็ดอินทรีย์ให้บุคคลหรือหน่วยงานที่สนใจการเพาะเห็ดอินทรีย์อีกด้วย

คุณกุลณัฐฐา กล่าวว่า แม้เห็ดจะเป็นสินค้าขายดีตลอดทั้งปี แต่มีความเสี่ยงในการลงทุนอยู่พอสมควร ประการแรก จากต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ช่วงแรกที่ตัดสินใจทำฟาร์มเห็ด “ขี้เลื่อย” ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตก้อนเชื้อเห็ด มีราคาไม่แพง สั่งซื้อได้ ในราคา 7,000- 8,000 บาท/คันรถ แต่ช่วงหลังโรงงานไฟฟ้าชีวมวลหันมาใช้ไม้ยางพาราในกระบวนการผลิตไฟฟ้ามากขึ้น ทำให้ขี้เลื่อยไม้ยางพาราปรับตัวสูงขึ้นกว่า 20,000 กว่าบาท/คันรถ ทำให้ต้นทุนการผลิตก้อนเชื้อเห็ดสูงขึ้นกว่าในอดีต

ทุกวันนี้ มีฟาร์มเห็ดหลายแห่งเลือกใช้ “ฟางข้าว” เพื่อลดต้นทุนการผลิต แต่ฟางข้าวมีอายุการใช้งานสั้น เพียงแค่ 3 เดือน ก็ยุบตัวแล้ว เมื่อเทียบกับก้อนเชื้อเห็ดที่ใช้ขี้เลื่อยเป็นวัถตุดิบหลัก จะมีอายุการใช้งาน 5-6 เดือน

และฟาร์มเห็ดบางแห่งพยายามลดต้นทุนการผลิต โดยใช้ขี้เลื่อยเก่ามาผสมกับขี้เลื่อยใหม่ ในอัตราส่วน 2:1 หากผลิตก้อนเชื้อเห็ดเพื่อเปิดดอกภายในฟาร์มของตัวเองก็ทำได้ แต่ไม่ควรผลิตก้อนเชื้อเห็ดออกขายลูกค้าทั่วไป เพราะลูกค้าที่ซื้อก้อนเชื้อเห็ดดังกล่าว จะได้ผลตอบแทนไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป เพราะก้อนเชื้อเห็ดที่ผลิตจากขี้เลื่อยเก่าจะย่อยสลายไว เก็บดอกได้ไม่นาน

ดอกเห็ดเติบโตได้ดี ในช่วงอุณหภูมิ 35 องศาเซลเซียส หรือภาวะอากาศเย็น ครึ้มหนาวครึ้มฝน หากเจอภาวะอากาศแปรปรวน เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว หรือฝนตกหนัก มักส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเห็ด ยิ่งเจอภาวะอากาศร้อนจัด อุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียส ก้อนเชื้อเห็ดมักไม่ค่อยออกดอก ทำให้ผลผลิตเข้าตลาดน้อยลง ช่วงนั้นแม่ค้าจะขายดอกเห็ดในราคาสูง

“หากเกษตรกรไม่ได้ผลิตเห็ดส่งขายโรงงานในราคาประกัน จะมีความเสี่ยงสูงมาก เนื่องจากตลาดเห็ดผันผวนตลอดทั้งปี และราคาเห็ดขยับตัวขึ้นลงเร็วมาก หากเกษตรกรรายใดไปหลงซื้อก้อนเชื้อเห็ดคุณภาพไม่ดีมาใช้งาน ยิ่งเสี่ยงเจอภาวะขาดทุนได้ง่าย ทางฟาร์มของเราเลือกใช้ขี้เลื่อยใหม่เป็นหลัก เพื่อผลิตก้อนเชื้อเห็ดที่ดีมีคุณภาพและมีอายุการใช้งานยาวนาน จากการสอบถามลูกค้าที่ซื้อก้อนเชื้อเห็ดของเราไป ต่างพึงพอใจกับคุณภาพมีอายุการเปิดดอกยาวนานกว่า 5-6 เดือน ” คุณกุลณัฐฐา กล่าว

ปรับตัว “ทำน้อย ได้มาก”

คุณกุลณัฐฐา กล่าวว่า หลายปีที่ผ่านมา ทางฟาร์มเน้นผลิตก้อนเชื้อเห็ดจำนวนมาก ส่งขายให้เกษตรกรทั่วประเทศ เจอปัญหาเห็ดล้นตลาดก็ขายดอกเห็ดได้ราคาถูก จึงปรับแนวคิดใหม่ “สู้ทำน้อยแต่ขายได้ราคาดีกว่า” ทางฟาร์มได้นำดอกเห็ดมาแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มในลักษณะ น้ำเห็ดเพื่อสุขภาพ ปรากฏว่า ขายดี และให้ผลกำไรดีกว่าเดิม

ขณะเดียวกันทางฟาร์มก็หันมาผลิตเห็ดเศรษฐกิจที่ได้รับความนิยมในตลาดและให้ผลตอบแทนสูง เช่น “เห็ดนางรมดำ” ที่มีลักษณะเด่นคือ เนื้อกรอบ ดอกหนา ออกดอกไวกว่าเห็ดนางรมทั่วไป “เห็ดต่งฝน” ซึ่งเป็นเห็ดประเทศเพื่อนบ้าน คือ สปป.ลาว ทางฟาร์มของเราได้นำหัวเชื้อเห็ดชนิดนี้มาทดลองปลูก โดยนำก้อนเชื้อเห็ดไปฝังดิน ก็ให้ผลผลิตที่ดี เห็ดต่งฝน เป็นเห็ดเศรษฐกิจตัวใหม่กำลังเป็นที่สนใจของผู้บริโภค เพราะมีเนื้อหนานุ่ม แปรรูปอาหารได้หลากหลายเมนู ที่สำคัญขายได้ราคาสูง กิโลกรัมละร้อยกว่าบาท เช่นเดียวกับเห็ดมิวกี้หรือเห็ดตีนแรด

ข้อแนะนำ มือใหม่ปลูกเห็ด

หากใครสนใจลงทุนทำฟาร์มเห็ดเป็นอาชีพหลักหรืออาชีพเสริม แต่ยังไม่มีความรู้พื้นฐานเรื่องการเพาะเห็ดมาก่อน ขอแนะนำให้เริ่มต้นลงทุนแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยเริ่มต้นจากลงทุนเพาะเห็ดนางรมก่อน เพราะเป็นเห็ดที่ดูแลง่ายที่สุด ไม่ว่าอากาศสภาพร้อนอย่างไร ก็มีดอกเห็ดให้เก็บขาย หากสอบผ่าน จึงค่อยข้ามขั้นไปเพาะเห็ดภูฏานและเห็ดหูหนู ตามลำดับ

สำหรับการลงทุน ในระยะแรกแนะนำให้ซื้อก้อนเชื้อเห็ดมาเปิดดอกสัก 500 ก้อน โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 4,000 บาท ส่วนเรื่องโรงเรือนเพาะเห็ด สามารถใช้พื้นที่ว่างในโรงรถหรือชายคาบ้านเป็นที่เพาะเห็ดได้ เพื่อประหยัดต้นทุน ค่อยๆ เรียนรู้ธรรมชาติของเห็ดก่อน เมื่อเก็บดอกเห็ดออกขายได้สัก 2 รอบ ก็คืนเงินลงทุนได้แล้ว หลังจากนั้นจึงค่อยสั่งซื้อก้อนเชื้อเห็ดเพิ่มขึ้นในอนาคต

“แมลงหวี่” เป็นแมลงศัตรูพืชสำคัญของฟาร์มเห็ด มักพบได้บ่อยในช่วงสภาพอากาศชื้น เกษตรกรสามารถลดปริมาณแมลงหวี่ในโรงเรือนเพาะเห็ดได้ โดยการปลูกผัก ปลูกต้นไม้รอบโรงเรือนเพาะเห็ด เมื่อมีภาวะอากาศชื้น แมลงหวี่จะบินไปหากินในแปลงปลูกพืชผักหรือต้นไม้แทนการเข้าไปหากินในโรงเรือนเพาะเห็ด

“หลังจากที่เปิดดอกเห็ดมาแล้วถึงเวลาที่จะทิ้งก้อนเห็ด แนะนำให้แหวกด้านหน้าก้อนแล้วใช้สายยางฉีดล้างหน้าก้อนเห็ด ล้างเพื่อทำความสะอาดขี้เลื่อยที่อยู่ด้านหน้าให้เกลี้ยง เมื่อล้างเสร็จแล้วประมาณ 3-5 วัน ดอกเห็ดจะเริ่มออกเป็นชุดสุดท้ายก่อนที่จะทิ้งก้อน จะทำให้ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นอีกวิธีหนึ่ง” คุณกุลณัฐฐา กล่าวในที่สุด

สำหรับผู้สนใจอาชีพการเพาะเห็ด ทางพงศ์มาสฟาร์มยินดีให้คำปรึกษาและให้ความรู้กับทุกท่าน ในทุกๆ โอกาส หรือแวะมาเยี่ยมชมที่ฟาร์มได้ตลอด สำหรับผู้สนใจสั่งซื้อก้อนเชื้อเห็ดหรือสินค้าผลิตภัณฑ์เห็ดแปรรูป สามารถสอบถามได้ทางเฟซบุ๊ก “พงศ์มาสฟาร์ม-เห็ดอินทรีย์” หรือติดต่อทางเบอร์โทร. 064-984-4741 (คุณจูน) หรือเบอร์โทร. 062-160-3680 (คุณมายด์)

หอมแดง ของอำเภอยางชุมน้อยได้รับการยกย่องว่า มีคุณภาพดีเป็น อันดับ 1 ของโลก เนื่องจากมีคุณลักษณะพิเศษ ที่พูดกันติดปากว่า ผิวมัน หัวแห้ง สีแดงสด คอเล็กเรียว กลิ่นฉุนแรง สามารถเก็บรักษาคุณภาพได้ยาวนาน ปัจจุบัน อำเภอยางชุมน้อย มีพื้นที่ปลูกหอมแดง ประมาณ 14,000 ไร่ ให้ผลผลิตปีละ 42,000 ตัน สร้างรายได้เข้าสู่จังหวัดศรีสะเกษไม่ต่ำกว่าปีละ 200-300 ล้านบาท

ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดศรีสะเกษและนายกสมาคมส่งเสริมเครือข่ายการท่องเที่ยวจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ตนได้นำสื่อมวลชนจังหวัดศรีสะเกษ ออกสำรวจการปลูกหอมแดงและผลผลิตหอมแดงของอำเภอยางชุมน้อย ซึ่งเป็นแหล่งปลูกหอมแดงที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดศรีสะเกษ และนำรายได้เข้าสู่จังหวัดศรีสะเกษปีละหลายร้อยล้าน

ทั้งนี้เพื่อประชาสัมพัน์ส่งเสริมการปลูกหอมแดงและการเปิดตลาดหอมแดง มีแหล่งซื้อขายหอมแดงในพื้นที่เพื่อให้หอมแดงศรีสะเกษมีราคาสูงเพื่อชาวเกษตรกรจะได้มีกำลังใจในการปลูกหอมแดงให้มีคุณภาพนำรายได้เข้าสู่จังหวัดศรีสะเกษ เพราะ คำขวัญของจังหวัดศรีสะเกษคือ “แดนปราสาทขอม หอมกระเทียมดี มีสวนสมเด็จ เขตดงลำดวน หลากล้วนวัฒนธรรม เลิศล้ำสามัคคี” ปีที่ผ่านมาทั่วประเทศรู้จักทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษดีแล้ว แต่หลายคนลืมหอม กระเทียมดีของศรีสะเกษ

ดร.กัลยาณี กล่าวต่อไปว่า ตนจึงได้จุดประกายอีกครั้ง เมื่อเดินทางไปสำรวจการปลูกและเก็บเกี่ยวหอมแดงของเกษตรกรแล้วพบว่า มีความยินดีและน่าพอใจมาก ตนได้ขอให้ชาวเกษตรกรให้รักษาคุณภาพของหอมแดง ศรีสะเกษ เพราะหอมแดงของศรีสะเกษขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติและมีสรรพคุณทางยา อยากให้รักษาคุณภาพ โดยไม่ใส่ปุ๋ยเคมีและให้ใช้ปุ๋ยชีวภาพ เพื่อให้เป็นที่ต้องการของตลาดทั่วไป ทำให้ผู้ซื้อที่ต้องการเก็บหอมแดงใหม่ๆ ไว้ปรุงอาหาร สามารถเก็บไว้นาน ๆ ซึ่งหอมแดงศรีสะเกษสามารถเก็บได้ประมาณ 5-6 เดือน ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดทั่วไปและมีราคาสูงขึ้น ในวันนี้ได้ลงมาพื้นที่เพื่อต้องการชูหอมแดงซึ่งอยู่ในคำขวัญของ ศรีสะเกษและให้คนรู้ว่าหอมแดงศรีสะเกษของเรามีคุณภาพดี หอมแดง ใหญ่และดี และเป็นที่ต้องการของตลาดทั่วไป

นายสุนันท์ สืบเสน อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/1 หมู่ 7 ตำบลบัวน้อย อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ เกษตรกรผู้ปลูกหอมแดงอำเภอยางชุมน้อย และเป็นพ่อค้ารายใหญ่ผู้ส่งออกหอมแดงไปขายต่างประเทศในชื่อ สเตฟาน กล่าวว่า ก่อนมาทำอาชีพนี้เคยทำงานที่บริษัทขายรถแห่งหนึ่งได้รับเงินเดือน ๆ ละ 70,000 – 80,000 บาทต่อเดือน ทำงานมานาน เป็นเวลา 10 ปี แต่ต่อมาอยากทำอาชีพอิสระ จึงหันมาเช่าที่ปลูกหอมแดงจำนวน 20 ไร่

และในขณะเดียวกันก็ประกอบอาชีพเป็นพ่อค้าคนกลางรับซื้อหอมแดงจากเกษตรกรส่งให้แก่ห้างดังหลายแห่งเช่น ห้างบิ๊กซี ห้างโลตัสและห้างเซ็นทรัล นอกจากนี้ยังได้ส่งหอมแดงออกไปขายต่างประเทศและได้ทำสัญญาขายหอมแดงศรีสะเกษส่งออกให้แก่ประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย และที่กำลังอยู่ในระหว่างเจรจาคือประเทศปากีสถาน

นายสุนันท์ กล่าวต่อว่า เมื่อปีที่ผ่านมาราคาหอมแดงตกต่ำ เพราะผลผลิตไม่ดีเนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ทำให้ปีนี้มีเกษตรกรปลูกหอมแดงลดลง ช่วงเริ่มต้นการเก็บเกี่ยวในปีนี้หอมแดงได้ราคาดีมาก เพราะเกษตรกรปลูกหอมแดงน้อยกว่าปีที่ผ่านมา สภาพอากาศก็อำนวยส่งผลให้หอมแดงมีคุณภาพ เป็นที่ต้องการของตลาดทั่วไป ราคาขณะนี้มีราคาถึงกิโลละ 60 – 70 บาท ตนได้เช่าห้องแถวที่ตลาดยางชุมน้อยในการค้าขาย และได้พยายามทำให้หอมแดงมีคุณภาพเพื่อรักษาชื่อเสียงของหอมแดงศรีสะเกษเพราะต่างประเทศเชื่อถือเป็นอย่างมากในขณะนี้

ระยะนี้อากาศเย็น และมีหมอกในตอนเช้าอาจส่งผลกระทบต่อการปลูกกุหลาบ กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรผู้ปลูกกุหลาบเฝ้าระวังการเกิดโรคราแป้ง สามารถพบได้ทุกระยะการเจริญเติบโตของต้นกุหลาบ โดยจะพบอาการของโรคได้กับทุกส่วนของพืช บนใบอ่อน หรือดอกตูม เริ่มแรกจะพบแสดงอาการบนผิวใบเกิดรอยแผลจุดสีชมพูเข้ม ต่อมาจะพบเชื้อรามีลักษณะคล้ายผงแป้งสีขาวเกิดขึ้นเป็นหย่อมๆ ทั้งด้านบนใบและใต้ใบ หากรุนแรง จะพบผงสีขาวบนก้านใบ กิ่ง ดอก ก้านดอก ใบอ่อน กลีบเลี้ยง กลีบดอก และลำต้น หรือพบผงสีขาวทั่วทั้งต้น ทำให้ใบและดอกบิดเบี้ยวเสียรูปทรง ใบจะเหลืองแล้วเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล แห้งกรอบ และร่วงในที่สุด

เกษตรกรควรหมั่นตรวจแปลงปลูก กำจัดวัชพืช ตัดแต่งและเก็บส่วนที่เป็นโรคนำไปเผาทำลายนอกแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดความชื้น ลดแหล่งสะสมเชื้อราสาเหตุโรค ทำให้สภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมต่อการระบาดของโรค หากเริ่มพบต้นที่เป็นโรค ให้เกษตรกรพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืชไพราโซฟอส 29.4% อีซี อัตรา 10 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารเบโนมิล 50% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 6-10 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นทุก 5-7 วัน หลีกเลี่ยง การพ่นสารกลุ่มซัลเฟอร์ เพราะอาจทำให้กุหลาบเกิดอาการไหม้ได้

กล้วยน้ำว้าปากช่อง 50 ได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 2551 ถือเป็นอีกหนึ่งผลงานเด่นของอาจารย์กัลยาณี สุวิทวัส และคณะ สถานีวิจัยปากช่อง อันเป็นสถานีที่วิจัยงานทางด้านไม้ผลเขตร้อนของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

กล้วยน้ำว้าปากช่อง 50 เกิดจากการคัดเลือกสายพันธุ์กล้วยน้ำว้าไส้เหลืองที่เก็บรวบรวมพันธุ์ไว้ที่สถานีวิจัยปากช่อง กว่า 10 สายพันธุ์ โดยพบว่าสายพันธุ์ที่คัดเลือกได้นี้มีคุณสมบัติที่เหมาะในการปลูกเพื่อการค้าลักษณะเด่น คือ

– เครือใหญ่ น้ำหนักเครือมากกว่า 30 กิโลกรัม (ไม่รวมก้านเครือ)
– จำนวนหวีมากกว่า 10 หวี
– จำนวนผลต่อหวีประมาณ 18 ผล
– ผลกล้วยใหญ่อ้วนดี น้ำหนักผลโดยเฉลี่ยประมาณ 140 กรัม ต่อผล
– ไส้กลางไม่แข็ง ออกสีเหลือง เนื้อแน่น
– เมื่อสุกมีความหวานประมาณ 26 องศาบริกซ์

ทั้งนี้สิ่งที่เป็นเป้าหมายสำคัญของการวิจัยพัฒนาสายพันธุ์เพื่อให้เกษตรกรในประเทศไทยได้ปลูกกล้วยน้ำว้า ที่ปลูกแล้วให้เครือใหญ่ คุ้มกับการลงทุน และภาคอุตสาหกรรมของกล้วยน้ำว้าจะได้มีการเติบโต

หนุนใช้เทคโนโลยีใหม่
ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการปลูก
จากการทุ่มเทและคลุกคลีกับการปลูกกล้วยน้ำว้ามาอย่างยาวนานกว่า 10 ปี จึงทำให้อาจารย์กัลยาณีค้นพบเทคนิคการปลูกกล้วยน้ำว้าให้ประสบความสำเร็จอย่างน่าสนใจ และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการปลูกกล้วยน้ำว้าของเกษตรกรโดยได้มีการจัดฝึกอบรมถ่ายทอดองค์ความรู้ที่น่าสนใจนี้ให้กับเกษตรกรที่นำกล้วยน้ำว้าปากช่อง 50 ไปปลูกมาอย่างต่อเนื่อง

แต่อย่างไรก็ตาม หนึ่งในข้อแนะนำของอาจารย์กัลยาณี คือ การปลูกกล้วยน้ำว้า โดยเฉพาะพันธุ์ปากช่อง 50 นั้น สิ่งที่ต้องใส่ใจคือ การดูแลรักษา เนื่องจากกล้วยเป็นไม้ผลที่ตอบสนองได้ดีกับสภาพอากาศดินและปุ๋ยเป็นอย่างมาก

หากการดูแลรักษาไม่ดี ขาดน้ำขาดปุ๋ย สภาพพื้นที่แห้งแล้งเกินไป กล้วยพันธุ์นี้จะให้ผลผลิตเพียง 7-8 หวีเท่านั้น แต่ผลยังอ้วนใหญ่ ไส้กลางไม่แข็ง เนื้อยังแน่นเหมือนเดิม

“ดังนั้น อย่างกล้วยน้ำว้าปากช่อง 50 ถ้าจะปลูกให้ได้ผลคุ้มค่าสูงสุดจึงจำเป็นต้องมีการดูแลรักษาที่ดีควบคู่ไปด้วย” อาจารย์กัลยาณีกล่าว

ในการดูแลรักษานั้น อาจารย์กัลยาณีได้ให้ข้อแนะนำตั้งแต่เรื่องของ พันธุ์กล้วยที่นำมาปลูก ควรใช้ต้นพันธุ์จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อทดแทนการใช้หน่อที่เคยทำกันมาแบบเดิม

การปลูกต้นกล้วยน้ำว้าจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เป็นวิธีการสำคัญที่จะช่วยทำให้ลดปัญหาการสูญเสียจากการเข้าทำลายของโรคแมลงศัตรูกล้วยน้ำว้าได้เป็นอย่างดี

“ด้วยสภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้น สมัครยูฟ่าเบท ส่งผลให้เกิดการระบาดของโรคแมลงมากขึ้นและทำให้เกิดความสูญเสียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโรคตายพราย และหนอนกอหรือด้วงงวงเจาะเหง้า ซึ่งจะฝังตัวอยู่ในเหง้า และพบมากในช่วงหน้าแล้ง ทางที่ดีที่สุดคือ การป้องกัน ดีกว่าการไปรักษา ที่ต้องลงทุนสูงมาก ด้วยวิธีการปลูกด้วยการใช้ต้นพันธุ์ที่มาจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ”

วิธีการปลูกด้วยการใช้ต้นพันธุ์จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ จะเหมาะสมมากในกรณีที่เป็นพื้นที่ปลูกใหม่ที่ไม่เคยพบการระบาดของโรคแมลงดังกล่าวมาก่อน โดยปลูกชุดแรกเพียงชุดเดียว หลังจากนั้นเมื่อเข้าสู่เดือนที่ 7 ก็สามารถขุดหน่อที่ได้มาใหม่ไปปลูกขยายได้ จะทำให้เป็นแปลงปลูกที่ปลอดจากโรคแมลง

“แต่ก่อนนี้ การปลูกต้นกล้วยน้ำว้าจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เป็นสิ่งที่เกษตรกรไม่ให้การยอมรับ จึงได้มีการจัดทำแปลงสาธิต จัดอบรมเกษตรกรและผู้สนใจ เพื่อให้เกิดความเข้าใจในการหันมาปรับเปลี่ยนวิธีการปลูกด้วยการใช้ต้นจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อทดแทน ซึ่งตอนนี้เกษตรกรที่เข้ามารับการอบรมได้เกิดความเข้าใจและปรับเปลี่ยนวิธีการหาต้นพันธุ์มาปลูก ทำให้การผลิตต้นพันธุ์ของสถานีในขณะนี้ไม่เพียงพอกับความต้องการ”

อาจารย์กัลยาณีบอกว่า ดังนั้น ต้นกล้วยน้ำว้าปากช่อง 50 ที่ทางสถานีจำหน่ายให้กับเกษตรกรนั้นจะเป็นต้นกล้วยจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อที่มีความสูงมากกว่า 15 เซนติเมตร ซึ่งสามารถลงปลูกในแปลงปลูกได้เลย

ในส่วนข้อดีของการใช้ต้นกล้วยจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ คือขนย้ายต้นพันธุ์สะดวก ต้นพันธุ์ปลอดจากโรคและแมลงที่เป็นปัญหาในปัจจุบัน ได้แก่ โรคตายพรายและหนอนกอ เจริญเติบโตเร็ว การเก็บเกี่ยวทำได้พร้อมกันจำนวนมาก อีกทั้งสามารถเก็บต้นพันธุ์ไว้ได้นานหากยังไม่พร้อมปลูกลงแปลง เป็นต้น

หลุมปลูกควรใหญ่
ปลูกระยะ 4×4 เมตร
เทคนิคต่อมาคือ เกษตรกรควรมีการปรับเปลี่ยนวิธีจัดการดูแลแปลงปลูกให้เป็นระบบมากขึ้น อย่างเช่น ในเรื่องของหลุมปลูก ได้แนะนำให้ขุดหลุมให้มีขนาดใหญ่มากขึ้น เป็นขนาด 50x50x50 เซนติเมตร ซึ่งเป็นวิธีการแก้ปัญหาขึ้นโคนหรือโคนลอยช้าลง สามารถอยู่ได้นานถึง 4-5 ปี แล้วจึงรื้อปลูกใหม่

“เพราะระบบรากของกล้วยน้ำว้านั้นจะหากินในรัศมีไม่เกิน 50 เซนติเมตร ทำให้รากสามารถหากินได้มากขึ้น กว่าวิธีการขุดแบบเดิมของเกษตรกรที่ขุดหลุมพอดีกับเหง้า อีกทั้งในกลุ่มปลูกยังมีการใส่ปุ๋ยคอก ทำให้รากชอนลงด้านล่างเพื่อหาอาหาร ทำให้อาการรากลอยจึงช้าลง แทนที่จะเป็น 1-2 ปี รื้อ เกษตรกรมีต้นทุนที่ลดลง”