สกศ. หนุนต่อยอด-ตั้งศูนย์เรียนรู้ ขอพระราชทานเครื่องราชฯ

ให้ “ครูภูมิปัญญา” นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ รักษาราชการแทนเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เปิดเผยว่า ตามที่ สกศ. ได้ประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติครูภูมิปัญญาไทยสาขาต่างๆ มาแล้ว 7 รุ่น มีครูภูมิปัญญาไทยที่ได้รับการยกย่องเชิดชูแล้วกว่า 400 คน และในปีนี้จะประกาศเชิดชูเกียรติครูภูมิปัญญาไทยรุ่นที่ 8 อีก 54 คนนั้น เท่าที่ศึกษาข้อมูลของครูภูมิปัญญา พบว่าทุกท่านต่างมีผลงานเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว ที่ผ่านมา สกศ.ทำได้เพียงสรรหาแล้วยกย่องเชิดชูเกียรติเท่านั้น ทั้งๆ ที่ครูภูมิปัญญาไทยทุกคนล้วนมีองค์ความรู้ที่ดี ที่ควรเผยแพร่ออกไปให้กว้างมากกว่านี้

สกศ.จึงต้องการส่งเสริมให้มีศูนย์การเรียนรู้ของครูภูมิปัญญาไทย ที่จัดตั้งอย่างเป็นทางการในลักษณะของสถานศึกษารูปแบบหนึ่งตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ โดยจัดทำเป็นกฎกระทรวงว่าด้วยศูนย์การเรียนรู้ครูภูมิปัญญาไทย เพื่อให้ สกศ.เข้าไปสนับสนุนให้ศูนย์การเรียนรู้เหล่านั้นสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ตลอดจนจัดทำเครือข่ายทางวิชาการ พัฒนาต่อยอดนวัตกรรม พัฒนาหลักสูตรและสื่อแนวทางการจัดการเรียนการสิน เพื่อให้ สกศ.เข้าไปสนับสนุนค่าใช้จ่ายการดำเนินงานของครูภูมิปัญญาได้ด้วย

ที่ผ่านมาเรามีครูภูมิปัญญาจำนวนไม่น้อยที่มีองค์ความรู้และได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ จนมีความเข้มแข็ง ขณะที่บางคนก็มีภูมิปัญญาสูงมากแต่ขาดการสนับสนุนจากหน่วยงาน หรือขาดปัจจัยที่จะต่อยอดองค์ความรู้

หรือนวัตกรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างมาก สำหรับการจัดการเรียนการสอนของศูนย์การเรียนรู้ฯ จะเป็นในรูปแบบการศึกษาทางเลือกตามมาตรา 12 พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติที่เป็นการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย โดยเทียบโอนความรู้ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ตนตั้งใจทำให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 3-4 เดือนนี้ เพื่อเป็นการแสดงพลังของครูภูมิปัญญาและช่วยสืบสานงานของครูภูมิปัญญาต่อไปได้

“หากครูภูมิปัญญาคนใดคิดว่ามีความพร้อมที่จะเปิดศูนย์การเรียนรู้ฯ ขอให้แสดงความจำนงมาที่ สกศ. เมื่อเป็นศูนย์เรียนรู้แล้ว และขณะนี้ สกศ.กำลังจะเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์แก่ครูภูมิปัญญาไทยด้วย” นายชัยพฤกษ์กล่าว

กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศ ประจำวันที่ 28 กันยายน 2560 ดังนี้

ลักษณะอากาศทั่วไป พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั่งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย
สำหรับบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตรและเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ร้อยเอ็ด และมหาสารคาม อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดอุทัยธานี ชัยนาท นครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี และพระนครศรีอยุธยา อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว นครนายก ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมากกับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช
อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม/ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต
อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม/ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆบางส่วน กับฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. “สิงห์ปาร์ค เชียงราย” คว้ารางวัล “แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรดีเด่น” ตอกย้ำสร้างรายได้และผลักดันเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย

“สิงห์ปาร์ค เชียงราย” แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจ.เชียงราย คว้ารางวัลดีเด่น อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ในสาขา “แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร” ในงาน “อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) ครั้งที่ 11 ประจำปี 2560” โดยมีอีก 46 ผลงานจากทั่วประเทศร่วมเข้ารับรางวัล เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2560 ที่ห้องรอยัล พารากอน ฮอลล์ 3 ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้จัดงานพิธีมอบรางวัล “อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) ครั้งที่ 11 ประจำปี 2560” โดยมี พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล ทั้งนี้ “สิงห์ปาร์ค เชียงราย” ได้รับรางวัลดีเด่น อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ในสาขา “แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร” มี นายพงษ์รัตน์ เหลืองธำรงเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สิงห์ปาร์ค เชียงราย จำกัด เข้ารับมอบรางวัลดังกล่าว

ส่วนบรรยากาศภายในงาน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวรายงานผลการมอบรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย โดยผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน รวมถึงตัวแทนหน่วยงานองค์กรณ์ที่ได้รับรางวัล พร้อมสื่อมวลชนเดินทางมาร่วมพิธีมอบรางวัลเป็นจำนวนมาก

นายพงษ์รัตน์ เหลืองธำรงเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สิงห์ปาร์ค เชียงราย จำกัด เปิดเผยว่า “สิงห์ปาร์คเกิดจากความตั้งใจของนายสันติ ภิรมย์ภักดี ที่ต้องการพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่เน้นความเป็นธรรมชาติที่สำคัญของประเทศไทย เพื่อนำเงินรายได้เข้าจังหวัดนำความกินดีอยู่ดีมาให้กับชุมชนในเชียงราย

ผลของการที่พวกเราตั้งใจทำงานมาหลายปี มีคนเป็นพันคน ทำงานกันทุกวัน ใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อพัฒนาที่ดินผืนนี้ จนวันนี้สิงห์ปาร์คเชียงราย เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดเชียงราย สิ่งที่เราภาคภูมิใจก็คือ สิงห์ปาร์คได้มีส่วนร่วมในการผลักดันเศรษฐกิจของเชียงราย นำเงินตราจากต่างประเทศและจังหวัดต่างๆเข้ามาสู่จังหวัดเพื่อทำให้ชีวิตคนเชียงรายดีขึ้น ทั้งนี้รู้สึกเป็นเกียรติและดีใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับรางวัลดีเด่นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ประเภทแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรในปีนี้ ทั้งนี้ต้องขอบคุณคณะกรรมการพิจารณามอบรางวัลนี้ให้ สิงห์ปาร์ค เชียงรายจะยังคงเดินหน้าพัฒนากิจการด้านการเกษตรในหลากหลายมิติต่อไป ซึ่งรางวัลนี้ก็เป็นเหมือนกำลังใจที่ทำให้พวกเราได้เดินหน้าเพื่อทำสิ่งเหล่านี้ต่อ”

“สิงห์ปาร์ค มีพื้นที่กว่า 8,700 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรมหลายชนิด และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรแบบผสมผสานมากมาย อาทิเช่น ไร่ชา ใช้พื้นที่ปลูกกว่า 600 ไร่ สวนยางพารา กว่า 2,700 ไร่ และพื้นที่ปลูกผลไม้ตามฤดูกาลนานาชนิด เช่น เมล่อนญี่ปุ่น สายพันธุ์นัตสึเค, พุทราซื่อหมี่, สตรอเบอรี่ 2 สายพันธุ์ ประกอบด้วย สายพันธุ์พระราชทาน 80 และ สายพันธุ์ อะกิฮิเมะ จากประเทศญี่ปุ่น

นอกจากนนี้ยังมีสวนสมุนไพรเมืองหนาว เช่น ต้น Kale (คะน้าใบหยิก), โรสแมรี่, ผักสสัดชนิดต่างๆ เจียวกู่หลาน มะเขือเทศราชินี และ ผลไม้ตระกูลเบอรี่ ทั้ง ราสเบอรี่ และ บลูเบอรี่ ซึ่งทุกอย่างนี้รอให้ทุกท่านมาร่วมสัมผัสด้วยตนเอง โดยทุกท่านจะได้รับความสุขทั้งกายและใจ”

ทั้งนี้ภายในงาน มีการมอบรางวัลประเภทแหล่งท่องเที่ยว ประจำปี 2560 มีทั้งหมด 47 ผลงานแบ่งเป็น 5 ประเภท ได้แก่ แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ, แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร, แหล่งนันทนาการเพื่อการเรียนรู้, แหล่งนันทนาการเพื่อความบันเทิง และแหล่งนันทนาการเพื่อการผจญภัย โดยแบ่งเป็นรางวัลยอดเยี่ยมทั้งหมด 9 ผลงานและรางวัลดีเด่น 38 ผลงานด้วยกัน

ชาวนาหนองแวงสุดทน ทุบฝายกั้นน้ำที่นายทุน ที่สร้างกั้นขวางทางน้ำสาธารณะ แก้ปัญหานาข้าวยืนต้นตาย

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 27 กันยายน 2560 ชาวบ้านหนองแวง ต.หนองแวง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว กว่า 30 คน ได้รับความเดือดร้อน จากภัยแล้ง นาข้าวนับพันไร่ ยืนต้นตาย หลังจากชาวบ้านได้ขอความช่วยเหลือจากนายทุน ในพื้นที่ ที่สร้างฝายกั้นน้ำ และกั้นทางน้ำที่ไหลลงจากเขา มากักเก็บไว้ในพื้นที่ฝายส่วนตัว ทำให้ชาวไร่ชาวนา ที่ทำการเกษตรอยู่พื้นที่ด้านล่าง ไม่มีน้ำไหลลงจากเขา ตามธรรมชาติ ส่งผลให้ชาวไร่ชาวนา ไม่มีน้ำทำนาและหวังน้ำจากน้ำฝนเพียงอย่างเดียว ทำให้ข้าวยืนต้นตาย ติดต่อกันมากว่า 4 ปีแล้ว

ต่อมาชาวบ้านหนองแวง ได้เดินทางเข้าพบ นายวรภัทร ขำสุวรรณ นายอำเภอโคกสูง จ.สระแก้ว แจ้งว่า ขณะนี้ นาข้าวกว่า 2,000 ไร่ กำลังขาดน้ำยืนต้นตาย เนื่องจากมีนายทุนรายใหญ่กว้านซื้อที่ดิน ในบริเวณติดกับเชิงเขาและสร้างฝายน้ำล้น ขนาดใหญ่ดักทางน้ำที่ไหลลงจากเขาอีด่าง หลังจากนายอำเภอรับทราบ เรื่อง และได้เดินทางไปที่ฝาย ระเริง หมู่ 10 ต.หนองแวง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และพบว่า มีการสร้างฝายปิดกั้นทางน้ำสาธารณะจริง

ทางด้านนาย วรภัทร ขำสุวรรณ นายอำเภอโคกสูง กล่าวว่า ตนเพิ่งย้ายมา ไม่ทราบว่า มีการสร้างฝายกั้นน้ำ ปิดกั้นคลองสาธารณะ ขณะนี้ได้รายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วทราบแล้ว และได้สั่งให้ชาวบ้านนำเครื่องสูบน้ำจากฝาย เร่งสูบน้ำเข้านาเพื่อช่วยเหลือชาวนาอย่างเร่งด่วนแล้ว

ทางด้านนาย สำเร็จ อินสมบูรณ์ อายุ 54 ปี ชาว ต.หนองแวง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว กล่าวว่า หลังจากนายทุน ได้กว้านซื้อที่ดินจำนวนมาก จากนั้น ได้สร้างฝายกั้นน้ำที่เป็นคลองสาธารณะ ที่ไหลลงมาจากเขา อีด่าง และตนก็เริ่มมีหนี้สิน 3-4 ปี มาแล้ว เนื่องจากไม่เคยทำนาได้เลย ขณะนี้เป็นหนี้ ธ.ก.ส.กว่า 200,000 บาท ในขณะที่ นางบุญตา ชาญศิริ อายุ 52 ปี กล่าวว่า ตั้งแต่นายทุนสร้างฝายกั้นน้ำ ไม่ให้น้ำที่ไหลจากเขาลงมา ถึงชาวบ้านที่ทำการเกษตรอยู่ด้านล่าง ทำนาไม่เคยได้ข้าวเลย และขอขอบคุณทางอำเภอโคกสูงที่ ช่วยสูบน้ำและนำน้ำจากฝาย เหมือนพระมาโปรดแล้ว

กรมฝนหลวงและการบินเกษตร เตรียมปฏิบัติการเติมน้ำให้เขื่อนลำตะคองเพิ่มอีก เนื่องจากยังคงมีปริมาณน้ำเก็บกักน้อยต่ำกว่า 30% ทั้งนี้ เพื่อให้มีน้ำเพียงพอต่อการอุปโภค บริโภค และน้ำใช้การเพื่อการเกษตรในช่วงฤดูแล้งที่กำลังจะมาถึงนี้

พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำในเขื่อนลำตะคองที่ยังมีปริมาณน้อยกว่าเขื่อนอื่นๆ จึงมอบหมายให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร เร่งเติมน้ำในเขื่อนลำตะคองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนมีน้ำใช้เพียงพอในช่วงฤดูแล้งที่จะมาถึง โดยการดำเนินงานดังกล่าวจะมีความสอดคล้องกับแผนการส่งเสริมการเพาะปลูกพืชในช่วงฤดูแล้ง ทั้งนี้ภาพรวมสถานการณ์น้ำในปี 2560 มีฝนตกมากกว่าปีก่อนๆ แต่ยังคงมีบางพื้นที่ยังมีปริมาณฝนไม่มากนัก และมีเขื่อนที่มีปริมาณน้ำเก็บกักในระดับที่น้อยมาก จำนวน 2 เขื่อน ได้แก่ เขื่อนแม่กวงอุดมธารา จ.เชียงใหม่ และเขื่อนลำตะคอง จ.นครราชสีมา

โดยสถานการณ์น้ำในเขื่อนลำตะคอง ณ วันที่ 20 กันยายน 2560 มีน้ำ 111 ล้าน ลบ.ม. เป็นน้ำใช้การได้ 88 ล้าน ลบ.ม. โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง มีพื้นที่ชลประทานที่ต้องดูแล จำนวน 154,195 ไร่ มีการเพาะปลูกรวม 120,599 ไร่ ซึ่งจะเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จในต้นเดือนธันวาคม 2560

คาดว่า ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 เขื่อนลำตะคองจะมีน้ำใช้การได้ 114 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งน้อยกว่าเขื่อนอื่นๆ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะมีฝนตกลงมาบ้าง แต่โดยรวมก็มีน้ำไหลเข้าเขื่อนน้อยมาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้เตรียม ความพร้อมด้วยการให้ปรับแผนปฏิบัติการฝนหลวงเร่งเติมน้ำในเขื่อนลำตะคองเพิ่มเติม เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดภัยแล้งเฉพาะพื้นที่ที่จะเกิดขึ้น

สำหรับแนวทางในการดำเนินงานบริหารจัดการน้ำ กระทรวงเกษตรฯ ได้กำหนดนโยบาย การดำเนินการช่วยเหลือทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยมีเป้าหมายบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอตามลำดับความเร่งด่วนในการอุปโภคบริโภค การรักษาระบบนิเวศน์ การเกษตรต่อเนื่อง การเริ่มต้นเพาะปลูกในฤดูกาลหน้า โดยจะมีคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ อาทิ กรมชลประทาน กรมฝนหลวงฯ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ผู้ใช้น้ำและหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมกันบริหารจัดการ สำหรับในส่วนของเขื่อนลำตะคอง ซึ่งมีน้ำต้นทุนน้อยหลายปีต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องวางแผนเตรียมการช่วยเหลือล่วงหน้าอย่างรัดกุม

ด้าน นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า ภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามสถานการณ์น้ำ เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2560 ที่ผ่านมา โดยสรุปสถานการณ์น้ำในเขื่อนสำคัญหลายเขื่อนของประเทศ ยังมีปริมาณน้ำเก็บกักอยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์ปกติมาก โดยเขื่อนลำตะคองเป็นหนึ่งในจำนวน 10 เขื่อน ที่มีความจำเป็นจะต้องเร่งปฏิบัติการฝนหลวงเติมน้ำในเขื่อนเพิ่มขึ้นอีก แม้ว่าที่ผ่านมาจะได้ดำเนินการไปแล้ว แต่ปริมาณน้ำก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงได้มอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือและศูนย์ปฏิบัติการ ฝนหลวงภาคกลางร่วมกันดูแลในพื้นที่และวางแผนปฏิบัติการฝนหลวงอย่างเร่งด่วน เพื่อให้พร้อมสำหรับสถานการณ์การใช้น้ำในช่วงฤดูแล้งที่กำลังจะมาถึง

สำหรับผลการปฏิบัติการฝนหลวงประจำปี 2560 aussierulesinternational.com กรมฝนหลวงและการบินเกษตรเริ่มปฏิบัติการฝนหลวงตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม ถึง 18 กันยายน 2560 มีการขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 182 วัน มีฝนตกจากการปฏิบัติการฝนหลวงคิดเป็น ร้อยละ 97.2 ปฏิบัติการฝนหลวงจำนวน 3,049 เที่ยวบิน (4,412:32 ชั่วโมงบิน) ปริมาณการใช้สารฝนหลวง 2,643.33 ตัน พลุซิลเวอร์ไอโอไดด์ 433 นัด พลุแคลเซียมคลอไรค์ 56 นัด จังหวัดที่มีรายงานฝนตกรวม 56 จังหวัด ซึ่งกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ดำเนินการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำกักเก็บให้กับเขื่อนต่างๆ ทั่วประเทศจำนวน 10 เขื่อน ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนแม่กวงอุดมธารา เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนวชิราลงกรณ์ เขื่อนคลองสียัด เขื่อนพระปรง เขื่อนแก่งกระจาน เขื่อนปราณบุรี และเขื่อนลำตะคอง

ทั้งนี้ การปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนลำตะคองที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม – 18 กันยายน 2560 กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนลำตะคองไปแล้วทั้งสิ้นจำนวน 102 วัน มีฝนตกจากการปฏิบัติการฝนหลวงคิดเป็นร้อยละ 93 จำนวน 331 เที่ยวบิน จำนวนสารฝนหลวง 350.10 ตัน พลุแคลเซียมคลอไรค์ 21 นัด ซึ่งยังมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนที่ไม่เพียงพอต่อการใช้ในฤดูแล้ง

ดังนั้น กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงเตรียมการวางแผนเติมน้ำในเขื่อนลำตะคองอย่างต่อเนื่องในเดือนกันยายนนี้ เพื่อให้แหล่งน้ำสำคัญของการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจหลากหลายชนิด ได้แก่ ข้าวนาปี มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อ้อยโรงงาน และพืชสวน และการใช้น้ำเพื่ออุปโภค บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตรของจังหวัดนครราชสีมาเพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร นายสุรสีห์ กล่าวทิ้งท้าย

สาวสวยคณะเทคโนโลยีการเกษตร สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ชั้นปีที่ 4 “คุณภูษณิศา อัจฉริยพานิชกุล” โชว์เมนูสำหรับสายเฮลท์ตี้ที่ดีต่อใจ ด้วยการพัฒนา “น้ำสลัดจากข้าวไรซ์เบอร์รี่” เสริมคุณค่าโภชนาการและเพิ่มมูลค่าให้กับน้ำสลัด

คุณภูษณิศา เล่าว่า ความต้องการในการบริโภคอาหารเสริมสุขภาพในปัจจุบันมีอย่างต่อเนื่องและเพิ่มมากยิ่งขึ้น พืชพันธุ์ธัญญาหารที่ผู้บริโภคกำลังนิยมและให้ความสนใจ นั่นคือ ข้าวไรซ์เบอร์รี่ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่โดดเด่นทางโภชนาการ เป็นธัญพืชเพื่อสุขภาพ มีสีและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น เบต้าแคโรทีน วิตามินอี แกมมาโอไรซานอล สังกะสี และโฟเลต ช่วยบำรุงร่างกาย เสริมสร้างคอลลาเจน ลดการอักเสบของผิวหนัง ชะลอความแก่ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูงและโรคสมองเสื่อม ช่วยบำรุงโลหิต และข้าวไรซ์เบอร์รี่ยังมีเส้นใยอาหารสูง ซึ่งช่วยลดระดับไขมันและคอเลสเตอรอล มีผลดีต่อระบบขับถ่าย

จึงมีแนวคิดและตั้งใจที่จะทำการพัฒนาน้ำสลัดจากข้าวไรซ์เบอร์รี่ โดยการใส่น้ำข้าวไรซ์เบอร์รี่ลงในน้ำสลัด ซึ่งช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการในน้ำสลัดและเพิ่มมูลค่าให้กับน้ำสลัด และได้ศึกษาปริมาณน้ำข้าวไรซ์เบอร์รี่ต่อคุณภาพทางกายภาพ ทางเคมี และการยอมรับทางประสาทสัมผัสของผลิตภัณฑ์น้ำสลัดจากข้าวไรซ์เบอร์รี่ โดยมี ดร.ลลิตา ศิริวัฒนานนท์ อาจารย์สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เป็นที่ปรึกษา

ข้าวไรซ์เบอร์รี่ที่จะนำมาเป็นส่วนผสมในการผลิตน้ำสลัดจากข้าวไรซ์เบอร์รี่ ทำได้โดยการนำข้าวไรซ์เบอร์รี่ล้างน้ำให้สะอาดและตากพักข้าวไว้ จากนั้นต้มน้ำให้เดือดและใส่ข้าวไรซ์เบอร์รี่ในอัตราส่วน 150 กรัม ต่อน้ำ 300 มิลลิลิตร ต้มนานประมาณ 30 นาที และยกลงจากเตาพักไว้ให้เย็นประมาณ 5 นาที แล้วนำข้าวที่ผ่านการต้มใส่เครื่องปั่น พร้อมด้วยน้ำสะอาด 30 มิลลิลิตร ด้วยความเร็วสูงสุด 2 นาที และความเร็วต่ำ 1 นาที แล้วจึงเทผลิตภัณฑ์ที่ได้ลงในภาชนะที่เตรียมไว้