หัวหน้าสายงานธุรกิจเกษตร-ปศุสัตว์ บริษัท วีเอ็นยู เอเชีย แปซิฟิค

ได้เน้นถึงจุดสำคัญ ของงานแสดงสินค้าในปีนี้ พร้อมนำเสนอเวทีการเจรจาการค้าเพื่ออุตสาหกรรมเกษตรครั้งนี้อย่างเต็มรูปแบบว่า

“งาน HORTI ASIA 2022 งานแสดงปัจจัยการผลิตทางการเกษตรและนวัตกรรม ด้านการปลูกพืชผักไม้ผลและดอกไม้แห่งภูมิภาคเอเชียจัดควบคู่กับงาน AGRITECHNICA ASIA 2022 งานแสดงเทคโนโลยีเครื่องจักรกลการเกษตรแห่งภูมิภาค จัดมาอย่างต่อเนื่องและพร้อมที่จะกลับมานำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเกษตรจากผู้ประกอบการนานาประเทศ ในปีนี้ผู้เข้าชมงานจะได้พบกับ 150 บริษัทผู้ผลิตทางการเกษตรชั้นนำจาก 26 ประเทศทั่วโลกที่พร้อมนำ 300 แบรนด์มานำเสนอไปในงานโดยได้รับการสนับสนุนการจัดงานอย่างเป็นทางการจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ผู้ร่วมจัดงาน)

พร้อมด้วยการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของพันธมิตรระดับประเทศอย่างประเทศเวียดนาม นอกจากการเยี่ยมชมนวัตกรรมต่างๆ ผู้เข้าชมงานสามารถจับจองที่นั่งในงานสัมมนาที่น่าสนใจหลายหัวข้อมากกว่า 30 งานประชุม โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพื่ออัพเดทข่าวสารความรู้ทางการเกษตรตลอดจนกิจกรรมการจับคู่กับคู่ค้าใหม่ๆเพื่อการขยายธุรกิจและการเยี่ยมชมพาวิลเลี่ยนที่น่าสนใจ

ไม่ว่าจะเป็นพาวิลเลี่ยนจากนานาประเทศ พาวิลเลี่ยนการปลูกพืชแนวตั้ง การปลูกกัญชากัญชง ตลอดจนกิจกรรมการสาธิตโดนเพื่อการเกษตรและเทคโนโลยีอีกมากมาย พิเศษสำหรับเกษตรกรที่เยี่ยมชมงานแบบหมู่คณะผ่านทางกระทรวงเกษตรฯ ทางเรามีบริษัทนำทัวร์ตลอดทั้งงานเพื่อช่วยให้เกษตรกรได้สื่อสารกับผู้ประกอบการต่างชาติและนำมาสู่โอกาสทางธุรกิจต่อไป” คุณปนัดดา ก๋งม้า ผู้อำนวยการสายงานธุรกิจเกษตรปศุสัตว์และฝ่ายปฏิบัติการ วีเอ็นยู กล่าว

ในการจัดงานแถลงข่าวครั้งนี้ยังได้รับเกียรติจาก ดร.สุนทร พิพิธิแสงจันทร์ นายกสมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย ได้กล่าวในหัวข้อ ‘The Horticultural Science Where Science Meets Style’ ดร.วิรัลดา ภูตะคาม หัวหน้าห้องปฏิบัติการวิจัยจีโนม หน่วยวิจัยเทคโนโลยีจีโนม ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. มาพูดคุยในหัวข้อเรื่อง ‘Application of Geonomics Technologies in Horticulture’ แอปพลิเคชันที่จะช่วยผู้ประกอบการตรวจสอบดีเอ็นเอได้รวดเร็วแม่นยำมากยิ่งขึ้น

คุณสุภัทรา เลิศวัฒนาเกียติ ผู้เชี่ยวชาญด้านไม้ผล กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้นำเสนอในหัวข้อ ‘Greening Tourism with Horticulture; Agro-tourism with Gastronomy’ การท่องเที่ยงเชิงอนุรักษ์กับภาคเกษตรพืชสวน Mr. Manuel Madani ผู้จัดการทั่วไป บริษัท Priva South – East Asia (SEA) ได้กล่าวในหัวข้อ ‘Greenhouse Automation for Sustainable Vegetable System’ ระบบโรงเรือนอัตโนมัติเพื่อการเพาะปลูกพืชผลอย่างยั่งยืน

ปิดท้าย ดร. Gijs Theunissen DVM – อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายเกษตร) สถานเอกอัครราชทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย ได้กล่าวถึง ‘Challenge of the Netherlands Innovation for Sustainable Horticulture in Global Context’ ความท้าทายและนวัตกรรมใหม่ ๆ จากเนเธอร์แลนด์เพื่อการผลิตพืชสวนที่ยั่งยืน โดยทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น โดยในงานจะมีการเสวนาอย่างเข้มข้นจากทุกภาคส่วน

AGRITECHNICA ASIA & HORTI ASIA จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-27 พฤษภาคม 2565 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดเวทีเครือข่ายแลกเปลี่ยนเรียนรู้อาสาสมัครเกษตรระดับเขต ณ แสนปาล์ม เทรนนิ่ง โฮม อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม

โดยมีนายธนา ชีรวินิจ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายนวนิตย์ พลเคน รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร พร้อมผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน การจัดทำเวทีเครือข่ายฯในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อยกย่อง เชิดชูเกียรติ และประชาสัมพันธ์ผลงานของอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) ให้มีขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงาน มีระบบการทำงานตามบทบาทหน้าที่ สร้างบทบาทการมีส่วนร่วมในการพัฒนางานส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ และสามารถเชื่อมโยงกับเครือข่ายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พร้อมทั้งกำหนดกิจกรรมด้านการเกษตรที่จะดำเนินการ และเกิดเครือข่ายการบริการแก่เกษตรกรในชุมชนได้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนงานอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน ถือเป็นนโยบายหลักของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่จะต้องดำเนินการให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม ซึ่งที่ผ่านมาอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน ได้ปฏิบัติงานจัดเก็บรวบรวม และรายงานข้อมูลพื้นฐานด้านการเกษตร ร่วมกับคณะกรรมการหมู่บ้านในการจัดทำแผนพัฒนาการเกษตรระดับหมู่บ้าน ประสานงานในการถ่ายทอดความรู้และการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรในหมู่บ้าน

รวมทั้งติดตามสถานการณ์การเกษตรในหมู่บ้าน พร้อมรายงานเหตุการณ์ฉุกเฉินเร่งด่วนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อาสาสมัครเกษตรหมู่บ้านได้ช่วยปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ลงพื้นที่เคียงข้างกับเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรในการประชาสัมพันธ์ชี้แจงข้อมูลโครงการเยียวยาเกษตรกรฯ ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร เก็บรวบรวมใบสมัครนำส่งสำนักงานเกษตรอำเภอ เพื่อดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ส่งข้อมูลให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องเกษตรกรด้วยความเรียบร้อย ทั่วถึง และรวดเร็ว จนสำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ของโครงการ

สำหรับในปี 2565 กระทรวงเกษตรฯ มีแผนการขับเคลื่อนงานอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน ในด้านการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ อกม. แลกเปลี่ยนเรียนรู้ตามบทบาทหน้าที่ ในฐานะเป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ให้สามารถสนับสนุนงานส่งเสริมการเกษตรและงานตามภารกิจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นอกจากนี้ ยังสนับสนุนให้ อกม. มีระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ

เป็นกลไกและมีส่วนร่วมในการพัฒนางานส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ เชื่อมโยงเครือข่ายการปฏิบัติงานตามบทบาทหน้าที่และพัฒนาให้เป็นต้นแบบแก่เกษตรกรทั่วไป รวมถึงการสร้างขวัญกำลังใจ สร้างการรับรู้ให้สาธารณชน พร้อมทั้งเผยแพร่ผลงานของ อกม. และยกย่องเชิดชูเกียรติให้แก่อาสาสมัครเกษตร ในฐานะเกษตรกรผู้มีจิตอาสา ให้โอกาสในการแสดงความเป็นผู้นำและเป็นที่เชื่อถือยอมรับของเกษตรกร

ด้าน นายนวนิตย์ พลเคน รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เล็งเห็นความสำคัญของการให้บริการแก่เกษตรกรในระดับพื้นที่ ของหมู่บ้านมาโดยตลอด และมีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 16 หน่วยงาน ที่ดำเนินงานด้านอาสาสมัครเกษตร (อกษ.) ในแต่ละสาขาที่หน่วยงานนั้น ๆ เป็นผู้รับผิดชอบซึ่งมีความรู้ ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง

โดยอยู่ภายใต้ระเบียบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าด้วยการบริหารงานอาสาสมัครเกษตร พ.ศ. 2563 และในส่วนของการดำเนินงานอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการนโยบายอาสาสมัครเกษตร ดำเนินการคัดเลือกอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) และแต่งตั้งคณะกรรมการอาสาสมัครเกษตรระดับตำบล อำเภอ และจังหวัด เพื่อกำหนดนโยบาย แนวทางการพัฒนา และขับเคลื่อน

งานอาสาสมัครเกษตรในพื้นที่ การจัดประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการของคณะกรรมการชุดต่าง ๆ จึงถือเป็นการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวให้เป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ

ปัจจุบันกรมส่งเสริมการเกษตร ได้จัดตั้ง อกม. ทั่วประเทศแล้วรวม จำนวน 75,095 ราย โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ได้มุ่งเน้นให้ อกม. ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามบทบาทหน้าที่ 5 ข้อ ในระเบียบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าด้วยการบริหารงานอาสาสมัครเกษตร พ.ศ. 2563 อกม. ได้ดำเนินการตามภารกิจดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ตามบริบทของพื้นที่ ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี ตามแผนงานของกรมส่งเสริมการเกษตร

นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการ “สานฝันสร้างอาชีพ และยกระดับรายได้เกษตรกร ณ อำเภอซำสูง และอำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น โดยมีนายพันธุ์เทพ เสาโกศล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ และผู้นำภาคประชาชน ตลอดจนเกษตรกรในพื้นที่ให้การต้อนรับ

รมช.ประภัตร เปิดเผยว่า หลังจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ( Covid-19 ) เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว รัฐบาล ภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยต่อการประกอบอาชีพของเกษตรกรทั่วประเทศ โดยเฉพาะหลังได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรค รวมถึงสาธารณภัยต่างๆ จึงได้มีนโยบายให้กระทรวงเกษตรฯ เร่งส่งเสริมอาชีพที่เหมาะสมให้กับเกษตรกร โดยร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดำเนินโครงการ “สานฝันสร้างอาชีพ และยกระดับรายได้เกษตรกร”

มีวัตถุประสงค์ในการปล่อยสินเชื่อสำหรับใช้ในการประกอบอาชีพการเกษตร หรืออาชีพนอกภาคเกษตร หรือการลงทุนค้าขาย เพื่อเสริมรายได้ในครัวเรือน เน้นอาชีพที่มีตลาดรองรับชัดเจน มีการประกันราคารับซื้อผลผลิต สามารถสร้างรายได้ในระยะเวลา ไม่เกิน 6 เดือน มีผลตอบแทนเบื้องต้นเพียงพอต่อการดำรงชีพ และสามารถต่อยอดเป็นอาชีพที่มั่นคงต่อไปได้ในอนาคต ซึ่งโครงการดังกล่าว

มีเมนูทางเลือกให้กับเกษตรกรในด้านต่าง ๆ ทั้งเมนูอาชีพด้านปศุสัตว์ เมนูอาชีพด้านพืช และเมนูอาชีพด้านประมง โดยสามารถยื่นความประสงค์ขอกู้ตามโครงการได้ 2 ช่องทาง ได้แก่ 1) ยื่นขอกู้เงินที่ธนาคาร ธ.ก.ส. สาขาที่ตนเองมีภูมิลำเนาหรือที่ตั้งของโครงการ (Walk In) และ 2) ให้ผู้ขอกู้ลงทะเบียนยื่นขอสินเชื่อผ่านช่องทาง Line Official : BAAC Family และนัดหมายผู้ขอกู้ผ่านระบบนัดหมาย โดยวงเงินกู้สูงสุดรายละไม่เกิน จำนวน 100,000 บาท แต่ต้องไม่เกินค่าใช้จ่ายและหรือค่าลงทุนจริงของลูกค้าแต่ละราย

สำหรับในพื้นที่อำเภอซำสูง และอำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่นได้มีการส่งเสริมสนับสนุนให้เกษตรกรที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ เริ่มจากการปลูกฟักทอง ซึ่งทางกระทรวงเกษตรฯ ได้มีการเจรจาทำข้อตกลงกับบริษัทสุวรรณภูมิเมล็ดพันธุ์ จำกัด และหจก.โอ.เค. เมล็ดพันธุ์ ในการสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ให้กับเกษตรกรไปทดลองปลูกก่อน และยังมีบริษัท ทีพีไอ โพลีน ชีวะอินทรีย์ จำกัด สนับสนุนปุ๋ยที่จำเป็นในการเพาะปลูกให้กับเกษตรกรก่อน หลังจากขายผลผลิตได้แล้วจึงจะหักต้นทุนค่าเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย โดยมีผู้ประกอบการพร้อมรับซื้อฟักทองลูก ซึ่งจะเข้ามารับซื้อถึงที่ และประกันราคาที่กิโลกรัมละ 5 บาท

นอกจากนี้ รมช.ประภัตร ยังได้เสนอทางเลือกให้กับเกษตรกร โดยจะนำร่องเพิ่มอีกสองเมนูทางเลือกในพื้นที่อำเภอซำสูง จังหวัดขอนแก่น 1. การเลี้ยงไก่ไข โดยจะนำแม่ไก่มาให้เกษตรกรเลี้ยง ในราคาตัวละ 200 บาท สามารถให้ผลผลิตได้ทันที โดยจะประกันราคารับซื้อไข่ไก่ไว้ที่ฟองละ 3 บาท และเมื่อเลี้ยงครบ1 ปี ก็จะมีผู้ประกอบการรับซื้อคืนในราคาตัวละ 100 บาท 2. การเลี้ยงเป็ดไข่ โดยจะนำเป็ดมาให้เกษตรกรเลี้ยง ในราคาตัวละ 150 บาท รับประกันราคารับซื้อไข่ฟองละ 4 บาท เมื่อเลี้ยงครบ1 ปี ผู้ประกอบการจะรับซื้อคืนในราคาตัวละ 75 บาท

ทั้งนี้ ผลการดำเนินโครงการสานฝันสร้างอาชีพฯ ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ธ.ก.ส. ได้อนุมัติสินเชื่อไปแล้ว 554 สัญญา จำนวนเงิน 49.5 ล้านบาท และคาดว่าจะมีเกษตรกร ขอเข้าร่วมโครงการสานฝันสร้างอาชีพฯ อย่างต่อเนื่อง สำหรับในพื้นที่อำเภอซำสูง มีจำนวนเกษตรกรที่ทดลองปลูกฟักทองแล้ว 64 ราย เนื้อที่รวม 84 ไร่
กกส/สปกษ. นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และประธานคณะทำงานแก้ไขปัญหาผลไม้ล่วงหน้าในคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) เปิดเผยวันนี้ (30 เม.ย.) ภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) และการบริหารจัดการตลาดสดของ อ.ต.ก. พร้อมทั้งมอบนโยบายช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อผลักดันการบริโภคผลไม้และผลผลิตทางการเกษตรของไทย โดยมีนายปณิธาน มีไชยโย ผู้อำนวยการ อ.ต.ก.

พร้อมด้วยผู้บริหาร อ.ต.ก. ให้การต้อนรับว่า ได้มอบหมายให้ อ.ต.ก. เป็นหน่วยงานกลางผู้ประสานงานระหว่างตลาดสินค้าเกษตรทั้งหมดทั่วประเทศเพื่อส่งเสริม ผลักดันการบริโภคผลไม้ไทย พร้อมทั้งนำผลไม้ไทยบุกตลาดออนไลน์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และในส่วนของการทำการตลาดออฟไลน์ให้ดำเนินการเชิงบูรณาการความร่วมมือกับภาครัฐเช่น องค์การคลังสินค้า กระทรวงพาณิชย์องค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย บริษัทไปรษณีย์ไทย หอการค้า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

สมาพันธ์เอสเอ็มอี. โมเดิร์นเทรด ตลาดกลางสินค้าเกษตรทั่วประเทศ โปรโมทขายผลไม้ นอกจากนี้ขอให้ อ.ต.ก. พัฒนาและปั้น Brand Ortorkor ให้เป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและระดับสากลเพื่อสร้างมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรและเป็นแบรนด์การันตีคุณภาพสินค้าเกษตรของไทย รวมทั้งเพิ่มจุดจำหน่ายและกระจายสินค้าเกษตรเพื่อเป็นช่องทางกระจายผลผลิตสู่ผู้บริโภค นอกจากนี้ยังมอบหมายให้ อ.ต.ก. เป็นหน่วยงานขับเคลื่อนและสนับสนุนตลาดเกษตรกร (Farmer Market) ในกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อมากที่สุดอีกด้วย

นอกจากนี้นายอลงกรณ์และคณะได้ลงพื้นที่ตลาด อ.ต.ก. พบปะพูดคุยกับเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการผู้ค้าทุเรียน มังคุด เงาะ ลำไย ชมพู่ มะม่วง มะพร้าว แตงโม พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนบริโภคผลไม้ไทยเพิ่มขึ้นเพื่ออุดหนุนและสนับสนุนเกษตรกรไทยในช่วงฤดูกาลผลไม้ปีนี้

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ในช่วงนี้เป็นฤดูกาลผลไม้ภาคตะวันออกจะมีผลผลิตออกมาประมาณ 1.1 ล้านตัน เป็นทุเรียน 7 แสนตัน เงาะ 2.1 แสนตัน และมังคุด 2.1 แสนตัน และลองกอง 1.8 หมื่นตัน โดยมีแหล่งผลิตสำคัญ คือ จันทบุรี ระยอง และตราด ซึ่งถือเป็นฤดูกาลใหญ่ฤดูกาลแรกของปี จากนั้นจะเป็นลำไยภาคเหนือ และลงไปที่ผลไม้ภาคใต้จึงต้องทำงานเชิงรุกร่วมมือกับทุกภาคส่วนตามนโยบายและข้อสั่งการของ

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ในการเพิ่มการบริโภคผลไม้ในประเทศจาก 30% เป็น 40% เพื่อลดความเสี่ยงกรณีจีนซึ่งเป็นตลาดผลไม้ใหญ่ที่สุดของไทยเกิดการแพร่ระบาดของโควิด19ระลอกใหม่ ทำให้เข้มงวดมาตรการซีโร่โควิดมากขึ้น กระทบต่อระบบการขนส่งและการค้าผลไม้ทั้งในประเทศและการค้าระหว่างประเทศ

“ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาของคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (ฟรุ้ทบอร์ด) ที่มี ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน ได้มีมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่สำคัญ ได้แก่ การสร้างความร่วมมือและความเข้าใจกับสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน( GACC) กรณีการปิด-เปิดด่าน, มาตรการป้องกันการปนเปื้อนเชื้อโควิดตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ,

การเร่งเปิดบริการการขนส่งผ่านเส้นทางรถไฟลาว-จีน, การขยายตลาดทุเรียนไปยังตลาดรองอื่นๆ, การแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม การจัดเก็บผลไม้ระบบสต๊อก และมีแผนพัฒนาห้องเย็นด้วยไนโตรเจนเหลวด้วยอุณหภูมิลบ 180-196 องศาเซลเซียสามารถเก็บได้นานกว่า 1 ปีและคงสภาพเดิมกว่า 90% เมื่อคืนรูป เป็นต้นรวมทั้งกำหนดเป้าหมายให้เพิ่มการขนส่งทางเรือเป็น 55% (ปี 2564 ขนส่งทางเรือ 51%) ทางบก 40% (เดิม 48%) ทางราง (รถไฟลาว-จีน) และทางอากาศรวมกัน 5% (เดิมทางอากาศ 0.54%) และเพิ่มการบริโภคภายในจาก 30% เป็น 40% ส่งออก 60%”.

นายอลงกรณ์ กล่าวถึงสถานการณ์ราคาทุเรียนขณะนี้ว่า นายภาณุศักดิ์ สายพานิช นายกสมาคมทุเรียนไทย ให้สัมภาษณ์ยืนยันล่าสุดว่า ช่วงนี้ราคาทุเรียนที่สวนที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยที่ 110-115 บาทต่อกิโลกรัม แต่ถ้าเป็นเบอร์ A B ได้ 120-125 บาท ถ้าไปขายที่ล้งอาจได้ 130-135 บาท ขึ้นกับเกรดและคุณภาพ ถือว่าราคาดีกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว.

ช้อปฟาร์มสด – ผนึกพันธมิตรชั้นนำ ชวนคนไทยเลือกซื้อสินค้าคุณภาพกว่า 1,000 รายการ สดใหม่ จากฟาร์มชื่อดังทั่วประเทศ ร่วมส่งเสริมช่องทางการจำหน่าย กระจายรายได้ ช่วยเหลือเกษตรกรไทยทั่วประเทศ
เสิร์ฟฟาร์มอร่อย – กับ 100 เมนูโฮมเมดและเฮ้ลท์ตี้ คัดสรรจากวัตถุดิบท้องถิ่น อาทิ นางั่วโกโก้ ผลิตภัณฑ์จากโกโก้แท้ 100%, ไอศกรีมมะม่วงน้ำปลาหวาน และ ไอศกรีมแตงโมปลาแห้งจาก Jinta Icecream และ บันโฮลวีทไส้สับปะรดหอมสุวรรณอบสดใหม่จาก The Oven Farm เป็นต้น
ปลูกฟาร์มสุข – ครั้งแรก กับ Seed Library จากเจียไต๋โฮมการ์เด้นที่รวมพืช ผัก ผลไม้ และดอกไม้ มากกว่า 200 เมล็ดพันธุ์ รวมทั้งชุดปลูก และอุปกรณ์สำหรับโฮมการ์เด้น

กรุงเทพฯ – บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ กลุ่มบริษัทเจียไต๋ และ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จัดงาน THE FARM 2022 ส่งตรงจากฟาร์มถึงมือคุณ การกลับมาอีกครั้งของงานฟาร์มที่ดีที่สุด ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศให้มีรายได้ และเพิ่มช่องทางการกระจายผลผลิต ให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น โดยเปิดพื้นที่ลานโปรโมชั่นของศูนย์การค้าเซ็นทรัล 10 สาขาทั่วประเทศให้เป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้า สะท้อนความเชื่อขององค์กรในเรื่อง

Community at heart การเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตของทุกชุมชน โดยปีนี้ ชวนคนไทยสัมผัสวิถีชีวิตแบบกรีนลิฟวิ่ง ช้อปผลิตภัณฑ์ออแกนิกคุณภาพดีจากฟาร์มชื่อดังทั่วไทย พร้อมเสิร์ฟเมนูอร่อยจากวัตถุดิบท้องถิ่นที่สดใหม่ คัดสรรจากฟาร์ม และชวนปลูกเมล็ดพันธุ์พืชผัก ผลไม้ ดอกไม้นานาพันธุ์ รวมถึงอุปกรณ์สำหรับโฮมการ์เด้นมากมาย ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 10 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัล อีสต์วิลล์ (28 เม.ย. – 9 พ.ค. 2565), เซ็นทรัล ระยอง (11 – 17 พ.ค. 2565), เซ็นทรัล ศรีราชา (31 พ.ค. – 9 มิ.ย. 2565), เซ็นทรัล พระราม3 (15 – 28 มิ.ย. 2565), เซ็นทรัลเวิลด์ (11 – 17 ก.ค. 2565), เซ็นทรัล บางนา (27 ก.ค. – 8 ส.ค. 2565), เซ็นทรัล พระราม 2 (18 – 31 ส.ค. 2565), เซ็นทรัล อยุธยา (1 – 11 ก.ย. 2565), เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า (12 – 25 ก.ย. 2565) และ เซ็นทรัล โคราช (5 – 18 ต.ค. 2565)

ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ‘เซ็นทรัลพัฒนา ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมกับพันธมิตรชั้นนำจัดงานดีๆ ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 โดยได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ในปีนี้ เราจึงได้ขยายระยะเวลาในการจัดงานจนถึงวันที่ 18 ต.ค. 65 และเพิ่มสาขาที่จัดเป็น 10 สาขาทั่วประเทศ โดยงาน The Farm เกิดจากความตั้งใจที่ต้องการสนับสนุนให้คนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพ และได้บริโภคสินค้าที่มีคุณภาพเกรดพรีเมี่ยม สด อร่อย

ในราคาย่อมเยาส่งตรงจากสวนถึงมือผู้บริโภคแบบไม่ผ่านคนกลาง ซึ่งนอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้บริโภคแล้ว ยังสามารถช่วยเหลือเกษตรกรให้มีช่องทางการกระจายผลผลิตเพิ่มมากขึ้น ช่วยสร้างรายได้หมุนเวียนให้กับท้องถิ่น สะท้อนวิสัยทัศน์องค์กรในการสร้าง Better futures ด้วยกลยุทธ์ Synergy with communities ที่ทุกโครงการของเซ็นทรัลพัฒนามีส่วนสะท้อนอัตลักษณ์ Local Essence และกระจายรายได้ให้กับชุมชน นอกจากนี้ ยังเป็นแพลตฟอร์มยกระดับ SMEs ให้ผู้ประกอบการ, เกษตรกร และอาชีพต่างๆ ได้เข้าถึงพื้นที่การขายและเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น” ดร. ณัฐกิตติ์ กล่าว

เตรียม พบกับไฮไลท์ ช้อป ฟาร์ม สด / เสิร์ฟ ฟาร์ม อร่อย / ปลูก ฟาร์ม สุข มากมายภายในงาน อาทิ

ช้อป ฟาร์ม สด : พบกับสินค้าคุณภาพสดใหม่ จากฟาร์มชื่อดังทั่วไทยกว่า 1,000 รายการ อาทิ
เจียไต๋ฟาร์ม ที่ขนผักผลไม้สดส่งตรงจากฟาร์มที่จ.กาญจนบุรี มาทั้งเมล่อนมรกต, เมล่อนโกลเด้นสวีท, แตงโม Thump up, แตงโมซอนญ่าพลัส, ฟักทองบัทเตอร์นัท, ฟักทองมินิบอล รวมทั้งผักตัดแต่งแบบ ready-to-cook

Be Indy Country Farm ฟาร์มไข่ไก่ออร์แกนิกปลอดสาร จากแม่ไก่สาวอารมณ์ดีที่เลี้ยงด้วยวิถีธรรมชาติ
LED Farm พบกับผักเคลสดปลอดสาร ที่เลี้ยงจากฟาร์มระบบปิด สุดยอดคุณประโยชน์ระดับซุปเปอร์ฟู้ด
เสิร์ฟ ฟาร์ม อร่อย : พบกับ 100 เมนูอร่อยจากวัตถุดิบท้องถิ่น ที่คัดสรรมาอย่างดี ปรุงเป็นเมนูอร่อยคาว-หวาน หลากหลายชนิด อาทิ
นางั่วโกโก้ ผลิตภัณฑ์จากโกโก้แท้ 100% จากกลุ่มเกษตรชุมชนนางั่ว จ.เพชรบูรณ์มีให้ลองชิมทั้งเครื่องดื่มโก้โก้เย็นรสชาติเข้มข้น, แบบแท่ง และเมล็ดโก้โก้สดๆ

Jinta Icecream ไอศกรีมโฮมเมดที่รังสรรค์รสชาติแปลกใหม่จากผลไม้ และเมนูอาหารไทยโบราณ อาทิ ไอศกรีมมะม่วงน้ำปลาหวาน, ไอศกรีมแตงโมปลาแห้ง, ไอศกรีมข้าวเหนียวดำ, ไอศกรีมขนมครก เป็นต้น
The Oven Farm ขนมปังและเบเกอรี่อบสดใหม่สำหรับสายเฮ้ลท์ตี้ เพราะเค้าเลือกใช้วัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่างดี ธัญพืชหลากหลายชนิด มาทำตัวขนมปังและไส้ต่างๆ เช่น บันโฮลวีทไส้สับปะรดหอมสุวรรณ
ปลูก ฟาร์ม สุข : ครั้งแรก กับ Seed Library รวมมากกว่า 200 เมล็ดพันธุ์พืช ผัก ผลไม้ และดอกไม้ รวมทั้งชุดปลูก และอุปกรณ์สำหรับปลูกต้นไม้ พร้อมให้ความรู้โดยผู้เชี่ยวชาญจาก เจียไต๋โฮมการ์เด้น

พบกับ งาน “THE FARM 2022” ยกฟาร์มชื่อดังทั่วไทย สู่ใจกลางเมือง ส่งตรงจากสวนถึงมือคุณได้แล้ว เริ่ม 28 เม.ย.- 16 พ.ย. 2565 นี้ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 10 สาขา ทั่วประเทศ ภายใต้มาตรการเซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+ ยกระดับขั้นสูงสุด เพื่อความมั่นใจและปลอดภัยของผู้มาใช้บริการทุกคน

กรมวิชาการเกษตร สนธิกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกตรวจร้านขายสารเคมีและปุ๋ย พิกัด อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี หลังมีหนังสือร้องเรียนชี้เบาะแส พบปุ๋ยและวัตถุอันตรายทั้งไม่มีทะเบียนและทะเบียนหมดอายุ รวมกว่า 3,000 ลิตร 560 กิโลกรัม อายัดของกลางมูลค่ากว่า 2 ล้านบาทเตรียมดำเนินคดีตามกฎหมาย

นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตร สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตรว่า ได้รับหนังสือร้องเรียนจากเกษตรกรมีการจำหน่ายสารเคมีทางการเกษตรและปุ๋ยเคมีที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายอยู่ในพื้นที่ อ.ดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตรประสานกับเจ้าหน้าที่ กก.2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เข้าร่วมกันตรวจค้นร้านค้าตามที่ได้รับแจ้งดังกล่าวซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่กำชับให้กรมวิชาการเกษตรเข้มงวดตรวจสอบปัจจัยการผลิตทางการเกษตรเพื่อป้องกันไม่ให้เกษตรกรโดนหลอกซื้อปัจจัยการผลิตที่ไม่มีคุณภาพไปใช้ทำการเพาะปลูก

จากการเข้าตรวจค้นร้านค้าดังกล่าวพบวัตถุอันตรายทางการเกษตรจำนวน 23 รายการ และปุ๋ยเคมีจำนวน 3 รายการ ผลการตรวจสอบพบว่าผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย 22 รายการ ไม่มีเลขทะเบียน ซึ่งผู้ฝ่าฝืนมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังตรวจพบผลิตภัณฑ์สารกำจัดแมลง จำนวน 1 รายการ ทะเบียนวัตถุอันตรายหมดอายุ ปุ๋ยเคมี จำนวน 3 รายการ ไม่มีเลขทะเบียน ต้องได้รับโทษ ตาม พ.ร.บ.ปุ๋ย พ.ศ.2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยบทกำหนดโทษขายปุ๋ยเคมีไม่ขึ้นทะเบียน จำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 3 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 120,000 บาท เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่าสถานที่ดังกล่าวมีใบอนุญาตมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายและใบอนุญาตขายปุ๋ยถูกต้อง

“สารวัตรเกษตรและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ร่วมกันตรวจยึดอายัดวัตถุอันตรายและปุ๋ยเคมีปริมาณทั้งหมด 3,857.50 ลิตร และ 560.90 กิโลกรัม ไว้ในที่เกิดเหตุโดยมูลค่าของกลางที่ตรวจยึดได้ในครั้งนี้ประมาณ 2,200,000 บาท พร้อมกับได้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยว่าเป็นวัตถุอันตรายและปุ๋ยเคมีส่งตรวจวิเคราะห์ที่ห้องปฏิบัติการกองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร กรมวิชาการเกษตร เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว

อำเภอกะปง เป็นอำเภอเล็กๆ ของจังหวัดพังงา เป็นถิ่นกำเนิดของทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองที่ขึ้นชื่อและโด่งดัง ว่ากันว่าเป็นราชาทุเรียนบ้านเบอร์1 ภาคใต้ ทุเรียน “สาลิกา” หรือที่เรียกกันในท้องถิ่นว่า “เรียนสากา” เป็นทุเรียนที่มีรสชาติหวานมัน และมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จนได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) หรือ “ทุเรียนGI”

จากกรมทรัพย์สินทางปัญญาเมื่อปี 2561 เว็บคาสิโนออนไลน์ และผู้ที่ชื่นชอบทุเรียนจะมีคำพูดว่า “ถ้ามาพังงาแล้วไม่ได้กินทุเรียนสากา เหมือนมาไม่ถึงเมืองพังงา” ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมของทุกปี จะเป็นช่วงเวลาที่ทุเรียนสาลิกาออกสู่ตลาด ทำให้แต่ละวันมีผู้ที่ชื่นชอบในทุเรียน เดินทางเข้ามาในพื้นที่เพื่อมาชิม ช๊อป กันถึงในสวนและมีการซื้อขายทางออนไลน์กันอีกเป็นจำนวนมาก โดยราคาล่าสุดขายกันที่กิโลกรัมละ 250-300 บาท