เกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงในจังหวัดเชียงใหม่จึงหันมาปลูก

มะม่วงล่าฤดูแทน โดยมีผลผลิตเข้าสู่ตลาดประมาณช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคมแทน อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ ชาวสวนมะม่วงสามารถวางแผนการผลิตให้มีผลผลิตป้อนเข้าสู่ตลาดตลอดทั้งปี สามารถกระจายความเสี่ยงในเรื่องผลผลิตล้นตลาดราคาตกต่ำได้ระดับหนึ่ง

ตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่ผ่านมา เกษตรกรสามารถขายมะม่วงเกรดส่งออก ป้อนตลาดญี่ปุ่น ยุโรป เกาหลี ฯลฯ ได้ในราคากิโลกรัมละ 50 บาท หากขายผลผลิตในประเทศ จะมีรายได้ลดลงครึ่งหนึ่ง ในปีนี้ตลาดส่งออกได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด ทำให้ราคามะม่วงส่งออกเหลือแค่กิโลกรัมละ 25-30 บาท เท่านั้น ส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงราคาขายผลผลิตในประเทศเหลือแค่ 10-12 บาท ต่อกิโลกรัม ขณะที่ต้นทุนการผลิตมะม่วงโดยเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 11 บาท

“ผมมีพื้นที่ปลูกมะม่วง 300 กว่าไร่ ใช้เงินลงทุน 2 ล้านบาท ผลกระทบจากวิกฤตโควิดในปีที่ผ่านมา ทำให้ผมขาดทุนไปแล้วกว่า 1 ล้านบาท ทุกวันนี้ไม่ต้องพูดคุยเรื่องผลกำไร แค่พยายามประคองกิจการให้อยู่รอด ขายผลผลิตหมด มีเงินทุนกลับมาสำหรับใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในฤดูผลิตต่อไป ก็พอใจแล้ว” คุณสายันต์ กล่าว

วอนรัฐสนับสนุนด้านโลจิติกส์และภาษี

ธุรกิจสวนมะม่วง เป็นอาชีพที่ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ให้เกษตรกรและแรงงานจำนวนมาก รวมทั้งเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศจำนวนมากในแต่ละปี สินค้ามะม่วงไทยมีคุณภาพดี แข่งขันด้านคุณภาพสู้กับสินค้ามะม่วงของต่างประเทศ เช่น เม็กซิโก ชิลี ฟิลิปปินส์ ฯลฯ ได้อย่างสบาย เพราะเป็นสินค้าคุณภาพดี มีศักยภาพทางการค้า มีโอกาสเติบโตบนเวทีตลาดโลกได้ในระยะยาว หากมะม่วงไทยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ เรื่องระบบโลจิติกส์ รวมทั้งสิทธิประโยชน์ทางการค้าในต่างประเทศ

“ทุกวันนี้ มะม่วงไทยแบกรับต้นทุนค่าขนส่งสูง และจ่ายภาษีนำเข้าค่อนข้างแพง เมื่อเทียบกับคู่แข่งขัน เช่น มะม่วงชิลี จ่ายภาษีนำเข้าในประเทศเกาหลีแค่ 6% แต่มะม่วงไทยเจอภาษีนำเข้าสูงถึง 27% ทำให้ราคามะม่วงไทยแพงกว่ามะม่วงชิลี ผู้นำเข้าเกาหลีจึงหันมากดราคารับซื้อมะม่วงไทย ทำให้เกษตรกรมีรายได้และผลกำไรลดลง จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐเปิดการเจรจาการค้ากับประเทศเกาหลี เพื่อขอโอกาสให้สินค้ามะม่วงไทยมีต้นทุนนำเข้าที่ต่ำลง สามารถส่งออกไปขายในประเทศเกาหลีได้เพิ่มมากขึ้น” คุณสายันต์ กล่าว

มะม่วง GAP ขายดี เป็นที่ต้องการของผู้ซื้อ

อาจารย์เขมชาติ มณีรอด เจ้าของสวนเขมชาติ (โทร. 086-926-8910) ตั้งอยู่เลขที่ 124 หมู่ที่ 5 ถนนเนินทองคำ ตำบลวังทรายพูน อำเภอวังทรายพูน จังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นหนึ่งในเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงเพื่อการส่งออก กล่าวว่า ปัจจุบัน สวนเขมชาติ ปลูกมะม่วง จำนวน 50 ไร่ ต้นมะม่วงที่ปลูกอายุ 11-12 ปี ให้ผลผลิตปีละ 20 กว่าตัน สวนเขมชาติไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิดสักเท่าไร เนื่องจากเน้นผลิตมะม่วงคุณภาพดี เกรดส่งออก มาตรฐาน GAP ทำให้สินค้าเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในประเทศและส่งออก

ทางสวนเขมชาติ ได้รับการสนับสนุนด้านวิชาการจากกรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร ในการยกระดับมาตรฐานการผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐาน GAP การใช้เทคโนโลยีเข้ามาจัดการบริหารจัดการผลผลิต จึงสามารถควบคุมต้นทุนการผลิตได้ ในปีที่ผ่านมา วิกฤตโควิดทำให้ตลาดส่งออกสะดุดตัวลง ก็ได้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตลอดจนกระทรวงพาณิชย์เข้ามาจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด กระจายสินค้าออกนอกแหล่งผลิต รวมทั้งสนับสนุนให้เกษตรกรนำสินค้าออกไปจำหน่ายในงานแสดงสินค้าต่างๆ ทำให้ผ่านพ้นวิกฤตมาได้

FTA ช่วยเพิ่มโอกาสส่งออกมะม่วงไทย

คุณอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกมะม่วงไทยยังสามารถขยายตัวได้ดี แม้เผชิญสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปีผ่านมา เนื่องจากมะม่วงไทยได้ใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA ทำให้ตัวเลขการส่งออกในปีที่ผ่านมาสามารถขยายตัวได้ดีในประเทศจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ และกลุ่มประเทศอาเซียน

มะม่วงไทยคุณภาพดี เป็นที่ยอมรับในตลาดคู่ค้า โดยเฉพาะ 12 ประเทศคู่ค้า FTA ที่ประเทศไทยมีความตกลงการค้าเสรี ได้แก่ จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู บรูไน สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมา และฮ่องกง พบว่า FTA มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้การส่งออกผลไม้ของไทยขยายตัวมากขึ้น นอกจากนี้ ภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งไทยเพิ่งร่วมลงนามไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 ส่งผลให้ไทยสามารถผลักดันการลดภาษีเพิ่มเติมในสินค้าผลไม้ เช่น เกาหลีใต้ จะทยอยลดภาษีทุเรียนสดและมังคุดสด และเวียดนามจะทยอยลดภาษีส้ม จนเหลือ 0% ในปีที่ 10 หลังความตกลงมีผลใช้บังคับ เป็นต้น

“ปี 2563 แม้เกิดวิกฤตโควิด แต่มะม่วงไทยสามารถเติบโตได้ดี ในประเทศคู่ค้า FTA ของไทย เช่น สปป.ลาว ยอดส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้น 7% มาเลเซีย ยอดส่งออก ปี 2562 ขยายตัวแค่ 9% แต่ปีที่ผ่านมา ส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 300% ตลาดจีนต้องการสินค้าส้มโอและมะม่วงจากไทยมากขึ้น ตัวเลขส่งออกเติบโตถึง 17% ตลาดฮ่องกง ก็เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 72% อยากให้เกษตรกรชาวสวนมะม่วง ใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA ให้เต็มที่ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดส่งออกมะม่วงไทยในอนาคต” อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวในที่สุด

การก้าวเดินบนเส้นทางของชีวิตในทุกวัน เราจำเป็นต้องปรับแต่งชีวิตเราเพื่อให้ตอบรับกับความเปลี่ยนแปลงที่มีเกิดขึ้นเสมอในทุกวันเวลาเช่นกัน เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนคือความจริงที่ธรรมชาติได้กำหนดไว้บนเส้นทางชีวิตของเราตลอดเวลา ดังนั้น อย่าพยายามเอาความเคยชินของชีวิตมาตอบรับกับสิ่งเหล่านี้ เพราะจะทำให้ชีวิตไปได้ไม่ถึงไหน ในที่สุดจะเกิดอาการหยุดนิ่งของชีวิต หรือทำให้เราสามารถก้าวเดินต่อไปยากมากยิ่งขึ้น

ขอให้ออกก้าวเดินต่อไป เนื่องจากเรายังมีเวลาสำหรับชีวิตที่เหลืออยู่ พยายามเลือกเส้นทางการเปลี่ยนแปลงที่เราสามารถเดินไปได้ตามที่เราต้องการ อย่ายอมแพ้ ถ้าหากยังไม่ได้สู้จนถึงที่สุด เพราะสุดท้ายจะทำให้เราพบกับเส้นทางที่สามารถ เดินห่าง…จากความจน อย่างสมบูรณ์แบบได้จริง ขอเพียงห้ามลืมนำความขยันและอดทนไปด้วย เนื่องจากสามารถทำให้เราก้าวเดินได้อย่างมีความหมายและความสุขตลอดเส้นทางนะครับ

สวัสดีครับแฟนๆ ทุกครั้งขอต้อนรับด้วยคำว่า สวัสดี และ ขอบพระคุณอย่างมากจากนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้านและผู้เขียนเป็นเบื้องต้น คอลัมน์นี้ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากแฟนๆ เรียกได้ว่าเป็นแฟนประจำตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเรื่องราวของคำถามที่เกี่ยวข้อง ชะอมไม้เค็ด 2009 ที่แฟนๆ ติดตามกันมาก จากการส่งเสียงไปหา หรือทางเฟซบุ๊ก ที่ใช้ชื่อ นายสมยศ ศรีสุโร อย่างต่อเนื่อง ผู้เขียนปลื้มใจมากที่สุดคือมีแฟนๆ คนใหม่เพิ่มขึ้นตลอดเวลา ขอบพระคุณอีกครั้งจริงๆ ครับ

ผมมักจะมีเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากแฟนๆ หลังจากที่ได้นำกิ่งพันธุ์ชะอมไม้เค็ด 2009 จากทีมงานของผมไปชูยอดตามที่ต่างๆ ที่เขียนไปได้เลยว่า มีทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ หากมีเรื่องราวที่น่าสนใจ ผมจะมานำเสนอกับแฟนๆ เสมอในคอลัมน์นี้ ในหลากหลายเรื่องราวเช่นกัน สำหรับเผื่อว่าแฟนท่านใดมีความสนใจก็จะสามารถเป็นทางเลือกได้บ้างหากเป็นที่ต้องการ เนื่องจากมีแฟนๆ ที่ติดตามเรื่องราวของ ชะอมไม้เค็ด 2009 ที่ผมนำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นจากคอลัมน์นี้ หรือจากทางสื่ออื่นๆ อีกมากมายที่รอการตัดสินใจ

สำหรับตัวผมนั้นจะพยายามติดตามเรื่องราวต่างๆ จากแฟนๆ อย่างสม่ำเสมอ เพราะว่าผมมีความต้องการให้มีเรื่องราวหลากหลายมากขึ้นสำหรับชะอมไม้เค็ด 2009 เพื่อมานำเสนอแฟนๆ ในคอลัมน์นี้ ส่วนอีกเป้าหมายที่สำคัญคือ ต้องการมีการรวมเล่มเรื่องราวของชะอมให้มีมากมายหลากหลายเรื่องราวเช่นกัน แน่นอนว่าในเบื้องต้นนั้นจำเป็นต้องมีอยู่บ้างสำหรับเรื่องราวคุณสมบัติเฉพาะตัว หรือบางเรื่องราวที่เป็นที่ยอมรับทั่วไปสำหรับพืชที่ชื่อชะอม แต่เรื่องราวอื่นๆ นอกเหนือไปจากที่อยู่ในตำราแล้วนั้น ที่จะมีเกิดขึ้นได้หลากหลายนั้นจำเป็นอย่างมากที่ต้องได้มาจากแฟนๆ ที่ได้นำชะอมไม้เค็ด 2009 ไปชูยอดตามที่ต่างๆ ทั่วประเทศทั้งสิ้น แฟนๆ ว่าจริงไหมครับ

ปักษ์นี้จึงเป็นเรื่องราวรูปแบบการปลูกชะอมไม้เค็ด 2009 อีกแบบหนึ่งที่น่าสนใจอย่างมาก คือ ปลูกชะอมไม้เค็ด 2009 ลงในเข่งพลาสติก หลังจากที่มีแฟนท่านหนึ่งได้นำไปใช้บริการ ผมทราบข่าวจึงขออนุญาตเจ้าของนำมาลงในเฟซบุ๊กของผม ปรากฏว่าเป็นที่ชื่นชอบจากแฟนๆ เยอะมาก พร้อมกับได้แชร์ต่อกันไปอีกหลายท่าน พร้อมกันนี้แฟนๆ หลายท่านได้ส่งเสียงไปบอกว่า กรุณาช่วยนำเสนอถึงรายละเอียดเรื่องเช่นนี้ให้ด้วย เมื่อเป็นความต้องการของแฟนๆ ยินดีน้อมรับเสมอ เขียนหนังสือแล้วมีคนติดตามอ่าน แค่นี้ผมก็เป็นสุขยิ่งนัก

เมื่อเป็นเช่นนี้ ผมจึงติดต่อไปถึงเจ้าของความคิดและผลงานชิ้นนี้ทันที คุณณัฏฐนันท์ วรรณศิริ หรือ “คุณแหม่ม” อยู่บ้านเลขที่ 57 ซอยเทอดไท 59/1 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ โทร. (084) 877-4889 ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากเธอเป็นอย่างดียิ่งหลังจากพูดคุยกันอย่างสนุกสนานจนเป็นที่เรียบร้อย ที่เยี่ยมมากกว่านั้นเธอบอกผมต่อไปอีกด้วยว่า จะบันทึกเรื่องราวรายละเอียดต่างๆ ให้ผมอีกด้วย ต้องขอขอบพระคุณอย่างมากมายจริงๆ นะครับ

เมื่อเป็นเช่นนี้เรื่องราวต่างๆ ที่จะนำเสนอต่อไปนี้จึงเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากเธอทั้งสิ้น ผมเป็นแค่ผู้เรียบเรียงนำเสนอเท่านั้น หลังจากที่ได้ขออนุญาตจากเจ้าตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขอขอบพระคุณอีกสักครั้ง

คุณแหม่ม บอกเริ่มต้นอย่างนี้นะครับ สำหรับแรงบันดาลใจในครั้งนี้เกิดขึ้นจาก น้องใบพลู ลูกสาวคนเดียวของเธอ วัย 5 ขวบ ตัวน้องนั้นเป็นเด็กชอบรับประทานผักต้ม ในฐานะพ่อและแม่ อยากส่งเสริมให้ลูกมีนิสัยกินผักติดตัวตลอดไป เพื่อสุขภาพของตัวน้องเอง แต่ความจริงข้อหนึ่งที่เราๆ ท่านๆ ทราบเป็นอย่างดีแล้วว่า มักจะมีสารเคมีและยาฆ่าแมลงที่แฝงมากับผัก ผลไม้ต่างๆ ที่เราซื้อหามานั้น เป็นภัยเงียบที่คืบคลานเข้ามาเยี่ยมหาเราและคนที่เรารักได้ตลอดเวลา

ดังนั้น ทางออกที่ดีที่สุดเราสามารถทำได้คือปลูกผักสวนครัวไว้กินเอง เริ่มที่ตัวเรา จากที่บ้านของเรา และหากเป็นไปได้ชวนคนใกล้ตัวหรือเพื่อนร่วมงานให้เห็นประโยชน์จากการปลูกผักสวนครัว ถึงแม้ว่าบางครั้งเราจะมีเนื้อที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยก็ตามนี่คือประเด็นแรก และให้มีความมั่นใจว่าสามารถลงมือทำด้วยตัวเองได้อย่างง่าย สะดวก สนุก นี่คือประเด็นต่อมา

เธอบอกต่อไปว่า เริ่มจากการหาข้อมูลจากสื่อต่างๆ หนังสือ อินเตอร์เน็ต และจากประสบการณ์ตรงจากสถานที่จริงที่ได้ไปเยี่ยมหาเพื่อให้ได้สัมผัสจริงด้วยตัวเอง ใช้ระยะเวลาหลายเดือน รวมถึงการศึกษาในเรื่องการเตรียมวัสดุที่นำมาใช้ การปรับสภาพดิน เรื่องราวของปุ๋ยและเรื่องอื่นๆ ที่ต้องการ หลังจากเมื่อมีความมั่นใจว่าได้คำตอบสุดท้ายว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่ยาก หากได้ลงมือทำ เนื่องจากบริเวณบ้านพักอาศัยมีเนื้อที่ว่างเหลืออยู่แค่ 20 ตารางวา เท่านั้น จึงต้องคิดใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์ให้ได้มากที่สุด เพราะว่าเบื้องต้นที่คิดไว้นั้นต้องการจะปลูกผักให้ได้หลายชนิด เช่น กวางตุ้ง พริก มะเขือ ผักหวานป่า เป็นต้น และหนึ่งในนั้นที่ต้องการอย่างมากคือ ชะอม

จึงได้ลงมือสืบค้นจากโลกโซเชียลอีกครั้งสำหรับเรื่องราวของชะอม พบว่า เรื่องราวของชะอมนี้มีอยู่หลายแห่ง แต่ก็เหมือนเป็นพรหมลิขิต (เธอบอกอย่างนี้จริงๆ ครับแฟนๆ) เมื่อได้ดูคลิปเรื่องราวของ ชะอมไม้เค็ด 2009 ที่มีผมอยู่ด้วย พร้อมมีที่ติดต่อไว้ ดูคลิปจบ เธอจึงติดต่อไปหาผมทันที หลังจากพูดคุยกันอย่างได้อรรถรสในเรื่องราวของ ชะอมไม้เค็ด 2009 เมื่อได้รายละเอียดในเรื่องราวที่เธอต้องการทราบ ในวันนั้นเองเธอจึงตัดสินใจสั่งกิ่งพันธุ์ชะอมไม้เค็ด 2009 ทางไปรษณีย์จากทีมงานของผมทันที

เมื่อกล่องไปรษณีย์ที่บรรจุกิ่งพันธุ์ชะอมไม้เค็ด 2009 ถึงมือเธอ เธอบอกผมเช่นนี้ครับ “หลังจากเปิดกล่องออกมาต้องยอมรับว่าเป็นกิ่งพันธุ์ที่ดีมากทุกกิ่ง ไม่มีใบ แต่มีรากเต็มทุกกิ่ง เมื่อลองดมดูจะมีกลิ่นหอมของชะอมด้วยคะ” ต่อมา เธอพร้อมสามีและน้องใบพลู ได้ลงมือช่วยกันปลูกชะอมไม้เค็ด 2009 และมีหลายๆ ท่านที่ทราบข่าวว่าจะปฏิบัติเช่นนี้พร้อมให้กำลังใจโดยพูดเป็นเสียงเหมือนกันว่า ปลูกชะอมหนามมันเยอะนะ? จะปลูกได้เหรอในเข่ง? แล้วมันจะโตได้อย่างไร? ปลูกแล้วจะแตกงามไหม? ล้วนเป็นคำถามที่รอคำตอบจากเธอทั้งสิ้น

หลังจากที่ลงมือปลูกชะอมไม้เค็ด 2009 ในเข่งพลาสติก ได้ประมาณ 1 สัปดาห์ เริ่มมีแตกยอดเล็กออกมาเป็นที่อัศจรรย์มากจริงๆ (นี่ก็เป็นเนื้อความที่เธอเล่าให้ผมเช่นนี้เหมือนกัน) แถมไม่มีเสียหายแม้แต่ต้นเดียว ในที่สุดต่อมาชะอมค่อยๆ แตกออกบานจนเต็มเข่ง เธอบอกต่อไปอีกด้วยว่า นี่หมายถึงรอยยิ้มและความสุขใจจากความสำเร็จเล็กๆ ที่เยี่ยมมาก แต่มีความยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับน้องใบพลูนั่นคือ จะสามารถได้นำสิ่งที่เห็นไปหยอดกระปุกสะสมไว้ในความสำเร็จของเธอได้อีกด้วย สำหรับคุณแม่แหม่มบอกกับผมเช่นนี้จริงๆ

เธอบอกต่อไปว่า วันนี้ทุกท่านที่เคยกล่าวอย่างนั้นได้เห็นความจริงที่เป็นคำตอบแล้วว่าเป็นเช่นไร? เธอเน้นย้ำอีกว่า เธอได้ทดลองปลูกชะอมที่ได้จัดหาจากที่อื่นลงในเข่งควบคู่กันไปด้วยก่อนหน้าที่เธอจะได้รู้จักและนำกิ่งพันธุ์ชะอมไม้เค็ด 2009 มาปลูก สุดท้าย สามารถเห็นความแตกต่างที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนมาก เธอจึงสรุปสุดท้ายกับผมว่า ชะอมไม้เค็ด 2009 คือชะอมที่เยี่ยมมากจริงๆ ไม่ผิดหวัง

และเธอบอกต่อไปอีกถึงขั้นตอนและวิธีการปลูก เป็นอย่างนี้ครับแฟนๆ ก่อนอื่น ต้องจัดหาซื้อวัสดุที่ต้องการปลูกไว้ให้พร้อมเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นเข่งพลาสติกที่จะนำมาใช้ปลูก สำหรับเธอ ใช้ขนาด เบอร์ 1 ดินที่ใช้สำหรับปลูกควรเลือกที่มีดินเยอะๆ หน่อยจะดีมาก พวกดินขุยไผ่ ดินใบก้ามปู ดินมูลไส้เดือน และปุ๋ยคอก หาซื้อได้จากร้านขายต้นไม้ทั่วไป

ลงมือกันเลยนะครับ หลังจากนั้นใส่ดินลงไปประมาณ 7 ถุง ใน 1 เข่ง พร้อมใช้มะพร้าวสับ ประมาณ 2 ใน 6 และปุ๋ยขี้ไก่ 1 ถุง คลุกเคล้ากับดิน เมื่อทุกอย่างลงเข่ง สุดท้ายรดน้ำให้ชุ่มฉ่ำ นี่คือเรียบร้อยสำหรับการเตรียมดิน ที่เธอบอกอีกว่า ควรเตรียมไว้ล่วงหน้า ประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนลงปลูกชะอมไม้เค็ด 2009 จะเยี่ยมมาก

สำหรับขั้นตอนการปลูก หลังจากนำกิ่งพันธุ์ชะอมไม้เค็ด 2009 ใช้มีดที่มีความคม ตัดเชือกพลาสติกที่รัดถุงพลาสติกที่หุ้มรากไว้อีกทีอย่างเบามือ เพื่อมิให้รากชะอมเสียหาย เพราะจะทำให้ชะอมฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ขุดหลุม นำกิ่งพันธุ์ลงไป กลบดินเสมอโคนต้นเป็นพอ ส่วนการวางตำแหน่งของต้นชะอมนั้น เธอปลูกลงไปในเข่งแบบว่าวางให้มีต้นที่อยู่ตรงกลางเป็นประธานแล้วล้อมรอบด้วยบริวาร ได้เข่งละ 9 ต้น ใช้เข่งทั้งสิ้น 13 ใบ ท้ายสุด รดน้ำให้คุณชะอมได้สดชื่น ทุกเข่งวางไว้ทั่วบริเวณส่วนนอกบ้านให้โปร่งเพื่อรับแดดได้เต็มที่

สำหรับการดูแลนั้นเธอบอกต่อไปอีกว่าง่ายมาก คือ ใส่ปุ๋ยขี้ไก่ 1 ช้อนโต๊ะ ต่อต้นชะอม 1 ต้น เดือนละ 1 ครั้ง โดยใช้โรยไปรอบๆ ต้น หลังตัดยอดไปรับประทานจะตัดใบล่างที่เห็นว่าแก่ออกเสียบ้าง เพื่อที่จะทำให้ชะอมเริ่มแตกยอดได้อีก หรือเมื่อมีหนอนหรือมดมาเยี่ยมหาในบางครั้ง เธอจะทำยาฆ่าแมลงสมุนไพรมาใช้จัดการ คือ ยาเส้น 2 ห่อ พริกแกง 1 ขีด ผสมน้ำ 3 ลิตร ทิ้งไว้ 1 คืน แล้วนำมากรอง นำไปฉีดทุก 3 วัน หรือบางครั้งจะใช้น้ำส้มควันไม้ หรือน้ำสะเดา ตามแต่สะดวกก็ไม่มีปัญหา

แฟนๆ ครับ นี่คือความคิดสุดเยี่ยมจากแฟนๆ ชะอมไม้เค็ด 2009 ที่มีเนื้อที่บริเวณบ้านเหลืออยู่ไม่มาก แต่มีความต้องการสำหรับเรื่องราวดังกล่าว น่าชื่นชมเป็นอย่างมากจึงนำมาเสนอ เนื่องจากหากแฟนๆ ท่านใดสนใจ สามารถนำไปใช้ได้อย่างง่าย สามารถลงมือปฏิบัติการได้เองอย่างสะดวก และแถมมีชะอมไว้ปรุงเมนูอาหารตามต้องการแบบว่าสด ใหม่ เสมอ และไร้สารตกค้างทั้งปวง

หากแฟนๆ ต้องการกิ่งพันธุ์ชะอมไม้เค็ด 2009 ของแท้ไปให้ชูยอดกับรูปแบบที่ปลูกแบบนี้บ้าง เรียนเชิญติดต่อ โทร. (084) 558-8639 คุณสุพล แสงทอง ได้ทุกรายละเอียด ยินดีมากครับ หรือทุกเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับ ชะอมไม้เค็ด 2009 กับผู้เขียน โทร. (081) 846-0652 หรือทางเฟซบุ๊ก ยินดีเสมอครับแฟนๆ

สุดท้าย ชีวิตนี้เป็นของเรา เราย่อมมีอิสระที่สามารถจัดการกับชีวิตของเราเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวใดๆ ก็ตามที่ผ่านเข้ามาในชีวิต สมหวังหรือบางครั้งพบกับความผิดหวัง ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวทั้งสิ้น จะเป็นวินาทีใดก็ตาม หากเราเข้าใจพร้อมยอมรับอย่างเต็มความรู้สึกกับสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านั้นได้ เราจะสามารถอยู่กับมันได้อย่างมีความสุขกับชีวิตได้ตลอดเวลาเช่นกัน

เราต้องเริ่มด้วยวิธีคิดที่ใหม่กว่าเดิม มองโลกด้วยสายตาแบบใหม่ พร้อมการยอมรับและเข้าใจว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นล้วนมีการเปลี่ยนแปลงคือความจริงของชีวิตที่ทุกคนพึงได้พบเจอตลอดเส้นทาง กับตลอดเวลาสำหรับหนึ่งชีวิตที่มีอยู่ ย่อมที่จะเกิดขึ้นแตกต่างกันไป เมื่อเป็นเช่นนี้จะมัวท้อแท้กับชีวิตอยู่ทำไม สู้ สู้ และสู้ต่อไป เพราะเมื่อดวงตะวันดวงเก่าได้หายไป เราสามารถเป็นดวงตะวันดวงใหม่ได้เสมอสำหรับเส้นทางชีวิตต่อไปของเราด้วยตัวเราเอง

แฟนๆ ครับ วันวานก็ผ่านไปแล้ว วันพรุ่งนี้ยังมาไม่ถึง วันนี้คือวันที่เรามีอยู่ อย่าไปกังวล ขอเพียงให้เรารักวันนี้เท่านั้น ทำชีวิตเล็กๆ ที่มีอยู่วันนี้ให้เป็นวันที่แสนดี แสนสุขกันเถิด วันนี้จะมีให้กับเราทุกวัน พร้อมกันหรือยัง? ที่จะตื่นพร้อมกับต้อนรับดวงตะวันดวงใหม่ ขอบคุณ สวัสดี

คุณธงชัยพัฒน์ ดีสวัสดิ์ หรือ คุณหรั่ง อยู่บ้านเลขที่ 44/1 หมู่ที่ 4 ตำบลคลองโยง อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เกษตรกรสู้ชีวิตพลิกวิกฤตเป็นโอกาส เจ้าของสวนมะนาวลอยฟ้า ที่ใหญ่ที่สุดในโลก พื้นที่กว่า 120 ไร่

คุณหรั่ง เล่าว่า เดิมทำสวนกล้วยไม้ สมัครเล่นบาคาร่า แต่ประสบปัญหามหาอุทกภัย เมื่อ ปี 2554 ทำให้สวนกล้วยไม้ได้รับความเสียหายทั้งหมด อีกทั้งยังสูญเงินในการทำคันดินกั้นน้ำเกือบ 10 ล้านบาท ช่วงนั้นเครียดมาก สุขภาพก็ทรุดโทรม แต่ได้กำลังใจที่ดีจากคนในครอบครัว จึงกลับมาทำใหม่ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเหมือนเดิม จึงคิดที่จะปลูกพืชชนิดอื่นทดแทน ในที่สุดก็เลือกที่จะปลูกมะนาว เหตุที่เลือกปลูกมะนาวเนื่องจากมะนาวให้ผลตอบแทนที่ดี ราคาไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก เฉลี่ยทั้งปีลูกละประมาณ 2-3 บาท ในช่วงฤดูแล้ง มีนาคม-เมษายน ของทุกปี ก็จะได้ราคาที่สูงประมาณ 10 บาท/ลูก โดยมะนาวที่เลือกนำมาปลูกคือ “มะนาวแป้นแม่ลูกดก” เป็นมะนาวพันธุ์ลูกผสมด้วยวิธีเขี่ยเกสร ระหว่าง “มะนาวแม่ไก่ไข่ดก” กับ “มะนาวแป้นเอี่ยมเซ้ง” โดยฝีมือ อาจารย์วัง สุขประเสริฐ ผู้เชี่ยวชาญการปลูกมะนาวนอกฤดูในวงบ่อซีเมนต์ อดีตข้าราชการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตร

ซึ่งลักษณะพันธุ์ของมะนาวแม่ไก่ไข่ดกจะมีลักษณะเด่นประจำพันธุ์คือ มีดอกและติดผลดกมาก แต่ผลจะมีขนาดเล็ก เปลือกบาง ส่วนมะนาวแป้นเอี่ยมเซ้งจะมีดอกและติดผลไม่ดกนัก แต่ผลมีขนาดใหญ่ เปลือกหนา ทนทานต่อโรคแคงเกอร์ ที่เป็นปัญหาของเกษตรกรผู้ปลูกมะนาว โดยมะนาวแป้นแม่ลูกดกที่ได้จะมีลักษณะเด่นคือ เป็นมะนาวพันธุ์เบา ให้ผลผลิตทะวายทั้งปี ต้านทานโรคแคงเกอร์ โตไว ให้ผลผลิตเร็ว มีดอกและติดผลง่าย ลูกดก มะนาวลูกใหญ่ เปลือกบาง ลำต้นเป็นพุ่มไม่ใหญ่มาก คั้นน้ำได้น้ำเยอะ น้ำเป็นสีขาวใส แตกต่างจากน้ำมะนาวทั่วไป และมีกลิ่นหอม

คุณหรั่ง เล่าต่อว่า ส่วนที่มาของมะนาวลอยฟ้า มาจากการพลิกสวนกล้วยไม้มาปลูกมะนาวในภาชนะต่างๆ เช่น เข่ง ถุง ตะกร้า วงบ่อซีเมนต์ โดยนำไปวางไว้ในโรงเรือนเพาะชำกล้วยไม้เดิม ซึ่งก็ได้ผลดี เพราะการปลูกแบบลอยฟ้าไม่ได้สัมผัสดินที่พื้นโดยตรง ช่วยป้องกันโรคแมลงต่างๆ ที่มาจากดิน โรงเรือนสามารถควบคุมปริมาณแสงแดดไม่ให้แสงมากเกินไป และภาชนะที่ปลูกยังมีช่องระบายอากาศทำให้อากาศถ่ายเทได้ดีอีกด้วย ปัจจุบัน ปลูกมะนาวกว่า 120 ไร่ ต้นมะนาวจำนวนมากกว่า 100,000 ต้น

ผลผลิตมะนาวที่ได้จะนำมาแปรรูปเป็นน้ำมะนาวพร้อมดื่ม ภายใต้แบรนด์ “เลมอน มี” (Lemon Me) ใช้ผลมะนาวที่เก็บสดๆ จากสวน พิเศษด้วยมะนาวพันธุ์เฉพาะ “พันธุ์แป้นแม่ลูกดก” ปลูกด้วยระบบเกษตรอินทรีย์ลอยฟ้า ซึ่งน้ำมะนาวมีประโยชน์ มีวิตามินซีสูง อุดมไปด้วยสารฟลาโวนอยด์ ดอกเกลือช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน ช่วยระบบขับถ่ายและระบบย่อยอาหาร ไขมัน 0% ปราศจากคอเลสเตอรอล ดีต่อสุขภาพ และที่สำคัญไม่ใส่สารกันบูด ซึ่งขณะนี้กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง