เชียงของจัดงานเทศกาลยางพารานานาชาติดันยอดขายจีน

“เชียงของ” จัด “เทศกาลยางพารานานาชาติภาคเหนือ” 9-11 พ.ย.นี้ หวังส่งออกไปจีนได้เพิ่ม ทำรายได้เข้าจังหวัด ปีละกว่า 4,000 ล้านบาท

นายทัศนัย สุธาพจน์ นายอำเภอเชียงของ จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ในปัจจุบันทางฝ่ายปกครอง อ.เชียงของ ได้ร่วมกับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ บรรดากลุ่มผู้ประกอบการและเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีกำหนดจัด “งานเทศกาลยางพารานานาชาติภาคเหนือ” ขึ้น ระหว่าง วันที่ 9-11 พ.ย.นี้ ณ ลานหน้าอาคารสำนักงานเทศบาล ต.ห้วยซ้อ อ.เชียงของ ติดแม่น้ำโขงชายแดนไทย-สปป.ลาว

โดยภายในงานกำหนดให้มีกิจกรรมมากมาย เช่น การแข่งขันกรีดยางพาราชิงแชมป์ภาคเหนือ นิทรรศการและการออกร้านเกี่ยวกับยางพารา นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ยางพารา ขบวนแห่จากกลุ่มเครือข่ายเกษตรกร การออกร้านจำหน่ายสินค้า การประกวดธิดายางพาราภาคเหนือ การแสดงทางวัฒนธรรม การสัมมนาทางวิชาการและเวทีพบปะระหว่างเครือข่ายผู้ผลิตและผู้ประกอบการค้ายางพาราทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้ทาง อ.เชียงของ มีความตั้งใจที่จะจัดงานเทศกาลนี้ขึ้นเป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นเวทีส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพการผลิตและตลาดของยางพาราอย่างครบวงจรต่อไป

นายทัศนัย กล่าวอีกว่า สำหรับงานเทศกาลในลักษณะนี้มีการจัดขึ้นในประเทศไทยเพียง 2 จังหวัด คือที่ภาคใต้ ณ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และอีกแห่งคือที่ จ.บึงกาฬ ซึ่งถือเป็นสถานที่จัดงานเพียงแห่งเดียวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งแต่ละแห่งมีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี สำหรับภาคเหนือถือเป็นการจัดงานครั้งแรก เนื่องจาก จ.เชียงราย เป็นแหล่งปลูกยางพาราที่มีปริมาณมากในภาคเหนือแล้ว

ยังเป็นจุดส่งออกสินค้าประเภทยางพาราที่สำคัญ โดยผ่านด่านศุลกากรเชียงของข้ามสะพานแม่น้ำโขงเชื่อมไทย-สปป.ลาว แห่งที่ 4 จาก อ.เชียงของ ข้ามไปยังเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว แล้วขนส่งต่อไปทางถนนอาร์สามเอสู่มณฑลยูนนาน ประเทศจีน นอกจากนี้ ยังมีการส่งออกไปทางเรือแม่น้ำโขง ที่ อ.เชียงแสน อีกด้วย

นายพนัสพล โกสิยาร์ ผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทย จ.เชียงราย กล่าวว่า ในปัจจุบันตลาดประเทศจีนได้รับซื้อยางพาราจากภาคเหนือของประเทศไทย โดยผ่านที่ จ.เชียงราย มากที่สุด ถึงร้อยละ 95 ของปริมาณที่รับซื้อทั้งหมด เพราะ จ.เชียงราย มีเส้นทางคมนาคมที่อยู่ใกล้กับประเทศจีนมากที่สุด ทำให้ต้นทุนต่ำ จึงทำรายได้เข้าจังหวัดปีละกว่า 4,000 ล้านบาท สำหรับปีนี้ราคายางก้อนถ้วยที่นิยมจำหน่ายกันมากที่สุดในพื้นที่มีราคาดีกว่าปีที่ผ่านมา โดยอยู่ที่กิโลกรัมละ 23.50 บาท

ท่านคำแปง ใจยะสัก เจ้าเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ซึ่งเดินทางมาหารือเรื่องการจัดงานดังกล่าวกับทาง อ.เชียงของ กล่าวว่า พื้นที่เมืองห้วยทรายมีการปลูกยางพารารวมกันประมาณ 70,000 ไร่ และพื้นที่อื่นๆ ปลูกกันเป็นบริเวณกว้าง ดังนั้น การจัดงานเทศกาลยางพารานานาชาติภาคเหนือของ อ.เชียงของ จะสามารถช่วยพัฒนาคุณภาพและตลาดยางพาราในภูมิภาคนี้ร่วมกัน รวมถึงใน สปป.ลาว ได้เป็นอย่างดี จึงให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยคาดว่าจะมีเกษตรกรชาวลาวข้ามมาร่วมงานอย่างคับคั่งด้วย

รายงานข่าวจากด่านศุลกากรเชียงของแจ้งว่า ในปี 2560 มีการส่งออกยางพาราและเศษยางพาราจาก อ.เชียงของ ข้ามไปยังเมืองห้วยทราย มูลค่า 1,194.40 ล้านบาท และตั้งแต่เดือน ต.ค. 2560-ก.พ. 2561 มีการส่งออกแล้วกว่า 1,397.36 ล้านบาท โดยเป็นสินค้าส่งออกมากเป็น อันดับ 1 มากกว่าสินค้าผลไม้สดและอุปโภคบริโภค รวมถึงน้ำมันเชื้อเพลิง ด้านด่านศุลกากรเชียงแสนแจ้งว่า มีการส่งออกในปี 2560 มูลค่า 1,688.06 ล้านบาท มากเป็น อันดับ 3 รองจากชิ้นส่วนไก่แช่แข็งและน้ำมันเชื้อเพลิง ส่วนปี 2561 ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2560-เม.ย. 2561 พบว่า มีมูลค่ากว่า 2,412.95 ล้านบาท ทั้งนี้ ในปัจจุบัน จ.เชียงราย มีพื้นที่ปลูกยางพารา ประมาณ 300,000 ไร่ เกษตรกร ประมาณ 20,000 ราย มีผลผลิตซึ่งส่วนใหญ่เป็นยางก้อนถ้วยและน้ำยาง ปีละประมาณ 50,000 ตัน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดหนองคายว่า เกษตรกรชาวอำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย โค่นต้นยางพารา หันกลับมาทำสวนมังคุด ขายในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง รายได้ดีไม่มีปัญหาเรื่องการตลาด ให้ผลผลิตไวกว่าพื้นที่อื่นๆ ทำให้ไม่มีคู่แข่ง อีกทั้งยังขายผ่านโลกโซเชียล

นายกฤษฎา นิลแสง อายุ 45 ปี และ นางจุฬารัตน์ นิลแสง อายุ 44 ปี สองสามีภรรยา เจ้าของไร่นิลแสง บ้านโป่งสำราญ ต.พระบาทนาสิงห์ อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย เปิดเผยถึงความเป็นมาในการปลูกมังคุดว่า เดิมนั้นตนมีพื้นที่ทั้งหมด 35 ไร่ ก่อนหน้านั้นเป็นสวนยางพารา แล้วมีการปลูกมังคุดแซม ปลูกมาแล้วเป็นระยะเวลา 15 ปี แต่ไม่ได้มีการบำรุงรักษาและไม่ได้ให้ความสำคัญมังคุดที่ปลูกไว้เลย

ต่อมาเมื่อ 2 ปี ย้อนหลัง ราคายางพาราไม่ดี จึงได้ตัดสินใจโค่นต้นยางพาราขาย แล้วหันมาดูแลและบำรุงรักษาต้นมังคุดอย่างจริงจัง จนมังคุดเริ่มให้ผลผลิต ซึ่งพบว่า มังคุด ในสวนมีรสชาติดี สมบูรณ์เกือบทุกผล และที่สำคัญให้ผลผลิตก่อนมังคุดที่อื่น โดยเฉพาะออกผลก่อนมังคุดที่ปลูกในภาคตะวันออก ประมาณ 3 เดือน จึงทำให้ไม่มีคู่แข่ง ได้ราคาสูง ราคาขายออกจากสวน อยู่ที่ 60 – 65 บาท/กิโลกรัม

ในส่วนของการตลาด นอกจากจะขายที่หน้าบ้าน ริมถนนหนองคาย-บึงกาฬ บ้านหนองคอน ต.รัตนวาปี จ.หนองคาย ยังขายผ่านโลกโซเชียล (เฟซบุ๊ก) มีลูกค้าจากจังหวัดใกล้เคียงสั่งซื้อ แล้วก็ส่งผ่านระบบขนส่งไปให้ ลูกค้าที่เคยซื้อไปรับประทานจะติดใจ บอกต่อเพื่อนๆ ญาติๆ และจะกลับมาสั่งซื้ออีก

สำหรับระยะเวลามังคุดที่สวนออกผลผลิตคือ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม จะมีการเก็บขายทุกๆ 3 วัน ซึ่งขณะนี้มีมังคุดทั้งหมด 200 ต้น แต่ละครั้งจะเก็บมังคุดได้ 125-250 กก.

28 มิถุนายน ถึง 1 กรกฎาคมนี้ จัดใหญ่ ฉลองครบ 10 ปี “เฮลท์แคร์” งานแฟร์สุขภาพ อันดับ 1 ของประเทศ ปีนี้มาในธีม “สายตาดีมีสุข” กิจกรรมเกี่ยวกับสุขภาพตาจึงถูกเตรียมมาแบบจัดเต็ม ทั้งการผ่าตัดต้อกระจกฟรี 100 ราย บริการตรวจตาระบบดิจิตอล ตรวจวัดความดันลูกตา ตรวจวัดค่าสายตาและตรวจหาค่าความผิดปกติของสายตา ตรวจดูเบาหวานขึ้นตา ตรวจเส้นเลือดในจอประสาทตาด้วยเครื่องถ่ายภาพจอประสาทตา โดย รพ.บ้านแพ้ว รวมไปถึงรายการเสวนาเรื่องดวงตากับจักษุแพทย์ชื่อดังระดับประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสุขภาพโดย 16 โรงพยาบาลชั้นนำ อาทิ การทำฟันฟรีโดย คณะทันตแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การตรวจสุขภาพและให้คำปรึกษาด้านโภชนาการ โดยคณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี (พิเศษ บริการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ ราคา 260 บาท) การตรวจเอ็กซเรย์เต้านมด้วยเครื่องเมมโมแกรม โดยศูนย์ถันยรักษ์ ศิริราช และการตรวจสุขภาพกับแพทย์แผนไทย พร้อมบริการนวดแผนไทยอภัยภูเบศรราคาพิเศษ โดย รพ. เจ้าพระยาอภัยภูเบศร

เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ที่ร้าน River Wine ตำบลคลองพระอุดม อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี นาย ชัยรัตน์ จำนงค์การ เจ้าของร้าน River Wine ผู้ประมูลทุเรียนนนทบุรี ในราคาลูกละ 800,000 บาท ที่แพงที่สุดในโลก ในงานประมูลทุเรียนนนท์ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ที่ผ่านมา ในงาน นายชัยรัตน์ยังประมูลทุเรียนอีก 2 ลูก ในราคา 250,000 และ 180,000 บาท ได้มอบเงินที่ประมูลให้กับ รพ.

พระนั่งเกล้า ได้เดินทางมารับเงินจำนวน 800,000 บาท และมอบให้สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนปากเกร็ด 250,000 บาท และสถานแรกรับเด็กชายปากเกร็ด จำนวน 180,000 บาท โดยมี นายชลธี ยังตรง รอง ผู้ว่าฯ นนทบุรี นายสมนึก ศรีเที่ยงตรง เกษตรจังหวัดนนทบุรี ร่วมเป็นสักขีพยาน ยังมี นาย ธนกฤต ธัชสิริบุญจิรา ผอ.อยุธยาอลิอันซ์ มอบเงินสมทบทุนให้กับ รพ.พระนั่งเกล้าอีก 100,000 บาท

จากนั้น นายชัยรัตน์พร้อมด้วยนายชลธี และนายแพทย์ประสิทธิ์ ได้ร่วมกันผ่าทุเรียนก้านยาวลูกที่แพงที่สุดในโลก ซึ่งมีทั้งหมด 16 เม็ด โดยนายชัยรัตน์ได้ป้อนทุเรียนเม็ดแรกให้กับ นางสาวรุจาภา คำจุมพล ภรรยา และแจกจ่ายให้กับผู้ร่วมงานได้รับประทานกัน

นายชัยรัตน์ กล่าวว่า เป็นการร่วมทำบุญที่มีความสุขมากและหลังจากกินทุเรียนแล้วยืนยันว่า ทุเรียนนนท์อร่อยจริง 8 แสนบาทไม่แพงเลย เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 12 มิถุนายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผาและชุมชนบ้านแก่ง หมู่ที่ 1 ต.บ้านแก่ง อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ก่อนที่เวลา 17.00 น. จะเยี่ยมชมแปลงนาการผลิตพันธุ์ข้าว กิจกรรมการสาธิตกระบวนการเกี่ยวกับข้าว

การส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพครบวงจร (Bio Hub) และการวิจัยเกี่ยวกับข้าว ณ บริษัท กล้า-แกร่ง จำกัด หมู่ที่ 4 ต.มหาโพธิ อ.เก้าเลี้ยว มีเกษตรกรประมาณ 300 คน มาให้การต้อนรับ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แนะให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการรับประกันยุ้งฉาง กับ ธ.ก.ส. เพราะเป็นมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาล ที่เกษตรกรสามารถนำข้าวมาประกันแล้วค่อยขายเมื่อราคาข้าวสูงขึ้น พร้อมกันนี้ยังได้แนะนำให้เกษตรกรลดต้นทุนการผลิต หาตลาดใหม่ ไม่ปลูกพืชที่มีการเพาะปลูกจำนวนมาก เพื่อป้องกันความเสี่ยง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฯและคณะได้ขึ้นรถไถพ่วงสาลี่ ไปเยี่ยมชมกิจกรรมแปลงนาพันธุ์ข้าว กข 61 ของ บริษัท กล้า-แกร่ง จำกัด ซึ่งกำลังออกรวง และนายกฯ ลงดูต้นข้าวที่กำลังออกรวง พร้อมขอให้เห็นใจชาวนา อย่ามัวแต่ขัดแย้งกันเพราะจะทำให้ไม่มีความสุข

กรมอุตุฯ พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีปริมาณฝนลดลง บริเวณภาคเหนือและอีสานยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง เผย 15-18 มิ.ย.นี้ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะมีกำลังแรงขึ้นอีก เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง
กรมอุตุฯ / เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีปริมาณฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย

ส่วนบริเวณทะเลอันดามัน มีคลื่นสูง 2-3 เมตร และบริเวณอ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมามีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งตลอดช่วง

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยยังคงมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีปริมาณฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรงอย่างต่อเนื่อง อนึ่ง ในช่วง วันที่ 15-18 มิถุนายน 2561 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้นอีก ลักษณะเช่นนี้ทำให้คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับการพยากรณ์อากาศ สำหรับประเทศไทย ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ของวันนี้ ถึงเวลา 06.00 น. ของวันที่ 14 มิ.ย.นี้ ภาคเหนือ มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ ลำพูน ลำปาง สุโขทัย อุตรดิตถ์ และตาก อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ชัยภูมิ และนครราชสีมา อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท นครปฐม กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และพัทลุง อุณหภูมิต่ำสุด 22-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตขึ้นมา: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ตั้งแต่จังหวัดกระบี่ลงไป: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากในช่วงระหว่างบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 27-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

วันที่ 13 มิถุนายน ร.ต.อ.ธวัชชัย สำราญสุข รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์กระบะชนกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 คน เหตุเกิดที่บริเวณหน้าปั๊ม ปตท. แก่งยาง ถนนสถิตย์นิมานกาล ต.ดอนจิก อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ. ปริญญา หันไชยุงวา ผกก.สภ.พิบูลมังสาหาร แพทย์เวรโรงพยาบาลพิบูลมังสาหาร และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยจีตัมเกาะ จุดพิบูลมังสาหาร

ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ตอนเดียว สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน บพ- 8085 อุบลราชธานี สภาพรถด้านหลังพัง ด้านหน้าชนกับรั้วลวดหนามของชาวบ้านข้างทางเสียหาย มี นายจรัญ หอมทรัพย์ อายุ 51 ปี เป็นคนขับรถ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 ราย ถูกนำส่งโรงพยาบาลพิบูลมังสาหาร ห่างกันเล็กน้อยพบรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ ตอนเดียว สีขาว หมายเลขทะเบียน ป้ายแดง ข- 0727 นครราชสีมา มี นายธนินทรัฐ จิระเบ็ญจวัฒน์ อายุ 44 ปี เป็นคนขับ ซึ่งบรรทุกปลาดุก น้ำหนัก 1 ตัน มาเต็มคัน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน ที่พื้นถนนเกลื่อนกลาดไปด้วยปลาดุกเต็มพื้น เจ้าหน้าที่และชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ช่วยกันเก็บคืนเจ้าของ

จากการสอบสวนเบื้อง ทราบว่ารถยนต์กระบะที่บรรทุกปลาดุกมาเต็มคัน ขับมาจากอำเภอพิบูลมังสาหาร มุ่งหน้าไปอำเภอสิรินธร โดยขับมาด้วยความเร็วสูง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้พุ่งเข้าชนท้ายรถกระบะที่มีชาวบ้านนั่งมาเต็มคันรถ เพื่อจะเดินทางไปเก็บเห็ด ที่ขับออกมาจากแวะเติมน้ำมันที่ปั๊ม ปตท. เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว แต่ต้องรอตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

วันที่ 13 มิถุรายน ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า กลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์ของชาวบ้าน ตามโครงการ 9101 ที่ หมู่ที่ 5 บ้านนาคำไฮน้อย ต.นาคำไฮ อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู ยังเหลืออยู่จำนวนมาก และขายแล้วก็ไม่รู้ว่าเงินไปไหน จึงได้เดินทางไปยังสถานที่โรงเก็บปุ๋ยอินทรีย์ภายในบริเวณวัดศรีรัตนตรัย หมู่บ้านนาคำไฮน้อย พบกองกระสอบปุ๋ยอินทรีย์จำนวนมาก มีสภาพกระสอบขาด เปื่อยผุพัง เสื่อมหมดสภาพ กองทับถมกันในโรงเก็บ ได้รับการบอกเล่าจากชาวบ้านว่า หมู่บ้านได้รับเงินสนับสนุนจากหน่วยงานของทางราชการมา 500,000 บาท เป็นค่าวัสดุในการผลิตปุ๋ย 300,000 บาท เหลือจากนั้นเป็นค่าแรงของชาวบ้าน 200,000 บาท ผลิตปุ๋ยได้ 100 ตัน บรรจุในกระสอบปุ๋ย น้ำหนัก 45-50 กิโลกรัม ขายไปแล้ว 75 ตัน แต่ไม่รู้ว่าเงินอยู่ไหน ได้เท่าไร ชาวบ้านส่วนหนึ่งที่มาทำงานแบกขนปุ๋ยขึ้นรถก็ยังไม่ได้รับเงินค่าจ้าง ไม่มีการชี้แจงให้ชาวบ้านคณะกรรมการคนอื่นได้รับรู้