เผยเคล็ดลับปลูกมะยงชิดพันธุ์เจ้าจอม สวนสุวรรณีปรางทอง

ปลูก 250 ต้น สร้างรายได้เฉียดล้านภาวะดินฟ้าอากาศในปัจจุบันนี้ แทบจะไม่มีคำว่าฤดูแล้ว มีแต่ปนกันไปหมด ชาวไร่ชาวสวนก็ต้องปรับตัว โดยเฉพาะภาวะแล้ง การบริหารน้ำอย่างไรที่จะไม่มีผลต่อพืชสวนพืชไร่ เพราะฉะนั้นการปรับตัวโดยศึกษาจากธรรมชาติของพืชผลแต่ละชนิดถึงความอยู่รอดและให้ผลผลิตยังคงคุณภาพเดิม

มะยงชิด ใครๆ ก็ปลูกได้ นอกจากการคัดเลือกสายพันธุ์ที่ดีแล้ว การดูแลเอาใจใส่และการให้น้ำที่ถูกต้องและปลูกแบบปลอดสารพิษ โดยคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นหลักนั้น ต้องที่ สวนสุวรรณีปรางทอง จังหวัดกำแพงเพชร ของ อาจารย์วิเชียร บุญเกิด ปราชญ์พื้นบ้านที่เรียนรู้โดยตรงจากประสบการณ์จริง การเรียนรู้ศึกษาอย่างใกล้ชิด

มะยงชิดพันธุ์เจ้าจอม คำว่า มะยงชิด พอเอ่ยชื่อแล้วทุกคนต้องร้องอ๋อ ลักษณะทั่วไปรูปทรงผลคล้ายกันหมด แต่มีหลายสายพันธุ์ สายพันธุ์ที่สวนสุวรรณีปรางทอง ต้นมะยงชิด กว่า 200 ต้น ปลูกมาเกือบ 20 ปี ได้พิสูจน์ผลงานแล้วว่า ปลูกมะยงชิดพันธุ์เจ้าจอมนั้นรสชาติยอดเยี่ยม มีรสหวานนำอมเปรี้ยวนิดๆ ที่กินแล้วแทบไม่อยากหยุดปาก ซึ่งเป็นเสน่ห์และรสชาติของผลไม้เขตร้อน

เข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ เราก็จะเริ่มเห็นผลไม้หน้าร้อนกันมากขึ้น และที่หลายคนนึกถึงมากที่สุดก็น่าจะเป็นมะยงชิด หรือมะปรางลูกเท่าไข่ไก่ รสหวานอมเปรี้ยว กินสดๆ ก็อร่อย หรือจะนำมะยงชิดไปทำเป็นขนมหวานก็ได้ ชื่นใจไปอีกแบบ และเนื่องจากช่วงนี้เป็นหน้ามะยงชิดจะออกผล

อาจารย์ดูแลสวนอย่างไร ถึงเก็บมะยงชิดเป็นรอบที่ 3 “การปลูกมะยงชิด มีเคล็ดลับเรื่องของการให้น้ำ เป็นสิ่งสำคัญ มะยงชิดออกดอกรุ่นแรก จะให้ผลผลิตไม่มาก แต่รุ่นสอง จะออกดอกพร้อมกับมีใบอ่อนแซมอย่าตกใจ และรีบตัดแต่งกิ่ง ปล่อยให้ออกตามธรรมชาติบำรุงด้วยปุ๋ยคอก น้ำหมัก หรือดินโป่ง และให้น้ำตอนเริ่มติดลูก หลังจากนั้นเว้นระยะ 3 วันครั้ง พอลูกเริ่มที่จะสุกก็ให้น้ำอาทิตย์ละครั้ง เพื่อเพิ่มรสชาติ ถ้าให้น้ำมากและบ่อยเกินไปในช่วงนี้ รสชาติจะจืดลง แต่ด้วยสายพันธุ์เจ้าจอมนี้รสชาติดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว บางสวนก็แทบไม่เปลี่ยนหรือเปลี่ยนเล็กน้อย” อาจารย์วิเชียร บอก

“ไม่ใช้ครับ ผลไม้นี่ถ้าใช้ปุ๋ยเคมีเพิ่มความหวาน เท่าที่ประสบการณ์ของผมสำหรับมะยงชิด จะทำให้ผลไม่กรอบ และจะสุกงอมเร็ว เนื้อในผลจะนิ่มเร็วหมายถึงหลังจากเก็บจากต้นแล้วนะครับ…อีกอย่างเรื่องของปุ๋ยเคมี ผลไม้ชนิดนี้แทบจะไม่ต้องใช้เลย นอกจากกระรอกบ้าง นกบ้างเท่านั้น แต่ที่สวนปลูกเยอะประมาณ 250 ต้น กระรอกและนกก็มีบ้างแต่ก็กินไม่ไหว ผมอาศัยปลูกหลายต้นมั้งครับ นกและกระรอกเลยสู้ไม่ไหว แต่ก็มีผลไม้อย่างอื่นให้รับประทานหลากหลาย และอีกอย่างด้วยธรรมชาติทางพฤกษศาสตร์ของใบมะยงชิดจะค่อนข้างแข็ง จะไม่มีแมลงรบกวน เป็นข้อดีของสายพันธุ์มะยงชิด มะม่วง ละมุด จะไม่มีหนอนกินใบ เพราะใบค่อนข้างแข็งและมียาง” อาจารย์อธิบาย

อาจารย์เล่าอีกว่า ลูกค้าส่วนใหญ่จะถามผมว่าปลูกอย่างไรให้ได้รสชาติดี ตอบว่ามะยงชิดเป็นผลไม้คู่กับการเข้าสู่หน้าร้อนของเมืองไทยเราอยู่แล้ว อยู่ในระยะที่ผ่านฝนและอากาศเย็นมา บวกกับการให้น้ำอย่างเหมาะสม คือฉีดพ่นทางใบบ้าง และโคนต้นให้เก็บความชื้นไว้โดยคลุมด้วยใบไม้แห้งหรือฟางแห้งก็ดี เพื่อกักเก็บความชื้นแค่นี้ต้นมะยงชิดก็ยิ้มได้และให้ผลใหญ่ๆ กับเราแล้วครับ

ต้นพันธุ์ของผมทุกต้นผมจะใช้การเสียบยอด เป็นข้อดีก็คือเขาทนต่อโรคและทนแล้งได้ดี ข้อที่สำคัญที่สุดคือต้นจะไม่สูงมาก ตัดแต่งกิ่งได้สวยงาม การแตกพุ่มจะสวยงาม แถมยังมีรากแก้วในการทรงตัวยึดต้นได้ดีอีกด้วย

ผมว่าปลูกมะยงชิดยังไงก็ราคาไม่ตกนะ ถ้าพอมีพื้นที่และมีน้ำดีก็ต้องการที่จะปลูกไม้ผล มะยงชิดเป็นทางเลือกที่ดีมาก ดีกว่ามะม่วงเสียอีก พูดแล้วคนปลูกมะม่วงจะว่าเอา เพราะว่าราคามะยงชิดอย่างที่ว่า ผลผลิตออกสู่ตลาดเยอะๆ ยังราคาต่ำสุดจากสวนของผมอยู่ที่กิโลกรัมละ 100 บาท (ประมาณ 13-15 ลูก ต่อกิโลกรัม) ซึ่งส่วนใหญ่จะขายในตลาดอยู่ที่ กิโลกรัมละ 200-250 บาท ก็ยังได้ราคาดีมากดีกว่าไม้ผลอย่างอื่น

ผลผลิตต่อต้น เฉลี่ย 50-60 กิโลกรัม อายุเฉลี่ย 7 ปีขึ้นไป ต่ำกว่านั้นก็ลดหลั่นลงมาตามการแบกน้ำหนักของลำต้น ถ้าเราดูแลการให้น้ำให้ปุ๋ยชีวภาพดีแล้ว จะทำให้ได้ผลผลิตที่มีน้ำหนักเท่าๆ กันเกือบทุกลูก นี่แหละเป็นสิ่งที่ทำให้ชาวสวนอย่างผมภูมิใจ

รายได้ที่สวนผมปีนี้ 250 ต้น แบ่งไปทำต้นพันธุ์ 50 ต้น เฉลี่ยทั้งต้นเล็กต้นใหญ่ ก็อยู่ที่ 50 กิโลกรัม ต่อต้น ขายส่งกิโลละ 100 บาท 200 ต้น คูณ 50 กิโลกรัม คิดตัวเลขกลมๆ 10,000 กิโลกรัม x 100 บาท หักค่าใช้จ่ายและค่าแรงงาน ปีนี้ก็เหลือเกือบๆ ล้านบาทครับ ก็คงจะเก็บไว้เป็นค่าบำรุงต้นและดูแลเพื่อผลผลิตในปีหน้าแหละครับ คิดแล้วดีกว่าปลูกพืชอย่างอื่นเยอะเลยครับ แต่ผมแนะนำให้ปลูกพืชอย่างอื่นบ้างเพื่อเฉลี่ยรายได้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงของการให้ผลผลิต เช่นปีนี้อากาศเหมาะกับมะยงชิด ปีหน้าอาจจะเหมาะกับผลผลิตอย่างอื่นก็ได้ กว่าผมจะถึงวันนี้คร่ำหวอดอยู่กับสวน ใช้เวลาทั้งหมดกว่า 20 ปีครับ บางคนซื้อของผมไปทำแพ็กเกจจิ้งสวยงามสร้างมูลค่าเพิ่มไปอีก มะยงชิดเป็นผลไม้เหมาะสำหรับเป็นของฝากผู้หลักผู้ใหญ่ เพราะสีและขนาดของลูกที่น่ารับประทาน

ที่สวนอาจารย์ปลูกอะไรบ้าง

ที่สวนผมมีเนื้อที่ 17 ไร่ ปลูกมะยงชิด 250 ต้น ละมุด 350 ต้น มะนาว 500 ต้น มะขามป้อม 70 ต้น นอกนั้นเฉลี่ยกันไปอย่างละ 50 ต้น ที่ผมปลูกนั้นนอกจากขายต้นพันธุ์แล้ว ที่สวนยังต้องปลูกให้เห็นว่าสายพันธุ์ที่ลูกค้าซื้อไปนั้นสัมผัสได้ เห็นได้ มาดูได้ที่สวน ยินดีแนะนำจากประสบการณ์ตรงของผม เพราะก่อนที่ผมจะเลือกสายพันธุ์มาปลูกก็ทดลองปลูกก่อนอย่างน้อย 30 ต้น ถ้าเห็นว่าใช้ได้แล้วก็ขยายพันธุ์ต่อ และแนะนำให้ผู้ที่จะซื้อต้นพันธุ์ให้ได้ต้นพันธุ์ไปปลูกจะได้ไม่ผิดหวัง

ผมทำสวนไม้ผลผสมผสานเป็นข้อดีก็คือทำให้มีรายได้ตลอดทั้งปี แรงงานก็จะไม่ขาด ทำให้พวกเขามีงานมีรายได้ในครัวเรือนและยังทำงานใกล้ๆ บ้าน ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางอีกด้วย ก็พอได้ช่วยคนรอบๆ บ้านเพื่อนบ้าน

ความเชื่อถือ และรับผิดชอบเป็นสิ่งที่สำคัญ

อาจารย์บอกว่า…อายุผมปีนี้ 75 แล้วครับ ผมอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะผมมีความรับผิดชอบต่อลูกค้าสูง แนะนำสิ่งที่ดีเท่าที่มีประสบการณ์มา สมัยนี้เงินก็หายาก การปลูกต้นไม้แต่ละอย่างต้องใช้เวลาหลายปี อยากให้เขาได้เห็นผลผลิตในสามสี่ปีข้างหน้าว่าได้ผลตามที่เจ้าของสวนบอกมาจริงๆ ฉะนั้น ผมต้องตรวจและทดลองปลูกจนได้ผลก่อนถึงจะแนะนำให้ลูกค้า

การดูแล และการปลูก

ระยะแรกปลูกห่าง 5 เมตร เพราะว่าถ้าปลูกห่างมากจะมีปัญหาต้นล้มเวลามีพายุเกิดขึ้น การปลูกชิดกันก็เป็นข้อดี แต่ถ้าแตกกิ่งมาก ทำให้กิ่งก้านเบียดกัน ก็สามารถตัดแต่งกิ่งออกไปได้ แต่ถ้าต้นสมบูรณ์มากก็ตัดต้นที่อยู่ระหว่างกลางทิ้งไป พืชทุกชนิดต้องการอากาศถ่ายเทได้ดีในระหว่างต้น ถ้าอยากให้ได้ผลผลิตสูงก็พยายามเปิดช่องว่างระหว่างกิ่งก้านให้โปร่ง โล่ง แสงแดงส่องเข้าถึงนั่นแหละเขาจะออกดอกทุกแขนงกิ่ง ต้นทรงพุ่มจะรับน้ำหนักของผลได้ดีที่สุด มะยงชิดปลูกง่าย ดูแลง่าย ศัตรูพืชเช่นหนอนแทบจะไม่มี ปัจจุบันนี้ขึ้นอยู่กับดินฟ้าอากาศเท่านั้น

แก้ปัญหาผลร่วง จากประสบการณ์ตรงของอาจารย์

ปัญหาของมะยงชิดมักจะเกิดในช่วงที่ออกดอก ดอกร่วงหมดในช่วงที่ติดผลเล็ก ผลก็ร่วง อยู่รอดมาจนเกือบจะเปลี่ยนสีจากผลสีเขียวเป็นผลสุกออกสีเหลืองส้ม และส้มแดง ก็มักจะเจอทั้งลมพายุฤดูร้อน และผลร่วงที่มีสาเหตุจากหลายปัจจัย รดน้ำมากก็ร่วง

การให้น้ำไม่สม่ำเสมอ รดทุกวันปริมาณเท่าไหร่ก็ต้องรดเท่านั้น หมายถึงในช่วงแรกๆ การคลุมโคนต้นเพื่อเก็บความชื้นก็ต้องให้ห่างจากโคนต้นไม่ต้องคลุมชิดเกินไป ป้องกันการอับชื้นและเกิดความร้อนขึ้นที่โคนต้น ทำให้รากเน่าได้ หรือหยุดชะงักในการดูดซึมน้ำ หรืออาหารพืชขึ้นไปเลี้ยงลำต้นข้างบน ความหมายง่ายๆ ก็คือ รักมากทะนุถนอมมากไปก็เกิดปัญหา

ที่กล่าวมาทั้งหมดท่านที่คิดจะปลูกมะยงชิดจะถอดใจนะครับ การปลูกต้นไม้พื้นฐานใจที่รักแล้ว บางทีการทำไปโดยธรรมชาติจะไม่รู้สึกท้อ แต่ข้อความหรือทฤษฎีอาจจะยาว สำหรับท่านที่ปลูกไว้สักต้นสองต้นก็ปฏิบัติง่ายๆ ดูต้นไม้ชนิดอื่นก็เผื่อแผ่มายังต้นมะยงชิดได้

จำเป็นต้องห่อผลมั้ย

อันนี้แล้วแต่สวน สวนไหนกังวลว่าจะมีแมลงระบาด เช่น แมลงวันทอง ถ้ากังวลว่าจะเสียหายก็ห่อได้แต่ก็เพิ่มต้นทุนไปอีก แต่ที่สวนผมไม่ห่อเพราะเยอะเกินไป ห่อไม่ไหว และไม่ต้องการเพิ่มทุน ถึงไม่พ่นยาก็ไม่มีปัญหาเพราะเฉลี่ยให้แมลงเจาะไป นกและกระรอกกินบ้างก็มีบางส่วนที่เสียหายก็แบ่งให้กินไป ถามว่าจำเป็นต้องห่อหรือไม่ ถ้าถามผมไม่จำเป็นครับ

อาจารย์เลือกได้มั้ยว่า พันธุ์นี้เป็นมะยงชิดพันธุ์อะไร

ดูค่อนข้างยาก เพราะลักษณะเขาจะคล้ายๆ กัน นอกจากความเชื่อถือจากแหล่งที่ซื้อเท่านั้น การปลูกมะยงชิดส่วนใหญ่จะสั่งซื้อจากสวนที่รู้จักและชอบรสชาติของสายพันธุ์เป็นต้น เช่น พันธุ์ทูลเกล้า เพชรกลางดง หรืออย่างอื่นก็ว่ากันไป แต่มะยงชิดพันธุ์เจ้าจอมของผม รสชาติและขนาดผลไม่อายใคร

ถ้าสนใจสอบถามยินดีที่จะตอบคำถามทุกอย่าง หรือต้องการมาเรียนรู้ก็เชิญได้ที่สวน ศึกษาและดูให้ดีก่อนตัดสินใจที่จะเลือกสายพันธุ์ หรือจะปลูกหลากหลายพันธุ์ผสมกันไป ถ้าเอาใจใส่และใจรัก ปัจจัยหลักก็คือเรื่องน้ำนะครับ เชิญโทร.มา หรือแวะมาได้ที่ อาจารย์วิเชียร บุญเกิด สวนสุวรรณีปรางทอง เลขที่ 161/2 หมู่ที่ 1 ตำบลอ่างทอง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร 62000 โทร. (085) 244-1699

บ้านสวนอันร่มรื่นที่ซ่อนอยู่ในตัวเมืองลำปาง มีซุ้มหน้าร้านที่มุงด้วยตองตึง ซึ่งเป็นใบไม้ที่ร่วงจากต้นไม้ใหญ่ในป่าประเภทเดียวกับต้นเหียง โดยนำมาเรียงร้อยเป็นแผงคล้ายๆ หลังคาที่มุงด้วยต้นจาก และยังเป็นร้านกาแฟ ชื่อว่า กาแฟดอย สโลบาร์ กาแฟดริปแบบบ้านๆ บ้านสวนเฮือนจันทร์ ได้พบกับเจ้าของบ้านวัย 64 ปี ชื่อว่า คุณจันศิริ ดวงคำปัน ที่มีบุคลิกดีดูทะมัดทะแมงและแข็งแรง แววตาที่เปี่ยมด้วยพลังและความเมตตา

ที่ร้านบ้านสวนเฮือนจันทร์ ขายทั้งกาแฟสด ถ้วยละ 20 บาท ยังสอนให้ผู้ที่ต้องการเรียนรู้เรื่องกาแฟฟรีอีกด้วย และนำส่วนผสมของไม้ขอนเห็ดลมที่แก่และแห้งบนขอนไม้มาประดับร้าน ทำให้ดูร่มรื่นและเย็นตา ซึ่งตั้งอยู่บริเวณแยกหัวเวียง กลางเมืองลำปาง คุณจันศิริ ดวงคำปัน เปิดเผยว่า กำลังดีใจมากที่เห็นผลผลิต คือ “เห็ดลมป่า” ที่ทำไว้ในสวนออกดอกเยอะเป็นพิเศษในปีนี้ ทำมาเป็นปีที่ 4 แล้ว ครั้งนี้ไม้ทุกท่อนหรือทุกขอน เห็ดลมป่าออกดอกสะพรั่งสวยงาม โดยปีนี้ออกเยอะมากคงกินไม่หมด ต้องแบ่งปันและขายด้วย

หลังจากที่ผ่านมา คุณจันศิริสะสมประสบการณ์ตรงจากการเรียนรู้และเป็นคนช่างสังเกต พอถึงช่วงหนึ่งของชีวิตหลังจากสะสมประสบการณ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศมากมาย มองเห็นว่าการอยู่กับธรรมชาติบ้านเกิดนั้นเหมาะกับเธอที่สุด และเป็นผู้ที่ต่อต้านการปลูกพืชแบบใหม่ๆ ภายใต้สัญญาการรับซื้อคืน ด้วยการซื้อต้นพันธุ์ที่มีราคาแพงลิ่ว คุณจันศิริไม่เห็นด้วย คุณจันศิริกังวลว่าจะเป็นการหลอกลวงชาวบ้าน ด้วยความจริงใจต่อชาวบ้านและประสบการณ์ที่พบกับนายทุนต่างๆ ที่มาเอาเงินจากชาวบ้านที่จนอยู่แล้ว ยังจะต้องมาแบกหนี้เพื่อที่จะซื้อต้นพันธุ์ที่เขานำมาหลอกขายเป็นขบวนการในราคาแพง จนถึงปัจจุบันนี้มีการหลอกลวงหลายรูปแบบ คุณจันศิริจึงเป็นแม่พระเกษตรกรชาวบ้านรวมถึงการต่อต้านการหลอกลวงเรื่องของการเกษตร และการแนะนำเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

“การศึกษาไม่ได้สอนให้คนเก่ง ต่อให้คุณจบสูงๆ มาก็ตาม แต่วิชาชีวิตนี่แหละ ว่าจริงๆ แล้วคุณจะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไรให้รอด การให้ความรู้ที่ถูกต้องต่างหากที่จะทำให้คนอยู่รอด ด้วยปณิธานแน่วแน่ว่าจะให้ความรู้และประสบการณ์ที่มี คืนให้แก่สังคมได้เท่าที่ทำได้” คุณจันศิริเธอกล่าว

เห็ดลม หรือ เห็ดกระด้าง ของชาวอีสาน เป็นที่รู้กันถึงรสชาติความอร่อย เหมือนมีผงชูรสในตัวเวลานำไปทำกับข้าว เห็ดลมอ่อนนั้นจะมีรสชาติเหนียวนุ่มหนึบๆ ส่วนเห็ดลมแก่นอกจากนำมาเพาะพันธุ์ต่อยอดแล้ว ชาวเหนือยังนำไปแช่น้ำหั่นเป็นเส้นตามขวางใส่แกงแค เป็นความสมบูรณ์แบบของแกงแค ถ้าขาดเห็ดลมแก่นี้ จะทำให้รสชาติด้อยลงหรือไม่เต็มรสชาติของแกงแค

การเพาะเห็ดลมด้วยต้นทุนหลักพันบาท

เห็ดหลายชนิดที่เกิดจากธรรมชาตินั้นมีอยู่แล้ว ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็จะรู้ดีที่สุด ตามธรรมชาติของเห็ดทุกชนิดจะมีเชื้อเห็ดหรือสปอร์เพื่อการขยายพันธุ์อยู่แล้ว คุณจันศิริจึงเอาแนวคิดจากชาวบ้านมาต่อยอดในการที่จะเพาะเห็ดลมที่เลียนแบบธรรมชาติในบ้านในสวน ก็ปรึกษากับชาวพื้นบ้านเรานี่แหละนำเชื้อเห็ดมาเพาะตามแบบธรรมชาติ โดยไม่ต้องใช้โรงเรือน เพราะธรรมชาติของเห็ดอยู่ใต้ต้นไม้ในที่ร่มอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องสร้างโรงเรือน

การเพาะเห็ดลมนั้นใช้ต้นทุนต่ำมาก รวมถึงเห็ดอีกหลายชนิดที่สามารถนำมาเพาะต่อยอดได้โดยใช้หลักการเลียนแบบธรรมชาติ แต่ยกมาเพาะใกล้ตัวใกล้มือ ท่อนไม้ที่เหมาะสำหรับการเพาะเห็ดนั้น ใช้ไม้เนื้ออ่อนดีที่สุด เช่น ไม้มะม่วง ไม้ฉำฉา หรือไม้ที่ขึ้นตามป่าละเมาะ ยกเว้นไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้ลำไย ไม้มะขาม (ความเปรี้ยวของเนื้อไม้ไม่เหมาะต่อการสร้างสปอร์ของเห็ด)

เพาะครั้งเดียว เก็บผลผลิตได้ 3 ปี การเพาะเห็ดลมในระยะเริ่มแรกจะใช้เวลานานหลายเดือน แต่หลังจากท่อนไม้มีเชื้อเห็ดแล้วจะคุ้มค่าแก่การรอคอย โดยเริ่มใส่เชื้อเห็ดบนขอนไม้เดือนมกราคม นับไปอีก 8 เดือน ก็จะเริ่มให้ดอกหรือผลผลิตแล้ว โดยเฉพาะหน้าหนาวของบ้านเรายิ่งจะออกเยอะ เพราะชอบอากาศเย็น เห็ดลมจะให้ผลผลิตไปเรื่อยๆ เพาะครั้งเดียวให้ผลผลิตนานถึง 3 ปี หลังจากนั้นตัวของเนื้อไม้ยังนำมาประดับร้าน ประดับสวนได้ดูสวยและดูเย็นตา คุณจันศิริจึงนำไม้เพาะเห็ดที่อายุครบ 3 ปี ก็ยังมีผลผลิตอีกเพราะเชื้อเห็ดหรือสปอร์เห็ดยังอยู่ ก็จะปล่อยให้เขาแก่จัด ก็จะนำมาขายเพื่อการตกแต่งได้อีกด้วย ในราคาท่อนละ 1,500-2,000 บาท ความยาวประมาณ 1-1.5 เมตร เป็นที่นิยมของผู้ที่ต้องการจัดสวนเลียนแบบธรรมชาติเป็นอย่างดี

การเพาะเชื้อเห็ดที่นำสปอร์เห็ดมาจากเห็ดลมป่าจะมีรสชาติดีกว่าเพาะมาจากเชื้อเห็ดทั่วไป ราคาเห็ดลมอยู่ที่กิโลกรัมละ 300 บาท เป็นเห็ดที่ค่อนข้างได้ราคาดี “เรื่องของเชื้อเห็ดจากป่าเป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านที่มีการรักษาสปอร์ของเห็ดไว้ เหมือนรักษาเมล็ดพันธุ์พืชเพื่อการเกษตรในครั้งต่อไป คุณจันศิริมีหน้าที่นำสปอร์มาเพาะแบบเลียนแบบธรรมชาติ โดยการนำเชื้อเห็ดมาใส่ในรูไม้ที่เราเจาะไว้ ใส่เชื้อเห็ดและปิดปากรูไว้ ใช้วัสดุ เช่น เศษไม้มาปิด ที่นี่เราใช้ปูนซีเมนต์ปิด เชื้อเห็ดเขาก็จะเดินของเขาภายในเอง เพาะแบบลืมๆ ไปจนถึงเดือนที่ 8 ยังมีฝนอยู่ก็เริ่มที่จะให้ดอกเห็ด จนถึงเดี๋ยวนี้เดือนพฤศจิกายนก็ยังคงมีดอกเป็นที่น่าชื่นใจที่ได้เห็นผลผลิต และยินดีที่จะแนะนำท่านที่สนใจ ส่วนการนำเชื้อเห็ดมาเพาะนั้นเป็นภูมิปัญญาของชาวบ้าน เป็นแนวคิดและวิธีการตามวิถีของแต่ละท้องถิ่น” เจ้าของบอก

เห็ดลม หรือ เห็ดกระด้าง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Lentinus polychrous Lèv. เป็นเห็ดที่เจริญบนซากกิ่งไม้หรือขอนไม้ นิยมนำมากิน โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือของไทย เห็ดกระด้าง (เห็ดลม เห็ดบด) มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง แก้ไข้พิษ รวมทั้งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ

ขั้นตอนและอุปกรณ์การเพาะเห็ดลมป่า

วัสดุอุปกรณ์
1. ขอนไม้มะม่วง ไม้เต็ง ไม้รัง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4-6 นิ้ว ยาว 1-1.50 เมตร ใช้สว่านไฟฟ้า ขนาด 5-6 หุน เจาะขอนไม้ที่เตรียมไว้เป็นรู ให้มีความลึกประมาณ 2-4 เซนติเมตร โดยทำเป็นแถวๆ ตามความยาวของไม้ และให้แต่ละแถวห่างกันประมาณ 10-15 เซนติเมตร แต่ละขอนเจาะรูจำนวนเท่ากัน
นำเชื้อเห็ดที่เตรียมไว้ยัดใส่ลงไปในรูที่เจาะจนเต็ม แล้วใช้ไม้ขนาดเท่ารูกดและดันเชื้อเห็ดให้แน่นจนเต็มรู
ใช้ปูนซีเมนต์ผสมทราย อัตราส่วน 1 : 1 คลุกน้ำหมาดๆ ปิดขอนเห็ดที่ใส่เชื้อเห็ดแล้ว
4.นำขอนเห็ดไปเก็บพักไว้ในที่ร่มใต้ต้นไม้เพื่อเป็นการบ่มเชื้อเห็ด และถ้าอากาศแห้งควรรดน้ำให้ขอนเห็ด ประมาณ 10-15 วัน ต่อครั้ง

การบ่มเชื้อ เมื่อฝังเชื้อเห็ดเข้าไปในขอนไม้เสร็จแล้ว ให้นำขอนไม้ไปเก็บพักไว้ในที่ร่มใต้ต้นไม้ โดยวางขอนไม้ให้เป็นชั้นซ้อนกันเป็นสี่ด้าน ไม่ให้ถูกแสงแดดและถูกลมพัด เพราะจะทำให้ขอนไม้แห้งเร็วเกินไป เชื้อเห็ดจะเจริญขยายเส้นใยไม่ได้เต็มที่ โดยวางเรียงขอนไม้ซ้อนกันขึ้น การบ่มพักเชื้อจะใช้เวลานาน 8 เดือน หรืออาจจะนานกว่านี้ ขึ้นอยู่กับขนาดของขอนไม้และชนิดของไม้ ถ้าขอนไม้ใหญ่ใช้เวลานานขึ้น โดยเชื้อเห็ดจะอาศัยน้ำเลี้ยงจากเปลือกไม้เป็นอาหาร ดังนั้น ถ้าขอนไม้แห้งเร็วเกินไปควรรดน้ำช่วยบ้าง 10-15 วัน ต่อครั้ง

การเปิดดอกหรือการทำให้เห็ดเกิดดอก เมื่อเชื้อเห็ดเจริญได้ที่และเปลือกไม้เริ่มผุจนย่างเข้าถึงฤดูฝน เห็ดก็จะออกดอกขึ้นมาเอง โดยไม่ต้องรดน้ำ ปล่อยให้เห็ดเกิดดอกตามธรรมชาติ ซึ่งผลปรากฏว่า เห็ดออกดอกได้ปีละ 3-5 ครั้ง และผลผลิตต่อขอนก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นกว่าเดิมมาก โดยช่วงเวลาที่เห็ดออกดอกได้ดีเป็นช่วงเวลากลางคืนถึงเช้ามืด ตามธรรมชาติเห็ดทั้ง 2 ชนิด มักพบขึ้นตามขอนไม้ที่ผุพังหักโค่น และเป็นไม้เนื้อแข็งในป่าเขตร้อนชื้น เช่น ไม้เต็ง รัง เหียง ตะเคียน และไม้กระบาก ไม้มะม่วงถือว่าเป็นไม้เนื้ออ่อนใช้ได้หมด

เห็ดลม หรือ เห็ดกระด้าง มักจะพบในช่วงฤดูร้อนต่อฤดูฝนหรือฤดูฝนต่อฤดูหนาว ที่อุณหภูมิกลางวันและกลางคืนต่างกันมากๆ เป็นเห็ดพื้นเมืองที่มีรสชาติดี ให้คุณค่าทางอาหารสูง นิยมบริโภคในขณะที่ดอกยังอ่อน เพราะจะกรุบเหนียว ลื่นลิ้น ให้ความรู้สึกในการกินคล้ายเนื้อสัตว์ เมื่อแก่จะเหนียวและแข็ง ให้รสชาติหวานเหนียวเล็กน้อย

สุขใจฟาร์ม ฟาร์มปลูกผักอินทรีย์ของ คุณภัทราพล วนะธนนนท์ สมาชิกโครงการนำลูกหลานเกษตรกรกลับบ้าน สานต่ออาชีพเกษตรที่ต้องการ ซึ่งเป็นนโยบายของ นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในพื้นที่อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง เปิดเผยเรื่องราวของเกษตรกรรุ่นใหม่ที่กลับมาทำอาชีพเกษตรกรรมถิ่นฐานบ้านเกิด เพื่อสานต่ออาชีพการเกษตรและยังได้ดูแลครอบครัว

คุณภัทราพล วนะธนนนท์ สมาชิกโครงการนำลูกหลานเกษตรกรกลับบ้าน แห่งสุขใจฟาร์ม ฟาร์มปลูกผักอินทรีย์ อ.วังเหนือ จ.ลำปาง กล่าวว่า ผมอยู่ในวงการทำเกี่ยวกับวงการแฟชั่น ทำภาพยนตร์ ได้รู้จักผู้คนมากมาย แต่เมื่อทำไปเต็มที่แล้วยังไม่มีความสุข แม่ก็แก่ชราลงทุกวัน เมื่อมีโครงการพาลูกหลานกลับบ้าน ที่เป็นนโยบายดีๆ ของท่านมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็เลยตัดสินใจเข้าร่วมโครงการและได้มาอยู่กับแม่กับครอบครัว กับสิ่งที่ตัวเองทำ มีความสุขครับ

ด้าน นายบรรจง ชัยขุนพล ผอ. กองพัฒนาระบบสนับสนุนการสหกรณ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ที่มีโอกาสได้อยู่ในพื้นที่และเป็นผู้บริหารของสหกรณ์จังหวัดลำปาง ได้กล่าวว่า นับเป็นโครงการที่สานฝันให้คนรุ่นใหม่ก้าวสู่ความสำเร็จ การเป็นเกษตรกรที่ทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ ให้ความรู้ หาตลาดให้ เราวางแผนให้ และเกษตรกรรุ่นใหม่ที่ร่วมโครงการเขาเรียนรู้เร็ว นับได้ว่าเป็นโครงการที่ให้โอกาสคนรุ่นใหม่ที่อยากกลับบ้าน น้องๆ ที่กำลังจะเริ่มต้น สามารถมาเรียนรู้ได้ และเป็นเครือข่าย ลูกหลานที่สนใจเข้าไปหาข้อมูล จังหวัดลำปาง มีผู้เข้าร่วม 125 ราย ที่นี่มีเครือข่ายและมีตลาดที่รองรับ

นับว่า สุขใจฟาร์ม เป็นฟาร์มผักอินทรีย์ที่ประสบความสำเร็จจากโครงการนำลูกหลานเกษตรกรกลับบ้าน สานต่ออาชีพการเกษตรของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ซึ่งทำให้คนรุ่นใหม่ได้กลับมาทำอาชีพเกษตรในถิ่นฐานบ้านเกิด ได้รับองค์ความรู้ด้านการเกษตร การสร้างเครือข่ายการตลาด การจำหน่ายผลผลิต สามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรอย่างยั่งยืนต่อไป

ฟอร์ด ประเทศไทย ในฐานะผู้ผลิต ฟอร์ด เรนเจอร์ รถกระบะสายพันธุ์แกร่ง พาหนะคู่ใจเกษตรกรไทย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ในการทำงาน ตั้งแต่ขนส่งสินค้าไปขาย และการเดินทางไปเจรจากับคู่ค้าทางธุรกิจทั่วประเทศ

ฟอร์ด เล็งเห็นถึงความสำคัญของอาชีพเกษตรกรรมเป็นอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาภาคการเกษตรและขับเคลื่อนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 และปัจจัยด้านเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อยอดขายและรายได้ของเกษตรกร ทำให้หลายคนรู้สึกท้อถอย หมดกำลังใจ

ฟอร์ดต้องการสนับสนุนให้เกษตรกร สมัครน้ำเต้าปูปลา มีความเข้มแข็ง อดทน มุ่งมั่น พึ่งพาตนเองได้ เพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและจัดการสินค้าเกษตรตามความต้องการของตลาด ก้าวข้ามปัญหาอุปสรรคต่างๆ ให้ประสบความสำเร็จในเส้นทางอาชีพเกษตรกรรม ฟอร์ดจึงริเริ่มโครงการ “ฟอร์ดเติมฝันเกษตรกรหญิงรุ่นใหม่” โดยร่วมมือกับกรมส่งเสริมการเกษตรและสมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย เพื่อสนับสนุนและต่อยอดความสำเร็จของเกษตรกรหญิงรุ่นใหม่ในกลุ่ม Young Smart Farmer แม่บ้านเกษตรกร และเกษตรกรทั่วไป ให้เป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน

“ฟอร์ด พร้อมที่จะผลักดันทุกย่างก้าวของเกษตรกรไทย ที่มีทั้งความกล้าเผชิญความท้าทายรูปแบบต่างๆ และยังมีความพยายามที่จะสร้างเส้นทางสู่ความสำเร็จในแบบของตนเอง ซึ่งตรงกับแนวคิด ‘Live The Ranger Life’ การใช้ชีวิตแบบฟอร์ด เรนเจอร์ ซึ่งเป็นรถกระบะที่ไม่เพียงตอบโจทย์การบรรทุกงานหนักและการใช้งานที่สมบุกสมบันในทุกงานเกษตร แต่ยังสะท้อนความแข็งแกร่งจากภายในสู่ภายนอกของผู้ใช้งาน โดยเราหวังว่า ความสำเร็จของเกษตรกรหญิงรุ่นใหม่จะสร้างแรงบันดาลใจกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ ได้ต่อไป” นายวิชิต ว่องวัฒนาการ กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว

สำหรับกรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรสำคัญของโครงการนี้ ทำหน้าที่สนับสนุนด้านวิชาการเกษตร ตลอดจนความรู้ด้านธุรกิจการเกษตร เพื่อต่อยอดธุรกิจของผู้ร่วมกิจกรรมเวิร์คช้อป ขณะเดียวกันร่วมเป็นคณะกรรมการคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันที่มีแผนธุรกิจที่ตรงตามเกณฑ์การตัดสิน ทั้งรอบคัดเลือก 12 คนสุดท้าย และรอบชิงชนะเลิศ เช่นเดียวกับสมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย ที่มีบทบาทด้านการประชาสัมพันธ์โครงการเพื่อสร้างการรับรู้ให้ถึงกลุ่มเป้าหมาย พร้อมนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ชนะการแข่งขัน

เกษตรกรที่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ “ฟอร์ดเติมฝันเกษตรกรหญิงรุ่นใหม่ (Ford Moves Her Business)” ได้แก่ เกษตรกรหญิง อายุไม่เกิน 45 ปี ที่เป็น Young Smart Farmer หรือ สมาชิกกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรหรือเกษตรกรทั่วไป และต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผลผลิตของเกษตรกรต้องมีคุณภาพได้มาตรฐานสากล มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตทางการเกษตรอย่างสร้างสรรค์ มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นผู้ประกอบการด้านการเกษตรได้ และมีความสามารถในการนำเสนอแผนงานพัฒนาการเกษตรของตนแก่คณะกรรมการ

เกษตรกรที่สนใจเข้าร่วมโครงการ กรณีเป็น Young Smart Farmer ต้องแนบสำเนาบัตรประชาชน พร้อมหลักฐานสำเนาประกาศนียบัตร Young Smart Farmer หรือสำเนาแบบประเมินคุณสมบัติ Young Smart Farmer ซึ่งผ่านการประเมินจากการเข้าร่วมโครงการของกรมส่งเสริมการเกษตร หรือหลักฐานอื่นๆ ที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกให้ กรณีเป็นสมาชิกกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร ต้องแนบหลักฐานสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร กรณีเป็นเกษตรกรทั่วไป ต้องแนบสำเนาเอกสารการขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์