เมื่อถามถึงรสชาติ เพราะแน่นอนว่า ทุเรียนในภาคตะวันออก

ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง คุณฮามะ กล่าวว่า รสชาติทุเรียนแต่ละถิ่นไม่เหมือนกัน ของอำเภอบันนังสตา แม้จะไม่โด่งดังเช่นภาคอื่น แต่ก็มีความหวานมัน และที่สำคัญไม่ใช้ยาฆ่าแมลงในการดูแลรักษา ซึ่งปัญหาที่พบส่วนใหญ่ คือ ปัญหาหนอนเจาะลำต้นและในผลทุเรียน ซึ่งทั้งสองปัญหายังไม่สามารถแก้ได้ ในปีที่ผ่านมา ทุเรียนแปลงใหญ่ของหมู่ที่ 2 นี้ สามารถเก็บผลผลิตส่งจำหน่ายได้มากถึง 2 ตัน สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไม่น้อย และแม้จะไม่ได้มีเทคนิคการดูแลทุเรียนมากเป็นพิเศษ แต่ก็สามารถทำทุเรียนได้คุณภาพตามตลาดต่างประเทศต้องการ ด้วยการปลูกแนวธรรมชาติ ใช้สารเคมีบ้างตามความจำเป็น เน้นการใช้ธรรมชาติดูแลมากกว่า

หากเกษตรกรในภาคใต้รายใดสนใจศึกษาดูงานการทำทุเรียนแปลงใหญ่ หมู่ที่ 2 ตำบลตาเนาะปูเต๊ะ อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา แห่งนี้ ติดต่อได้ที่ สำนักงานเกษตรอำเภอบันนังสตา โทรศัพท์ (073) 289-229 ในวัน และเวลาราชการ

ผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 กินวงกว้างและลามลงลึกถึงระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนต้องมีการปรับวิถีให้เหมาะควรและปลอดภัย ผู้คนเคยออกทำมาหากินตามสถานะหน้าที่ก็ไม่สามารถดำเนินไปได้ ต้องใช้ชีวิตอยู่กับบ้านตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด กิจกรรมทางเศรษฐกิจทางสังคมที่มีอยู่เป็นปกติก็ต้องระงับหยุดลง ขณะที่รายจ่ายประจำวันไม่ได้หยุดลงไปด้วย เป็นสภาวะที่สร้างความตึงเครียดให้กับคนทั่วไปไม่น้อย

แต่ในวิกฤติย่อมมีโอกาส เมื่อสถานการณ์บังคับให้อยู่กับบ้าน ก็ได้เวลาสำรวจตรวจสอบว่าบ้านเรือนเรามีอะไรบ้าง มีที่ว่างพอจะทำอะไรได้บ้างหรือเปล่า เมืองไทยมีความอุดมสมบูรณ์ดังคำที่ว่า “ทรัพย์ในดิน สินในน้ำ” ลองสำรวจดูว่าผืนดินที่อยู่อาศัยของเราเองมีทรัพย์อะไรอยู่บ้าง ถ้าไม่เห็นก็ลงมือขุด (ซึ่งแน่นอนว่าท่านคงไม่เจอเงินทองใดๆ) แต่ถ้าเราหยอดเมล็ดพันธุ์พืชผักสวนครัวลงไปล่ะ ดูแลรดน้ำบ้างเป็นกิจกรรมยามว่าง เพียงไม่กี่วันจากดินธรรมดาจะกลายเป็นอาหารแสนวิเศษ รับประทานไปแล้วรับรองความปลอดภัย เพราะปลูกเอง ไม่ใส่ยาสารเคมี กินเองสบายใจหายห่วง แถมประหยัดเงินในกระเป๋าน้อยๆ ได้อีกด้วย

ดีอย่างนี้ !! กรมการพัฒนาชุมชน (พช.) กระทรวงมหาดไทย หน่วยงานซึ่งทำงานใกล้ชิดประชาชน มีหน้าที่ช่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ที่เป็นห่วงประชาชนอย่างมากในยามนี้ ได้เร่งรณรงค์ให้ทุกท่าน รีบเปลี่ยนดินให้เป็นอาหารแสนอร่อย โดยออกแผนปฏิบัติการ “90 วัน ปลูกผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร” เดินหน้าพร้อมกันทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2563ผ่านมาเดือนกว่าแล้ว มีความคึกคักเป็นอย่างมาก ผู้ว่าราชการจังหวัดแบ่งพื้นที่บริเวณจวนมาลงมือปลูกผัก นายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการทั่วประเทศหันมาปลูกผักสวนครัวที่บ้านตนเองเป็นแบบอย่าง นำชาวบ้านในพื้นที่ทำตาม ภาคเอกชนเห็นกิจกรรมนี้จะเป็นทางลดความยากลำบากของประชาชนได้ก็กระโดดมาร่วมวงอีกแรง เช่น บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด บริษัท เจียไต๋ จำกัด และเครือข่าย OTOP ได้มอบเมล็ดพันธุ์ผักสวนครัวให้กรมการพัฒนาชุมชนเพื่อส่งต่อไปยังประชาชนทั่วประเทศได้ปลูกกัน

โดยนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เผยว่า การปลูกพืชผักสวนครัวไว้กินเองได้ทั้งอาหารได้ทั้งยา อาหารที่ปลอดภัยไร้สารปนเปื้อนก็เหมือนยาวิเศษสร้างสุขภาพที่ดี ช่วยลดรายจ่ายครัวเรือน เหลือจากการบริโภคก็สามารถนำไปขาย หรือแบ่งปันแจกจ่ายต่อได้ ตอนนี้กรมการพัฒนาชุมชนได้แจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ผักไปแล้วทั่วประเทศ แต่อาจจะได้ไม่ครบทุกครัวเรือน จึงเน้นกลุ่มที่มีความเดือดร้อน ลำบากก่อน ในพื้นที่ของแต่ละจังหวัดยังมีอีกหลายองค์กรที่นำเมล็ดพันธุ์มาช่วยแจกจ่ายให้ประชาชนได้ปลูก เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารเป็นภูมิต้านทานให้ก้าวผ่านวิกฤติไปด้วยกัน สำหรับท่านที่ปลูกพืชผักสวนครัวแล้ว ก็ขอเชิญชวนถ่ายภาพมาร่วมแชร์ความสุขกันได้ที่ Facebook กลุ่ม “ปลูกพืช ปลูกผัก ปลูกรัก กับ พช.”

รูปคู่กับผักสวนครัวที่บ้านมาโพสต์แชร์สร้างความสุขของการปลูกผักสวนครัวผ่านสังคมออนไลน์ ภายใต้กิจกรรม “โชว์ผัก กินง่ายปลูกได้ในครัวเรือน” เพื่อรับเมล็ดพันธุ์ผักฟรี!! และมีรางวัลพิเศษสำหรับผู้ชนะกิจกรรมด้วย เพียงทำตามกติกานี้

ถ่ายภาพของคุณคู่กับผักสวนครัวที่ปลูกภายในบ้าน
สมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มเฟซบุ๊ก “ปลูกพืช ปลูกผัก ปลูกรัก กับ พช.” พร้อมโพสต์ภาพถ่ายของคุณลงในกลุ่ม
แคปภาพที่คุณโพสต์ในกลุ่ม แล้วนำมาโพสต์ลงในช่องแสดงความคิดเห็นของเฟซบุ๊กแฟนเพจ “เทคโนโลยีชาวบ้าน” ที่ปักหมุดกิจกรรมไว้
เพียงเท่านี้ ผู้ที่ร่วมกิจกรรมทุกท่านก็จะได้รับเมล็ดพันธุ์ผัก ไปปลูกต่อที่บ้านได้เลย ฟรี!! ค่าจัดส่งด้วย
และผู้ที่มียอดกดถูกใจมากที่สุดจะได้รับรางวัลพิเศษ!!!
หมายเหตุ รับเฉพาะไฟล์นามสกุล JPG เท่านั้น ภาพทุกภาพต้องถ่ายจากกล้องของผู้ร่วมกิจกรรม โดยไม่จำกัดจำนวนภาพ หนึ่งคนสามารถส่งกี่ภาพก็ได้ แต่จะสามารถรับรางวัลได้เพียงหนึ่งรางวัลเท่านั้น แค่เป็นภาพคุณถ่ายเอง จะเป็นภาพแปลงผักสวนครัว จะปลูกในแปลงเล็กๆหลังบ้าน ปลูกริมรั้ว หรือปลูกในกระถาง ในยางล้อรถยนต์หรืออะไรก็ได้ ขอให้เป็นภาพพืชผักที่กินได้ นำมาโชว์กัน ให้โลกรู้ว่า ปลูกผักง่ายกว่าที่คิด

จังหวัดปทุมธานี นับเป็นทำเลทองของภาคเกษตรกรรม และเป็นแหล่งผลิตสินค้าอาหารที่สำคัญของประเทศ ซึ่ง “บริษัท คิง ฟรุทส์ จำกัด” เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ดูแลตั้งแต่การเพาะปลูกจนถึงแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตร คิง ฟรุทส์ เป็นผู้นำตลาดกล้วยหอมทองรายใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศไทย มีเนื้อที่ปลูก 3,000-4,000 ไร่ ผลิตกล้วยหอมทอง คุณภาพเยี่ยม เกรดส่งออก ยี่ห้อ “BANANA KING” ส่งขายห้างสรรพสินค้าชั้นนำ สายการบิน โรงแรม ตลาดไท และร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ปัจจุบันหลายธุรกิจยอดขายร่วง-ตลาดซบเซา จากวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 แต่ คิง ฟรุทส์ ยังเติบโตสวนกระแส โกยยอดขายเพิ่ม 5-10% คิง ฟรุทส์ ทำได้อย่างไร ไปหาคำตอบร่วมกัน

คุณเกรียงศักดิ์ และ คุณเสาวณี วิเลปะนะ สองสามีภรรยา เจ้าของ บริษัท คิง ฟรุทส์ จำกัด เล่าให้ฟังว่า ในอดีต เมื่อถึงช่วงฤดูแล้ง จะมีกล้วยหอมทองป้อนเข้าสู่ตลาดน้อยลง เพราะประสบปัญหาขาดแคลนน้ำในแหล่งผลิต แต่ปัจจุบัน คิง ฟรุทส์ สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้แล้ว โดยศึกษาข้อมูลว่า ช่วงฤดูแล้ง พื้นที่ใดยังมีแหล่งดินดีและมีน้ำสมบูรณ์ โดยบริษัทส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกกล้วยหอมทองและรับซื้อผลผลิตในราคาประกัน อยู่ที่หวีละ 40 บาท

ปัจจุบัน บริษัทมีพื้นที่ปลูกกล้วยหอมทองของตัวเอง ประมาณ 2,000-3,000 ไร่ และมีเครือข่ายเกษตรกรอีก 1,000 ไร่ กระจายอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ตราด กาญจนบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง ชัยภูมิ กำแพงเพชร เพชรบุรี นอกจากนี้ ก่อนถึงช่วงฤดูแล้งจะเข้าไปแนะนำให้เกษตรกรในเครือข่ายปรับเปลี่ยนวิธีดูแลแปลงปลูกเพื่อลดผลกระทบจากภัยแล้ง เช่น ใช้เศษฟางข้าวคลุมใต้ต้นกล้วย และแนะนำให้รดน้ำเฉพาะช่วงเย็นหรือกลางคืน เพื่อลดการระเหยของน้ำในดิน แม้ต้นกล้วยจะโตช้าไปหน่อยในช่วงฤดูแล้ง แต่ยังให้ผลผลิตป้อนเข้าสู่โรงงานอย่างต่อเนื่อง

ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคธุรกิจ ทำให้สินค้าเกษตรหลายชนิดประสบปัญหาด้านการตลาด ยอดขายลด เพราะส่งออกหรือขายสินค้าไม่ได้ แต่ยอดขายกล้วยหอมทองของ คิง ฟรุทส์ กลับเติบโตสวนกระแส ยอดขายพุ่งกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ประมาณ 5-10%

คุณเสาวณี ให้คำตอบว่า ยอดขายในกลุ่มห้างสรรพสินค้า ตลาดไท ลดลงมาก รวมทั้งสายการบินและโรงแรม ยอดขายหายเกือบ 100% แต่ยอดขายในกลุ่มร้านสะดวกซื้อ และยอดสั่งซื้อเดลิเวอรี่ (Food Delivery) ผ่านแอปพลิเคชั่นมียอดขายสูงขึ้น ปัจจัยบวกที่กระตุ้นยอดขายเกิดจากกระแสข่าวที่ว่า กินกล้วย ช่วยป้องกันโรคโควิด-19 แม้ยังไม่มีผลงานวิจัยใดที่สามารถพิสูจน์ความจริงดังกล่าว

แต่กล้วย นับเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ทั้งสารโพแทสเซียม แมกนีเซียม และมีเส้นใยอาหารสูง เพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนเลือด บำรุงประสาท ให้พลังงานสูงและย่อยง่าย มีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อหัวใจและสมอง กล้วยหอม เป็นผลไม้มหัศจรรย์ที่ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับนักกีฬาที่ต้องใช้พละกำลัง และใช้เวลาแข่งขันนานๆ ที่สำคัญกล้วยเป็นผลไม้ที่มีราคาไม่แพง กินง่าย ทำให้คนไทยหันมากินกล้วยเพื่อบำรุงสุขภาพกันมากขึ้น

ล่าสุด คิง ฟรุทส์ ได้เซ็นสัญญาขายสินค้าผ่านช่องทางแกร็บฟู้ด (Grab Food) โดยเน้นขายผลไม้ประเภทกล้วยหอมทอง (หวี) ส้มโอ แอปเปิ้ล ฯลฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นหนึ่งช่องทางการที่ช่วยขยายตลาดของ คิง ฟรุทส์ ในอนาคต

นอกจากนี้ คิง ฟรุทส์ ได้ทุ่มงบลงทุนกว่า 80 ล้านบาท สร้างโรงงานแห่งใหม่สำหรับแปรรูปตัดแต่งผลไม้ เนื้อที่ 3 ไร่ ตั้งอยู่ในโครงการ “บิ๊กเกอร์ แลนด์” ลำลูกกา คลองเก้า จังหวัดปทุมธานี เน้นผลิตผลไม้เกรดพรีเมี่ยมพร้อมกิน ป้อนร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ขณะนี้สินค้าตัวใหม่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาสินค้าและทดสอบตลาด โดยตั้งราคาขายต่อกล่อง ตั้งแต่ 30 บาทขึ้นไป เน้นผลิตสินค้าขายดีที่นิยมในท้องตลาด เช่น ฝรั่งกิมจู ขนุนทองประเสริฐ แอปเปิ้ล ส้มโอขาวน้ำผึ้ง ฯลฯ โดยจะเริ่มจำหน่ายสินค้าตั้งแต่เดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป

สร้างนวัตกรรมเพิ่มมูลค่ากล้วย

คุณเสาวณี กล่าวว่า เราดำเนินธุรกิจอยู่ในวงการค้าผลไม้มานาน 20 ปีแล้ว และดำเนินกิจการ นาม บริษัท คิง ฟรุทส์ เป็นปีที่ 9 ประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาสอนให้เรารู้ว่า ธุรกิจเกษตรมีความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติและมีปัญหาอุปสรรคต่างๆ ดังนั้น การทำเกษตรหากดำเนินธุรกิจขายสินค้าเกษตรแบบเดิมๆ จะเติบโตไม่ได้ ต้องปรับตัวเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เพื่อความอยู่รอด หากยังอยู่ในภาคเกษตร ต้องพัฒนาต่อยอดเชิงธุรกิจ ต้องพัฒนารูปแบบสินค้าและบริการตอบโจทย์ความต้องการของตลาดให้ได้มากที่สุด

คิง ฟรุทส์ เก่งเรื่องผลไม้ รู้ว่ามีแหล่งผลิตผลไม้คุณภาพดีอยู่ที่ไหนบ้าง และคัดสินค้าคุณภาพดีนำเสนอให้ลูกค้า ขณะเดียวกันลดต้นทุนจากเปอร์เซ็นต์การสูญเสียวัตถุดิบ สินค้าในโรงงานมีทั้งกล้วยสุกและกล้วยดิบ หากช่วงไหนผลผลิตเข้าโรงงานมาก ขายไม่ทันหรือกล้วยผิวไม่สวย ขายไม่ได้ราคา ก็นำมาแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มแทน

กล้วยดิบ นำมาแปรรูปเป็นผงกล้วยหอมทอง ใช้ชงเพื่อเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ส่วนกล้วยสุกนำมาแปรรูปเป็นแป้งกล้วยหอมทอง ซึ่งสินค้าทุกชิ้นเกิดจากผลงานของแผนกวิจัยและพัฒนาของบริษัท แถมมีรางวัลจากเวทีประกวดเป็นเครื่องการันตีคุณภาพสินค้า ทางแผนกวิจัยและพัฒนาจะนำผงกล้วยและแป้งกล้วยไปพัฒนาเป็นสินค้ารูปแบบต่างๆ เป็นไอเดียไปเสนอขายลูกค้า ซึ่งเป็นโรงงานอุตสาหกรรมอาหาร

เมื่อลูกค้าสนใจก็จะสั่งซื้อวัตถุดิบผงกล้วยหรือแป้งกล้วยจากบริษัทเข้าไปใช้ในกระบวนการผลิตสินค้า เปิดโอกาสให้บริษัทสามารถขยายตลาดสินค้าแปรรูปประเภทนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศในอนาคต

และปลายปีนี้ บริษัทเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ “บราวนี่สำเร็จรูป (Brownie mix) จากแป้งกล้วยหอมทอง” ในงานแสดงสินค้า THAIFEX WORLD OF FOOD ASIA 2020 ที่ตอบโจทย์คนเมืองรุ่นใหม่ ที่นิยมอาหารเพื่อสุขภาพ เพราะสินค้าใหม่ของบริษัททำง่าย และดีต่อสุขภาพ แค่เทผงบราวนี่สำเร็จรูปที่ได้จากแป้งกล้วยหอมทองลงในถ้วย เติมน้ำและนม ใส่ไมโครเวฟ แค่ 1 นาทีครึ่ง จะได้ขนมบราวนี่หอมหวานอร่อยออกมากินได้ทันที สินค้าชิ้นนี้ได้รับรางวัลจากเวทีการประกวดผลิตภัณฑ์นวัตกรรมอาหารปทุมธานี 2019 มาแล้ว เชื่อว่า เมื่อเปิดการขาย สินค้าตัวนี้จะเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคในวงกว้าง เพราะขายในราคาไม่แพง แถมทำได้ง่ายและมีรสชาติอร่อยถูกใจผู้บริโภค

วิจัย DNA กล้วยหอมทอง สัญชาติไทย

แผนกวิจัยและพัฒนา ของ คิง ฟรุทส์ ใช้เวลากว่า 1 ปี ในการศึกษาวิจัย DNA กล้วยหอมทองจนเสร็จสมบูรณ์ ผลงานดังกล่าวได้รับรางวัลงานวิจัยยอดเยี่ยม ในงานประชุมวิชาการนานาชาติ ที่กรุงเทพฯ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่าน ผลงานดังกล่าวเข้าตากรรมการนักวิจัย เพราะเป็นผลงานวิจัยที่โดดเด่น เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาไม้ผลของไทยให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในวงการค้าระดับนานาชาติมากขึ้น

เพราะทุกวันนี้ ราคากล้วยหอมทองที่ขายในประเทศและต่างประเทศแทบไม่แตกต่างกัน เพราะลูกค้าต่างชาติคิดว่า กล้วย คือ กล้วย (BANANA) เพราะรู้จักแต่กล้วยคาแวนดิช ของฟิลิปปินส์และคอสตาริกา เมื่อเรานำเสนอกล้วยหอมทองก็เอาราคาไปเปรียบเทียบราคากล้วยคาแวนดิช ทั้งๆ ที่เป็นกล้วยต่างชนิดกัน รสชาติความอร่อยก็แตกต่างกัน ทำให้ คิง ฟรุทส์ เกิดแรงบันดาลใจในการศึกษาวิจัย ดีเอ็นเอ กล้วยหอมทอง อย่างเป็นทางการ และได้ประโยชน์ต่อการส่งออกกล้วยหอมทองในอนาคต

คุณเสาวณี เล่าว่า เมื่อเร็วๆ นี้ มีบริษัทแปรรูปอาหารของเกาหลีใต้มาสั่งซื้อกล้วยแช่เย็น (Frozen) เดิมเขาใช้กล้วยคาแวนดิชจากปะเทศเวียดนาม แต่ไม่พึงพอใจในคุณภาพ ต้องการกล้วยคุณภาพดี ที่มีรสชาติหวานหอม เมื่อนำเสนอกล้วยหอมทองเข้าไป ลูกค้าพอใจมาก แต่ต้องการให้มีการรับรองสายพันธุ์ว่าเป็นกล้วยหอมทองจริงๆ โชคดีที่ คิง ฟรุทส์ ทำวิจัยเรื่อง ดีเอ็นเอ กล้วยหอมทองอยู่แล้ว จึงเป็นเครื่องยืนยันคุณภาพสินค้าได้ ลูกค้าก็ยินดีที่จะซื้อกล้วยหอมทองในราคาสูงกว่ากล้วยคาแวนดิช

คิง ฟรุทส์ ยินดีแบ่งผลงานวิจัย ดีเอ็นเอ ให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการที่ต้องการส่งออกกล้วยหอมทองไปต่างประเทศ เพื่อผลักดันการส่งออกกล้วยหอมทองของไทยสู่ตลาดโลกให้มากขึ้น หากใครสนใจผลงานชิ้นนี้ สามารถติดต่อกับ คิง ฟรุทส์ ได้ตลอดเวลา เพราะเชื่อว่าหากตลาดโลกต้องการกล้วยหอมทองของไทยเป็นจำนวนมาก ยิ่งผลิตได้คุณภาพดี ราคาขายก็พุ่งสูงตามไปด้วย จะช่วยสร้างอาชีพให้เกษตรกรไทยหันมาลงทุนปลูกกล้วยหอมทอง เพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืนในอนาคต

โมเดล “คิง ฟรุทส์”

ขณะนี้ บริษัทกำลังสร้าง โมเดล “คิง ฟรุทส์” เพื่อพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคการผลิตคือ เกษตรกรเครือข่ายลูกไร่ของเรา ที่เริ่มต้นทำธุรกิจกับบริษัทตั้งแต่ 3 คน จนพัฒนาเป็นกลุ่มเกษตรกร ยกระดับเป็นวิสาหกิจชุมชนที่มีสมาชิกกว่า 100 คน และมีการส่งต่ออาชีพไปยังทายาท รุ่น 2 ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่เคยเป็นมนุษย์เงินเดือน ที่หันกลับมาช่วยพ่อแม่ทำเกษตรเพื่อทำงานเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเอง ทำให้การพัฒนาคุณภาพสินค้าปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ

บริษัทพยายามผลักดันให้เกิดการรวมกลุ่มในลักษณะวิสาหกิจชุมชนเพิ่มมากขึ้น เพื่อสร้างความเข้มแข็งในกลุ่มเกษตรกร เพราะนอกจากจะมีบริษัททำหน้าที่สนับสนุนด้านวิชาการและงบประมาณแล้ว ยังมีหน่วยงานภาครัฐอีกมากมายเข้ามาสนับสนุนกิจกรรมของกลุ่มวิสาหกิจให้เกิดการพัฒนาอาชีพมากขึ้น ทำให้เกษตรกรมีรายได้และมีคุณภาพชีวิตที่ดี เพราะเราไม่อยากเป็นแค่คนปลูกกล้วยและพ่อค้าซื้อกล้วย แต่ต้องการให้ทุกคนเติบโตและมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

ที่ผ่านมา มีเพื่อนๆ ในกรุงเทพฯ ปรารภว่าอยากจะปลูกมะนาวดีๆ สักต้นสองต้นไว้บริโภคในครัวเรือน เพราะเห็นว่าบางฤดูผลมะนาวมีราคาแพงดั่งทองคำ แต่ขัดสนจนใจด้วยมีพื้นที่อยู่อย่างจำกัด จะทำอย่างไรดี เอาล่ะ ในฐานที่ผมมีประสบการณ์อยู่บ้าง

จึงขอเชิญชวนให้ลองทำด้วยวิธีง่ายๆ ให้สนุก ดังนี้ ให้จัดหาบริเวณที่มีแสงแดดจ้า อย่างน้อย วันละ 5-6 ชั่วโมง ก็ปลูกมะนาวได้ และให้ผลดีอีกด้วย ทั้งนี้ ต้องเลือกกระถางเคลือบ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 18-20 นิ้ว ทุบอิฐหรือกระถางดินเผาเป็นชิ้นเล็กๆ ปิดรูที่ก้นกระถาง ใส่ดินที่มีส่วนผสมของดินร่วนสะอาด ไม่มีกลิ่นเหม็น 3 ส่วน กาบมะพร้าวสับ หรือใบก้ามปูผุ 1 ส่วน ปุ๋ยคอกเก่า 4-5 กระป๋องนม ปูนขาวหรือเปลือกหอยเผาบดอีก 1 กระป๋องนม นำวัสดุปลูกทั้งหมดคลุกเคล้าให้เข้ากัน ใส่ลงในกระถางที่เตรียมไว้ เกลี่ยวัสดุปลูกให้ทั่ว อัดพอแน่น ปรับผิวหน้าให้เรียบ มีระดับต่ำกว่าขอบกระถางสัก 2 นิ้ว ปลูกกิ่งพันธุ์ที่เตรียมไว้ลงกลางกระถาง ตัดหรือฉีกถุงเพาะชำออก ระวังอย่าให้รากฉีกขาด หากใช้กิ่งตอนปลูก ต้องแกะพลาสติกที่หุ้มกระเปาะเอาไว้ พร้อมเชือกฟางออก กลบดินพอแน่น ผูกหลักไม้ไผ่กับกิ่งพันธุ์ ป้องกันต้นโยกแล้วรดน้ำตาม ยกกระถางออกให้ได้รับแดดเต็มที่ รองก้นกระถางด้วยอิฐมอญ 3 ก้อน ลักษณะเดียวกับวางหม้อต้มน้ำ ยกระดับเหนือเปลวเพลิง ของลูกเสือเวลาเดินป่า เพื่อไม่ให้ก้นกระถางสัมผัสพื้นโดยตรง

หากต้องการให้ต้นมะนาวเติบโตเร็ว ควรใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 2 ช้อนชา ต่อกระถาง โรยห่างโคนต้น ประมาณ 4-5 นิ้ว ให้รอบแล้วรดน้ำตาม และใส่อัตราเดียวกันอีก ทุก 1-2 เดือน เมื่อต้นมีอายุมากขึ้นให้เพิ่มอัตราปุ๋ยตามความเหมาะสม สังเกตจากใบสีเขียวเข้มและต้นแข็งแรงดี ให้งดการใส่ปุ๋ยลงบ้าง โดยยึดหลักว่าใส่ทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง ปลูกมะนาวในกระถางจะได้ผลเต็มที่เมื่ออายุ 2 ปีขึ้นไป ดังนั้น ในปีแรกๆ หากติดผล แนะนำให้เด็ดผลอ่อนทิ้ง แล้วบำรุงต้นให้แข็งแรงสมบูรณ์เตรียมพร้อมให้ผลผลิตเมื่อเป็นหนุ่มสาวเต็มที่

สำหรับมือสมัครเล่น ผมขอแนะนำให้ใช้พันธุ์ พิจิตร 1 หรือพันธุ์อื่นๆ ก็ได้ที่ทนต่อโรคแคงเกอร์ ข้อดีของพันธุ์พิจิตร 1 อื่นๆ อีกคือ เป็นพันธุ์ที่ออกดอกตลอดปี ติดผลดก มีระบบรากแข็งแรง แม้ขยายพันธุ์ด้วยวิธีตอนกิ่งก็ตาม อย่างไรก็ตาม มีดีก็ต้องมีด้อยอยู่ด้วยเป็นธรรมดา

พันธุ์พิจิตร 1 เป็นมะนาวพันธุ์หนัก Sa Gaming ผลผลิตที่ได้คุณภาพต้องมีอายุ 6 เดือนขึ้นไป หลังจากดอกบานแล้ว เปลือกมะนาวจะบางลง มีน้ำมากขึ้น กลิ่นหอม ใช้ทำน้ำมะนาวดื่มได้รสชาติดี ผมเคยปล่อยให้มะนาวพันธุ์นี้ เมื่ออายุ 2 ปีครึ่ง ติดผลเต็มที่โดยไม่มีการตัดซอยผลออก นับได้ 105 ผล พอดี แต่ผลมีขนาดเล็กลง ระหว่างการเจริญเติบโตก่อนติดดอกออกผล หรือพูดรวมๆ ว่าให้ผลผลิตนั้น การแตกกิ่งก้านในทรงพุ่มอาจไม่สมดุลสวยงาม จำเป็นต้องตัดแต่งกิ่งออกบ้าง แต่บางกิ่งที่สมบูรณ์แข็งแรงให้ใช้วิธีตอน ไม่ควรตัดทิ้ง เพราะเป็นการสูญเสียโดยเปล่าประโยชน กิ่งตอนที่ได้ยังนำไปขยายพันธุ์ต่อ หรือแจกให้เพื่อนบ้าน รับรองทุกคนพอใจแน่นอน

ศัตรูสำคัญ หนีไม่พ้นหนอนผีเสื้อกลางคืนกัดกินใบ แมลงชนิดนี้หากระบาดจะกินใบอ่อนมะนาวเรียบ พื้นที่น้อยๆ ป้องกันกำจัดอย่างปลอดภัย เริ่มขณะมะนาวผลิใบอ่อน ให้ใช้ ยาฉุน 1 จับ หมักในน้ำสะอาด 1 ลิตร ทิ้งไว้ 1 คืน คั้นแล้วกรองน้ำยาฉุนด้วยผ้าขาวบาง ผสมเหล้าขาว 1 เป๊ก เติมน้ำสบู่เล็กน้อย ช่วยในการจับใบ เขย่าให้เข้ากัน ฉีดพ่นให้ทั่วทรงพุ่ม 3-4 วัน ครั้ง พอใบแก่หนอนพวกนี้จะหายไป ส่วนแคงเกอร์ พิจิตร 1 เอาอยู่

ดินในกระถางปลูก เมื่อครบ 2-3 ปี ดินจะแน่นทึบ ต้นมะนาวไม่งาม แก้ไขด้วยวิธีง่ายๆ ให้ใช้เหล็กแหลมหรือไม้แหลมแทงดินให้ถึงก้นกระถางรอบๆ ต้น ห่างออกมาประมาณ 15 เซนติเมตร 4-5 รู แล้วขุดหน้าดินในกระถางเบาๆ ลึกลงไปประมาณ 2 นิ้ว ออกทิ้งไป ระวังอย่าให้รากมะนาวกระทบกระเทือนรุนแรง แล้วโรยปูนขาวครึ่งกระป๋องนม หว่านให้ทั่ว ใส่ปุ๋ยคอกเก่าอีก 3-4 กระป๋องนม เกลี่ยให้ทั่วผิวหน้าดินในกระถาง แล้วทับหน้าด้วยกาบมะพร้าวสับบางๆ ให้ทั่วกระถาง เช่นเดียวกันเพื่อช่วยเก็บความชื้นและไม่ให้ดินกระจายขณะรดน้ำ แล้วรดน้ำตาม หากต้องการให้ต้นสมบูรณ์ แข็งแรง ควรใส่ปุ๋ย สูตร 15-15-15 อัตรา 2 ช้อนโต๊ะ ต่อกระถาง ทุก 1-2 เดือน ตามที่อธิบายมาแล้ว

เมื่อเห็นว่าดินในกระถางแน่น ระบายน้ำไม่สะดวก ให้ปฏิบัติด้วยวิธีเดียวกัน จะได้ต้นมะนาวที่แข็งแรงสมบูรณ์ ให้ผลผลิตได้ยาวนาน ปลูกมะนาวในกระถางนอกจากได้ผลมะนาวแล้ว ยังได้ไม้ประดับไปในเวลาเดียวกัน

สะละ เป็นผลไม้ที่รสชาติอร่อย หอม หวาน น้อยคนนักที่จะไม่ชอบรับประทานสะละ เพียงแต่การรับประทานค่อนข้างจะลำบาก เพราะหนามแหลมของผลสะละ ทำให้การแกะเปลือกออกรับประทานค่อนข้างลำบาก จึงมีผู้นำไปแปรรูปเป็นสะละลอยแก้ว สะละแช่อิ่ม เพื่อรับประทานได้ง่ายขึ้น ทั้งยังสามารถส่งออกจำหน่ายยังต่างประเทศ ให้รับประทานกันได้ทั่วถึง