เมื่อเก็บผลผลิตแล้วจะเริ่มตัดแต่งกิ่งมะเฟือง แล้วฉีดพ่นยาป้องกัน

กำจัดโรคแมลงอัตราเดิม เพื่อเตรียมเลี้ยงดอกรุ่นต่อไป ความสำเร็จในการปลูกมะเฟืองอยู่ที่ความพร้อมซึ่งปัจจัยการเจริญเติบโต เช่น มีแสงแดดอย่างเพียงพอ ดินร่วนซุย อุ้มน้ำได้ดี ให้น้ำและปุ๋ยเพียงพอ มะเฟืองเป็นพืชที่ตอบสนองต่อปุ๋ยและน้ำอย่างรวดเร็วมาก ทำให้ผลผลิตสูง ขนาดผลโต เนื่องจากมะเฟืองเป็นพืชที่ติดผลดก จำเป็นต้องปลิดผลออกบ้าง

ส่วนศัตรูมะเฟือง ส่วนมากเป็นแมลงวันทอง ผีเสื้อมวนหวาน ซึ่งจะเข้าทำลายผลเมื่อเริ่มสุก การห่อผลด้วยกระดาษสีน้ำตาลหรือถุงพลาสติกสีน้ำเงินจะช่วยป้องกันแมลงเหล่านี้ได้ดี และเป็นการเพิ่มขนาดผล ผิวสวยขึ้น

มะเฟื่องหวานๆ สีเหลืองสด ที่ห้อยเป็นระย้าบนต้น จึงนับเป็นอีกหนึ่งความน่าสนใจ หากจะมีไว้ที่ในสวนข้างบ้านสักหนึ่งต้น… ข้าวโพดเทียนเมืองสิงห์ ข้าวโพดแปดแถวฝักเล็กเมล็ดสีเหลืองทอง รสชาติหวาน อร่อย เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ที่เกษตรกรปลูกและมีตลาดรองรับในการซื้อขาย เป็นอีกพืชหนึ่งที่ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำพอที่จะนำไปเสริมสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว

ข้าวโพดเทียนเมืองสิงห์ เดิมมีชื่อเรียกว่า ข้าวโพดเทียนบ้านเกาะ สาเหตุการเปลี่ยนชื่อนั้นเป็นช่วงที่ นายพิเชษฐ ไพบูลย์ศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรีในสมัยนั้น ไปติดตามตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานโครงการฟื้นฟูอาชีพให้แก่เกษตรกร ภายใต้โครงการพัฒนาอาชีพเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา ประจำปีงบประมาณ 2555 การเสนอเปลี่ยนชื่อเพื่อให้ผู้บริโภคจำได้ง่ายและจำได้นาน เพราะเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ที่น่าสนใจ

ผู้เขียนจึงได้นำเรื่องราวมาบอกเล่าสู่กัน

คุณฉวี ธูปทอง เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเทียนเมืองสิงห์ ตำบลท่างาม อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี เล่าให้ฟังว่า เมื่อปลายปีที่แล้วน้ำฝนน้ำป่ามากได้บ่าเข้าท่วมในพื้นที่ทำนา สวน ทำให้ไม่ได้รับผลผลิตไว้กินไว้ขาย แถมยังต้องใช้ชีวิตอย่างลำบาก เมื่อวิกฤตผ่านไป ภาครัฐได้ช่วยเหลือด้วยการฝึกอบรมวิชาชีพ จากนั้นได้กลับมาฟื้นฟูพื้นที่เดิมที่เคยปลูกมะลิ ด้วยการปลูกข้าวโพดเทียนเมืองสิงห์ เมื่อปลูกก็พบปัญหาเพราะยังไม่ชำนาญ คือ ปลูกระยะห่างเกินไป หยอดเมล็ดต่อหลุมมากและไม่ยอมถอนต้นให้เหลือ 1-2 ต้นต่อหลุม ทำให้ได้ข้าวโพดฝักเล็ก

คุณฉวี บอกด้วยว่า หลังจากที่อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ วิทยาเขตหันตรา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มาเยี่ยมเยือนพร้อมให้คำแนะนำและช่วยแก้ปัญหา จากนั้นการปลูกข้าวโพดเทียนก็เริ่มดีขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่การเตรียมดิน การใส่ปุ๋ยรองพื้นก่อนปลูก การหยอด 1-3 เมล็ดต่อหลุม เมื่องอกแล้วถอนให้เหลือ 1-2 ต้นต่อหลุม ดูแลรักษาใส่ปุ๋ยตามอัตราส่วน ให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ข้าวโพดมีเมล็ดเต็มฝักสมบูรณ์ นำไปต้มได้รสชาติหวาน อร่อย เมื่อต้มสุกนำ 8-10 ฝัก มัดรวมกัน ขาย 20 บาท และส่วนหนึ่งก็จัดขายให้กับพ่อค้าที่เข้ามารับซื้อ

ส่วนการเก็บเมล็ดพันธุ์ จะเลือกจากต้นที่สมบูรณ์ ฝักสมบูรณ์ และเป็นฝักแก่คาต้น จากนั้นนำมากะเทาะเอาเมล็ดออก ฝัดทำความสะอาด เก็บเมล็ดแห้งไว้ในภาชนะที่แห้งสะอาดปิดฝาและเก็บไว้ในที่ร่ม เมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัม จะขาย 200 บาท ก็เป็นอาชีพที่ทำให้มีรายได้ต่อเนื่องและทำให้ครอบครัวมั่นคง

คุณประคอง พลสงคราม เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเทียน ตำบลท่างาม อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี เล่าให้ฟังว่า ได้ปลูกข้าวโพดเทียนบนพื้นที่กว่า 1 งาน โดยเริ่มจากการปรับพื้นที่ ชักร่องตากแดด 1 วัน ในวันรุ่งขึ้นก่อนปลูกได้รองก้นหลุมปลูกด้วยปุ๋ยยูเรียและปุ๋ยสูตร 15-15-15 จากนั้นนำเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเทียนหยอดลงในหลุมปลูก 2-3 เมล็ด เมื่อเมล็ดงอกแล้วจะถอนให้เหลือ 1-2 ต้น จากนั้นดูแลรักษาใส่ปุ๋ยตามอัตราส่วน และให้น้ำสม่ำเสมอ อย่างพอเพียง เมื่อต้นข้าวโพดมีอายุได้ 54-58 วันหรือฝักข้าวโพดแก่พอเหมาะก็เก็บเกี่ยว นำมาต้มขาย และจัด เตรียมขายให้กับพ่อค้าที่เข้ามารับซื้อ เป็นอาชีพเสริมที่ทำให้มีรายได้เพิ่มและต่อเนื่อง ทำให้ชีวิตครอบครัวดีขึ้น

อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ วิทยาเขตหันตรา ระบุว่า ตำบลท่างาม อำเภออินทร์บุรี เป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมต่อการปลูกข้าวโพดเทียน เพราะลักษณะดินเป็นดินร่วน หรือร่วนเหนียวปนทราย หรือดินร่วนปนทราย ดินมีความอุดมสมบูรณ์ที่มีอินทรียวัตถุ สามารถปลูกได้หลายครั้ง แต่ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน-มกราคม อากาศเหมาะสมที่จะปลูกและให้ผลผลิตสูง

การจัดแปลงปลูกควรให้มีระยะห่างระหว่างแถว 50-75 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างหลุม 20-25 เซนติเมตร หยอดเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด 1-2 เมล็ด ลงในหลุมปลูก ลึกประมาณ 5 เซนติเมตร การปลูกเป็นแถวจะสะดวกในการเข้าไปปฏิบัติดูแลรักษา เมื่อเมล็ดงอกแล้วให้ถอนเหลือ 1 ต้น ต่อหลุม การปลูกวิธีนี้จะได้ต้นข้าวโพด 8,500-16,000 ต้น ต่อไร่ อายุการปลูก 54-58 วัน ก็เก็บเกี่ยวได้ หากมีการปฏิบัติดูแลอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการจะทำให้เกษตรกรมีรายได้ 25,000 บาท ต่อไร่ เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ที่น่าสนใจ

หากมีการปฏิบัติดูแลอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการในการปลูกข้าวโพดเทียนแล้ว จะมีรายได้สูงถึง 25,000 บาท ต่อไร่ ทีเดียว สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมสอบถามได้ที่ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดสิงห์บุรี โทร.036-539-433 หรือ สำนักงานเกษตรจังหวัดสิงห์บุรี โทร.036-813-488 หากสนใจเยี่ยมชมการปลูกข้าวโพดเทียนเมืองสิงห์ของ คุณฉวี ธูปทอง หรือ คุณประคอง พลสงคราม สามารถเดินทางมาเยี่ยมชมได้ที่ หมู่ที่ 9 ตำบลท่างาม อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ได้เช่นกัน

“สับปะรด” ผลไม้รสชาติหวานอมเปรี้ยวนิดๆ นับเป็นผลไม้มหัศจรรย์มากคุณค่าอย่างคาดไม่ถึง สับปะรดเป็นผลไม้ที่ดีสำหรับดวงตา เพราะมีวิตามินมากมาย สารเบต้าแคโรทีนในสับปะรดช่วยทำให้ดวงตามีสุขภาพดีขึ้น หากใครรู้สึกอ่อนเพลีย ขอแนะนำให้กินสับปะรดสักชิ้น เพราะเนื้อสับปะรด มีน้ำตาลจากธรรมชาติ ช่วยเพิ่มระดับพลังงานแล้ว เนื้อสับปะรดยังมีปริมาณเส้นใยสูง ช่วยย่อยอาหาร ลดระดับคอเลสเตอรอล ช่วยลดน้ำหนักอีกด้วย

สับปะรด อยู่ในกลุ่มพืชใบเลี้ยงเดี่ยว สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ดี เมื่อเจริญเป็นผลแล้วจะเจริญต่อไปโดยตาที่ลำต้นจะเติบโตเป็นต้นใหม่ได้อีก และสามารถดัดแปลงเป็นไม้ประดับได้อีกด้วย ปัจจุบัน สับปะรด ที่ใช้บริโภคในปัจจุบันมีระบบรากหาอาหารอยู่ในดิน จัดเป็นไม้ดิน แต่ยังคงลักษณะบางประการของไม้อากาศเอาไว้ คือสามารถเก็บน้ำไว้ตามซอกใบได้เล็กน้อย มีเซลล์พิเศษสำหรับเก็บน้ำเอาไว้ในใบ ทำให้ทนทานในช่วงแล้งได้

พันธุ์สับปะรดที่ปลูกในประเทศไทยมีหลากหลายสายพันธุ์ ส่วนใหญ่ที่นิยมปลูกเชิงการค้า คือ “พันธุ์ปัตตาเวีย” เรียกว่า สับปะรดศรีราชา นิยมปลูกทั่วไป ผลใหญ่ ฉ่ำน้ำ เนื้อสีเหลืองอ่อน “พันธุ์ภูเก็ต หรือ พันธุ์สวี” นิยมปลูกทางภาคใต้ ผลเล็กเปลือกหนา เนื้อสีเหลืองเข้ม หวาน กรอบ “พันธุ์นางแล หรือ พันธุ์น้ำผึ้ง” ผลกลม ตานูน เปลือกบาง เนื้อสีเหลืองเข้ม รสหวานจัด “พันธุ์เพชรบุรี หรือ สับปะรดฉีกตา” รสหวานอมเปรี้ยว สามารถแกะเนื้อออกมากินได้โดยไม่ต้องปอกเปลือก ฯลฯ

หากใครสนใจเรื่องการปลูกสับปะรด ขอแนะนำให้รู้จัก คุณศราวุธ เรืองเอี่ยม เกษตรกรคนเก่ง ที่ทำงานด้านสับปะรดมากว่า 20 ปี ทั้งการพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์สับปะรด คุณศราวุธ เรียกได้ว่าเป็น “เซียนสับปะรด” ระดับแนวหน้าของเมืองไทย เพราะเก็บรวบรวมสายพันธุ์สับปะรดไว้เยอะมาก และอยู่เบื้องหลังการพัฒนาสายพันธุ์ สับปะรด MD-2 ที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลก

ในงาน “เกษตรมหัศจรรย์ 2560 พืชกินได้ ไม้ขายดี” ณ SKY HALL เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว เมื่อช่วงปลายปี 2560 คุณศราวุธ ได้เปิดตัวพันธุ์พืชพิเศษ ชื่อว่า “ทับทิมสยาม” สับปะรดลูกผสมพันธุ์ใหม่ของเมืองไทย ที่เกิดจากปรับปรุงสายพันธุ์พ่อแม่ คือพันธุ์ควีนกับสับปะรดสายพันธุ์ป่า คัดเฉพาะตัวที่ไม่มีหนาม สีสวยสด และผลกินได้

คุณศราวุธ เล่าว่า “ทับทิมสยาม” จัดอยู่ในสับปะรด กลุ่ม Ananas แคระ ถ้าอยู่ในที่แดดจัด ใบจะออกสีแดง สว่างสดใส ถ้าอยู่ในที่ร่มจะมีสีทึบขึ้น ผลแก่มีน้ำหนักประมาณครึ่งกิโลกรัม เปลือกผลมีสีแดงสด เนื้อสับปะรดมีรสหวานหอม น่ากิน

สับปะรดพันธุ์ทับทิมสยาม ปลูกดูแลง่าย ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่แปรปรวนได้ดี ชอบดินแห้ง ไม่ชอบดินแฉะ สามารถขยายพันธุ์ได้โดยใช้หน่อ จุก และหน่อย่อย สับปะรดพันธุ์ทับทิมสยามสามารถเจริญเติบโตในกระถางปลูกได้ดี โดยวัสดุปลูกมีความโปร่ง ระบายน้ำได้ดี หลังปลูกดูแลโดยใส่ปุ๋ย 15-5-20 ทุกๆ เดือน หรืออาจใช้ในรูปสเปรย์กลางใบ ใช้สูตรเดียวกัน

สับปะรด พันธุ์ MD-2

เมื่อถามถึงความแตกต่างระหว่าง สับปะรดพันธุ์ใหม่ กับ สับปะรด MD-2 คุณศราวุธ กล่าวว่า สับปะรดพันธุ์ทับทิมสยามมีเปลือกสีแดง เนื้อสีเหลือง รสชาติหวานจัด มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ขนาดผลเล็ก เหมาะสำหรับบริโภคผลสด เพราะกินแล้วไม่กัดลิ้น เนื่องจากสับปะรดพันธุ์นี้มีเปลือกสีแดงสด จึงนิยมใช้ไหว้เจ้า หรือบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เหมาะสำหรับปลูกเชิงการค้าหรือปลูกในกระถางเพื่อเป็นไม้ประดับและได้กินผลสับปะรดด้วยเช่นกัน

ลักษณะเด่นของ สับปะรด MD-2 คือ มีรสชาติหวาน มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เนื้อมีสีเหลืองเข้ม เนื้อตัน แน่น และไม่เป็นโพรง มีวิตามินซีสูงถึง 4 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับสับปะรดพันธุ์อื่นๆ เมื่อกินแล้วไม่กัดลิ้น ทำให้คนกินได้มากขึ้น เมื่อผลแก่จะเปลี่ยนจากผิวสีเขียวเป็นสีเหลืองทองทั้งผล ทำให้เป็นที่ดึงดูดลูกค้า เกษตรกรสามารถบังคับให้ต้นสับปะรดพันธุ์ MD-2 ออกดอกได้ง่าย และมีอายุการเก็บเกี่ยวที่เร็วกว่าพันธุ์ปัตตาเวีย ลักษณะของใบสับปะรด พันธุ์ MD-2 จะมีสีเขียวตลอดทั้งใบ สับปะรด พันธุ์ MD-2 ได้รับการพัฒนามาเพื่อให้เดินทางขนส่งทางเรือได้ โดยไม่เป็น “ไส้สีน้ำตาล” เมื่อต้องอยู่ในห้องเย็น ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส นานเกิน 10 วัน

สำหรับเกษตรกรที่ปลูก สับปะรด พันธุ์ MD-2 มีโอกาสขายที่หลากหลาย ไม่ว่าจะขายส่งโรงงาน หรือขายปลีกผลสด ยิ่งปอกสับปะรด พันธุ์ MD-2 ขายเอง ยิ่งได้กำไรงาม เพราะมีรสชาติอร่อย สีสันสะดุดตาผู้ซื้อ ยิ่งนำผลสุกไปแช่แข็งก่อนขาย ได้ใจลูกค้าไปเลย เพราะทำให้เนื้อสับปะรดมีรสชาติหวานฉ่ำ กินอร่อยชื่นใจ หากนำสับปะรด พันธุ์ MD-2 ไปแปรรูปเป็นเครื่องดื่มหรือขนมหวานก็ยิ่งขายดี โดยทำเป็นขนมคัพเค้กใส่ถ้วย เพราะสับปะรดพันธุ์นี้เมื่อผ่านความร้อนจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเข้ม เด่นสะดุดตา และมีรสชาติอีกต่างหาก

หากใครมีข้อสงสัยเกี่ยวกับ สับปะรดพันธุ์ทับทิมสยาม หรือสับปะรด พันธุ์ MD-2 สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจาก คุณศราวุธ เรืองเอี่ยม ได้ที่ บ้านเลขที่ 82 หมู่ที่ 5 ตำบลแม่น้ำคู้ อำเภอปลวกแดง

เมืองร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ คือ คำขวัญประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ทุกๆ ท่านคงเคยได้ยินผ่านหูอย่างแน่นอน ทีนี้ก็จะขอมาอธิบายคำขวัญในแต่ละหัวข้อๆ เพื่อให้ทุกท่านได้รู้จักจังหวัดสุราษฎร์ธานี กันมากขึ้น

เมืองร้อยเกาะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีเกาะน้อยใหญ่มากมาย เช่น เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า เกาะริกัน เกาะนกเภา เกาะกล้วย เกาะพะลวย เกาะปราบ เกาะแตน หมู่เกาะอ่างทอง เป็นต้น นับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวจนทำรายได้มากมายให้กับจังหวัดสุราษฎร์ธานี

เงาะอร่อย เงาะโรงเรียนมีปลูกกันมากที่ อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีประวัติเล่าว่า เมื่อปี พ.ศ. 2468 มีชาวจีนสัญชาติมาเลเซีย ชื่อ นายเค วอง มีภูมิลำเนาอยู่ที่เมืองปีนัง ได้เดินทางเข้ามาทำเหมืองดีบุกที่หมู่บ้านเหมืองเกาะ ตำบลบ้านนาสาร ได้นำเมล็ดเงาะมาปลูกข้างๆ ที่พัก ปรากฏว่ามีเงาะต้นหนึ่ง มีลักษณะต่างไปจากต้นอื่น คือ มีผลกลม เนื้อกรอบ เปลือกบาง รสชาติอร่อย

ในปี 2497 นายเค วอง ได้เลิกกิจการและได้ขายที่ดินให้กับกระทรวงธรรมธิการ และต่อมาได้ปรับปรุงจนเป็นโรงเรียน ชื่อโรงเรียนนาสาร ส่วนเงาะที่ปลูกไว้ก็ได้แจกจ่ายสู่ประชาชน โดยใช้พันธุ์เดิม เรียกว่า เงาะโรงเรียน

ในปี พ.ศ. 2512 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้เสด็จฯ จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีผู้นำและชาวสวนได้ทูลเกล้าฯ ถวายเงาะโรงเรียน และขอพระราชทานชื่อพันธุ์ใหม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ดำรัสว่า “ชื่อเงาะโรงเรียนก็ดีอยู่แล้ว” ตั้งแต่บัดนั้นเลยได้ชื่อว่า เงาะโรงเรียน

หอยใหญ่ หมายถึง หอยนางรม ซึ่งหอยนางรมของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในหมู่นักชิมว่าเป็นอาหารทะเลขึ้นชื่อ โดยเฉพาะตำบลกะแดะ อำเภอกาญจนดิษฐ์ คือ แหล่งและต้นกำเนิด หอยนางรม ที่มีขนาดตัวใหญ่ รสชาติหวาน กรอบ อร่อยที่สุดในประเทศไทย

ไข่แดง เรียกลักษณะของ ไข่เค็มไชยา เป็นไข่เค็มที่ทำมาจากไข่เป็ด เลี้ยงในเขตอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ลักษณะเด่น คือ ไข่แดง มีสีแดงจัด และมีไข่แดงมากกว่าไข่เป็ดโดยทั่วไป สีสันมันวาวดูน่ากิน จึงเป็นสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ของอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี

แหล่งธรรมะ แหล่งธรรมะที่ชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานีภูมิใจที่สุด คือ สวนโมกขพลาราม (วัดธารน้ำไหล) สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2502 มีเนื้อที่ 375 ไร่ ซึ่งเป็นวัดที่ไม่มีสิ่งก่อสร้างเป็นโบสถ์วิหาร แต่จะใช้ธรรมชาติอันร่มรื่น ทำให้ได้ใกล้ชิดธรรมชาติ ซึ่งทุกแห่งในสวนโมกข์สามารถศึกษาท่านพระพุทธทาส ธรรมะได้อย่างเข้าใจถึงแก่นแท้ของพุทธศาสนา

หอยนางรม…คุณประโยชน์

หอยนางรม เรียกได้ว่าเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นแหล่งของวิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี และวิตามินดี ฯลฯ ซึ่งหอยนางรมนอกจากจะกินสดๆ ได้อร่อยแล้ว ยังสามารถนำมาปรุงเป็นอาหารได้หลากหลายเมนู หากกินหอยนางรมขนาดกลาง 4-5 ตัว จะช่วยให้ร่างกายได้รับแร่ธาตุและสารอาหารประเภท โปรตีน เหล็ก ทองแดง ไอโอดีน แมกนีเซียม แคลเซียม สังกะสี แมงกานีส ฟอสฟอรัส และแคลซียม และธาตุประเภทสังกะสีนี้เองที่เชื่อว่าช่วยให้สเปิร์มของเพศชายมีการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีสารคล้ายฮอร์โมน พลอสตา แกลนดิน ที่ทำให้ร่างกายมีความตื่นตัวและตอบสนองทางเพศได้ดีอีกด้วย

สรรพคุณของเปลือกหอยนางรม ยังสามารถใช้รักษาและป้องกันได้อีกหลายประการ เช่น ขับปัสสาวะ ขับนิ่ว รักษาโรคที่เกี่ยวกับของเหลวในถุงอัณฑะ รักษาไข้ตัวร้อน ไข้ 3 ฤดู แก้กระษัยต่างๆ แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย แก้โรคเส้นท้องตึงเป็นเถาดาน อัมพาต ขับเมือกในลำไส้ บำรุงลำไส้ เสริมบำรุงกระดูก เป็นต้น

ท่านใดที่คิดจะกินหอยนางรมสดเพื่อเพิ่มสมรรถภาพทางเพศให้ตัวเอง ก็ต้องระวังกันหน่อย เพราะหากกินหอยนางรมมากจนเกินไปก็จะกลายเป็นการไปเพิ่มคอเลสเตอรอลให้ร่างกายมากเกินควร

และนอกจากนี้ยังต้องระวัง การติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิดที่อาจพบได้ในหอยนางรมและสัตว์ประเภทหอยชนิดอื่นๆ ซึ่งจะทำให้เกิดการติดเชื้อในกระเพาะอาหาร เกิดลำไส้อักเสบ ทำให้เกิดอาการท้องเสียและมีไข้สูง โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนๆ ก็ยิ่งจะเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อแบคทีเรียมากขึ้น ฉะนั้น ท่านใดที่คิดจะกินหอยนางรมสดๆ ก็ต้องระวังเรื่องความสะอาดของหอยจากแหล่งที่ไว้ใจได้ และกินในปริมาณที่เหมาะสม ถึงจะได้รับประโยชน์จากหอยนางรมอย่างเต็มที่

หอยนางรม ความเกี่ยวข้องกับเทศกาลกินเจ

ในบางความเชื่อว่า หอยนางรม สามารถกินเป็นอาหารเจได้ โดยตำนาน เจ้าหญิงเมี่ยวซ่าน ได้พาประชาชนส่วนหนึ่งที่นับถือในพระพุทธศาสนา หนีจากการเข่นฆ่าจาก พระเจ้าเมี่ยวจวง ลงเรือหนีออกไปทะเล และพอนานๆ วันเข้า เสบียงที่เตรียมมานั้นก็เริ่มจะหมดลงทุกทีจนหมด ทำให้ผู้คนขาดอาหารเกิดความหิวโหย เจ้าหญิงเมี่ยวซ่าน จึงทรงตั้งจิตอธิษฐานโดยเอาไม้พายจุ่มลงสู่ทะเลว่า หากสิ่งใดติดขึ้นมาก็จะกินสิ่งนั้นเป็นอาหาร

ผลปรากฏว่ามี หอยนางรม ติดไม้พายขึ้นมา (โดยหอยนางรมก็ยอมปวารณาตนถวายแด่ เจ้าหญิงเมี่ยวซ่าน และเหล่าพุทธศาสนิกชน) ซึ่งจากตำนานดังกล่าวจากนั้นเป็นต้นมา จึงเชื่อว่า หอยนางรม สามารถกินเป็นอาหารเจได้นั่นเอง

หอยใหญ่ เมืองสุราษฎร์ธานี (หอยนางรม)

ปากน้ำกะแดะ อำเภอกาญจนดิษฐ์ เป็นแหล่งขายอาหารทะเลทั้งสดและแห้ง และยังเป็นชุมชนเลี้ยงหอยนางรม และแหล่งต้นกำเนิด หอยนางรม ที่มีขนาดตัวใหญ่ รสชาติหวาน กรอบ อร่อยที่สุดในประเทศไทย

ด้วยคุณภาพของน้ำในบริเวณรอบๆ สล็อต SBOBET อ่าวแห่งนี้เหมาะสมกับการเลี้ยงหอยนางรมมากที่สุด เนื่องจากมีลักษณะเป็นน้ำกร่อย ซึ่งเกิดจากการไหลมารวมกันของน้ำจืดกับน้ำเค็ม โดยน้ำจืดที่ไหลสู่ปากอ่าวนั้นมีมากถึง 16 สายน้ำ ทั้งเล็กและใหญ่ รวมถึงแม่น้ำตาปีซึ่งเป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่สุด

โดยสายน้ำแต่ละสายต่างก็พัดพาสารอาหารหรืออินทรียวัตถุที่มีประโยชน์มากองอยู่บริเวณนั้น จนกลายเป็นอาหารของเหล่าหอยนางรมตัวอ้วนพีและสัตว์น้ำอื่นๆ โดยทั่วไปแล้วการเลี้ยงหอยนางรม ต้องเลี้ยงในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมถึง แต่น้ำต้องไม่เค็มหรือจืดเกินไป เมื่อบริเวณรอบอ่าวบ้านดอนนี้มีระดับความเค็มที่พอดี จึงทำให้ได้หอยตัวใหญ่ที่หวาน อร่อยที่สุดว่างั้น!

หากท่านใดเดินทางมาถึงจังหวัดสุราษฎร์ธานีแล้วไม่ได้กินหอยใหญ่ ต้องขอบอกว่า ท่านมาไม่ถึงเมืองสุราษฎร์ธานีแน่นอน เพราะหอยที่นี่เขาขึ้นชื่อเรื่องความสดและใหญ่ และชุมชนบ้านปากน้ำกะแดะยังเป็นแหล่งขายหอยที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดสุราษฎร์ด้วย ซึ่งหากท่านอยากกินหอยสดราคาถูกต้องห้ามพลาดที่นี่ และบริเวณนี้ยังมีร้านอาหารที่ขึ้นชื่อของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เช่น ร้านเคียงเล ร้านในอ่าว ร้านกลางเล โดยจะเลือกร้านไหนก็แล้วแต่ท่านแหล่ะกัน!

หอยนางรมสุราษฎร์ธานี @ ฟาร์มคุณแต๋ว

ท่านได้มาเยือนสุราษฎร์ธานี ก็ขอบอกอย่าได้พลาดกับของเด็ดของดังอย่าง หอยใหญ่ ที่ทั้งขาว ทั้งอวบ และใหญ่ ส่วนจะจริงสมคำร่ำลือหรือไม่นั้นก็ต้องตามมาดูกันนะคะ…และเราขอแนะนำฟาร์มหอยนางรมตัวใหญ่ๆ ขาว นวล อ้วน สะอาด เลี้ยงเอง ขายเอง คุณภาพเน้นๆ ต้อง หอยคุณแต๋ว (คุณสายสุดา กาญจนพานิช)

ซึ่งฟาร์มแห่งนี้เขายังเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนอาหารทะเลและแปรรูปบ้านพ่วงพัฒนา อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และที่สำคัญคือ การให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดีกับหน่วยงาน สังกัด สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 8 จังหวัดสุราษฎร์ธานี กรมส่งเสริมการเกษตรมาโดยตลอด และต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย

คุณแต๋ว หญิงเก่ง และคนแกร่งแห่งปากน้ำกะแดะ กาญจนดิษฐ์ เมืองสุราษฎร์ธานี ที่ผู้เขียนได้รู้จักและต้องขอบอกว่าเป็นเจ้าของฟาร์มหอยใหญ่ ใจดีจริงๆ รับรองว่า หอยเขาใหญ่จริงๆ และที่ฟาร์มคุณแต๋ว ยังมีการรับออเดอร์หอยสดๆ กันทุกๆ วัน หอยใหญ่เนื้อเต็มฝา หวานๆ เต็มปากเต็มคำ หากสนใจหอยคุณแต๋ว (หอยนางรม) ทักไปได้เลยนะคะ โทร. (062) 051-7944 ส่งทั่วประเทศไทย