เมื่อแต่งแปลงปลูกเสร็จแล้ว ให้เริ่มเอาฟางมาคลุมเพื่อรักษาความ

และเมื่อเวลารดน้ำถือเป็นการป้องกันไม่ให้ดินแซะเข้าไปในกาบใบผักได้ ผักจะสะอาด ถ้าไม่มีฟางช่วยในกาบใบขี้ดินจะเต็มไปหมด มีข้อแม้ว่า ก่อนนำฟางมาคลุมต้องนำมาสางก่อน เพื่อให้เม็ดข้าวที่ติดมาหลุดออก ไม่งั้นตอนนำไปคลุมต้องมานั่งถอนข้าวทิ้งแย่เลย

ระยะห่างระหว่างหลุม 30×30 เซนติเมตร แล้วแต่ช่วงฤดูกาล หากเป็นช่วงฤดูหนาวจะปลูกให้ห่าง เพื่อให้ใบกางแผ่ได้ดี ถ้าเป็นหน้าร้อน หรือหน้าฝน ผักจะไม่ค่อยโต ให้ปลูกระยะชิด คือประมาณ 25×25 เซนติเมตร ตามสภาพ ระยะห่างมีผลต่อการเจริญเติบโต ถ้าปลูกห่างโอกาสเกิดโรคน้อย เพราะมีการระบายอากาศที่ดี ถ้าปลูกชิดจนเกินไป อากาศอบอ้าวถือว่าเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคได้ดี ทำให้เกิดโรคได้ง่ายยิ่งขึ้น

การดูแล รดน้ำ เช้า-เย็น ในเวลาที่เหมาะสม ระบบน้ำใช้สปริงเกลอร์ วางท่อหลักตามถนน ยาวประมาณ 300-400 เมตร หลังจากนั้น ต่อระบบให้น้ำออกซ้าย-ขวา เป็นก้างปลา เพราะฉะนั้นเราจะไปปลูกตรงไหนน้ำก็เข้าถึง

ปุ๋ย มีการนำผักที่เหลือไปหมัก มาทำปุ๋ยไว้ใช้เองบ้าง แต่ปลูกจำนวนมาก ปุ๋ยที่เราทำไม่พอใช้ จึงต้องซื้อปุ๋ยชีวภาพและปุ๋ยอินทรีย์จากทางบริษัท ที่ต้องมีเลขกำกับของกรมวิชาการเกษตร เพราะผักของเราเป็นผักมาตรฐาน GAP

โรคและแมลง ผักประเภทนี้แมลงไม่กวน นอกจากอากาศไม่เหมาะสมเลย คือ ร้อนแดดจ้า ก่อให้เกิดเพลี้ยไฟบ้าง โรคจะเจอช่วงที่อากาศร้อนชื้น เหมาะกับการเจริญเติบโตของโรค วิธีป้องกันช่วงหลังมีอินทรียวัตถุที่เป็นออร์แกนิก ช่วยได้เยอะ บางทีถ้าเยอะมากให้ชิงตัดก่อน แต่อาจไม่ได้น้ำหนักตามที่ต้องการ

ใช้ซาแรนคลุม ประโยชน์ 3 อย่าง

ในช่วงที่เริ่มปลูกใหม่ ให้ใช้ซาแรนสีดำ 60 เปอร์เซ็นต์ ช่วยพรางแสงผักที่เกิดใหม่ให้เสียหายน้อยลง คลุมให้พอตั้งตัวได้ก็เริ่มเปิด วิธีเปิด ให้เปิด 1 เว้น 1 ไม่ใช่เปิดหมด 100 เปอร์เซ็นต์

ผักสลัดใบกว้าง บางตัวเวลาพายุเข้า ลมแรง ฝนเม็ดใหญ่ จะตีทะลุใบผัก เพราะฉะนั้นซาแรนช่วยได้

ผักประเภทนี้ ถ้าฤดูกาลไม่เหมาะสม อย่างหน้าร้อน ผักจะขม คือเครียด จะสร้างยางขึ้นมา ทำให้พืชผักขม เราก็ใช้ซาแรนช่วยบังแดดให้ขมน้อยลง คือมีอะไรที่ละเอียดปลีกย่อยเยอะ ถ้าหน้าหนาว ผักจะรัดแน่น มีผลตอนขาย ในขณะที่ผักน้ำหนักเท่ากัน แต่ด้วยความที่ผักรัดแน่น ทำให้ดูขนาดเล็ก ถ้าเทียบกับอีกอันดูใหญ่ ใบแผ่ ผู้รับซื้อจะดูว่าไม่แพงได้เยอะ น่าซื้อกว่า

หมั่นตรวจเช็กพยากรณ์อากาศ เพื่อวางแผนการปลูกที่ดี

ทันต่อความต้องการของตลาด

อย่างที่ทราบกันดีว่า การทำเกษตรไม่ใช่แค่ปลูกผักเป็นแล้วจะอยู่รอด นอกจากปลูกแล้วต้องอาศัยปัจจัยอีกหลายอย่างเพื่อให้ประสบผลสำเร็จ อีกสิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ สภาพอากาศในแต่ละวัน เกษตรกรต้องหมั่นตรวจเช็กพยากรณ์อากาศทุกวัน เพราะผักปลอดสารเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อน มิฉะนั้นสินค้าจะขาดมือ ตัวอย่างเช่น อีก 6 วัน จะต้องตัดแต่หากอากาศหนาวจัดผักไม่โต อาจต้องเลื่อนจากเดิมไป 2-3 วัน เพราะฉะนั้นต้องฟัง และวางแผนเตรียมไว้เลย สมมุติพยากรณ์อากาศบอกว่า อีก 3 วัน จะหนาว ให้เราเพาะพันธุ์เพิ่มไว้เลย ที่นี่ได้โอกาสช่วงนี้ทำให้ได้ลูกค้าหน้าใหม่เพิ่มขึ้นเยอะมาก

ดังนั้น จึงต้องมีการวางแผนการปลูกไว้ล่วงหน้า การเพาะกล้าต้องแยกประเภท อย่าง กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค สมาชิกต้องการมาก ก็เพาะมากหน่อย ทุกอย่างต้องวางแผนเพาะให้เยอะไว้ก่อน ถ้าของเหลือไม่เป็นไร หาขายที่อื่นได้ ถ้าของขาดก็เครียด เพราะจะทำให้เสียลูกค้าประจำได้เลย

ช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมในการปลูก หลังจากเพาะกล้า 14-21 วัน ในฤดูหนาว ปลูกลงดินเพียง 25 วัน ตัดได้ ถ้าหน้าฝน จะอยู่ที่ 30-35 วัน “การเก็บเกี่ยวดูตามสภาพ บางอย่างต้องเสียสละ เกษตรกรบางรายถ้าผักของเขาอายุและน้ำหนักไม่ถึง เขาจะไม่ตัดเลย แต่บางทีต้องยอม ไม่อย่างงั้นลูกค้าจะไม่มีวัตถุดิบไปทำอาหาร ตัดน้อยตัดมากให้เขามีของขาย เขาก็จะไม่ไปซื้อที่อื่น ถ้าเราทำให้เขาเครียดบ่อยๆ เดี๋ยวเขาก็ไปหาที่อื่น โดยธรรมชาติแม่ค้าจะมีร้านสำรองไว้ 1-2 ร้าน เผื่อพลาดอยู่แล้ว” อาจารย์สงบ กล่าว

ข้อคิดการตลาด ก่อนทำต้องคิดถึง 3 ข้อ หลักการทำธุรกิจที่อาจารย์สงบยึดถือมาตลอด มีอยู่ 3 ข้อ ของที่ทำต้องมีคุณภาพ
ต้องทำให้ได้ปริมาณเชิงธุรกิจ หมายความว่า มีมากพอที่จะขายซัปพอร์ทในตลาด
ต้องทำผลผลิตให้ออกทุกวันเพื่อความต่อเนื่อง แล้วจะให้ออกทุกวันได้อย่างไร ต้องมีการวางแผนการผลิต ใครสั่งของมาต้องมีให้ เพราะฉะนั้นถ้าคุมสิ่งเหล่านี้ได้ปัญหาเรื่องการตลาดจะน้อยลง คู่ค้าทุกคนต้องการความเชื่อมั่น สั่งมาเรามีของให้เขา คุณภาพดี ถ้าเป็นอย่างนี้เราจะคุมตลาดได้ทั้งหมด

คำนวณหักลบค่าใช้จ่าย ต้องมีรายได้เท่าไร เหลือเท่าไร จึงจะอยู่รอด

อาจารย์สงบ ให้ใช้หลักคิดง่ายๆ ว่า เรามีพื้นที่ประมาณสิบกว่าไร่ วันหนึ่งต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า วันละ 10,000 บาท เพราะค่าแรงงาน วันหนึ่ง 6,000 บาท ค่าไฟ ให้คิดไว้เลย เดือนละ 10,000 บาท รวมกับค่าปัจจัยการผลิต ปุ๋ย ยา เพราะฉะนั้นคิดคำนวณแล้วหากจะให้อยู่รอดต้องมีรายได้ใน 1 เดือน ไม่ต่ำกว่า 400,000 บาท ถ้าทำขายได้วันละ 20,000 บาท ถือว่าดี แต่จะทำให้ได้ขนาดนี้คือต้องเหนื่อยมากๆ

รู้ประโยชน์ของผลผลิตตัวเองรอบด้าน คือ การตลาดที่ดีที่สุด

“ต้องบอกว่า โชคดีที่เรามีตลาดรองรับมาก่อน จึงไม่ต้องกังวลว่าจะไปขายให้ใคร ทุกวันนี้ตลาดของผมคือ ร้านอาหาร ตลาดท้องถิ่น ศูนย์โอท็อป พุแค จังหวัดสระบุรี ศูนย์โอท็อปพุแค ถือว่าเป็นต้นแบบโอท็อปของประเทศไทยเลย มีกระบวนจัดการสินค้าที่ดี รวมถึงส่งตามงานอีเว้นท์ที่กรุงเทพฯ ด้วย การตลาดที่ดีไม่ใช่แค่ขายผลผลิตให้ลูกค้าอย่างเดียว แต่เราต้องมีความรู้ในสินค้าของเราและแนะนำให้ลูกค้านำไปต่อยอดได้ อย่างเช่น ที่ร้านอาหารแถบอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เป็นเมืองท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นลูกค้าที่มาทานไม่ใช่คนพื้นที่ เราก็นึกพยายามป้อนความคิดที่ว่า ลูกค้าของคุณไม่ใช่คนพื้นที่ การที่จะเอาผักกาดหอมมาจัดจาน มันก็ดูธรรมดาเกินไป เราก็เสนอทำไมไม่ใช้ผักสลัดกรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค มาจัดแทนให้ดูดี และสามารถเพิ่มมูลค่าได้มากขึ้น ซึ่งพอเราพูดไปแบบนี้หลายร้านก็เปลี่ยนตามเรา เพราะเขามองเห็นภาพที่เราแนะนำ” อาจารย์สงบ เล่า

และบอกอีกว่า “เพราะฉะนั้นเราจะทำอะไรก็ตาม เราไม่ได้ทำเพื่อขายอย่างเดียว เราต้องศึกษาด้วย พยายามเรียนรู้ อย่างเบบี้คอส ไม่ใช่ทานเป็นผักสลัดอย่างเดียว แต่เอาไปผัดน้ำมันแทนผักกาดได้ อร่อย กรอบ เราแนะนำไปหลายร้านก็เปลี่ยนมาทำ ต้นอ่อนเราก็มาคิดว่าทำอะไรได้อีก ต้มจืด ส้มตำ ยำ ใส่ไข่เจียว เราต้องหามานำเสนอเขา มันก็ทำให้ของเราขายได้เพิ่มไปด้วย”

แนะนำมือใหม่ ปลูกเป็นอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีความมุ่งมั่นด้วย

อาจารย์สงบ บอกว่า ปลูกผักสลัดไม่ยาก แต่ก่อนอื่นต้องถามตัวเองก่อนว่า

รักในอาชีพเกษตรกรรมไหม
ต้องดูว่า ปลูกแล้วขายให้ใคร กลุ่มเป้าหมายเป็นใคร เพราะกลุ่มเป้าหมายมีหลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มต้องการไม่เหมือนกัน บางกลุ่มต้องการคุณภาพ บางกลุ่มต้องการปริมาณ เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่า ชอบไหม ทำได้ไหม มีคนช่วยหรือเปล่า ไม่ใช่ทำแล้วมีปัญหาจะหวังพึ่งน้ำบ่อหน้าไม่ได้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสนใจเยี่ยมชมสวนผักครูสรรเสริญ เชิญได้ที่ เลขที่ 72 หมู่ที่ 13 ตำบลหนองย่างเสือ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี

นายศารุมภ์ โหม่งสูงเนิน พาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สำนักงานฯได้จัดประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทยปีการเพาะปลูก 2561/62 ตามที่กรมการค้าภายใน ได้มอบหมายให้จังหวัดที่เป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวหอมมะลิจัดการประกวดข้าวหอมมะลิในระดับจังหวัด เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรที่มีศักยภาพในการผลิตข้าวหอมมะลิได้ผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพดี ตอบสนองความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยสำนักงานฯได้ออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไขการประกวดและได้ตัดสินการประกวด เมื่อวันที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา

นายศารุมภ์ กล่าวว่า ในการจัดประกวดได้กำหนดเงื่อนไขการประกวด คือ ต้องเป็นข้าวหอมมะลิ พันธุ์ กข 15 หรือข้าวดอกมะลิ 105 และจะคัดเลือกตัวอย่างข้าวหอมมะลิประเภทเกษตรกรรายบุคคล จำนวน 4 ลำดับแรก และประเภทกลุ่มเกษตรกรหรือสหกรณ์การเกษตร จำนวน 3 ลำดับแรก เพื่อส่งเข้าประกวดในระดับประเทศ ณ กรมการค้าภายใน ภายในวันที่ 31 มกราคม 2562

นายศารุมภ์ กล่าวว่า สำหรับผลการประกวด มีเกษตรกรรายบุคคลส่งข้าวเข้าประกวดรวม 32 ตัวอย่างจาก 13 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโชคชัย 1 ราย แก้งสนามนาง 3 ราย สีคิ้ว 1 ราย เมืองนครราชสีมา 2 ราย บ้านเหลื่อม 1 ราย พระทองคำ 2 ราย เสิงสาง 4 ราย ประทาย 2 ราย ครบุรี 2 ราย พิมาย 9 ราย ขามทะเลสอ 3 ราย เมืองยาง 1 ราย ห้วยแถลง 1 ราย และกลุ่มเกษตรกร 4 ตัวอย่างจาก 4 อำเภอ ได้แก่ โชคชัย 1 ราย เมืองนครราชสีมา 1 ราย ประทาย 1 ราย และพิมาย 1 ราย

นายศารุมภ์ กล่าวว่า ผลการตัดสินโดยคณะกรรมการที่ประกอบด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัด พาณิชย์จังหวัด เกษตรจังหวัด ผู้อำนวยการศูนย์เมล็ดพันธุ์ ประธานชมรมโรงสีข้าว ประธานสภาเกษตร คณะกรรมการกลางกลุ่มเกษตรกร และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ณ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวนครราชสีมา ได้ผลดังนี้

1.ประเภทเกษตรกรรายบุคคล รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ร.ต. สุภาณุวัฒน์ กนกพินิจ บ้านเลขที่ 27 หมู่ที่ 9 ต.โคกกลาง อ.ประทาย รางวัลรองชนะเลิศ อันดับที่ 1 ได้แก่ นายสุทัศน์ เกณฑ์การ บ้านเลขที่ 111 หมู่ที่ 10 ต.แก้งสนามนาง อ.แก้งสนามนาง รางวัลรองชนะเลิศ อันดับที่ 2 ได้แก่ นายประยูร ลันไธสง บ้านเลขที่ 229 หมู่ที่ 1 ต.เมืองยาง อ.เมืองยาง และรางวัลชมเชย ได้แก่ นายเจริญ เจิมขุนทด เลขที่ 78 หมู่ที่ 2 ต.หนองสรวง อ.ขามทะเลสอ

2.ประเภทกลุ่มเกษตรกร รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนนาแปลงใหญ่ตำบลโนนเพ็ด เลขที่ 24 หมู่ที่ 9 ต.โนนเพ็ด อ.ประทาย รางวัลรองชนะเลิศ อันดับที่ 1 ได้แก่ กลุ่มผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว บ้านท่าอ่าง เลขที่ 162 หมู่ที่ 3 ต.ท่าอ่าง อ.โชคชัย รางวัลรองชนะเลิศ อันดับที่ 2 ได้แก่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านโนนกระสัง เลขที่ 42 หมู่ที่ 6 ต.กระเบื้องใหญ่ อ.พิมาย

น้ำท่วมสวนส้มโอเมืองคอน กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ส่วนพื้นที่ลุ่มต่ำ คาดว่าอีก 7 วัน สถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ขณะที่แม่น้ำตรังลดลงไม่กระทบตัวเมือง

เมื่อวันที่ 10 มกราคม ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า เมื่อเวลา 06.00น. วันเดียวกันนี้ สถานการณ์น้ำท่วมสวนส้มโอทับทิมสยาม ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ปริมาณน้ำได้ลดลง และกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้วตั้งแต่กลางดึกที่ผ่านมา ด้านสถานการณ์น้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำเขต อ.ชะอวด อ.เชียรใหญ่ อ.หัวไทร และ อ.เฉลิมพระเกียรติ กรมชลประทาน ได้เดินเครื่องสูบน้ำ จำนวน 31 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำ จำนวน 24 เครื่อง พร้อมทั้งเปิด-ปิด ประตูระบายน้ำที่ติดกับทะเลตามจังหวะการขึ้น-ลง ของระดับน้ำทะเล เพื่อช่วยเพิ่มการระบายน้ำอีกทางหนึ่ง คาดว่าอีก 7 วันสถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ

ส่วนสถานการณ์น้ำแม่น้ำตรัง หลังจากกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำตามสะพานและจุดเสี่ยงรวมทั้งบริเวณจุดเฝ้าระวัง ที่สถานี X.233, X.56 อ.ห้วยยอด และที่สถานี X.47 อ.เมือง ทำให้น้ำระบายได้ดีขึ้น ระดับน้ำลดลงต่อเนื่อง สถานการณ์โดยรวมมีแนวโน้มลดลง และไม่ส่งผลกระทบต่อเทศบาลเมืองตรังอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม กรมชลประทาน ยังคงเดินหน้าเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ที่ประสบภัยทุกจุดอย่างต่อเนื่อง และเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทุกพื้นที่กลับสู่สภาวะปกติ พร้อมเร่งสำรวจความเสียหายของอาคารและระบบชลประทานต่างๆ เพื่อซ่อมแซมปรับปรุงให้กลับมาใช้งานได้โดยเร็วที่สุด

ไฟพร้อม กล้องพร้อม 5-4-3-2-1

รายการสารพันธุ์วันสุข ทิดโสโม้กับอดัม เป็นรายการสดที่นำเสนอเรื่องราวข่าวสารทางด้านการเกษตรที่หลากหลาย ทั้งพืชและสัตว์ ในวันศุกร์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสต้อนรับกลุ่มคนรักนกเลิฟเบิร์ด นกที่หลากสีหลายลาย วันนั้น เฮียเปา ในฐานะประธานชมรม Thailand Lovebird Club นำทีมมาพร้อมเฮียตือ ช่างอ้วน เฮียต้น และผู้ติดตามอีกหลายท่าน รวมถึงนกเลิฟเบิร์ดสวยๆ มาร่วมในรายการ

การสัมภาษณ์ที่สนุกสนานเป็นกันเอง สร้างความครึกครื้นยิ่งขึ้นด้วยการแจกนกเลิฟเบิร์ดกลางรายการ จัดสดแจกสด โทร.เข้ามา หากตอบคำถามถูกก็รับกันไป มีหลายประโยคที่ผมสนใจและอยากติดตาม จึงขอว่าหากมีเวลาจะไปเยือนที่ฟาร์มของทั้งเฮียเปา และ เฮียตือ ซึ่งทั้งสองเฮียยินดีเสมอ

ถึงเวลานัด ฝนกระหน่ำกรุงจนแทบไม่อยากขยับไปไหน แต่ด้วยมีการนัดกันไว้ เราจึงเดินหน้ากันต่อ ผมและทีมงานรายการทิดโส ok ซึ่งก็เป็นอีกรายการหนึ่งที่ออกอากาศทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เรานัดกันที่ซอยสวนผัก 19 ฟาร์มของเฮียตือและพี่น้อง สองสามี-ภรรยา ที่รักนก เลี้ยงนก จนปัจจุบันนกกลับมาเลี้ยงแล้ว

เฮียตือ ทำงานธนาคารมาร่วม 30 ปี ผ่านการดำเนินชีวิตแบบมนุษย์ออฟฟิศเช้าเร่งตื่น ส่งลูกไปโรงเรียนและเข้าทำงาน ส่วนพี่น้องผู้เป็นภรรยาก็ทำงานบริษัทแห่งหนึ่ง จนให้กำเนิดทายาทจึงได้ลาออกมาเลี้ยงลูก แต่คนเรายังต้องกินต้องใช้ ทั้งสองจึงปรึกษากันว่าจะหาอาชีพเสริมอะไรดี ที่จะทำให้มีรายได้พอดูแลครอบครัวได้ สุดท้าย มาลงตัวที่ นกเลิฟเบิร์ด

แรกๆ ก็สะเปะสะปะเพราะยังเป็นมือใหม่ จนต้องเรียนรู้ ทดลองกันไปพักใหญ่ แต่ด้วยความที่ทั้งสองรักนกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงลงทุนครั้งแรกด้วยเงินก้อน 700,000 บาท ถือว่าเป็นเงินก้อนใหญ่มากในการลงทุนครั้งนี้ เมื่อเริ่มเพาะนกได้ ก็เริ่มเข้าสู่ธุรกิจขายนก มองว่าไม่ว่าอย่างไร ในแต่ละเดือนก็จะมีรายได้อยู่ไม่น้อยกว่า 20,000-30,000 บาท หากทำอย่างจริงจังน่าจะมีรายได้มากกว่า

เฮียตือ จึงตัดสินใจครั้งสำคัญอีกครั้ง เข้าโครงการเกษียณก่อนอายุ เพื่อมาเต็มที่กับการเลี้ยงนก เพาะพันธุ์นกอีกครั้ง กิจการทำท่าจะไปได้ดี เพราะมีสองแรงแข็งขันช่วยกัน แต่เรื่องราวต่างๆ ก็เหมือนนวนิยาย ที่มีบทมากมายให้ได้ลุ้น นกเลิฟเบิร์ดราคาต่ำมาก ต่ำจนเพื่อนๆ ในวงการต้องเลิกกิจการกันไปหลายคน แต่ทั้งสองกลับยืนหยัด เพราะว่าทำด้วยใจรักจะทิ้งก็คงเป็นการทำร้ายทำลายความฝันอย่างรุนแรงยิ่ง ทั้งสองมองว่าอย่างน้อยนกก็ยังออกลูกออกหลานให้เรา สร้างรายได้เลี้ยงเราได้ แม้จะไม่ฟู่ฟ่าเหมือนอดีต เรียกว่าสู้ไปเพราะใจรักแท้ๆ

พูดถึงนกเลิฟเบิร์ด ก็ขอขยายความสักนิดครับ จากข้อมูลบอกว่า นกเลิฟเบิร์ด เป็นนกแก้วตัวเล็ก มีสายพันธุ์แยกเป็น 9 ชนิด มีถิ่นกำเนิดจากทวีปแอฟริกา เป็นนกที่มีเสน่ห์ ขี้เล่น ชอบอยู่เป็นคู่ มีสีสันมากมายที่เกิดจากการผสมพันธุ์กัน โดยเฉลี่ยจะมีอายุได้ 15-20 ปี ในประเทศไทยสามารถเพาะพันธุ์ได้ทั้งปี นกเลิฟเบิร์ดแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ที่มีขอบตา และ ไม่มีขอบตา สถานที่ใช้เลี้ยงควรเป็นที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก มีแดดส่องถึงบ้าง ไม่อับทึบ ป้องกันฝนได้ดี กรงเลี้ยงควรเป็นแบบโรงเรือน กรุด้วยตาข่ายถี่เพื่อป้องกันยุงและแมลงอื่นๆ

“สมัยทำงานธนาคาร ผมมีเงินผ่านมือวันละหลายล้าน แต่เป็นการจับเงินคนอื่นทั้งนั้น”

“แล้วทำยังไงครับเฮีย”

“ผมคิดว่าเมื่อเราเลี้ยงนก สักวันนกจะเลี้ยงเรา” “ตั้งแต่เฮียอยู่ในวงการนี้ รายได้พอไหวไหมครับ”

“ก็พอได้ครับ ตั้งแต่ผมมาอยู่ในวงการนี้ 2 ปี จับเงิน 5 ล้าน ด้วยเงินของตัวเอง”

เฮียตือ กล่าวยิ้มๆ พร้อมมีเสียงสนับสนุนจากพี่น้อง ภรรยาคู่ชีวิต

“หากมีคนสนใจ จะติดต่อได้ทางไหนครับ”

“084-449-3751 หรือ 084-081-6688 ชื่อเฟซบุ๊ก สวนผักเลิฟเบิร์ด พึ่งแย้ม พึ่งแย้ม ยินดีต้อนรับครับ”

เสร็จจากฟาร์มเฮียตือ ที่ตั้งชื่อไว้อย่างสวยงามตามพื้นที่ว่า สวนผักเลิฟเบิร์ด พึ่งแย้ม พึ่งแย้ม ก็เดินทางกันต่อไปที่ซอยเทียนทะเล 22 อีกหนึ่งฟาร์มที่นัดกันไว้ นั่นคือ ฟาร์มเฮียเปา ประธานชมรมและคนรักนกเลิฟเบิร์ด

เฮียเปา โดยพื้นฐานคือ เป็นนักธุรกิจ เจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างและออกแบบ ในนาม บริษัท 168 ฟินิกซ์ คอนสตรัคชั่น แอนด์ดีไซน์ จำกัด คนที่หลงรักเสน่ห์ของนกเลิฟเบิร์ดอย่างแท้จริงอีกคนหนึ่ง เฮียเปา บอกว่าที่เลี้ยงนกเพราะใจรัก ด้วยลักษณะของนกที่มีกิจกรรมอยู่ตลอดเวลา เราแทบเดาไม่ถูกว่าต่อไปนกจะทำกิจกรรมอะไร จิก ไซ้ขน คลอเคลีย กินอาหาร ดื่มน้ำ บิน เดิน ยกคอ ส่งเสียงร้อง เรียกว่าไม่หยุดนิ่งจริงๆ

กรงขนาดใหญ่รอบบ้าน บรรจุนกอย่างน้อยเกิน 300 นก (ตัว) ทั้งกรงเดี่ยว กรงรวม และกรงผสมที่มีรังนกอยู่เรียงรายในกรง เสียงร้องที่บ่งบอกความร่าเริงของนกดังไม่ขาดสาย ในกรงจะมีจานอาหารและอ่างน้ำ ทุกวันจะต้องเปลี่ยนทั้งน้ำและอาหารให้เสมอ สิ่งสำคัญคือ น้ำ ต้องเปลี่ยนน้ำให้ทุกเช้า เพราะนกเลิฟเบิร์ดชอบน้ำสะอาด หรือบางครั้งอาจมีเมล็ดพืชที่เป็นอาหารหล่นลงน้ำ ทำให้น้ำเสียได้

ด้วยการที่เป็นนกตระกูลนกแก้ว ดังนั้น อาหารส่วนมากก็จะเป็นเมล็ดพืชต่างๆ มีกะเพรา โหระพา หญ้าขน ให้นกได้กินบ้างอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ในกรงยังมีหญ้ารองรังไว้ให้ด้วย เพื่อให้นกที่พร้อมผสมพันธุ์จะได้มีรังที่อบอุ่นแข็งแรงไว้ดูแลลูกๆต่อไป

เฮียเปา บอกว่า จะเลี้ยงนกเลิฟเบิร์ดไปเรื่อยๆ แบบนี้ เพราะนกช่วยเฮียได้เยอะมาก เวลาเครียดๆ จากงานมาก็มาเดินตามกรงนก ให้อาหาร ให้น้ำ ถ่ายภาพ รวมถึงพูดคุยและฟังเสียงนกร้องอย่างร่าเริง เพียงเท่านี้ก็คลายเครียดได้แล้ว ไม่ได้มองว่าจะเลี้ยงจำหน่ายในเชิงธุรกิจมากนัก แต่หากใครมาขอแบ่งซื้อก็ยินดีเสมอ

“เคยมีวันที่คิดอยากจะเลิกเลี้ยงไหมครับเฮีย” “ไม่นะ การทำอะไรกับสิ่งที่เรารัก มันทำให้เรามีความสุขที่จะทำ บางครั้งผมเครียดๆ มาจากงาน ได้มาเดินดูนก ฟังเสียงนกร้อง ดูกรงนั้นกรงนี้ ก็ทำให้เพลินได้ ที่เหนื่อยๆ ก็หายไป”

“แล้วที่เห็นกรงเพาะนกอีกเยอะเลย” “ทำไว้ มีคนที่รักกันชอบกันมาขอแบ่งไปบ้าง แบ่งขายไปบ้าง ส่วนที่เหลือก็เก็บไว้ทำพ่อแม่พันธุ์” “มีปัญหาเรื่องเลือดชิดไหมครับ” “ไม่มีครับ นกเราทุกตัวจะมีประวัติ มาจากไหน พ่อแม่ชื่ออะไร เรียกว่ามาจากต่างครอบครัวกันแน่นอน”