แนะปลูกพืชหลายชนิด ลดความเสี่ยงให้แก่เกษตรกร

“ปัจจุบันเราพยายามส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชอื่นหลายๆ อย่างในพื้นที่เดียวกัน พยายามปลูกพืช 2 ชนิดขึ้นไปเพื่อประกันความเสี่ยง ปัจจัยการผลิตภาครัฐเราให้ไปนิดเดียว ในส่วนขององค์ความรู้ในพื้นที่เรามีศูนย์เรียนรู้เพิ่มศักยภาพการผลิตทางการเกษตร อีกส่วนหนึ่งคือส่วนราชการสังกัดการเกษตรและสหกรณ์ในระดับจังหวัดเรา เกษตรกรต้องการความรู้ด้านไหนเราก็เชิญไปอบรมและมอบความรู้ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ ผลตอบรับเกษตรกรมีการให้ความร่วมมือที่ดีในการฝึกอบรม การศึกษาดูงานอะไรต่างๆ มีการให้ความสนใจ ส่วนในทางปฏิบัตินั้นขึ้นอยู่กับศักยภาพของเกษตรกรว่ามีความรู้มีความพร้อมขนาดไหน ดังนั้น ตัวนี้ถือเป็นตัวสำคัญอีกตัวหนึ่ง” คุณบุญมี กล่าว

คุณบุญมีเผยสิ่งสำคัญของเกษตรพอเพียงว่า “คือความประหยัดโดยเฉพาะทรัพยากรธรรมชาติ เรื่องน้ำเรื่องอะไรอย่างนี้ ที่ผ่านมาในอดีตเรื่องน้ำไม่มีปัญหาเลย แต่ทุกวันนี้เริ่มมีปัญหา เริ่มมีข้อจำกัดเรื่องน้ำเข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องทรัพยากรดินที่มีอยู่เราพยายามที่จะให้ลดละ อย่างปุ๋ย อย่างน้ำหมักชีวภาพ เราพยายามที่จะให้มีการผลิตเองซึ่งกลับมาสู่เกษตรดั่งเดิมเรา”

คุณบุญมีเผยจุดเด่นการเกษตรจังหวัดนครสวรรค์ “จุดเด่นโดยเฉพาะเรื่องข้าวเกษตรกรมีความประณีตมากในการทำนา ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมดินและการกำจัดวัชพืช เทคโนโลยีการผลิตมีการใช้เครื่องเข้ามาเกี่ยวข้องส่งผลต่อความสม่ำเสมอ ในส่วนของข้าวโพดใช้เครื่องหยอดทั้งหมดเลยนะครับ เรื่องมันสำปะหลังหรือเรื่องอ้อยมีการใช้เครื่องทุ่นแรงเข้ามาช่วยเยอะ”

คุณบุญมีกล่าวเชิญชวนว่า “ช่วงเดือนกันยายนจะมีประเพณีการแข่งเรือในจังหวัดนครสวรรค์ก็อยากเชิญชวนให้จังหวัดใกล้เคียงและผู้ที่สนใจได้มีโอกาสมาเยี่ยมชมการแข่งเรือที่จังหวัดนครสวรรค์ อีกทั้งยังมีอาหารรสเด็ด อาทิ ปลานครสวรรค์ที่ขึ้นชื่อมาก ก็ขอเชิญชวนทุกท่านที่สนใจมาเยี่ยมชม”

คุณเสน่ห์ และ คุณบุญยัง ร่มโพธิ์ (ภรรยา) อยู่บ้านเลขที่ 61/3 หมู่ที่ 11 ตำบลเขาดิน อำเภอเก้าเลี้ยว จังหวัดนครสวรรค์ เคยประสบปัญหาหนี้สินจำนวนมากจากการทำเกษตรเชิงเดี่ยว กระทั่งมาประสบความสำเร็จด้วยการทำไร่นาสวนผสมแบบเศรษฐกิจพอเพียง ควบคู่กับแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่มาใช้จนสามารถปลดหนี้ได้เป็นอิสระ มีชีวิตครอบครัวอย่างมีความสุข จนได้รับการยกย่องให้เป็นต้นแบบไร่นาสวนผสมที่มีความสมบูรณ์อย่างแท้จริง

หันมาทำไร่นาสวนผสม

แต่เดิม คุณเสน่ห์ มีอาชีพทำนาในพื้นที่ 14 ไร่ แต่ราคาข้าวไม่ดี จึงปรับมาปลูกมะละกอฮอลแลนด์อย่างเดียว พร้อมกับมีอาชีพรับจ้างรถเกี่ยวข้าว และรถดำนาด้วย ระหว่างทำอาชีพรถดำนารับจ้างเกิดปัญหาลูกค้าติดค้างค่าจ้างเป็นเงินจำนวนมาก จึงต้องนำผลผลิตมะละกอกับต้นกล้าที่เพาะไว้ออกขายเพื่อบรรเทาปัญหาการเงิน แล้วตัดสินใจรื้อแปลงมะละกอออก เพื่อเปลี่ยนเป็นสวนเกษตรผสมผสานแบบเศรษฐกิจพอเพียงแทน

คุณเสน่ห์ ไม่มีความรู้เรื่องทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง หรือเกษตรทฤษฎีใหม่เลย แต่ได้แรงบันดาลใจจากผู้ที่ประสบความสำเร็จหลายท่าน รวมทั้งยังแสวงหาความรู้จากนักวิชาการ และผู้มีประสบการณ์จากเอกสาร และทางอินเตอร์เน็ต ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ต้องใช้ความระมัดระวังค่อยๆ ทำทีละน้อย และเป็นไปตามขั้นตอนอย่างรัดกุมโดยไม่ต้องรีบ

คุณเสน่ห์ ตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะทำเกษตรแบบอินทรีย์ล้วน แม้ที่ผ่านมาเคยผ่านการใช้เคมีมา แต่เห็นว่าการใช้แนวทางอินทรีย์ช่วยให้เกิดความยั่งยืน และปลอดภัย โดยเริ่มจริงจังในปี 2555 หัดทำปุ๋ยหมัก และน้ำชีวภาพ พร้อมกับการจัดทำผังแบ่งเป็นโซนทำเกษตรกรรมต่างๆ ขุดร่องน้ำปล่อยปลาโดยรอบพื้นที่ 14 ไร่ บนสันร่องน้ำปลูกมะม่วง แซมกล้วย ปลูกข้าวนาอินทรีย์เพื่อไว้ทานในครอบครัว

ความเป็นมือใหม่ชนิดหักดิบจากเคมีมาเป็นอินทรีย์ ทำให้คุณเสน่ห์เกิดความกังวลและเครียดว่า จะสามารถทำได้เป็นผลสำเร็จหรือไม่ในระยะเปลี่ยนผ่าน เนื่องจากตัวเองยังมีภาระหนี้สินอยู่จำนวนมาก แต่เมื่อทุกอย่างลงตัวทำให้ชีวิตคุณเสน่ห์และครอบครัวเริ่มดีขึ้น ผลผลิตทางการเกษตรที่ใช้แนวทางอินทรีย์ทุกชนิดได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคและหน่วยงานต่างๆ มากขึ้น จนกระทั่งสามารถปลดหนี้สิน พร้อมก่อร่างสร้างครอบครัวได้อย่างมั่นคงจนได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากภาคราชการหลายหน่วยงาน เพื่อเป็นต้นแบบการทำสวนเกษตรผสมผสานที่ได้มาตรฐาน

ในพื้นที่จำนวน 14 ไร่ คุณเสน่ห์ และ คุณบุญยัง ร่วมกันวางผังปลูกพืชไม้ผลชนิดต่างๆ ทั้งปลูกข้าวและเลี้ยงปลา รวมถึงการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชนิดต่างๆ ไว้ใช้เอง

“ภายในสวนมีกิจกรรมต่างๆ ประกอบด้วย กล้วย ขนุน ฝรั่ง มะนาว สับปะรด ข้าว ผักใบและสมุนไพร และปลา จึงทำให้มีรายได้เป็นรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือนและรายปี มีพืชไม้ผลที่ปลูกสลับไป-มาจำนวนกว่า 100 ชนิด ในบ่อเลี้ยงปลามีหลายสายพันธุ์จำนวนกว่า 4 หมื่นตัว เป็นปลากินพืช ได้แก่ ปลานิล ยี่สก ปลาจีน ปลาไน ปลาสวาย ปลานวลจันทร์ ปลาหมอนา ฯลฯ เป็นต้น

สมบูรณ์ ปลอดภัย

คุณเสน่ห์ เผยถึงวิธีผลิตปุ๋ยหมักและน้ำหมักชีวภาพจากที่ไม่เคยมีความรู้หรือทำมาก่อน จึงเริ่มจากไปซื้อปลามาจากโรงงานเพื่อนำมาหมัก แต่พบว่ามีกลิ่นแรง เพราะไม่ได้ผสมกากน้ำตาล จึงได้ปรับสูตรแล้วหมักปลาทิ้งไว้หลายปี เมื่อครบกำหนดจึงนำมาใส่ในพืชชนิดต่างๆ ทุกอย่างล้วนมีความสมบูรณ์มาก ต้นพืชแข็งแรง มีสีเขียว

ภายหลังจากพบข้อดีของน้ำหมักปลา จึงขยายผลด้วยการใช้สารพด.จากกรมพัฒนาที่ดินมาใช้หมักอีกหลายชนิด โดยใช้มูลวัว กากน้ำตาล และรำเป็นส่วนประกอบ การทำปุ๋ยหมักจำนวนกว่า 100 ตัน ไว้ใช้ ขณะเดียวกันยังนำพืชผักใบที่ไม่เกิดประโยชน์แล้วนำมาผลิตเป็นฮอร์โมน อย่าง ต้นกล้วย หัวปลี สาบเสือ รวมถึงใช้เศษผัก ใบไม้ที่เน่าเสียนำมาหมักเป็นปุ๋ย ทั้งนี้ บางอย่างโดยจะไม่หมักไว้นาน เมื่อต้องการใช้จึงค่อยผลิต

ปลูกมะม่วงพันธุ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เขียวสามรส น้ำดอกไม้ โชคอนันต์ มันหมูสี อกร่อง เป็นต้น ผลผลิตมะม่วงบางพันธุ์ออกตามฤดู บางพันธุ์มีผลผลิตเรื่อยๆ ที่เป็นเช่นนั้นเกิดจากการดูแลบำรุงด้วยปุ๋ยอินทรีย์ ใช้น้ำหมักแล้วพ่นสารชีวพันธ์เพื่อป้องกันศัตรู

ส่วนสับปะรดปลูกพันธุ์บ้านไร่ ปลูกตามความเหมาะสม ตรงไหนเหมาะก็ปลูก พอหน้าแล้งต้องปล่อยหญ้าให้ปกคลุมหรือตัดใบกล้วยมาปิดหัวสับปะรดเพื่อป้องกันแดดเผาที่เปลือกทำให้เสียหาย สับปะรดให้ผลผลิตได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องทำอะไรแล้วปล่อยไปตามธรรมชาติ ได้ผลผลิตที่หัวใหญ่มาก เฉลี่ย 3 กิโลกรัม มีรสหวาน กรอบ ขายราคาหัวละ 40 บาท

คุณเสน่ห์ ปลูกกล้วยน้ำว้าพื้นเมือง ไว้ 6 ไร่ ที่ปลูกพันธุ์นี้เพราะมีความทนทาน แข็งแรง รสอร่อย ผลผลิตกล้วยพันธุ์น้ำว้าพื้นเมืองตัดขายทุกวัน มีรายได้จากการขายกล้วย จำนวน 10 หวี เฉลี่ยวันละ 150 บาท เป็นอย่างต่ำ ซึ่งตั้งใจนำไปขายจำนวนเท่านี้เพราะเกรงใจพ่อค้าในพื้นที่เดียวกันที่ต้องรับซื้อกล้วยมาขาย นอกจากนั้นยังปลูกพืชผักอายุสั้นที่เก็บผลผลิตขายได้ตลอดทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นชะอม พริก มะนาว มะเขือ ถั่วฝักขาว และผักสวนครัวอีกหลายชนิดรวมถึงพืชสมุนไพรด้วย

ส่วนนาข้าว ปลูกพันธุ์ กข 41 ปลูกแบบอินทรีย์ ปลูกไว้ทานในครอบครัว ผลของการใส่ปลาหมักในนาข้าวทำให้ใบมีสีเขียวเข้ม ได้ผลผลิตสมบูรณ์ โดยบางแปลงคุณเสน่ห์จะหยุดปลูกเพื่อจะเปลี่ยนมาปลูกผักบุ้งยอดแก้ว หรือผักบุ้งยอดสีขาว ที่กำลังได้รับความนิยม ทั้งนี้เพื่อจะได้มีรายได้ทุกวัน

อย่างไรก็ตาม น้ำเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องลงทุนมาก เนื่องจากต้องวางเป็นระบบน้ำเพราะต้องวางท่อทั่วพื้นที่ 14 ไร่ ถือเป็นการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่าเพราะไม่ต้องจ้างแรงงาน หรือสิ้นเปลืองเวลาในการลากสายยางไปรดต้นไม้ตามจุดต่างๆ เพียงแค่เปิดสวิตช์เมื่อต้องการใช้งานเท่านั้น

เมล็ดพันธุ์ ต้นพันธุ์ ทำกันเอง ไม่ต้องซื้อ ประหยัดได้อีก

แนวทางเศรษฐกิจพอพียงสอนให้รู้จักการประหยัดและพึ่งพาตนเอง คุณเสน่ห์ จึงใช้หลักคิดนี้สำหรับการจัดหาเมล็ดพันธุ์และขยายพันธุ์พืชโดยไม่ต้องเสียเงินซื้อ อย่าง ถั่วฝักยาว และผักหลายชนิดจะเก็บพันธุ์ไว้ใช้เอง หรืออาจเป็นลักษณะการแลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ระหว่างสมาชิกในกลุ่มเดียวกัน

“ดังนั้นการทำเกษตรแนวนี้จึงแทบจะไม่มีต้นทุน รวมถึงยังสามารถบริหารจัดการปริมาณและจำนวนผลผลิตทางการเกษตรให้เพียงพอและเหมาะสมเพื่อควบคุมคุณภาพ ปริมาณ”

คุณเสน่ห์ บอกว่า ปัญหาโรค/แมลง จะพบน้อยมากเป็นเพราะการพัฒนาพื้นที่ปลูกด้วยการยึดแนวทางอินทรีย์เป็นหลัก นำสารพด.ของกรมพัฒนาที่ดิน มาผลิตปุ๋ยอินทรีย์สูตรต่างๆ ไว้ใช้ในสวน โดยปล่อยไปตามระบบน้ำ ทำให้สารอินทรีย์ซึมซับลงใต้ผิวดินส่งผลต่อต้นไม้และพืชต่างๆ ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่และทั่วถึง ช่วยทำให้ดินทั้ง 14 ไร่ มีคุณภาพ อุดมสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตุต่างๆ แล้วเมื่อปลูกอะไร ตรงไหนก็เจริญงอกงามมีความสมบูรณ์ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องอันตรายที่เกิดกับพืชหรือมนุษย์ ดังนั้น ความสมดุลทางธรรมชาติจึงเกิดขึ้น แมลงตามธรรมชาติจะจัดการกันเองโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งสารเคมี

ทุกวันนี้ครอบครัวร่มโพธิ์ มีความสุขและสนุกกับกิจกรรมเกษตรที่ปลูกแบบอินทรีย์ ทำให้มีรายได้เฉลี่ยวันละประมาณ 300 บาท เป็นอย่างต่ำ อีกทั้งยังนำออกไปขายตามตลาดที่จัดงานเป็นสัปดาห์อีก ครั้งละ 2-3 พันบาท ซึ่งเวลานำสินค้าทางการเกษตรไปขาย คุณบุญยัง เล่าว่า ยังไม่ทันจะนำออกวางขายก็มีผู้จับจองเรียบร้อยหมดแล้ว เพราะลูกค้ารู้ว่าเป็นของอินทรีย์อย่างแท้จริง ราคาถูก อย่าง ฝรั่ง กิโลกรัมละ 20 บาท มะม่วงเขียวสามรส ขาย 3 กิโลกรัม 100 บาท เพราะต้องการให้ลูกค้าได้ชิมผลผลิตทางการเกษตรที่มีความอร่อย ปลอดภัย ในราคาไม่แพง

แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการนำหลักเกษตรทฤษฎีใหม่มาใช้กับไร่นาสวนผสมของคุณเสน่ห์และคุณบุญยัง ช่วยให้สามารถปลดภาระหนี้สินหลักล้านบาทได้สำเร็จจนหมดสิ้น ทำให้หลายปีที่ผ่านมาครอบครัวนี้พบแต่ความสุข ใช้เวลาสำหรับการถ่ายทอดความรู้ แนวคิด เพื่อเป็นวิทยาทานให้แก่ผู้สนใจ พร้อมเปิดสวนผสมให้ทุกท่านเข้าไปศึกษาดูงาน

“ทำช่วงแรกๆ อย่าไปเครียด อดทนต่อสู้ต่อไป อีกไม่นานเริ่มมีความชำนาญมากขึ้น คล่องตัวมากขึ้น ถามว่าเหนื่อยหรือท้อแท้ไหม ก็มีบ้าง แต่พอมาถึงจุดที่ทำสำเร็จแล้วสิ่งเหล่านั้นหายไปทันที แล้วความสุขเข้ามาแทนที่ ดังนั้นการทำเกษตรผสมผสานแนวเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ ของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงวางรากฐานไว้ สามารถทำให้ครอบครัวอยู่กันอย่างมีความสุขได้อย่างแท้จริง” คุณเสน่ห์ กล่าว

ไร่นาสวนผสมของ คุณเสน่ห์/บุญยัง ได้รางวัลชนะเลิศครัวเรือนต้นแบบของจังหวัด ได้รางวัลไร่นาสวนผสมระดับจังหวัด ระดับเขต และระดับประเทศ จึงการันตีความเชี่ยวชาญและการประสบความสำเร็จของการทำไร่นาสวนผสมแนวเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่อย่างแท้จริง จึงนับเป็นตัวอย่างไร่นาสวนผสมที่ พิสูจน์ความจริงของเกษตรทฤษฎีใหม่ได้อย่างแท้จริง

เดินผ่านรั้วสังกะสีแถวออฟฟิศสายตาไปปะทะกับ “มะอึก” ผักเคียงที่เด็กรุ่นใหม่ไม่ค่อยรู้จัก ยกเว้นคอน้ำพริก

แค่ฝานเป็นแว่น โขลกกับน้ำพริก ช่วยเพิ่มรสชาติได้อย่างวิเศษ ไม่เพียงแค่นั้น ความเริ่ดของมะอึกยังมีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย

นอกจากมีเบต้าแคโรทีนสูง (สารตั้งต้นของวิตามินเอ) มะอึก 100 กรัม จะให้พลังงานต่อร่างกาย 53 กิโลแคลอรี แบ่งเป็นเส้นใย 3.6 กรัม แคลเซียม 26 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 41 มิลลิกรัม เหล็ก 0.8 มิลลิกรัม วิตามินบี 1-0.07 มิลลิกรัม วิตามินบี 2-0.05 มิลลิกรัม ไนอะซิน 4.9 มิลลิกรัม วิตามินซี 3 มิลลิกรัม

“ผลสด” ช่วยบรรเทาอาการไอ ละลายเสมหะ “ดอก” ช่วยรักษาอาการคัน “ราก” ซึ่งมีรสเย็นและเปรี้ยวเล็กน้อยมาปรุงเป็นยาแก้ปวด ลดไข้ แก้ไขที่มีอาการชักกระตุก แก้ไขสันนิบาต แก้น้ำลายเหนียว กัดฟอกเสมหะ ดับพิษร้อนภายใน ช่วยกระทุ้งพิษไข้ให้ออกตุ่มอย่างอีสุกอีใส เหือด หรือหัดเยอรมัน หัด และอื่นๆ อีกมากมาย แม้กระทั่ง “ขน” มะอึก ขูดรวมกันผสมกับไข่ นำไปทอดเป็นไข่เจียวแก้พยาธิได้ดี

ฉะนั้น ขอแนะนำให้หามาปลูกไว้ข้างรั้วสักต้น แค่มีดินปนทราย น้ำไม่ต้องมาก แมลงก็ไม่ค่อยกวน แล้วจะรู้ว่าน้ำพริกใส่มะอึกมันเริ่ดแค่ไหน “ส้มโอพันธุ์ทับทิมสยาม” ต้นกำเนิดสายพันธุ์จากภาคใต้ เปลือกบาง มีเนื้อสีแดงเข้มเหมือนสีทับทิม รสชาติหอมหวาน เนื้อนุ่มน่ารับประทาน ซึ่งส้มโอพันธุ์นี้แตกต่างจากส้มโอพันธุ์อื่นอย่างชัดเจน มีลักษณะประจำพันธุ์ที่โดดเด่น คือ เนื้อผลมีสีชมพูเข้มจนถึงแดงเหมือนสีทับทิม ผิวผลส้มโอและหลังใบมีขนอ่อนนุ่มปกคลุมคล้ายกำมะหยี่ มีความเฉพาะเจาะจงกับสภาพพื้นที่ จึงปลูกกันไม่แพร่หลาย

ปัจจุบันพบว่าส้มโอพันธุ์นี้เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง และจำหน่ายได้ในราคาสูง ราคาจากในสวนเฉลี่ยแล้ว ผลละ 200-300 บาท และเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ จนไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค

คุณสุธาทิพธ์ อิ่มสำราญ อายุ 48 ปี และ คุณประดิษฐ อิ่มสำราญ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/2 หมู่ที่ 9 ตำบลพักทัน อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี เจ้าของสวนชื่อ “ส้มโอทับทิมสยาม ตามรอยพ่อ” ซึ่งปลูกต้นส้มโอพันธุ์ทับทิมสยาม จำนวน 16 ไร่ คุณสุธาทิพย์ ได้เล่าว่า เดิมตนทำงานอยู่ธนาคาร เพิ่งลาออกมาได้ประมาณ 8 เดือน เป็นคนจังหวัดนครศรีธรรมราช ส่วน คุณประดิษฐ ทำงานอยู่ที่การไฟฟ้านครหลวง และเป็นคนจังหวัดสิงห์บุรี และยังคงทำงานอยู่ ตนมีคุณพ่อเป็นเจ้าของสวนส้มโอพันธุ์ทับทิมสยาม ซึ่งปลูกอยู่ 60 ไร่ แต่ผลผลิตไม่เคยพอขาย

พ่อเคยให้ตนลองนำกิ่งตอนมาทดลองปลูกที่พื้นที่จังหวัดสิงห์บุรีเมื่อประมาณสิบปีที่แล้ว ปรากฏว่าให้ผลผลิตที่มีรสชาติไม่แตกต่างจากสวนของพ่อเลย จึงเริ่มปลูกอย่างจริงจังในเนื้อที่ 16 ไร่นี้ มา 3 ปีแล้ว เมื่อเข้าสู่ปีที่ 3 ส้มโอเริ่มติดผล พ่อก็ให้ตนลาออกจากงานประจำเพื่อมาดูแลสวนได้อย่างเต็มที่

สำหรับตนคิดว่าตนไม่เคยเห็นส้มโอล้นตลาด ไม่เคยเห็นส้มโอราคาตก แต่เห็นว่าราคาสูงขึ้นมาเรื่อยๆ และผลผลิตไม่เคยพอต่อความต้องการของตลาด อีกทั้งเป็นที่นิยมทั้งในและต่างประเทศ เรียกได้ว่าตนทำงานรายได้รวมกันเป็นเวลา 1 ปี ยังไม่เท่ากับรายได้ที่พ่อขายส้มโอเพียงเดือนเดียวเลย ตนจึงลาออกจากงานประจำมาดูแลอย่างจริงจัง และแนะนำให้ญาติๆ ซึ่งมีที่ดินอยู่ในละแวกนี้ปลูกส้มโอพันธุ์ทับทิมสยามกัน จนรวมพื้นที่ที่ปลูกกันทั้งหมดประมาณ 80 ไร่ เพื่อที่เมื่อผลผลิตออกมาแล้วในแต่ละครั้งจะสามารถขนส่งได้เป็นจำนวนมาก และที่สำคัญเราอยากให้คนทั่วไปได้รู้สึกว่า ถ้านึกถึงส้มโอพันธุ์ทับทิมสยามให้นึกถึงที่ตำบลพักทัน อำเภอบางระจัน แห่งนี้ แล้วคุณจะได้กินส้มโอที่หวานอร่อยที่สุด

สำหรับความหมายของชื่อสวนคือ “ส้มโอทับทิมสยาม ตามรอยพ่อ” นั้นคือ 1.ตามรอยพ่อหลวง (ในหลวง ร.9) ในเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง คือทำให้พอเพียง พออยู่ และพอกิน 2.ตามรอยพ่อของตนที่ปลูกส้มโอขายที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จนจุดประกายให้ลูกมาปลูกส้มโอตามในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี

นอกจากส้มโอแล้วในพื้นที่ของเรายังปลูกต้นมะพร้าวน้ำหอมอยู่ประมาณร้อยต้น เรามีบ่อซึ่งขุดขนานแบ่งเป็นช่องเพื่อเอาไว้รดน้ำต้นไม้ และในบ่อยังเลี้ยงปลาไว้กินอีกด้วย นอกจากนี้ยังปลูกต้นฝรั่ง ซึ่งมี 2 สายพันธุ์ คือฝรั่งไต้หวันพันธุ์แตงโมและฝรั่งกิมจู ซึ่งฝรั่งพันธุ์แตงโมนี้จะมีเนื้อในสีชมพู หวานกรอบ อร่อย ในส่วนของฝรั่งนี่เราปลูกไม่เยอะ ปลูกไว้ขายเอง เน้นคุณภาพและก็ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี ใช้แต่ปุ๋ยอินทรีย์ นอกจากนี้ยังปลูกพืชผักสวนครัวเอาไว้ทำกินเองในบ้านด้วย

สำหรับผู้ที่สนใจในผลผลิตคือ ส้มโอทับทิมสยาม ตอนนี้ยังไม่มีขายซึ่งผลผลิตจะสามารถออกจำหน่ายได้ในช่วงปลายปีนี้ แต่ที่สวนจะขายกิ่งตอน และกิ่งชำซึ่งเป็นพันธุ์ทับทิมสยามของแท้จากสวน สำหรับผู้ที่สนใจสามารถมาเยี่ยมชมสวนและมาศึกษาเรียนรู้ได้ที่ “ส้มโอทับทิมสยาม ตามรอยพ่อ” ตั้งอยู่ที่เลขที่ 12/2 หมู่ที่ 9 ตำบลพักทัน อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี เบอร์โทรศัพท์ 094-4825636 คุณสุธาทิพย์ หรือติดตามได้ที่เพจ “ส้มโอทับทิมสยาม ตามรอยพ่อ”

ตำบลตะเคียนเลื่อน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา อาชีพหลักส่วนใหญ่ของประชาชนในตำบลคือ การทำไร่ ทำสวนผลไม้ ซึ่งมีหลากหลายชนิดตามฤดูกาล ต่อมามีการนำพันธุ์กล้วยไข่จากจังหวัดกำแพงเพชรมาปลูก และมีการขยายพื้นที่ปลูกออกไป จึงเกิดการเรียนรู้ การปรับปรุง การพัฒนาคุณภาพการผลิตขึ้น จนเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคทั่วประเทศ

ต่อมาได้รับคำแนะนำ รวมทั้งเงินทุนในด้านการบริหารจัดการจากทางราชการ จึงมีการจัดตั้งเป็นกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยไข่ และกลุ่มแม่บ้านแปรรูปอาหารจากผลไม้ตามฤดูกาลขึ้น รวมถึงการผลิตและการจำหน่ายผลไม้สดตามฤดูกาลทั้งในพื้นที่อำเภอ จังหวัด จังหวัดใกล้เคียง และต่างประเทศ

ปัจจุบัน กล้วยไข่ตะเคียนเลื่อน นับเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีชื่อเสียงของจังหวัดนครสวรรค์ นับเป็นผลไม้ที่หายากตลาดมีความต้องการสูง ด้วยจุดเด่นที่กล้วยไข่ของที่ตำบลตะเคียนเลื่อนมีขนาดผลที่ใหญ่ ผิวสวย รสชาติดี เพราะมีแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์และสภาพพื้นที่เหมาะสมในการปลูกกล้วยไข่เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเคยมีการทดลองนำกล้วยไข่ตะเคียนเลื่อนไปปลูกที่อื่นก็ไม่ได้ผลดีเหมือนปลูกที่ตะเคียนเลื่อน เพราะฉะนั้นกล้วยไข่ตะเคียนเลื่อนจึงกลายเป็นงานเกษตรสร้างรายได้ และกลายเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของพี่น้องเกษตรกรชาวนครสวรรค์อย่างไม่ต้องสงสัย

คุณสุเทพ ธาระนาม อยู่บ้านเลขที่ 118 หมู่ที่ 12 ตำบลตะเคียนเลื่อน อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ เกษตรกรผู้ปลูกกล้วยไข่ตะเคียนเลื่อนเป็นอาชีพ เล่าว่า ครอบครัวของตนมีอาชีพเป็นเกษตรกรมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษปู่ ย่า ตา ยาย สืบมาถึงรุ่นพ่อ รุ่นแม่ และตกมาถึงรุ่นลูก ถือว่าตนเองมีความผูกพันได้ซึมซับวิถีชีวิตของการเป็นเกษตรกรมาตั้งแต่เกิด เมื่อโตมาจึงคิดว่าอาชีพเกษตรกรรมน่าจะเป็นอาชีพที่ถนัดและเหมาะกับตนมากที่สุด จึงยึดเป็นอาชีพมาเรื่อยๆ

ส่วนพืชหลักที่ปลูกเลี้ยงครอบครัว มีอยู่ 2 ชนิด คือ กล้วยไข่ และผักชีฝรั่ง ปลูกสลับกันไป เพราะต้องบอกตามตรงว่า ราคาพืชผลทางการเกษตรไม่แน่นอน กล้วยไข่ตะเคียนเลื่อนตลาดต้องการมากก็จริง แต่ราคาก็มีความผันผวนสูง บวกกับภัยธรรมชาติที่คาดเดาไม่ได้ จึงจำเป็นต้องหาปลูกพืชอายุสั้นอย่าง ผักชีฝรั่ง เสริม เพื่อป้องกันการผิดพลาด

ปลูกกล้วยไข่ตะเคียนเลื่อน ให้ได้คุณภาพ
เทคนิคสำคัญประกอบด้วยหลายปัจจัย
เจ้าของบอกว่า GClub Slot การปลูกกล้วยไข่ตะเคียนเลื่อนให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ลูกใหญ่ ผิวสวย รสชาติดี ต้องประกอบด้วยปัจจัยหลายอย่าง เมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว ตนก็เคยปลูกกล้วยไข่มาก่อน แต่ต้องหยุดไป เนื่องด้วยสภาพพื้นที่ปลูกไม่เหมาะสม พื้นที่ต่ำเกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ปลูกแล้วไม่เห็นทุน เห็นกำไร จึงหยุดปลูกไปสักพัก เพิ่งจะมาเริ่มฟื้นฟูการปลูกกล้วยไข่ใหม่อีกครั้ง นับปีนี้เป็นปีที่สอง เนื่องจากหาพื้นที่การปลูกที่เหมาะสมได้แล้ว

ดังนั้น การปลูกกล้วยไข่จึงต้องคำนึงถึงองค์ประกอบหลายอย่างด้วยกัน
1. พื้นที่ปลูกต้องมีความเหมาะสม ดินต้องเป็นดินร่วนซุย จะเหมาะกับการปลูกกล้วยไข่เป็นที่สุด
2. ต้องมีแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ ที่จังหวัดนครสวรรค์นับว่าโชคดีที่มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ มีระบบชลประธานไม่ขาด
3. ปุ๋ยอย่าให้ขาด พยายามเลือกใช้สูตรให้ตรงต่อความต้องการของพืช
4. กล้วยไข่จะเจริญเติบโตได้ดีในดินแรก พูดง่ายๆ คือ ต้องขยันเปลี่ยนแปลงปลูกทุกๆ 2 ปี เปลี่ยน 1 ครั้ง เพื่อคุณภาพและผลผลิตที่เท่าเดิม และถ้าสงสัยว่าไม่เปลี่ยนพื้นที่ได้ไหม แต่ใช้เป็นวีธีการบำรุงดินแทนก็ได้ แต่ด้วยที่เรามีข้อจำกัดเรื่องเงินทุน เรามีพื้นที่ปลูกเยอะจึงไม่คุ้ม ถ้าเปลี่ยนพื้นที่ปลูกจะง่ายและประหยัดต้นทุนมากกว่า

วิธีการปลูก
“ปัจจุบัน ผมปลูกกล้วยไข่บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ นับเป็นต้นก็ประมาณเกือบ 10,000 ต้น พันธุ์กล้วยที่ปลูกสืบเนื่องจากรุ่นพ่อรุ่นแม่ได้พันธุ์กล้วยมาจากกำแพงเพชร แล้วนำมาปลูกต่อที่บริเวณหลังบ้าน และนำมาขยายพันธุ์เพิ่ม แต่ที่ของเราผลใหญ่ ผิวสวย และรสชาติดี คงเป็นเพราะสภาพพื้นที่ของเรามีความอุดมสมบูรณ์เหมาะกับการปลูกกล้วยไข่ที่สุด”เจ้าของบอก

กล้วยไข่ตะเคียนเลื่อน มีจุดเด่นที่ ผลใหญ่ น้ำหนักดี ผิวสวย รสชาติอร่อย พิสูจน์ได้จากสมัยก่อนมีบริษัทส่งออกเคยมาทำและเขาบอกว่าผลผลิตที่นี่ดีกว่าจังหวัดอื่น ผลใหญ่กว่าที่อื่น ผิวสวย รสชาติอร่อย ตลาดส่วนใหญ่ต้องการผลผลิตจากที่นี่

การปลูกกล้วยไข่หลักๆ คือ ดินดี น้ำดี ปุ๋ยอย่าขาด ถ้าพื้นที่ใครมีองค์ประกอบที่กล่าวมาครบก็ทำได้

การเตรียมดิน… โดยการใช้รถไถดะไถแปร ตากดินทิ้งไว้ 5-7 วัน เสร็จแล้วจ้างแรงงานขุดหลุม หลุมละ 2 บาท ขุดกว้าง 50 เซนติเมตร ลึก 50 เซนติเมตร 1 ไร่ ปลูกได้ 400 ต้น ก่อนลงหน่อกล้วยสำคัญที่สุดคือ ต้องชุบน้ำยาเรียกรากและน้ำยากันปลวกก่อนลงหลุม หลังจากนั้นให้รดน้ำ

การให้น้ำ…ถ้าตอนปลูกใหม่ๆ ให้รดน้ำทุกวัน วิธีการรด เริ่มรดตั้งแต่ปลูก สมมุติเริ่มปลูกเดือนมกราคม ก็รดน้ำยาวมาถึงช่วงหน้าฝน ถ้าฝนไม่ตกก็ใช้คนเข้าช่วยรด

ระยะการปลูก…เมื่อต้นกล้วยเริ่มแทงหน่อ มีอายุ 5-6 เดือน กล้วยจะเริ่มให้ปลี เมื่อมีอายุ 8 เดือน สังเกตการออกปลี ก้านปลีเริ่มยื่นยาวออก น้ำหนักมากขึ้นจึงโน้มห้อยลง ปลีจะเริ่มบานให้เห็นดอก เมื่อได้รับการผสมเกสรดอกจะพัฒนาเป็นกล้วย จากนั้นให้ตัดปลีที่ยังไม่บานออก นับไปอีก 45 วัน ก็สามารถเก็บผลผลิตได้ 1 ต้น ให้ผลผลิตไม่ต่ำกว่า 6 กิโลกรัม 1 ไร่ ปลูกได้ 400 ต้น เท่ากับ 1 ไร่ ได้ผลผลิต 2,400 กิโลกรัม

ปุ๋ย…เดือนแรกยังไม่ต้องใส่ จะเริ่มใส่ปุ๋ยเดือนที่สอง เป็นปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 ผสมกับปุ๋ยสูตรเย็น 46-0-0 อัตราการใส่ 1 เดือน ใส่ 1 ครั้ง ครั้งละ 1 กำมือ จะช่วยเร่งความเจริญเติบโตทั้งต้นทั้งลูกอย่างชัดเจน