แม็คโคร ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งจำหน่ายมะม่วงหลากหลายสายพันธุ์

ซึ่งในปีนี้ได้ตั้งเป้าการรับซื้อมะม่วงเอาไว้ประมาณ 3,500 ตัน จากเกษตรกรจำนวน 218 ครัวเรือน ใน 21 จังหวัดทั่วประเทศ อาทิ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตมะม่วงส่งออกอำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี และจากแหล่งอื่นๆ เรามีมะม่วงให้เลือกถึง 16 ชนิด แต่ที่ขายดีที่สุดและเป็นไฮไลต์สำคัญก็คือ มะม่วง น้ำดอกไม้สุก มะม่วงแก้ว มะม่วงเขียวเสวย โดยเฉพาะน้ำดอกไม้สุก ปีนี้นอกจากความโดดเด่นของมะม่วงคุณภาพระดับส่งออกแล้ว ยังมีขนาดใหญ่สวยงาม น้ำหนัก 350 กรัมต่อลูก และมีความหวาน เนื่องจากเราได้ให้คำแนะนำแก่เกษตรกรในเรื่องระยะเวลาการเก็บเกี่ยวเพื่อให้มีความสุกเพียงพอ รวมถึงวิธีการบ่มที่จะให้ความหวานที่มากกว่าเดิม พร้อมรับประทาน”

สิ่งสำคัญที่ทำให้เทศกาลมะม่วงของแม็คโครมีความแตกต่างและโดดเด่นในทุกปี มาจากการทำงานอย่างใกล้ชิดกับเกษตรกรทุกกลุ่ม เพื่อเพิ่มโอกาสการพัฒนาศักยภาพการผลิตสินค้าเกษตรให้มีคุณภาพดี ภายใต้มาตรฐานที่ได้รับการยอมรับ โดยยึดหลักการตลาดนำการผลิต ทำให้เกษตรกรรู้ความต้องการของกลุ่มลูกค้าในแต่ละกลุ่ม อาทิ มะม่วงน้ำดอกไม้สุกและมะม่วงแก้ว จะตอบโจทย์กลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร ลูกค้าทั่วไป ส่วน มะม่วงเขียวเสวย จะขายดีกลุ่มร้านอาหารและลูกค้าทั่วไป

พบกับมะม่วงหลากหลายสายพันธุ์ คุณภาพดี สด สะอาด ปลอดภัย คัดสรรขนาดและความสุกมาอย่างดี และยังเป็นการช่วยสนับสนุนสินค้าของเกษตรกรโดยตรง กับ “เทศกาลมะม่วงคุณภาพดีส่งตรงจากสวน” ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 เมษายน ณ แม็คโคร ทุกสาขาทั่วประเทศ และ แม็คโครคลิก

“อำเภอทองผาภูมิ” จังหวัดกาญจนบุรี ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งขุนเขาและสายน้ำ ดินดี น้ำดี ปลูกอะไรก็งดงาม รสชาติอร่อย โดยเฉพาะผลไม้คุณภาพดี รสชาติอร่อย ได้แก่ เงาะทองผาภูมิ หวานล่อน กรอบ อร่อย ทุเรียนทองผาภูมิ ดีกรีแชมป์โลก เป็นเครื่องการันตีคุณภาพ กล้วยไข่ลิ่นถิ่น เนื้อแน่น หอม หวาน รสชาติอร่อยแล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งปลูกส้มโอส่งออกขนาดใหญ่อีกด้วย

“จีนแส การ์เด้น” เป็นหนึ่งในผู้ผลิตส้มโอส่งออกรายใหญ่ของอำเภอทองผาภูมิ สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ เลขที่ 123/9 หมู่ที่ 5 ตำบลหินดาด อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี โทร. 084-104-3210 และ 092-462-9292

คุณสานุ จีนแส เกษตรกรรุ่นใหม่ (Smart Farmer) อำเภอทองผาภูมิ ซึ่งเป็นทายาทของสวนจีนแส การ์เด้น เล่าให้ฟังว่า คุณพ่อได้บุกเบิกทำสวนจีนแส การ์เด้น ตั้งแต่เมื่อ 40 กว่าปีก่อน ช่วงแรกปลูกส้มโอพันธุ์ขาวน้ำผึ้งและส้มโอพันธุ์ทองดีเป็นหลัก จนถึงปัจจุบันคุณพ่อได้ปลูกและสะสมส้มโอสายพันธุ์ดีไว้มากมาย ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ก็มีข้อดีแตกต่างกันไป เช่น

ส้มโอขาวแตงกวา ผลไม้เด่นขึ้นชื่อของจังหวัดชัยนาท มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือ รสชาติหวานซ่อนเปรี้ยว ไม่มีเมล็ด เนื้อสีเหลืองน้ำผึ้งค่อนข้างแห้งและกรอบ

ส้มโอทับทิมสยาม ไม้ผลขึ้นชื่อของอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีลักษณะเด่นคือ เปลือกบาง เนื้อผลมีสีชมพูเข้มจนถึงแดงเหมือนสีทับทิม

ส้มโอขาวใหญ่ เป็นพันธุ์ดั้งเดิมของจังหวัดสมุทรสงคราม มีลักษณะเด่นคือ ไม่มีเมล็ด เนื้อกุ้ง (กลีบของเนื้อส้มโอ) เป็นสีน้ำผึ้ง รสชาติอร่อย

ส้มโอแดงเวียดนาม เปลือกผลสีแดงสด เปลือกผลบาง เนื้อป็นสีชมพู รสชาติหวาน หอม อร่อย ส้มโอไต้หวัน เปลือกผลสีเหลือง เปลือกบาง เนื้อในเป็นสีแดงหรือสีชมพูเข้ม ไร้เมล็ด รสชาติหวาน กรอบ อร่อย

ส้มโอหอมหาดใหญ่ หรือ ส้มโอหอมควนลัง มีลักษณะเด่นคือ เนื้อสีชมพูเข้มถึงแดง เนื้อผลนิ่มฉ่ำ เนื้อกุ้งกรอบ เมล็ดลีบ รสหวานอมเปรี้ยว

ส้มโอหอมใบเตย ซึ่งตกเป็นกระแสข่าวดังว่า เป็นส้มโอสายพันธุ์ใหม่ ที่ถูกค้นพบในพื้นที่ภาคเหนือนั้น คุณสานุ บอกว่า “หอมใบเตย” เป็นส้มโอสายพันธุ์ดั้งเดิมของตำบลหินดาด โดยชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงนำมาปลูกไว้ในท้องถิ่นแห่งนี้ตั้งแต่เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ทางจีนแส การ์เด้น ได้ปลูกและขยายพันธุ์ ส้มโอหอมใบเตยไว้เพื่อการอนุรักษ์สายพันธุ์ ส้มโอหอมใบเตยมีลักษณะพิเศษคือ เปลือกและเนื้อส้มโอมีกลิ่นหอมใบเตย แต่เนื้อในมีสีขาว รสชาติอร่อยเหมือนส้มโอขาวแตงกวา

สวนจีนแส การ์เด้น ปลูกส้มโอบนพื้นที่ราบ โดยยกโคกสูงจากพื้นดินประมาณ 50 เซนติเมตร เพื่อลดปัญหาน้ำท่วมขังบริเวณราก แปลงปลูกที่นี่ไม่มีร่องน้ำกลางน้ำเหมือนสวนส้มโอในพื้นที่อัมพวา เพราะคุณสานุมองการปลูกส้มโอแบบนั้น จะทำให้รากต้นส้มโอหดตัวเหมือนปลูกในกระถาง หากินไม่ได้ไกล ขณะที่การปลูกบนที่ราบ ในสภาพส้ม (โอ) สวน รากพืชสามารถหาอาหารไปได้ไกล เติบโตดีกว่า

สวนจีนแส การ์เด้น จะใส่ขี้แดดนาเกลือและมูลนกกระทา เพิ่มรสชาติความหวานให้ส้มโอ ก่อนฤดูเก็บเกี่ยวประมาณ 3 เดือน โดยใส่ตามขนาดลำต้น ส้มโอที่มีลำต้นใหญ่จะใส่มูลนกกระทา 5 กิโลกรัม รอบทรงพุ่ม การดูแลลักษณะนี้จะทำให้ส้มโอเนื้อล่อน ปอกง่าย ผิวเปล่ง เนื้อแห้งแกะง่าย นอกจากนี้ ยังใส่ธาตุอาหารแคลเซียมบำรุงต้น โดยใช้กระดูกวัวป่นหยาบ ซึ่งเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์โรยในรัศมี 1 เมตร รอบทรงพุ่ม ปีละ 1 ครั้ง เฉลี่ยต้นละ 25 กิโลกรัม

“นอกจากนี้ สวนจีนแสยังเลี้ยงผึ้งในสวนส้มโอ เพื่ออาศัยผึ้งช่วยผสมเกสร และได้น้ำผึ้งเป็นรายได้เสริมออกขายในชื่อ “น้ำผึ้งริก้าแคว” ที่มีความหอมหวานจากสวนส้มโอบนขุนเขาต้นแม่น้ำแคว แล้วยังใส่ฮอร์โมนไข่ ช่วยเร่งบำรุงดอก แต่ฮอร์โมนของสวนจีนแสแตกต่างจากที่อื่น คือใส่กะปิและน้ำมะพร้าวลงไปด้วย แทนการใส่ลูกแป้ง นอกจากนี้ เน้นการฉีดพ่นฮอร์โมนไข่ลงดินมากกว่าฉีดพ่นบนต้น เพราะวิธีนี้ต้นส้มโอจะมีผลผลิตดีกว่าเดิม การดูแลต้นส้มโอในลักษณะนี้ ช่วยประหยัดต้นทุนมากกว่าการใช้สารเคมีเสียอีก เป็นการปลูกดูแลแบบเกษตรอินทรีย์ ได้ผลผลิตที่ดี ปลอดภัยทั้งตัวเกษตรกรและผู้บริโภค” คุณสานุ กล่าว

ปลูกส้มโอทับทิมสยามเพิ่ม

ส้มโอทับทิมสยามที่ปลูกในพื้นที่สวนจีนแส การ์เด้น มีคุณภาพดี ไม่แพ้ส้มโอทับทิมสยามจากปากพนัง เพราะได้เปรียบในเรื่องสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของต้นส้มโอ ลำต้นใหญ่ ให้ผลผลิตดก และมีความหวาน 13 บริกซ์

ทางสวนจีนแส การ์เด้น สามารถขายส่งส้มโอทับทิมสยามได้ในราคากิโลกรัมละ 100 กว่าบาท ขายดีมากจนผลิตไม่ทันกับความต้องการของตลาดส่งออก โดยเฉพาะตลาดจีนที่ชื่นชอบ “ส้มโอทับทิมสยาม” ซึ่งเป็นผลไม้เนื้อสีแดงเป็นพิเศษ

ครั้งแรก สวนจีนแส การ์เด้น ได้สั่งซื้อกิ่งพันธุ์ส้มโอทับทิมสยามจากอำเภอปากพนัง จำนวน 100 ต้น ในราคากิ่งละ 300-400 บาท เมื่อนำมาปลูกและขยายพันธุ์ในลักษณะเสียบยอด โดยใช้ต้นตอเพาะจากเมล็ดมีรากแก้วแข็งแรง ต้นใหญ่ต้านทานต่อโรค รากดูดซึมอาหารได้ดี

เมื่อได้กิ่งพันธุ์จำนวนมากขึ้น จึงนำไปปลูกบนพื้นที่ 20 ไร่ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดส่งออก ปัจจุบัน สวนจีนแส การ์เด้น สามารถขยายกิ่งพันธุ์ส้มโอทับทิมสยามได้กว่าปีละหมื่นกิ่ง สำหรับให้แก่ผู้ที่สนใจ ในราคากิ่งละ 50 บาท ก็ขายดิบขายดีจนผลิตไม่ทัน เพราะลูกค้าบางราย นำกิ่งพันธุ์ที่ได้ไปขายต่อในตลาดออนไลน์ ในราคากิ่งละ 200 บาท ก็ขายดีเช่นกัน

ปัจจุบัน สวนส้มโอจีนแส การ์เด้น มีพื้นที่เพาะปลูกกว่า 100 ไร่ ส้มโอรุ่นแรกมีอายุเกือบ 40 ปี ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ทองดีและขาวน้ำผึ้ง ต้นส้มโอที่มีอายุมากจะมีลำต้นใหญ่และให้ผลผลิตมาก เฉลี่ยต้นละ 1 ตัน ผลผลิตมีคุณภาพดี เปลือกบาง น้ำหนักดี ขายได้ราคาดี

โดยทั่วไปต้นส้มโอจะให้ผลผลิตตลอดทั้งปี โดยให้ผลผลิตรุ่นใหญ่ 2 ช่วง คือ รุ่นแรก มีผลผลิตเข้าสู่ตลาดประมาณเดือนพฤศจิกายน-มกราคม ขายส่งในราคากิโลกรัมละ 30 บาท ส่วนรุ่นสอง มีผลผลิตเข้าตลาดประมาณเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ขายส่งที่กิโลกรัมละ 50 บาท เนื่องจากผลผลิตรุ่นนี้ตรงกับช่วงฤดูแล้ง ทำให้ส้มโอมีรสชาติอร่อยมาก ความหวานประมาณ 13 บริกซ์ หากนำไปจำหน่ายเอง จะขายปลีกได้กิโลกรัมละ 100 กว่าบาท

ผลผลิตส่วนใหญ่ป้อนตลาดส่งออก คือ จีน และขายในประเทศผ่านห้างโมเดิร์นเทรด ตลาดค้าส่งรายใหญ่ อย่างเช่น ตลาดสี่มุมเมือง ตลาดไท ส้มโอของสวนจีนแส การ์เด้น เป็นที่ชื่นชอบของผู้ประกอบการที่นิยมแกะส้มโอขายเป็นแพ็ก เพราะทางสวนตัดส้มโอแก่ที่ความสุก 90-100% รสชาติหวาน หอม 13 บริกซ์ ถือเป็นส้มโอเกรดคุณภาพ ได้น้ำหนักดี รสชาติอร่อย เป็นที่ถูกใจผู้บริโภค

สำหรับส้มโอที่เพิ่งเปิดสวนใหม่ อายุประมาณ 3-5 ปี รสชาติยังไม่อร่อย คุณสานุก็นำไปแปรรูปเป็น “ไวน์ส้มโอ” เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งแปรรูปผลไม้อื่นๆ ในสวนเป็นไวน์ผลไม้เช่นกัน ขายในชื่อ วิสาหกิจชุมชนพรีมโปรดักส์ ส่วนกิ่งไม้ที่ผ่านการตัดแต่งกิ่ง ก็นำไปแปรรูปเป็นน้ำส้มควันไม้ ผลไม้ที่ผ่านการตัดแต่งมาก็นำไปผลิตเป็นถ่านผลไม้ดูดกลิ่น สร้างรายได้เพิ่มด้วยเช่นกัน

เมื่อถามถึงต้นทุนการทำส้มโอ คุณสานุให้คำตอบว่า ส้มโอ 1 ต้น จะให้ผลผลิตประมาณ 1 ตัน คำนวณคร่าวๆ ขายได้กิโลกรัมละ 30 บาท จะมีรายได้ขั้นต่ำต้นละ 30,000 บาท หักต้นทุนค่าใช้จ่ายต่อต้นไม่เกิน 5,000 บาท จะเหลือผลกำไรต่อต้นประมาณ 25,000 บาท ซึ่งเป็นตัวเลขรายได้ที่ดีมากๆ เพราะส้มโอสามารถเก็บผลผลิตขายได้ตลอดทั้งปี ใน 1 ปีเก็บผลผลิตชุดใหญ่ได้ 2 ครั้ง

พื้นที่ 1 ไร่ ปลูกส้มโอได้ 40 ต้น คำนวณคร่าวๆ เท่ากับ 1 ปี 1 ไร่ จะมีรายได้ทะลุหลักล้านบาททีเดียว ตอนนี้สวนจีนแส การ์เด้น มีพื้นที่ปลูกส้มโอ 100 ไร่ ลองคิดเป็นการบ้านกันดูว่า ปีหนึ่ง สวนจีนแส การ์เด้น จะมีเม็ดเงินเข้ากระเป๋าก้อนโตแค่ไหน

ทางเดินชีวิต…สู่แนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

คุณจันทร์ นาชัยดุลย์ เลขที่ 117 หมู่ที่ 7 ตำบลนาโพธิ์ อำเภอกุดรัง จังหวัดมหาสารคาม 44130 โทรศัพท์ 086-237-2683, 082-836-8780 มีอาชีพทำไร่มันสำปะหลัง ไร่อ้อย ประสบปัญหาต้นทุนการผลิตสูงเพราะใช้สารเคมี พร้อมทั้งได้ประกอบอาชีพเสริมเป็นช่างไม้ โดยรับเหมาก่อสร้างในหมู่บ้านและพื้นที่ใกล้เคียง เป็นผู้รับเหมาซึ่งต้องรับผิดชอบและดูแลลูกน้องทุกคน ทำให้ไม่มีเงินเหลือเก็บเพราะกำไรเล็กน้อย เงินที่ได้ก็ต้องนำมาลงทุนและเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือนทำให้ต้องกู้เงินและมีหนี้สินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

คุณจันทร์ได้รับชมข่าวสารจากโทรทัศน์ในเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมทั้งเข้ารับการอบรมกับทางอำเภอในโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ ทำให้เกิดแนวคิดการดำเนินชีวิตตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คือ ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก เงินที่หาได้มาก็ใช้แต่ในสิ่งจำเป็น และเหลือเก็บเป็นเงินออม ทำให้ไม่ต้องดิ้นรนเพื่อการอยู่รอดเพราะอยู่บ้านก็มีข้าวกิน ปัจจุบัน ไม่มีหนี้สิน มีเงินออม มีความสุขอยู่กับครอบครัว และได้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ครูเกษตรชุมชนเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้แก่เกษตรกรและประชาชนทั่วไป

คุณจันทร์ได้ดำเนินกิจกรรมการเกษตรโดยมีความโดดเด่นในเรื่องเกษตรผสมผสาน มีพื้นที่ในการทำเกษตรกรรม ประมาณ 12 ไร่ แบ่งพื้นที่ตามความเหมาะสม และปลูกพืชหลายอย่าง จัดแบ่งเป็นกลุ่มโดยใช้ปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพ น้ำส้มควันไม้ที่ผลิตไว้ใช้เองเพื่อลดต้นทุนและนำมาจำหน่ายเพื่อเพิ่มรายได้

นอกจากนี้ ยังปลูกพืชผักหลายชนิดและเพาะเห็ดไว้เพื่อจำหน่ายในชุมชน แล้วแต่ฤดูกาลว่าจะมีผลผลิตของพืชชนิดใดออกมา ซึ่งก็ได้นำออกมาจำหน่ายเอง ทำให้ได้ราคาดีกว่าจำหน่ายผ่านพ่อค้าคนกลาง และได้ผลผลิตสินค้าที่ปลอดภัยไว้จำหน่ายให้แก่พี่น้องและเพื่อนบ้านในชุมชน

คุณจันทร์ปลูกไม้ผล ได้แก่ มะนาว น้อยหน่า มะละกอ ขนุน เป็นต้น โดยปลูกแบบผสมผสานในแปลงและรอบบ่อน้ำ การปลูกมะนาวปลูกพันธุ์ไร้เมล็ดและพันธุ์มะนาวแป้นโดยใช้กิ่งพันธุ์ลงปลูก

สำหรับพันธุ์ไร้เมล็ดจะเสียบกิ่งพันธุ์บนตอต้นกระสัง ทำให้มะนาวให้ผลผลิตเร็วภายใน 1 ปีก็จะให้ผล การให้น้ำจะให้ 15 วันต่อครั้ง และใช้น้ำหมักชีวภาพฉีดพ่นทางใบและเทราดรอบโคนต้นเพื่อให้มะนาวสมบูรณ์และติดผล

ที่ี่นี่ปลูกมะม่วงพันธุ์โชคอนันต์ เขียวเสวย น้ำดอกไม้ และฟ้าลั่น เป็นการปลูกโดยใช้กิ่งทาบ การปลูกจะขุดหลุมและใช้ปุ๋ยหมักมูลวัวรองก้นหลุม การปลูกมะม่วงให้ได้ผลผลิตดีจะต้องมีการตัดแต่งกิ่งให้โปร่ง แดดส่องถึง จะทำให้มะม่วงออกช่อดอกและติดผลดี การให้ปุ๋ยจะให้ปีละ 2 ครั้ง ระยะเวลาปลูก 3-4 ปีก็จะให้ผลผลิต

การปลูกน้อยหน่า

ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์พื้นบ้านและพันธุ์เพชรปากช่อง การปลูกใช้ทั้งเมล็ดและกิ่งพันธุ์ซึ่งจะให้ผลผลิตไม่ต่างกัน ระยะเวลาปลูก 2 ปีก็จะให้ผลผลิต การดูแลให้น้ำทุก 10-15 วัน และให้ปุ๋ยหมักปีละ 2 ครั้ง หากพบโรคแมลงจะใช้น้ำส้มควันไม้หมักกับรากไหลแดงฉีดพ่น

คุณจันทร์ปลูกพันธุ์ท้องถิ่น ซึ่งมีข้อดีคือ ดูแลรักษาง่าย ไม่มีโรค การปลูกใช้วิธีเพาะเมล็ดและการปลูกมะละกอจะต้องมีการปรับปรุงสภาพดินให้มีความร่วนซุย โดยใส่ปุ๋ยหมักเดือนละ 1 ครั้ง และให้น้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง รวมทั้งควรหาเศษใบไม้ กิ่งไม้ ไปกองรอบโคนต้นเพื่อให้เกิดความชุ่มชื้นและทำให้ดินมีความโปร่ง ไม่ควรใช้ปุ๋ยเคมีเพราะจะทำให้ดินแน่น ระยะเวลาปลูก 4 เดือน สามารถเก็บผลผลิตได้และจำหน่ายได้ทั้งผลดิบและผลสุก ราคามะละกอดิบกิโลกรัมละ 5-6 บาท มะละกอสุกกิโลกรัมละ 10 บาท

คุณจันทร์ปลูกพันธุ์ทวายและพันธุ์ทองประเสริฐ การปลูกจะใช้กิ่งพันธุ์ โดยสภาพดินที่เหมาะสมในการปลูกขนุนควรเป็นดินเหนียว การให้น้ำเดือนละ 1 ครั้ง และให้ปุ๋ยหมักรอบโคนต้น ปีละ 2 ครั้ง เพื่อบำรุงต้น ผลผลิตที่ได้จะขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของต้น โดยจำหน่ายได้กิโลกรัมละ 10-12 บาท

ซึ่งผลผลิตส่วนใหญ่คุณจันทร์จะนำมาจำหน่ายภายในชุมชน พร้อมทั้งมีการทำปุ๋ยหมักและน้ำหมักชีวภาพไว้ใช้เอง เพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิต โดยมีการปลูกพืชผัก ผลไม้ ไว้บริโภคในครัวเรือนและนำไปจำหน่าย ทำให้รายจ่ายของครัวเรือนลดลง ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นตามปรัญาของเศรษฐกิจพอเพียง

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่นำมาปฏิบัติ

คุณจันทร์ได้ดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คือ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการมีภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะใช้หลัก ความพอประมาณ คุณจันทร์รู้จักประมาณตนเองโดยไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย พอเพียง และการเข้าสังคมก็ประมาณตนไม่หน้าใหญ่ใจโต ไม่อวดร่ำอวดรวย พออยู่พอกิน พอเพียง เหลือจากกินก็แจกจ่ายและนำไปจำหน่าย โดยทำหลายๆ อย่าง และทำอย่างละเล็กละน้อยพออยู่ได้ ตามกำลังที่ตนเองทำได้โดยการพึ่งพาตนเองและไม่เบียดเบียนผู้อื่น

ขอบคุณข้อมูล จากหนังสือ การเพิ่มรายได้เกษตรกร ด้วยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำหรับพันธุ์ไผ่บง พันธุ์เพชรน้ำผึ้ง ประวัติความเป็นมาของ “ไผ่บงหวานเพชรน้ำผึ้ง” เป็นการพัฒนาพันธุ์ไผ่บงหวานเมืองเลย นำเมล็ดมาเพาะเพื่อคัดเลือกสายพันธุ์ เป็นต้นที่คัดมาจากต้นที่เพาะเมล็ด เมื่อ ปี 2549 และขุดแยกเหง้าจากต้นแม่มาขยายพันธุ์ ทำให้มีอายุอยู่ได้มากกว่า 50 ปี แน่นอน และลักษณะเหมือนต้นแม่ทุกประการ

ลักษณะเด่น คือสามารถทำหน่อนอกฤดูได้ หน่อดก หน่อใหญ่เต็มที่มีน้ำหนัก 300 กรัมขึ้นไป สามารถขุดหน่อได้ตั้งแต่ 8 เดือนขึ้นไป มีรสชาติหวาน หอม กรอบ อร่อย และที่สำคัญรับประทานสดๆ ได้ ทำให้สามารถนำไปประกอบเมนูอาหารได้อย่างหลากหลาย เช่น ส้มตำ ยำ สลัด ห่อหมก ผัด ชุบแป้งทอด ต้มจืด ไม่มีสารไซยาไนด์ ปลูกง่าย ดูแลจัดการง่าย ไม่มีโรคและแมลงรบกวน

ปัจจุบัน ได้คัดเลือกออกมาหลายเบอร์ ซึ่งมีลักษณะพิเศษแตกต่างกันออกไป เช่น ไผ่บงหวานเพชรน้ำผึ้ง เบอร์ 1, 2, 3, 9 เป็นต้น

ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการปลูกไผ่บงหวานคือ สามารถทำได้ในครอบครัว ไม่ต้องจ้างคนงานเยอะ ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์-ต้นเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงที่ทำหน่อไม้นอกฤดู และเป็นช่วงที่มีรายได้ดีมากๆ ในช่วงนี้รายได้ตกอยู่ที่เดือนละแสนกว่าบาท เมื่อหักต้นทุนแล้ว สามารถมีรายได้เลี้ยงตัวเองได้อย่างมีความสุข อีกทั้งยังเป็นกิจกรรมเสริมสัมพันธ์ของครอบครัวอีกด้วย

1 ไร่ ปลูกได้ 200 กอ
ในการปลูกไผ่บงหวานนั้น แนะให้ปลูกระหว่างต้น 2 เมตร ระหว่างแถว 4 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ ปลูกได้ 200 ต้น ที่เว้นให้ระยะระหว่างแถวให้กว้าง เพื่อให้เกษตรกรเข้าไปทำงานได้สะดวก เช่น นำขี้เถ้าแกลบไปใส่ได้ง่าย

สำหรับการปลูกก็ไม่ยุ่งยาก ขุดหลุมปลูกขนาด 50x50x50 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกเก่า หลังปลูกเสร็จรดน้ำให้ชุ่ม เคล็ดลับในการปลูกไผ่บงหวาน ถ้าปลูกในช่วงฤดูฝนแนะนำให้ปลูกเสมอกับดินเดิม แต่ถ้าปลูกในช่วงฤดูแล้งจะต้องปลูกให้ต่ำกว่าดินเดิม หรือทำเป็นแอ่งกระทะ

หลังจากปลูกไผ่บงหวานเสร็จ จะต้องหมั่นตัดหญ้า ที่สวนไผ่บงหวานเพชรน้ำผึ้งจะมีการให้ปุ๋ยและให้น้ำ เฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้ง ปุ๋ยคอกจะใช้ได้ทั้งขี้วัวเก่าหรือขี้ไก่ หรือแม้แต่เศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรใช้ได้หมด เช่น ซังข้าวโพด กากอ้อย เปลือกถั่วต่างๆ กากยาสูบ ขี้เถ้าแกลบ

สิ่งที่มีความจำเป็นจะต้องปฏิบัติเป็นประจำทุกเดือนคือ จะต้องมีการสางลำไผ่ขนาดเล็กที่แตกมาจากตาหน่อเก่าหรือแตกมาจากตาบนลำไผ่เดิมออก โดยใช้มีดพร้าสับออกเลย เพื่อให้ข้างล่างโล่ง ให้ใบไผ่อยู่ส่วนบนเท่านั้น

เกษตรกรที่ปลูกไผ่บงหวานใหม่ๆ จะมีหน่อเกิดขึ้นข้างใน ประมาณ 5-6 หน่อ ให้ขุดหน่อข้างในไปบริโภคหรือจำหน่ายได้ ส่วนหน่อที่ออกมานอกกอก็สามารถเก็บขายได้ พอเมื่อเข้าฝนก็ต้องปล่อยให้หน่อนอกกอโตให้มันขึ้นเป็นลำไผ่

ส่วนความต้องการของตลาดโดยทั่วไปแล้ว MAXBET ตลาดมีความต้องการหน่อไม้ไผ่บงหวานที่มีขนาดน้ำหนักของหน่อ 6-8 หน่อ ต่อกิโลกรัม เนื่องจากเมื่อซื้อเป็นของฝากแล้วจะดูน่าซื้อ คือขนาดไม่เล็กเกินไป จริงๆ แล้วหน่อไม้ไผ่บงหวานจะมีคุณภาพและรสชาติดีที่สุด เมื่อนำมาบริโภคสดๆ และเร็วที่สุด ถ้าปล่อยทิ้งไว้หลายวันความหวานจะลดลงเช่นเดียวกับข้าวโพดหวาน ดังนั้น การเก็บหน่อไม้จะมีการขุดขายกันแบบวันต่อวัน ถึงแม้จะเก็บไว้ในตู้เย็น ความหวานก็จะลดลง แต่ถ้าจะเก็บไว้บริโภคนานวัน ควรจะต้มให้สุกแล้วนำมาแช่แข็งจะดีกว่า

“การให้น้ำ จะใช้วิธีการแบบปล่อยน้ำเข้าร่องก็ได้ แต่ก่อนปลูกเกษตรกรจะต้องมีการปรับพื้นที่ปลูก เพื่อให้ไล่ระดับน้ำจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ ถ้ามีการติดระบบการให้น้ำอย่างดีและมีประสิทธิภาพ จะมีการวางระบบน้ำแบบแถวเดี่ยวหรือแถวคู่ก็ได้ โดย 1 หัวน้ำ จะได้ 4 ต้น วางให้ห่าง ระยะ 3 เมตร ใช้สปริงเกลอร์หัวสูง”

ข้าวสาลี เป็นพืชเมืองหนาวที่ปลูกได้ในประเทศไทย สามารถโตได้ดีในพื้นที่ที่มีอากาศหนาว ทำให้บริเวณภาคเหนือของประเทศเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมในการส่งเสริมการปลูกข้าวสาลี เพราะเกษตรกรสามารถนำมาปลูกควบคู่กับพืชเมืองหนาวชนิดอื่นได้ ซึ่งข้าวสาลีเองมีคุณสมบัตินำมาทำประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น การนำมาทำเป็นแป้งเพื่อผลิตขนมปัง หรือจะนำมาสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการทำเป็นสินค้าสวยงามตกแต่งบ้านเรือน

เมื่อเร็วๆ นี้ กรมการข้าวได้จัดงาน “วันถ่ายทอดเทคโนโลยี ปอยข้าวสาลี” เพื่อประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ผลงานของโครงการวิจัย “การพัฒนาการผลิตธัญพืชเมืองหนาวเป็นพืชหลังนาเพื่อการสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรภาคเหนือตอนบน” และเป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต การแปรรูปธัญพืชเมืองหนาว สู่การนำไปใช้ประโยชน์ทั้งการค้าและเพื่อเพิ่มมูลค่า นำไปสู่การสร้างธุรกิจใหม่ตาม BCG model โดยจัดขึ้นที่ศูนย์วิจัยข้าวสะเมิง อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่

ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก คุณทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงานในครั้งนี้ คุณทองเปลว กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ข้าวสาลีเป็นที่นิยมมาก ตลาดมีความต้องการสูงถึง 382 ตันต่อปี และในอนาคตตลาดข้าวสาลีในไทยมีโอกาสที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้น งานนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมมือกันของหลายหน่วยงานอย่าง กรมการข้าว มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และสำนักงานการพัฒนาการวิจัยการเกษตร หรือ สวก. ที่ต้องการพัฒนาการผลิตข้าวสาลีในประเทศไทยให้มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ตรงความต้องการของตลาด และสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรเพิ่มขึ้น เพราะเป็นพืชที่ปลูกหลังการทำนาได้ และสามารถแปรรูปได้อย่างหลากหลาย ใช้ประโยชน์ได้จากทุกส่วน จึงมีการเร่งพัฒนาและผลักดันการผลิตข้าวสาลีในประเทศไทย