โรคแมลงที่ปลูกเป็นสะตอสวนไม่ใช่สะตอป่า การรบกวนของหนอน

แมลงยังมีน้อย แต่ถ้าเป็นสะตอที่อยู่ในเขตป่าหรือเขตการอนุรักษ์ โอกาสที่เจอศัตรูพืชจะมาก ถือเป็นพืชที่ดูแลง่ายเรื่องโรคแมลง ยิ่งสะตอต้นฤดูส่วนใหญ่จะไม่มีหนอน แต่ถ้าเป็นสะตอปลายฤดูจะมีหนอนเยอะ แต่ก็ไม่ถึงกับเดือดร้อน

ระยะการเก็บเกี่ยว …สะตอ ใช้เวลาปลูก 5-6 ปี เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลด้วย แต่ของที่สวนใช้เวลาปลูกกว่า 6 ปี หลังจากนั้น สามารถเก็บผลผลิตได้ตลอด นับมาตั้งแต่สมัยพ่อปลูก ตั้งแต่ปี 2529 จนถึงปัจจุบัน 2563 ก็เป็นเวลา 30 กว่าปีแล้ว ก็ยังสามารถเก็บได้และให้ผลผลิตดก อยู่ที่ 1 ต้น เก็บได้ประมาณ 700-1,000 ฝัก 10 ฝัก เท่ากับ 1 กิโลกรัม ผลผลิตออกตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายน-เดือนกรกฎาคม ผลผลิตจะออกไวกว่าที่อื่น

ราคา …สะตอ ถือเป็นพืชที่มีความผันผวนทางราคาต่ำมาก ช่วงออกใหม่ๆ ราคาฝักละ 10 บาท มาถึงช่วงกลางฤดูราคาจะเริ่มลดลงมาเรื่อยๆ เหลือฝักละ 5-6 บาท แต่ที่พังงาจะโชคดีตรงที่ผักผลไม้รวมถึงสะตอจะออกก่อนจังหวัดอื่น เช่น นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี เพราะฉะนั้นเราจะมีโอกาสทางการตลาดที่มากกว่าที่อื่น พอของที่อื่นเริ่มออก ของเราก็ขายจะหมดแล้ว ราคาผลผลิตก็จะดีไปด้วย

ต้นทุน และรายได้
ต้นทุน …มีแค่ค่าขี้หมู กระสอบละ 50 บาท ใส่ต้นละ 3 กระสอบ เป็นเงิน 150 บาท ใส่ปีละ 4 ครั้ง ตกต้นละ 600 บาทต่อปี ขายสะตอ 100 ฝัก ได้ทุนคืน ที่เหลือคือไรทั้งหมด

รายได้ …ก่อนช่วงเกิดโควิด-19 ขายได้วันละ 2,000-2,500 ฝัก แต่พอช่วงโควิด-19 มา ยอดขายตกลงไปบ้างเล็กน้อยแต่ยังไม่มีผลกระทบอะไรมากมาย เพราะมีลูกค้าประจำที่เป็นแม่ค้ารับไปขายต่ออยู่หลายเจ้า ถ้าเป็นแม่ค้าประจำ ซื้อมากๆ จะขายส่ง ฝักละประมาณ 4.50 บาท แบบแกะเมล็ดก็มีขาย ราคากิโลกรัมละ 350 บาท

ตลาด …หลักๆ ทำขายผ่านช่องทางออนไลน์ เฟซบุ๊กเพียงอย่างเดียว ขายผ่านช่องทางนี้ตั้งแต่ยังไม่ค่อยมีคนขายของออนไลน์ จนกระทั่งตอนนี้มีคู่แข่งเยอะแล้วก็ยังขายได้ดี บางวันต้องตอบลูกค้าเกือบสว่าง เพราะยึดหลักสำคัญของการขายของคือ การซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ห้ามเอาของไม่ดีให้ลูกค้าเด็ดขาด ถึงแม้จะสอยมาแล้วเจอฝักอ่อนก็ต้องตัดใจทิ้ง เมื่อสามารถสร้างความเชื่อใจให้ลูกค้าได้ วันหลังเขาจะกลายมาเป็นลูกค้าประจำเอง และต้องเอาใจลูกค้าที่มีเข้ามาทุกรูปแบบ เพราะลูกค้าเราก็มีหลายรูปแบบ

ลูกค้าที่เป็นเกษตรกรด้วยกัน
ลูกค้าที่เป็นคนใต้ไปอยู่ต่างถิ่น ซื้อไปทำกับข้าวกินเอง
แม่ค้าประจำที่รับไปขายต่อ สั่งซื้อทีละมากๆ ก็จะมีการลดราคาให้ เหลือฝักละประมาณ 4.50 บาท 3-4 วัน สั่ง 1 ครั้ง ถือเป็นการให้แม่ค้าช่วยกระจายสินค้าไปในตัวด้วย
ลูกค้าที่เป็นเจ้าของร้านอาหาร เพราะจังหวัดพังงาอย่างที่ทราบกันว่าเป็นเมืองท่องเที่ยว และร้านอาหารแต่ละร้านจะต้องมีเมนูเด็ด คือ สะตอผัดกุ้งอยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังเป็นเมืองแห่งผลไม้เมื่อนักท่องเที่ยวซื้อผลไม้ชนิดอื่นเห็นสะตอก็ต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนที่บ้านอยู่แล้ว เพราะเป็นของขึ้นชื่อ ทำให้เรามีช่องทางการตลาดเพิ่มมาอีกทาง
ลูกค้าจากต่างแดนประเทศเพื่อนบ้านก็มี

ปลูกสะตอ มีข้อดีอะไรบ้าง
สะตอ ถือเป็นพืชที่ปลูกง่าย ให้ผลผลิตดี
ประหยัดพื้นที่ สามารถปลูกแซมกับไม้ผลชนิดอื่นได้
โรคแมลงมีน้อย ต้นทุนการจัดการต่ำ
เป็นผู้หญิงก็สามารถทำได้ และมีเวลาได้ดูแลพ่อกับแม่ สร้างความสุข ความสบายใจให้กับตัวเองได้อีกด้วย พี่ปลากล่าวทิ้งท้าย
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อเบอร์โทร. 092-474-0375 หรือสนใจสั่งสะตอได้ที่ เฟซบุ๊ก : ปาจรีย์ สว่างศรี

เส้นทางประวัติศาสตร์ของ “มะปราง” ผลไม้พื้นเมืองที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เมื่อ 700 ปี ได้บันทึกไว้เมื่อครั้งพระยาลิไท กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่งอาณาจักรสุโขทัยขึ้นครองราชย์ และทรงเลื่อมใสในพุทธศาสนา ได้ทรงสั่งสอนชาวเมืองให้ตั้งอยู่ในศีลธรรม อันจะเป็นวิธีรักษาบ้านเมืองให้ยั่งยืน จึงทรงสร้างเจดีย์พระบรมธาตุที่เมืองนครชุม (พระบรมธาตุนครชุมกำแพงเพชร) และทรงผนวชในพระพุทธศาสนา ที่วัดป่ามะม่วง เมืองชากังราว

ครั้นถึงวันเพ็ญเดือนสามหน้าร้อน เจ้าฟ้า เจ้าแผ่นดิน จะนำผู้ครองนครเจ้าเมืองน้อยใหญ่ อีกทั้งไพร่ฟ้าข้าราชบริพารจัดแต่งขบวนพยุหยาตรา พากันไปนมัสการพระบรมธาตุนครชุมกำแพงเพชร ทุกๆ ปี จึงมี คำว่า “นบพระ” หมายถึง การ “ไหว้” และ คำว่า “เล่นเพลง” หมายถึง “การเฉลิมฉลอง”

งานประเพณีนบพระ-เล่นเพลง “เมืองชากังราว” กำแพงเพชร จึงมีจัดขึ้นทุกๆ ปี ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบัน ซึ่งตรงกับเดือนสามช่วงหน้าร้อน มะปรางออกลูกพอดิบพอดี ขณะที่การเดินทางสมัยก่อนเคลื่อนขบวนด้วยช้าง ม้า วัว ควาย และเกวียน เป็นพาหนะ จากสุโขทัยมากำแพงเพชร เมื่อเดินทางมาถึงและนมัสการพระบรมธาตุเสร็จก็มืดค่ำ จึงต้องค้างแรมและมีการละเล่น เฉลิมฉลอง (เล่นเพลง) จนรุ่งสาง จึงเดินทางกลับ ซึ่งการเดินทางแต่ละครั้งต้องมีเสบียงอาหาร ผลหมากรากไม้ หนึ่งในนั้นก็คือ มะม่วง มะปราง ที่ข้าราชบริพารกินเสร็จก็ปาทิ้งเป็นกลุ่มเป็นก้อน จึงเป็นที่มาของบ้านหมากม่วง บ้านหมากปราง อยู่หลังธนาคารกสิกรไทย จังหวัดกำแพงเพชร ณ ปัจจุบัน

ประวัติศาสตร์การรบทัพจับศึก ชิงบ้านแปลงเมืองเมื่อ 700 ปีก่อน ไพร่พลเคลื่อนย้ายไปมาหาสู่กันด้วยเรือ ด้วยฝีเท้า จากเมืองเหนือกรุงสุโขทัย เมืองสองแคว พิษณุโลก กำแพงเพชร และอีกหลายหัวเมือง ผ่านแม่น้ำ ลำคลอง ปิง วัง ยม น่าน เคลื่อนไปตามลุ่มน้ำ และบรรจบที่กรุงศรีอยุธยา (เจ้าพระยา) กาลเวลาเปลี่ยนไปถึงยุคสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ กรุงธนบุรี มะปราง มะยงชิด จึงมีให้ปรากฏตามพื้นที่ต่างๆ กระทั่งมาถึงรุ่น คุณวิจิตร ไกรสรสวัสดิ์ ได้รู้จัก มะปราง มะยงชิด ครั้งแรกเมื่อสมัยเป็นนักศึกษาแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ที่บางกอกน้อย

หากย้อนไปเมื่อ 30 ปีก่อน จังหวัดนนทบุรี โด่งดังโดดเด่นในเรื่องผลไม้ เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไปความเจริญก็เข้ามาแทนที่ร่องสวนผลไม้ด้วยอาคารบ้านเรือน ธุรกิจที่อยู่อาศัยและบ้านจัดสรร ไม้ผลเมืองนนท์ที่สร้างชื่อให้กับจังหวัดก็เริ่มหายสาบสูญ บางชนิดก็เคลื่อนย้ายไปสร้างชื่อใหม่ที่นครนายก และพื้นที่อื่นๆ เช่นเดียวกับ มะปราง มะยงชิด

ไม่ใช่เรื่องแปลกหากไม้ผลเมืองนนท์จะมีราคาแพง อย่างเช่น ทุเรียน ที่ชาวสวนยังคงอนุรักษ์ไว้ ใครจะซื้อกินต้องสั่งจองล่วงหน้ากันเป็นปี จะราคาลูกละพันละหมื่นก็ไม่เกี่ยง เพราะอีกไม่นานพันธุ์ดั้งเดิมก็จะเริ่มหดหายหากินยาก ไม่ต่างอะไรกับ มะปรางหวานบางขุนนนท์ ได้เริ่มสูญหายไปจากสวนนนทบุรีแล้ว

จากการเดินทางบนถนนสาย “มะปราง มะยงชิด” นับล้านกิโลเมตร ของ “วิจิตร ไกรสรสวัสดิ์” ในฐานะประธานชมรมมะยงชิด มะปรางหวานใหญ่ภาคเหนือ จึงทำให้ตระหนักกับการค้นหาและได้รับรู้ถึงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มากมาย เมื่อตัดสินใจย้ายถิ่นฐานมาอยู่เมืองกำแพงเพชร ได้เป็นพลเมืองดีเด่น ในปี 2553 ผู้อุทิศตนมอบที่ดินในการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำปิงให้กับจังหวัดกำแพงเพชร

เมื่อคุณวิจิตรเลือกที่จะมาปักหลักอยู่กำแพงเพชรในชีวิตบั้นปลาย มีสำนักงานวิจิตรการเกษตร ด้านหน้าติดเมืองเก่ามรดกโลก ด้านหลังเป็นฝั่งแม่น้ำปิง ส่วนพื้นที่ทำสวนมะปราง มะยงชิด อยู่ไกลออกไปจากตัวอำเภอเมือง บนเส้นทางแหล่งท่องเที่ยวใกล้ๆ กับน้ำตกคลองลาน หมู่ที่ 7 ตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอคลองลาน ท่ามกลางบรรยากาศที่สวยงาม รายล้อมไปด้วยภูเขาและอ่างเก็บน้ำ บนพื้นที่ 50 ไร่ จึงซื้อที่ดินแห่งนี้ไว้ แบ่งทำสวนมะปราง มะยงชิด 12 ไร่ ส่วนที่เหลือปลูกพืชผสมผสานไม้ผลชนิดอื่นๆ

คุณวิจิตร ในวัย 78 ปี ย้ำอยู่เสมอ “ชีวิตมันสั้น แต่ประวัติผมมันยาว” จึงอยากจะเล่าเรื่องราว “มะปราง มะยงชิด” ให้หมดสิ้นในคราวเดียว ซึ่งในรายละเอียดลึกๆ หามีใครรู้ไม่ว่า…กว่าจะได้ มะปราง กับ มะยงชิด มารวบรวมไว้กว่า 60 สายพันธุ์ หมดเงินไปนับสิบๆ ล้านบาท ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี ที่เดินทางตระเวนค้นหา มะปราง มะยงชิด พันธุ์ดีจากแหล่งกำเนิด ในทุกๆ พื้นที่ทั่วประเทศ เดินทางจากสวนหนึ่งไปยังอีกสวนหนึ่ง เมื่อชิมรสชาติจากต้นถูกใจขอซื้อยกต้น แม้เจ้าของสวนจะเรียกราคาสองสามหมื่น ก็ไม่เคยเกี่ยง จ้างขุดล้อมเคลื่อนย้ายยกทั้งต้น เอามาปลูกไว้ที่สวนคลองลาน เพื่อการศึกษาและขยายพันธุ์ต่อ เพราะด้วยใจรัก มะปราง มะยงชิด

เจ้าของสวนบางรายไม่ยอมขายต้น ก็ขอซื้อกิ่งพันธุ์มาเพาะปลูกรวบรวมไว้ที่สวนคลองลาน เต็มพื้นที่ 12 ไร่ ไม่น้อยกว่า 60 สายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์จากนครนายก ปราจีนบุรี บางขุนนนท์ นนทบุรี พิจิตร สวรรคโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก กำแพงเพชร และสมุทรสาคร เป็นต้น

คุณวิจิตร ให้ข้อมูลเพิ่มเติมบนถนนแห่งการค้นพบถึงต้นกำเนิดที่มาของ มะปราง มะยงชิด…

มะปราง เป็นผลไม้ดั้งเดิมมีต้นกำเนิดตั้งแต่สมัยยุคสุโขทัยเป็นราชธานี ขนาดผลจะเล็กประมาณหัวแม่มือ รสชาติหวาน มียาง เวลากินจะรู้สึกระคายคอ

มะยง คนสมัยสุโขทัยเรียกว่า ลำยง ซึ่งกลายพันธุ์มาจากมะปรางพื้นบ้าน และผลจะใหญ่กว่ามะปรางพื้นบ้าน ส่วนรสชาติจะแตกต่างกัน ถ้าหวานมาก เปรี้ยวน้อย จะเรียกว่า มะยงชิด ถ้าหวานน้อยเปรี้ยวมาก จะเรียกว่า มะยงห่าง ถ้าเปรี้ยวอย่างเดียว เรียกว่า กาวาง

มะปรางหวานใหญ่ เป็นการกลายพันธุ์มาจากมะปรางพื้นบ้าน มีขนาด รูปร่าง สีสัน ใกล้เคียงกับมะยงชิด บางพันธุ์มีลูกใหญ่กว่า มียางเล็กน้อย กินแล้วไม่ระคายคอ ขณะที่รสชาติจะหวานแหลมอย่างเดียว

เมื่อได้ มะปราง มะยงชิด จากแหล่งกำเนิดต่างพื้นที่ต่างสายพันธุ์ มาปลูกเพาะขยายพันธุ์รวมกันที่สวนคลองลาน แล้วดูการเจริญเติบโต จึงนำมาเปรียบเทียบหาคุณสมบัติที่ดีเลิศทางกายภาพ คุณสมบัติทางเคมี และรูปพรรณสัณฐาน สีสัน รสชาติ และที่สำคัญต้องเป็นพันธุ์เบา ออกลูกง่าย ผลใหญ่โต จากนั้นเอาไปขยายพันธุ์อีกรอบแล้วรอดูผลผลิตอีกครั้งว่ามีการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมหรือไม่ ถึงจะนำมาตรวจสอบ ดีเอ็นเอ เพื่อแยกเอกลักษณ์จำเพาะพันธุ์แท้ ที่ดีที่สุดอีกครั้ง

โดยคุณสมบัติพันธุ์แท้ในทัศนคติของคุณวิจิตร ที่ว่านี้ ต้องมี 3 อย่าง คือ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ฟิสิกส์ คือ รูปร่างใหญ่โต สูง ยาว ใหญ่ เคมี คือ สีสัน รสชาติ ความอร่อย

ชีวะ คือ ดีเอ็นเอ เครื่องพิสูจน์พันธุ์ หรือสายพันธุ์แท้

จาก 60 สายพันธุ์ คัดกรองลักษณะดีด้อย จนเป็นที่แน่ชัดตรงตามพันธุ์แท้ที่ตัวเองต้องการแล้ว จึงไปขอความร่วมมือจากเพื่อนฝูงที่เป็นนักวิทยาศาสตร์การแพทย์สถาบันใหญ่ๆ ระดับประเทศ ที่เคยเรียนมาด้วยกันมีเครื่องมือที่ทันสมัย ให้ช่วยตรวจพิสูจน์ DNA มะปราง มะยงชิด เพื่อขึ้นทะเบียนพิสูจน์หลักฐาน DNA มะปราง มะยงชิด ทั้ง 9 สายพันธุ์แท้ ที่ตัวเองคัดเลือกมาว่าเป็นพันธุ์ที่ดีที่สุดของโลก โดยจำแนกเป็นมะยงชิด 3 สายพันธุ์ และมะปราง 6 สายพันธุ์ ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้

มะยงชิดสายพันธุ์เพชรกลางดง คุณสมบัติทัดเทียมกับพันธุ์อื่นทุกอย่าง แต่มีจุดเด่นกว่าคือ เป็นพันธุ์เบา ออกผลง่าย ต้านทานโรคและแมลงได้ดีมาก เมื่อนำไปตรวจ ดีเอ็นเอ พบว่า มีเอกลักษณ์จำเพาะพันธุ์ที่โดดเด่นแตกต่างจากพันธุ์อื่น เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงดีที่สุดตลอดกาล แหล่งกำเนิดอยู่ที่บ้านกลางดง กำแพงเพชร
มะยงชิดสายพันธุ์ทูลเกล้าแท้ ไปสร้างชื่อเสียงโด่งดังในนามจังหวัดนครนายก เป็นมะยงชิดที่มีชื่อเสียงเป็นดาวค้างฟ้าไปทั่วประเทศ และเป็นพันธุ์ที่ถูกแอบอ้างชื่อมากที่สุด ซึ่งคุณวิจิตรไปซื้อแม่พันธุ์แท้ ราคา 5,000 บาท มาจากตำบลบางพรหมมา อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของมะยงชิด แล้วนำมาตรวจสอบ ดีเอ็นเอ จดสิทธิบัตร เป็นมะยงชิดพันธุ์ทูลเกล้าแท้ ในนามจังหวัดกำแพงเพชร

มะยงชิดสายพันธุ์บางขุนนนท์ ในสมัยรัชกาลที่ 5 เรียกกันว่า มะปรางเสวย แหล่งกำเนิดอยู่ที่ ตำบลท่าอิฐ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ก่อนจะแพร่ขยายแปลงสวนมาสู่บางขุนนนท์ เรียกว่าเป็นพันธุ์มะยงชิดที่เก่าแก่ที่ดีที่สุด หาพันธุ์มะยงชิดไหนมาเทียบเท่าได้

สุดยอดมะปรางหวานใหญ่ 6 สายพันธุ์ ตรวจพิสูจน์ DNA ได้แก่

มะปรางพันธุ์เพชรคลองลาน เป็นมะปรางหวานไข่ห่าน มีรสชาติหวานฉ่ำ ผลโตมาก แหล่งกำเนิดได้มาจากจังหวัดสุโขทัย
มะปรางพันธุ์เพชรหวานกลม แหล่งกำเนิดอยู่แถบภาคตะวันออก ต้นแม่พันธุ์ได้มาจากจังหวัดปราจีนบุรี สันนิษฐานว่าน่าจะมีเชื้อสายใกล้เคียงกับพันธุ์แม่อนงค์
มะปรางพันธุ์เพชรหวานยาว แหล่งกำเนิดอยู่แถบจังหวัดอุตรดิตถ์ สันนิษฐานว่าน่าจะมีเชื้อสายใกล้เคียงกับพันธุ์สุวรรณบาตร มีรสชาติหวานหอม
มะปรางพันธุ์เพชรนพเก้า มีแหล่งที่มาจากภาคตะวันออก เป็นพันธุ์ที่มีคุณลักษณะคล้ายมะยงชิดมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นต้น หรือดอก ผล แหล่งกำเนิดไม่แน่ชัด รสชาติหวานมัน
มะปรางพันธุ์เพชรเหรียญทอง 1 แหล่งกำเนิดมาจากจังหวัดพิจิตร เชื้อสายพันธุ์ และรสชาติคล้ายพันธุ์ทองใหญ่ แต่เป็นพันธุ์เบา ผลดกมาก รสชาติหวานมัน
มะปรางพันธุ์เพชรเหรียญทอง 2 รูปทรงผลและต้นสวยงาม แหล่งกำเนิดที่มาจากจังหวัดอ่างทอง มีรสชาติหวานแหลม

เรื่อง มะปราง มะยงชิด ไม่ได้จบเพียงเท่านี้ คุณวิจิตร ไกรสรสวัสดิ์ ยอมเอาเกียรติประวัติรับรองท้าพิสูจน์ DNA พันธุ์แท้หนึ่งเดียวของโลก และต้องให้เครดิตถึงแหล่งที่มาต้นกำเนิด มะปราง มะยงชิด ที่แท้จริง…

คุณวิจิตร ไกรสรสวัสดิ์ ปัจจุบัน อยู่บ้านเลขที่ 263/1 ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร โทร. 081-283-8151 และ 081-379-6680 เป็นสำนักงานและที่แสดงต้นพันธุ์ ส่วนแปลงปลูกเก็บผลผลิต อยู่เลขที่ 199 หมู่ที่ 7 ตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร

เหตุผลประการหนึ่งที่ต้นอ่อน(SPROTS)เป็นอาหารที่มีคุณค่าก็คือต้นอ่อนเป็นอาหารที่ย่อยง่ายและให้พลังงานสูง เมล็ดพืชที่สามารถนำมาเพาะเป็นต้นอ่อนได้มีหลายชนิด ได้แก่

ตระกูลถั่ว (Beans) เป็นพืชที่อุดมไปด้วยโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต แต่เมื่ออยู่ในรูปของต้นอ่อนกลับเป็นอาหารที่ไม่ได้ทำให้เกิดภาวะเป็นกรดในร่างกาย ทานตะวัน (Sunflower) ประกอบด้วยวิตามินบีและดีสูง นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยกรดอะมิโนจำเป็นหลายชนิด

งา (Sesame seeds) เป็นแหล่งของแคลเซียม ธาตุเหล็ก ไนอะซิน โปรตีน และฟอสฟอรัส

อัลฟาฟ่า (Alfalfa) สมัคร Royal Online เป็นแหล่งพืชที่นิยมนำมาเพาะเป็นต้นอ่อน เนื่องจากมีคลอโรฟิลล์จำนวนมาก วิตามินเอ วิตามินบีคอมเพลกซ์ ซี ดี อี จี เค นอกจากนี้ยังประกอยด้วยธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัสและซัลเฟอร์ปริมาณมาก ธัญพืช (Grains) ต้นอ่อนของข้าวสาลีอุดมไปด้วยสารอาหารนานาชนิด ได้แก่ วิตามินซี อี บีคอมเพลกซ์ แมกนีเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส โซเดียม โพทัสเซียม โปรตีน เอนไซม์ และ คลอโรฟิลล์

ต้นอ่อนจัดเป็นพืชมหัศจรรย์เนื่องจากมีปริมาณวิตามินและสารอาหารสูงกว่าพืชชนิดเดียวกันที่โตเต็มที่ และพบว่าต้นอ่อนบางชนิดมีวิตามินเพิ่มขึ้นถึง 500 % ยกตัวอย่างเช่น ต้นอ่อนข้าวสาลีมีวิตามินบี12 เพิ่มขึ้น 4 เท่า วิตามินบีอื่นๆ เพิ่มขึ้น 3-12 เท่า วิตามินอีเพิ่มขึ้น 3 เท่า ในถั่วงอกมีวิตามินเอมากกว่าเมล็ดถั่วแห้ง 2.5 เท่า ในเมล็ดถั่วซึ่งเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน แต่ไม่มีวิตามินซีเมื่อเพาะเป็นต้นอ่อนกลับพบว่ามีปริมาณวิตามินซี 3.5 ออนซ์ ซึ่งมีมากถึง 20 มิลลิกรัม

ต้นอ่อนผักบุ้งมีวิธีปลูกไม่ยากเพราะเมล็ดผักบุ้งจะเพาะขึ้นง่ายและใช้เวลาปลูกสั้นประมาณ 8-10 วัน ก็สามารถเก็บมาประกอบอาหารได้ ต้นอ่อนผักบุ้ง 100 กรัม จะให้พลังงานต่อร่างกาย 22 กิโลแคลอรี่ ประกอบด้วยสารอาหารมากมาย เช่น แคลเซียม, ฟอสฟอรัส, เหล็ก, วิตามินเอ, วิตามินบี1 และ 2, วิตามันซี และยังช่วยบำรุงสายตาวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้

เมล็ดพันธุ์ดินละเอียด ดินผสม ขุยมะพร้าว แกลบดำ มูลไส้เดือน
กระบะสำหรับเพาะหรือตะกร้า
วิธีการเพาะ

ล้างเมล็ด 1-2 น้ำ และแช่เมล็ดในน้ำประมาณ 8 ชั่วโมง หรือ 1 คืน
เอาเมล็ดขึ้นจากน้ำใส่ตะแกรงให้สะเด็ดน้ำประมาณ 10-20 นาที แล้วนำเมล็ดไปบ่มโดยห่อผ้าขาวบางทิ้งไว้ประมาณ 20 ชั่วโมง สังเกตว่าจะมีตุ่มเล็กๆ งอกออกมาก็สามารถเอาลงดินหรือวัสดุปลูกต่อไปได้
เตรียมภาชนะปลูก ดินเพาะ นำเมล็ดที่บ่มแล้วโรยลงในภาชนะให้สม่ำเสมอ ไม่ควรแน่นเกินไปกลบดินบางๆ แล้วฉีดน้ำละอองฝอย
รดน้ำ เช้าเย็็็ฌ็นให้ชุ่มประมาณ 8-10 วัน จะได้ต้นอ่อนผักบุ้งไว้รับประทาน

ทั้งนี้ ยังมี พืชอีกหลายชนิดที่สามารถเพาะเป็นต้นอ่อนกินได้ ทั้ง ต้นอ่อนถั่วลันเตา อัลฟาฟ่า ทานตะวัน และหัวไชเท้า สองสามปีมานี้ ไม้ผลชนิดหนึ่งที่มาแรงเห็นจะได้แก่ ทุเรียน นอกจากเป็นผลไม้รสชาติดีแล้ว การซื้อขายกับต่างประเทศไปได้คล่อง บางปีผลผลิตมีน้อย ส่งผลให้ราคาขายจากสวนดี ถึงขั้นดีมาก ด้วยเหตุนี้ จึงมีเกษตรกรปลูกทุเรียนเพิ่มขึ้น อาจจะโค่นเงาะทิ้ง โค่นยางพาราลง แล้วปลูกไม้ยอดนิยมอย่างทุเรียนแทน

ขณะเดียวกัน เกษตรกรที่ปลูกอยู่แล้ว ก็เอาใจใส่สิ่งที่มีอยู่เป็นพิเศษ เพราะขายผลผลิตได้ จึงมีกำลังซื้อปัจจัยการผลิต ส่งผลทำให้แวดวงที่เกี่ยวข้องพลอยคึกคักไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นต้นพันธุ์ ปุ๋ย สารกำจัดศัตรูพืช แรงงาน แม้แต่ค่าไฟฟ้าสูบน้ำมารดต้นทุเรียน ก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้น

ทีมงานนิยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน อยากดูแปลงทุเรียนเด่นๆ สักแปลงเมื่อสอบถามไปยัง คุณทรงธรรม ชำนาญ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดระยอง ได้รับคำแนะนำให้ไปพูดคุยกับ ลุงเสส ใจดี ที่กองดิน

พบหน้าลุงเสส ถามว่าชื่อลุงแปลว่าอะไร “ก็อยู่ดีมีสุข อยากเป็น ส.ส. ก็ตัดสระเอออก…อีกอย่าง ส.เสือ 2 ตัวแข็งแรงดี” ลุงตอบอย่างอารมณ์ดี