ในเอกสารดังกล่าว ยังระบุอีกมีดนกเงือกเป็นมีดกรีดยางอีกหนึ่ง

ทางเลือกที่เปิดตัวมานานกว่า 5 ปี ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ใช้ รวมทั้งตอบโจทย์ได้เพิ่มขึ้นจากมีดรุ่นเก่าหลายประการจากประสบการณ์ของผู้ใช้งานจริงเช่น กรีดยางเพียง 1 มม. ( 1 ปี เสียหน้ากรีดเฉลี่ย 8 นิ้ว ) ได้ปริมาณน้ำยางเพิ่มขึ้น 10-15% ช่วยประหยัดหน้ายาง ทำให้การทำสวนยางยืนยาว มั่นคงขึ้น หน้ากรีดเรียบสวย ไม่ต้องลับมีด แก้ปัญหาลับมีดไม่คมของผู้กรีดยางได้เป็นอย่างดี งบลงทุนต่ำในการฝึกอบรม เพิ่มศักยภาพและยกระดับมาตรฐานคุณภาพการกรีดยาง ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย

มีดนกเงือก ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต ครองใจลูกค้าทั้งในปท.-ตปท.

เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของนวัตกรรมมีดนกเงือก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์มีดกรีดยางชนิดไม่ต้องลับมีด เพราะถูกออกแบบและพัฒนาใบมีดกรีดยางให้มีความคม 2 ด้าน เป็นแบบชนิดถอดเปลี่ยนใบมีดได้ ช่วยแก้ปัญหาการลับมีดไม่คมของผู้กรีดยางได้ที่ต้นเหตุ ด้วยการผลิตใบมีดระบบอุตสาหกรรม เข้ามาแทนการลับมีด ทำให้ประหยัดเวลา ไม่เสียเวลาในการลับมีด รวมทั้งสามารถบังคับความหนา-บางของการกรีดได้ ทำให้ได้น้ำยางมากขึ้นร้อยละ 10-15 เนื่องจากการออกแบบใบมีด เมื่อกรีดแล้ว สันคลองมีดมีอุปกรณ์ยกตัวขึ้น ทำให้ไม่ทับท่อน้ำยาง ทำให้น้ำยางไหลออกเต็มที่ ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับประเทศชาติหลายหมื่นล้านบาท

“ มีดกรีดยางนกเงือก ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาการลับมีดไม่คม ซึ่ง มีดกรีดยางรุ่นเก่าจะต้องลับมีดอยู่บ่อยครั้งบางวันคมบ้างไม่คมบ้าง หากเกษตรกร ลับมีดไม่คม จะส่งผลให้ได้น้ำยางน้อยลง10-20% จึงทำให้ต้องกรีดหนาทำให้เปลืองหน้ากรีด แต่ใบมีดนกเงือก 1 ใบกรีดได้ถึง 4,000 ต้น ไม่ต้องเสียเวลาลับมีด แถมกรีดน้ำยางมากกว่าปกติ ” คุณมะนายิกล่าว

มีดนกเงือก สามารถยืดอายุการกรีดยางจาก 25 ปีเป็น 50 ปี เนื่องจากมีดนกเงือก กรีดบางเพียง 1 มม. ใน 1 ปี เสียพื้นที่หน้ากรีดเพียง 8 มม.ในขณะที่มีดรุ่นเก่ากรีดหนา 1.8-3 มม. ใน 1 ปี เสียพื้นที่หน้ากรีด 18-24 มม. ดังนั้นมีดกรีดยางนกเงือกจึงช่วยยืดอายุการหรีดจึงเพิ่มขึ้นจากเดิม 2-3 เท่า ทำให้ประหยัดงบประมาณลงทุนปลูกยางใหม่ ได้หลายแสนล้านบาท

คุณประยุทธ์ พุทธาโกฐิรัตน์ ประธานบริษัท แอดวานช์ คิว จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันมีสวนยางพาราขนาดใหญ่ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ หันมานิยมใช้มีดกรีดยางนกเงือกกันอย่างแพร่หลาย เช่น บริษัทเทอราโกร(กลุ่มเบียร์ช้าง) บริษัทไทยรับเบอร์ลาเท็กซ์ (ทดลองใช้มีดกรีดยางนกเงือกมา 3ปี ได้ปริมาณน้ำยางเพิ่มขึ้นจากเดิม 20% ด้านคุณพินิจ จารุสมบัติ ได้สั่งซื้อมีดกรีดยางนกเงือกล็อตใหญ่เพื่อใช้ในสวนยางของตัวเองและเครือข่าย ฯลฯ

นอกจากนี้ มีดกรีดยางนกเงือกยังได้รับความนิยมในต่างประเทศอย่างแพร่หลาย เช่น สปป.ลาว พม่า กัมพูชา ศรีลังกา อินเดีย ปาปัวนิวกีนี จีน ฟิลิปินส์ โกตดิวัวร์ (ไอวอรี่โคสท์) บราซิล อินโดนีเซีย ตลอดจนสวนยางพารารายใหญ่ของมาเลเซีย ได้แก่ Tradewinds, IOI, Sime Darby, Risda,RRIM

อินโดนีเซีย ใช้“ มีดนกเงือก ”แก้ปัญหาราคายางตกต่ำ

คุณประยุทธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน อินโดนีเซียมีพื้นที่ปลูกสวนยางมากถึง 5.7 ล้านเฮคเตอร์ ซึ่งสวนยางส่วนใหญ่เป็นของรัฐบาลอินโดนีเซีย(PTPN) ทำให้ดูแลจัดการ-ควบคุมดูแลได้ง่ายกว่าของไทย แต่อินโดนีเซียใช้ระบบการจ้างแรงงานกรีดยาง ในลักษณะเงินเดือน ไม่ได้แบ่งเปอร์เซนต์เหมือนไทย ทำให้แรงงานขาดความตั้งใจ ความกระตือรือร้นในการทำงานกรีดยาง/ต้น/คน/วัน จึงได้ผลผลิตน้อยกว่าไทย

ผลกระทบจากราคายางตกต่ำทั่วโลกในที่ผ่านมา Consulting Firm ซึ่งเป็นกลุ่มสวนยางขนาดใหญ่ในประเทศอินโดนีเซีย และเป็นตัวแทนรัฐบาลอินโดนีเซีย ศึกษาหาช่องทางพัฒนาสวนยางให้เกิดความคุ้มค่าและยั่งยืนได้มากที่สุด ซึ่งอินโดนีเซียตัดสินใจเลือกใช้นวัตกรรม “มีดกรีดยางนกเงือก” เป็นหนึ่งในทางออกแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำ เพราะมีดนกเงือก ช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และสร้างความยั่งยืนแก่การทำสวนยางได้สูงสุด เนื่องจากกรีดยางได้บางเพียงแค่ 1 มม./1ปี เสียพื้นที่หน้ายางเพียง 6-8นิ้ว ประหยัดหน้ายาง 2-3เท่า เท่ากับปลูกสวนยางฯครั้งเดียวเก็บเกี่ยวได้ตลอดชีวิต

ประการต่อมา มีดนกเงือกช่วยเพิ่มผลผลิตน้ำยาง สร้างรายได้เพิ่ม10-15% ขณะเดียวกันแรงงานสามารถเพิ่มจำนวนการกรีดต้นยางได้เพิ่มขึ้น 10-40% ต่อวัน ลดจำนวนแรงงานกรีดยางได้ ช่วยแก้ปัญหาขาดแรงงานกรีดยางได้เป็นอย่างดี มีดนกเงือกช่วยให้หน้ายางเรียบสวยกรีดได้ยาวนาน พร้อมแก้ปัญหาการลับมีดไม่คมของผู้กรีดยางได้ด้วยระบบถอดเปลี่ยนใบมีด ทำให้คุณภาพการกรีดมีคุณภาพและมาตรฐาน ง่ายแก่การควบคุมดูแลสวนยางฯขนาดใหญ่ เหล่านี้เป็นประโยชน์ของเกษตรกรชาวสวนยางฯที่นวัตกรรม-มีดนกเงือก สามารถตอบโจทย์ปัญหาของชาวสวนยางยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี

เจอกันใน “ วันยางพาราบึงกาฬ 2562 ”

ปัจจุบันทางบริษัทได้พัฒนาสินค้ามีดนกเงือกหลากหลายรูปแบบเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน ได้แก่ รุ่นด้ามเหล็ก รุ่นด้ามไม้ รุ่นด้ามอลูมีเนียม ด้ามเหล็ก+ด้ามไม้ และสินค้าตัวใหม่ล่าสุดคือ อุปกรณ์ไฟฉายสำหรับติดด้ามมีด เพื่อเพิ่มแสงสว่างระหว่างทำงานในยามค่ำคืน ขอเชิญชวนผู้สนใจเยี่ยมชมนวัตกรรมมีดนกเงือกพร้อมทดลองใช้สินค้าได้ ในชมงาน “วันยางพาราบึงกาฬ 2562” ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 7 ระหว่างวันที่ 13-19 ธ.ค.2561 ณ บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ ภายใต้แนวคิด“บึงกาฬ ศูนย์กลางยางพารา เศรษฐกิจก้าวหน้า การค้าก้าวไกล” ในครั้งนี้ ทางบริษัทสนับสนุนการจัดกิจกรรมประกวดแข่งขันกรีดยางระดับประเทศ ผู้สนใจสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ในงาน หรือสั่งซื้อกับบริษัทได้ตลอดเวลาทางเบอร์โทร. 02-713-0114-5 และ 081-733-2070

“ เถาวัลย์น้ำตาแม่หม้าย ” เป็นชื่อวัชพืชที่พบได้ทั่วไป ในสวนส้มเขียวหวาน ของพื้นที่อำเภอลอง และอำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ ในอดีตเถาวัลย์เหล่านี้ รุกรานพื้นที่การเกษตรอยู่เป็นประจำ ชาวบ้านพยายามหาทางกำจัดวัชพืชชนิดนี้อยู่เสมอ เพราะเป็นวัชพืชที่เจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ยากแก่การควบคุม

เนื่องจากวัชพืชชนิดนี้ มีความเหนียวมาก ชาวบ้านต้องใช้เรี่ยวแรงค่อนข้างมากในการกำจัด ใช้วิธีดึง ถาง หรือตัดฟันอย่างไร เถาวัลย์ก็ไม่ยอมขาดง่ายๆ มีเรื่องเล่าขานว่า เจ้าของสวนส้มรายหนึ่ง เป็นแม่หม้ายอาศัยอยู่ตัวคนเดียว ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเหมือนพวกผู้ชาย เมื่อต้องไปกำจัดเถาวัลย์ในแต่ละครั้งถึงกับร้องไห้น้ำตาตกเพราะทำงานเหนื่อยยากแสนสาหัส กว่าจะตัดฟันเถาวัลย์ให้ขาดลงได้ จึงเป็นที่มาของชื่อ “ เถาวัลย์น้ำตาแม่หม้าย ” มาจนถึงทุกวันนี้

แปรรูปวัชพืชไร้ค่า… เป็นสินค้ามีราคา

ปี 2537 คุณบัวคลี่ ส่างกันจันทร์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 1 บ้านใหม่ อ.วังชิ้น ได้นำเถาวัลย์น้ำตาแม่หม้าย มาทดลองประดิษฐ์ เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ภายในครัวเรือน เช่น กระจาด ตะกร้า ถาด กระเช้าผลไม้ ตระกร้าใส่เสื้อผ้า ฯลฯ ปรากฏว่า ขายดิบขายดี เพราะทุกวันนี้ ชาวแพร่ส่วนใหญ่ยังคงรักษาวัฒนธรรมท้องถิ่น คือ ถือตระกร้าไปจ่ายตลาด และใช้ตระกร้าใส่ของไปถวายพระเป็นประจำทุกวัน

จุดเด่นอีกอย่างของตระกร้าเถาวัลย์ คือ สวยงาม ทนทาน มีรูปแบบน่าใช้ จึงเป็นที่นิยมของชาวแพร่ คุณบัวคลี่ได้พัฒนางานหัตถกรรมจากเถาวัลย์รูปแบบใหม่ๆ เน้นกลุ่มสินค้าของตกแต่งบ้าน และผลิตภัณฑ์ของที่ระลึก เช่น ตระกร้าใส่ขวดไวน์ ถาดผลไม้ รถจักรยาน รถสามล้อ หมวก ผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้าน ฯลฯ ราคาตั้งแต่หลักสิบไปจนหลักร้อยบาท ปี 2539 ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคเหนือ ได้เข้ามาช่วยจัดฝึกอบรมกลุ่มสมาชิกทำหัตถกรรมจากเถาวัลย์ เพื่อพัฒนาฝีมือ รูปแบบ และหาตลาดรองรับผลิตภัณฑ์

ต่อมา ชาวบ้านในชุมชนตำบลวังชิ้นได้รวมตัวกันก่อตั้ง “ กลุ่มจักสานเครือเถาวัลย์บ้านใหม่ “ ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานเกษตรอำเภอวังชิ้น สำนักงานชุมชนอำเภอวังชิ้นและอุตสาหกรรมจังหวัด มี คุณบัวคลี่ ส่างกันจันทร์ เป็นประธานกลุ่ม ซึ่งการรวมกลุ่มชาวบ้านในชุมชน ทำให้เกิดการถ่ายทอดความรู้เรื่องการจักสานในวงกว้างมากขึ้น ช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่สมาชิกไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท/เดือน

เมื่อเกือบสิบปีก่อน ชาวบ้านหมู่ 1 ตำบลวังชิ้น จำนวน 15 ราย ภายใต้การนำของคุณเอื้อ ทองเสถียรได้ยื่นขอจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชน รหัสทะเบียน 6-540701/1-0014 กับสำนักงานเกษตรอำเภอวังชิ้น เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2549 โดยมีเป้าหมายที่จะใช้วัตถุดิบ ภายในชุมชน นำมาผลิตสินค้าที่เป็นเครื่องจักสานจากเถาวัลย์ จำหน่ายในชุมชน และจำหน่ายให้ผู้สนใจทั่วไป สร้างรายได้เข้าสู่ชุมชน ประมาณปีละ 55,000 บาท

ทุกวันนี้ “ งานจักสานตะกร้าเถาวัลย์ ” ไม่ใช่เป็นแค่อาชีพเสริมรายได้ในช่วงว่างเว้นจากการทำนาหรือทำสวนส้มของเกษตรกรในท้องถิ่นแห่งนี้เท่านั้น แต่กลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรม เพราะชาวบ้านพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์โดยถ่ายทอดวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขา ลงในงานหัตถกรรมแต่ละชิ้นอีกด้วย เช่น ตะกร้าสำหรับใส่ของไปตลาด พานสำหรับใส่ของถวายพระ เปลนอนเด็กทารก เป็นต้น

สมาชิกกลุ่มวิสาหกิจฯ แห่งนี้ มีหลากหลายรุ่น ตั้งแต่วัยชรา วัยทำงาน และวัยรุ่น พวกเขาตั้งหน้าตั้งตาจักสานเถาวัลย์ตามแบบโบราณที่เรียนรู้จากผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชนแล้ว พวกเขายังกระตือรืนล้นที่จะพัฒนาปรับปรุงรูปแบบใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด และบ่อยครั้งที่พวกเขาส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ไปร่วมประกวดแข่งขันในเวทีต่างๆ อยู่เสมอ ทำให้เกิดแรงกระตุ้นให้มีการพัฒนาฝีมือจักสารให้ดียิ่งขึ้นตลอดเวลา

จากการพูดคุยกับสมาชิกกลุ่ม ฯ เราเห็นความตั้งใจมุ่งมั่นของพวกเขาที่จะผลิตสินค้าให้มีคุณภาพดี เพื่อร่วมกันอนุรักษ์และสืบทอดมรดกทางปัญญาจากรุ่นสู่รุ่น หนึ่งครอบครัวตัวอย่างที่เห็นได้ในครั้งนี้ คือ ครอบครัว ยายตุ้ม ปิงสอน วัย 70 ปี ที่ถ่ายทอดความรู้เรื่องงานจักสานให้แก่บุตรสาว คือ คุณวนาลี คนธรรพ์ ได้ใช้สร้างงาน สร้างอาชีพ และ ทายาทรุ่นต่อมาคือ น้องพุฒิเดช คนธรรพ์ ลูกชายวัย 12 ขวบ ได้เรียนรู้งานจักสาน จากคุณวนาลี ผู้เป็นแม่ด้วยเช่นกัน

เถาวัลย์ที่ใช้จะมีหลายขนาด เส้นขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ จะต้องคัดเลือกให้ได้พอดีและต้องเหลาเส้นใยออกให้เรียบ และการขึ้นรูป เถาวัลย์ให้เป็นผลิตภัณฑ์รูปแบบต่างๆ จะต้องอาศัยความใจเย็น ใช้ความพิถีพิถัน เพื่อให้ได้รูปทรงของผลิตภัณฑ์เถาวัลย์ที่ออกมาสวยงาม การทาสีวานิชเคลือบก็จะต้องทาให้เรียบอย่าให้เกิดฟองอากาศ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์เถาวัลย์ที่สวยงาม คงทน มีสีสันสวยงามตามลักษณะธรรมชาติ

การจักสานตะกร้าเถาวัลย์ ต้องเตรียมหาวัตถุดิบและส่วนประกอบต่างๆ เช่น เถาวัลย์ ถังต้มเถาวัลย์ ตะปู กาว มีด กรรไกร เหล็กแหลม น้ำมันวานิช ส่วนเถาวัลย์หากไปเก็บเองตามสวนส้มต่างๆ อาจจะชักช้าไม่ทันกับความต้องการของตลาด เพราะกลุ่มวิสาหกิจฯ ต้องการใช้เถาวัลย์เป็นวัตถุดิบเพื่อการแปรรูปจำนวนมาก จึงทำให้มีพ่อค้าคนกลางทำหน้าที่รวบรวมเถาวัลย์จากสวนส้มต่างๆ มาขายให้แก่กลุ่มวิสาหกิจฯ ในราคา ก.ก.ละ 60 บาท

เมื่อได้เถาวัลย์ตามที่ต้องการแล้ว ชาวบ้านจะเริ่มขั้นตอนการผลิต โดยนำเถาวัลย์ที่เก็บมาตัดเอาใบออกให้หมด แล้วนำมาขดหรือม้วนเป็นวงกลมเล็กๆให้มีขนาดที่ใส่ภาชนะต้มได้ หลังจากนั้นจะนำมาต้มประมาณ 3-4 ชั่วโมง หรือจนกระทั่งเปลือกเถาวัลย์ยุ่ย ขั้นตอนต่อมา ชาวบ้านจะค่อยๆ ลอกเปลือกและรากออก นำแกนด้านในที่ได้ ล้างน้ำให้สะอาดด้วยสารส้ม แล้วผึ่งแดดจนเถาวัลย์แห้งสนิท ถ้าแดดจัดใช้เวลา ประมาณ 2 วัน

ก่อนจะนำเถาวัลย์มาจักสานให้เป็นผลิตภัณฑ์ ชาวบ้านจะนิยมนำเถาวัลย์มาแช่น้ำก่อนประมาณ 1-2 ชั่วโมงเพื่อให้เถาวัลย์มีความอ่อนตัว ดัดหรือขึ้นรูปได้ง่าย แต่ยังมีความเหนียวอยู่ ไม่เปราะง่ายเมื่อจักสาน แต่อย่าแช่น้ำให้นานมาก เพราะจะทำให้เถาวัลย์มีกลิ่นเหม็น เมื่อจักสานเป็นผลิตภัณฑ์เรียบร้อยแล้ว จึงค่อยนำมาผึ่งแดดให้แห้งสนิท แล้วนำมาชักเงาด้วยวานิชกันความชื้น ไม่ให้ผลิตภัณฑ์ขึ้นราและให้ความแวววาวสวยงาม

กรมวิชาการเกษตร เตรียมพร้อมเฝ้าระวังหนอนกระทู้ fall armyworm ระบาดข้ามพรหมแดน หลังพบเข้าเอเชียโผล่ที่อินเดียแล้ว ล่าสุดพบอยู่ห่างชายแดนไทยประมาณ 1,200 กิโลเมตร ชี้เป็นแมลงที่บินได้ไกล ขยายพันธุ์เร็ว พืชอาหารมากกว่า 80 ชนิด เจาะข้าวโพดเป็นพืชหลัก เคลียร์พื้นที่ปลูกข้าวโพดพร้อมสร้างการรับรู้สู่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานภาครัฐและเกษตรกร

นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า จากการที่ประเทศไทยได้รับการแจ้งเตือนจาก FAO เรื่องการระบาดของหนอนกระทู้ fall armyworm ซึ่งเป็นแมลงศัตรูพืชที่สำคัญของข้าวโพดเดิมพบระบาดในพื้นที่เขตร้อนและพื้นที่เขตกึ่งร้อนของทวีปอเมริกา และมีรายงานการระบาดครั้งแรกในภาคกลางและภาคตะวันตกของทวีปแอฟริกาในช่วงต้นปี 2559 จากนั้นได้แพร่กระจายออกไปและเกิดการระบาดในหลายประเทศเกือบทั่วทวีปแอฟริกา ส่วนในทวีปเอเชียมีรายงานพบการระบาดครั้งแรกในปี 2561 นี้โดยพบทำลายข้าวโพดในพื้นที่ Chikkaballapur, Karnataka ของประเทศอินเดีย

กรมวิชาการเกษตรในฐานะที่ทำหน้าที่เป็นองค์กรอารักขาพืชแห่งชาติตามอนุสัญญาว่าด้วยการอารักขาพืชระหว่างประเทศมีหน้าที่ป้องกันมิให้ศัตรูพืชจากต่างประเทศเข้ามาแพร่ระบาดในประเทศจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อพืชสำคัญทางเศรษฐกิจ ได้ดำเนินการเฝ้าระวังหนอนกระทู้ fall armyworm เพื่อป้องกันไม่ให้เข้ามาระบาดในประเทศไทย

โดยสำรวจพื้นที่ปลูกข้าวโพดในประเทศไทยตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2561 เป็นต้นมา โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง ได้แก่ จังหวัดตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย เนื่องจากรายงานล่าสุดของ FAO ระบุว่าหนอนกระทู้ระบาดที่ West Bengal ประเทศอินเดีย โดยอยู่ห่างจากชายแดนไทยทางด้านทิศตะวันตกประมาณ 1,200 กิโลเมตรซึ่งผลการสำรวจเพื่อเฝ้าระวังในช่วงระยะวลาที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ยังไม่พบหนอนกระทู้ fall armyworm เข้ามาระบาดในประเทศไทย

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า นอกจากการเฝ้าระวังโดยการสำรวจพื้นที่ปลูกข้าวโพดแล้ว กรมวิชาการเกษตรยังได้สร้างการรับรู้ถึงสถานการณ์การระบาดของหนอนกระทู้ fall armyworm ไปสู่เกษตรกร เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตร และด่านตรวจพืชของกรมวิชาการเกษตร เพื่อให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องตื่นตัวและร่วมกันเฝ้าระวังไม่ให้หนอนกระทู้ fall armyworm เข้ามาแพร่ระบาดในประเทศไทย

เนื่องจากเป็นแมลงศัตรูพืชที่สามารถบินได้ไกล โดยตัวเต็มวัยสามารถบินเฉลี่ยได้เฉลี่ย 100 กิโลเมตร/คืน ขยายพันธุ์ได้รวดเร็วมากจำนวน 30-40 วัน / รุ่น และมีพืชอาหารจำนวนมากกว่า 80 ชนิด ซึ่งนอกจากข้าวโพดแล้วยังมีพืชอาศัยอื่นที่เป็นแหล่งอาหาร เช่น ข้าว อ้อย ข้าวฟ่าง ข้าวสาลี ฝ้าย ทานตะวัน ถั่วเหลือง หญ้า และพืชผักอีกหลายชนิด

ลักษณะการเข้าทำลายของหนอนกระทู้ fall armyworm การทำลายพืชเกิดขึ้นในระยะที่เป็นตัวหนอนเท่านั้น หนอนจะระบาดทำลายข้าวโพดตั้งแต่อายุประมาณ 7 วัน จนกระทั่งออกฝัก โดยกัดกินยอดและใบข้าวโพดแหว่งหรือกัดกินทั้งแผ่นใบ และจะพบตัวหนอนหลบซ่อนแสงอยู่ที่ยอดหรือโคนกาบใบข้าวโพด ความเสียหายที่เห็นได้ชัดคือในระยะต้นอ่อนทำให้พืชตาย ระยะต้นแก่พืชจะไม่เจริญเติบโต ฝักลีบเล็กไม่สมบูรณ์ หากระบาดรุนแรงจะทำให้ผลผลิตเสียหาย 73%

สำหรับการป้องกันและกำจัดหนอนกระทู้ fall armyworm สามารถกำจัดได้โดยใช้สารชีวภัณฑ์ตามคำแนะนำของ FAO เช่น ใช้แตนเบียนไข่ไตรโคแกรมมา (Trichogramma) แตนเบียนไข่เทเลโนมัส (Telenomus) แตนเบียนคีโนลัส (Chelonus) แมลงหางหนีบ เชื้อราบิวเวอเรีย (Beauveria bassiana) แบคทีเรียบาซิลลัสไอซา (Bt aizawai) หรือบาซิลลัสทูริงจิเอนซิส (Bt thuringiensis)

“อย่างไรก็ตามด้วยลักษณะภูมิประเทศที่แตกต่างกันหากหนอนกระทู้ fall armyworm จะระบาดเข้ามาถึงมาประเทศไทยอาจต้องใช้เวลามากกว่าการระบาดในอินเดีย อย่างไรก็ตามเพื่อป้องกันไม่ให้หนอนกระทู้ fall armyworm ระบาดเข้ามาภายในประเทศขอให้เกษตรกรช่วยกันสำรวจพื้นที่ปลูกข้าวโพด รวมทั้งพืชอาศัยอื่นเช่น ข้าว อ้อย ข้าวฟ่าง ข้าวสาลี ฝ้าย ทานตะวัน ถั่วเหลือง หญ้า และพืชผักอีกหลายชนิด หากพบพืชมีลักษณะอาการคล้ายกับการระบาดของหนอนกระทู้ fall armyworm ขอให้แจ้งสายด่วน หนอนกระทู้ fall armyworm โทร. 06-1415-2517 นอกจากนี้ ในปี 2562 กรมวิชาการเกษตรยังมีแผนเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นโดยใช้วิธีติดกับดักฟีโรโมนหนอนกระทู้ fall armyworm ในพื้นที่เสี่ยงต่อการระบาดด้วย” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว

นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงานวันดินโลก “สืบสานศาสตร์พระราชา พัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืน ลุ่มน้ำปราจีนบุรี” พร้อมด้วยนายพิบูลย์ หัตถกิจโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ข้าราชการ ประชาชน ร่วมกันถวายราชสดุดี เทิดพระเกียรติในหลวง ร.9 ณ อ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา จ.ปราจีนบุรี

นายวิวัฒน์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดงานวันดินโลกขึ้น ในโอกาสองค์การสหประชาชาติ และ องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชติ (FAO) กำหนดให้ วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เป็น“วันดินโลก”เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมสำคัญนี้

เพื่อเผยแพร่และขยายผลการดำเนินงานพัฒนาระบบกสิกรรมโดยน้อมนำศาสตร์พระราชาของในหลวงรัชกาลที่ 9 หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เกษตรทฤษฎีใหม่ มาบูรณาการในรูปแบบประชารัฐ เน้นการอนุรักษ์ทรัพยากรดินและน้ำ เพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำ และพัฒนาพื้นที่ให้สอดคล้องกับสภาพภูมิสังคมแต่ละพื้นที่

กรมชลประทาน จึงได้ร่วมกับ จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อจัดงานวันดินโลก ปี 2561 ขึ้น ภายใต้ชื่องาน “สืบสานศาสตร์พระราชา พัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืน ลุ่มน้ำปราจีนบุรี” สำหรับกิจกรรมในงานตลอดทั้ง 3 วัน มีการจัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “นักวิทยาศาสตร์ดินเพื่อมนุษยธรรม” การบูรณาการระหว่างดิน น้ำ และพืช รวมถึงนิทรรศการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ และภาคีความร่วมมือต่างๆ และยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย ทั้งการจัดทำแปลงสาธิตเกษตรทฤษฎีใหม่, การแสดงบนเวที การจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้และหญ้าแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ การปล่อยสัตว์น้ำ บริการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า และรถยนต์ จากส่วนราชการและนักศึกษา, การบริจาคโลหิต

การให้บริการตรวจหาสารเคมีในเส้นเลือด รวมถึงการประกวดแข่งขันในหัวข้อเกี่ยวกับงานวันดินโลก นอกจากนี้ ประชาชนที่มาร่วมงานยังจะได้เลือกชมและซื้อสินค้าจากร้านจำหน่ายสินค้าของเกษตรกรในพื้นที่ทั้งสินค้าเกษตรอินทรีย์, ผลิตภัณฑ์ OTOP นวัตวิถี, สินค้าธงฟ้าราคาประหยัด และชิมผลไม้พื้นถิ่น อาหารพื้นบ้าน โดยตลอดทั้งงานยังมีการเปิดให้บริการนั่งรถรางชมเขื่อนนฤบดินทรจินดา ถ่ายภาพกับทุ่งปอเทือง อีกด้วย

นายพิบูลย์ หัตถกิจโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า จังหวัดปราจีนบุรี มีความยินดีอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดงานเนื่องในวันดินโลก ปี 2561 “สืบสานศาสตร์พระราชา พัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืน ลุ่มน้ำปราจีนบุรี” เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนในจังหวัด และพื้นที่ใกล้เคียง ตลอดจนผู้มาร่วมงาน ได้ศึกษาแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานศาสตร์พระราชา และเกษตรทฤษฎีใหม่จากเครือข่ายในพื้นที่ สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับวิถีชีวิตดั้งเดิมได้

ทั้งนี้ ขอเชิญผู้สนใจไปเที่ยวชมงาน “สืบสานศาสตร์ พระราชา พัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืน ลุ่มน้ำปราจีนบุรี” จะจัดขึ้น ณ อ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี ตั้งแต่วันนี้ 8 – 10 ธันวาคม 2561 เป็นเวลา 3 วัน เวลา 08.30 – 16.30 น.

เมื่อเวลา 07.00น. วันที่ 9 ธันวาคม 2561 รายงานข่าวจากศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก จ.สงขลาเปิดเผยว่าบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกยังคงมีฝนหนักบางแห่ง บริเวณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และ จ.สงขลา ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ปริมาณฝนตกสะสม น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง

“ลักษณะทางอุตุนิยมวิทยาที่สำคัญ บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีน ได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนในช่วงวันที่ 9-11 ธันวาคม 2561 ทำให้มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลาง”

รายงานข่าวว่าภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมากกับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนหนักบางแห่ ตั้งแต่บริเวณ จ.สุราษฎร์ธานีลงมา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

“กฤษฎา” รมว.เกษตรฯเรียกประชุมหวังเร่งการใช้ยางพาราในประเทศให้มากขึ้น เตรียมเสนอ ครม.แก้ระเบียบจัดซื้อจัดจ้างของสำนักนายกฯ เปิดทางหน่วยงานราชการประมูลซื้อสินค้าที่มีส่วนผสมยางพาราได้สะดวกขึ้น ด้านกรมบัญชีกลางเตรียมเผยสเป็กถนนยางพาราซอยล์ซีเมนต์สัปดาห์หน้า

นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังการหารือกับกลุ่มผลิตภัณฑ์ยาง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กับกลุ่มผลิตหมอน-ที่นอนจากยางพาราว่า เพื่อเป็นการเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศจากปัจจุบันที่ใช้อยู่ระหว่าง 400,000-500,000 ตันต่อปี และลดปริมาณการส่งออกยางขั้นปฐมปีละประมาณ 4 ล้านตัน ที่ประชุมจึงมีความเห็นกรณีหน่วยงานของรัฐบาลหรือรัฐวิสาหกิจที่ใช้สินค้าที่มีส่วนผสมยางพารา แต่ TOR จัดซื้อกลับกำหนดให้สินค้าที่มีส่วนผสมยางพาราดังกล่าวจะต้องได้มาตรฐาน มอก. และการจัดซื้อจะยึดราคาต่ำเป็นหลักนั้น ภาคเอกชนต้องการให้หน่วยงานรัฐเหล่านั้นกำหนดสเป็กช่วยสินค้าที่มีส่วนผสมยางพาราจากในประเทศด้วย