destination spa สปาที่ให้บริการดูแลสุขภาพอย่างครบวงจรพร้อม

ห้องพักแก่ลูกค้า โดยลูกค้าสามารถเลือกระยะเวลาการเข้าพักและบริการที่สอดคล้องกับเป้าหมายด้านสุขภาพของตนเองได้ตามต้องการ ส่วนใหญ่จะมีระยะเวลาการเข้าพักและรับบริการตั้งแต่ 3-28 วัน สปารูปแบบนี้มักตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวที่มีทัศนียภาพสวยงาม ยกตัวอย่างเช่น ชีวาศรม และอมันปุรี เป็นต้น

และ 3. hotel spa เป็นสปาที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของโรงแรม ลักษณะการให้บริการจะคล้ายกับ day spa โดย hotel spa ในไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลก ได้แก่ Banyan Tree Spa และ Kempinski the Spa

ทั้งนี้ hotel spa นับเป็นหนึ่งในรูปแบบสปาที่น่าจับตามอง เนื่องจากมีแนวโน้มเติบโตตามภาคการท่องเที่ยวของไทย ที่ยังขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความหลากหลายของกิจกรรมให้แก่นักท่องเที่ยวและช่วยเสริมประสิทธิภาพการสร้างรายได้ให้แก่โรงแรม

ผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง หากดูแลร่างกายไม่ดีอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้

นพ. สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ให้ข้อมูลว่า คนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง คือ ผู้ที่มี ความดันโลหิตมากกว่า 140/90 มิลลิเมตร (มม.)/ปรอท เป็นโรคเรื้อรังที่พบได้บ่อยในคนไทย หากเป็นนานๆ จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดอัมพาต ซึ่งเกิดจากหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก สมองเสื่อม ไตวาย ทั้งแบบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง และหลอดเลือดแดงส่วนปลายแข็งและตีบ โดยเฉพาะหากเป็นร่วมกับโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง รวมทั้งสูบบุหรี่จะยิ่งทำให้หลอดเลือดตีบเร็วขึ้น หากไม่ได้รับการรักษาอย่างสม่ำเสมอ ถูกต้อง และเหมาะสม จะส่งผลให้หัวใจทำงานหนักมากขึ้น กล้ามเนื้อของหัวใจหนาขึ้น โตขึ้น เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่พอจนขาดเลือด อาจทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว และเสียชีวิตได้

ทั้งนี้ พญ. วิพรรณ สังคหะพงศ์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กล่าวว่า ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงจะมีปวดบริเวณท้ายทอย มักเป็นในตอนเช้า ปวดหัว เวียนหัว มึนงง เหนื่อยง่ายผิดปกติ อาจมีอาการแน่นหน้าอก คลื่นไส้ อาเจียน บางรายไม่มีอาการ แต่ตรวจพบว่ามีความดันโลหิตสูง ซึ่งมักพบในผู้สูงอายุ และผู้ที่มีอายุ 40 ปี ขึ้นไป เพศชายมากกว่าเพศหญิง หรือในบางรายอาจเกิดจากพันธุกรรม นอกจากนี้ การกินอาหารเค็มที่มีปริมาณเกลือโซเดียมมากกว่า 2,400 มิลลิกรัม (มก.)/วัน เครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า ขาดการออกกำลังกาย น้ำหนักตัวเกินหรืออ้วนลงพุง นอนกรน สูบบุหรี่เป็นโรคเบาหวาน มีไขมันในเลือดสูง ก็เป็นปัจจัยสำคัญต่อการเกิดโรคด้วย

วิธีป้องกัน หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ลดปริมาณเกลือในอาหาร งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป อาหารกึ่งสำเร็จรูป ควบคุมน้ำหนัก ไม่เครียด และหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

คพ.เตือนฤดูร้อนไฟไหม้กองขยะง่าย ชี้สารพัดมลพิษหลังเกิดไฟไหม้กองขยะ แนะควรกลบทับขยะด้วยดินทุกวัน ห้ามสูบบุหรี่หรือก่อกองไฟใกล้ๆ

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม นางสุวรรณา เตียรถ์สุวรรณ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า ปัญหาเพลิงไหม้บ่อขยะสามารถเกิดขึ้นได้ทุกฤดู แต่ในช่วงฤดูร้อนปัญหานี้มักเกิดขึ้นมากกว่าช่วงฤดูอื่นๆ เพราะเป็นช่วงที่อากาศแห้ง อุณหภูมิสูง ทำให้ความชื้นในกองขยะมีน้อย เมื่อขยะเกิดการลุกไหม้จึงลุกลามได้ง่ายและดับยาก ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560-มีนาคม 2561 พบมีเพลิงไหม้บ่อขยะ 6 แห่ง ได้แก่ 1. บ่อขยะ ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 2. บ่อขยะ ตำบลจุมพล อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย 3. บ่อขยะเอกชน ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา 4. บ่อขยะ ตำบลทุ่งกระตาดพัฒนา อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ 5. บ่อขยะเอกชน ตำบลต้นธงชัย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง และ 6. บ่อขยะใน ตำบลศาลา อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง

นางสุวรรณา กล่าวว่า เหตุเพลิงไหม้บ่อขยะทำให้เกิดก๊าซพิษที่มีฤทธิ์เฉียบพลัน เช่น คาร์บอนมอนอกไซด์ ไนโตรเจนไดออกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ไฮโดรเจนคลอไรด์ และฝุ่นละอองขนาดเล็ก เป็นต้น รวมทั้งอาจมีน้ำเสียจากการดับเพลิงไหลล้นสู่พื้นที่ใกล้เคียงหรือแหล่งน้ำสาธารณะ ทำให้คุณภาพน้ำเสื่อมโทรมส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำ บางกรณีหน่วยงานท้องถิ่นต้องอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงอันตราย ซึ่งต้องใช้งบประมาณภาครัฐในการบริหารจัดการ และนอกจากผลกระทบด้านสุขภาพอนามัยของประชาชนในพื้นที่หรือประชาชนที่สัญจรผ่านไปมาแล้ว หากเหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นในบ่อฝังกลบขยะตามหลักสุขาภิบาลก็ย่อมทำให้การกำจัดขยะช่วงดังกล่าวต้องหยุดชะงักลง จึงต้องงดให้บริการเก็บขนขยะในชุมชนและทำให้ขยะสะสมตกค้างในชุมชนปริมาณมาก ส่งผลกระทบด้านสังคม ประชาชนกังวล ไม่ยอมรับ และไม่ไว้วางใจต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ นำไปสู่การต่อต้านการเดินระบบกำจัดขยะหรือการสร้างสถานที่กำจัดขยะแห่งใหม่ในอนาคต

นางสุวรรณา กล่าวว่า คพ.จึงขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้มงวดในการดำเนินมาตรการป้องกันเหตุเพลิงไหม้ในพื้นที่บ่อขยะที่รับผิดชอบ และการป้องกันต้นเพลิงที่อาจเกิดจากความประมาทหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ต่างๆ เช่น ควรกลบทับขยะด้วยดินทุกวัน ห้ามสูบบุหรี่หรือก่อกองไฟ ห้ามบุคคลภายนอกเข้ามาคุ้ยเขี่ยขยะ จัดหน่วยเฝ้าระวังการเกิดเพลิงไหม้บ่อขยะและพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้ง ควรเตรียมอุปกรณ์ดับเพลิงไว้ภายในบ่อขยะ

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม นพ. สุขุม กาญจนพิมาย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า เมื่อเดือนกันยายน 2560 ที่ผ่านมาศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 10 อุบลราชธานี ได้รับตัวอย่างผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร นำส่งทางไปรษณีย์ จากผู้ใช้บริการภาคเอกชน จังหวัดสมุทรสาคร 1 ตัวอย่าง มีลักษณะเป็นผงละเอียดสีขาวบรรจุในแคปซูล สีเขียวอมฟ้า อยู่ในแผงบรรจุละ 10 แคปซูล

นพ. สุขุม กล่าวอีกว่า ผลการตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างทางห้องปฏิบัติการ พบสาร Desoxy-D2PM โดยมีสูตรโครงสร้างทางเคมีคล้ายกับสารที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการดูดกลับของสาร สื่อประสาทในสมอง มีฤทธิ์กระตุ้นประสาท กดความอยากอาหาร และทำให้เคลิบเคลิ้ม แต่มีรายงานการได้รับสารนี้แล้วมีอาการประสาทหลอน หวาดระแวง หรือมีพฤติกรรมรุนแรง ม่านตาขยาย และเกิดภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ สารกลุ่มนี้มักถูกนำมาใช้ในรูปแบบสารเสพติดสังเคราะห์ เพื่อทดแทนและหลีกเลี่ยงสารที่ถูกควบคุมโดยกฎหมาย

“ในประเทศสหราชอาณาจักรได้จัดให้สาร Desoxy-D2PM เป็นยาควบคุม เดียวกับแอมเฟตามีน แคนนาบินอลและอนุพันธ์ แคนนาบิส โคดีอีน และคีตามีน เนื่องจากพบว่ามีการออกฤทธิ์ผลข้างเคียงและความเสี่ยงเทียบเท่ากัน แต่ประเทศไทยยังไม่มีการกำหนดให้สาร Desoxy-D2PM เป็นสารควบคุมตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท หรือประกาศตามกฎหมายอื่น จึงยังไม่มีมาตรการควบคุมใดๆ” นพ. สุขุม กล่าวและว่า การตรวจพบสารชนิดนี้ ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าว จึงเป็นข้อมูลทางห้องปฏิบัติการที่สำคัญของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มและความเสี่ยงที่จะมีการนำสารออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ที่ยังไม่ถูกควบคุมตามกฎหมายในประเทศไทย มาใช้ปลอมปนในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทลดน้ำหนัก อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนและสังคมโดยรวมได้

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบดังกล่าว กรมจะส่งข้อมูลผลการตรวจวิเคราะห์ดังกล่าวให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปใช้ในการเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลดน้ำหนัก และพิจารณาทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการแจ้งเตือนภัยให้ประชาชนทราบถึงความเสี่ยงและอันตรายต่อไป

กรมส่งเสริมสหกรณ์ ทำหน้าที่คนกลางถกแนวทางแก้ปัญหาสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด หลังสหกรณ์ขาดสภาพคล่องในการบริหารงาน ด้านเจ้าหนี้สหกรณ์ 15 แห่ง ยันให้ความร่วมมือแก้ไขปัญหาพร้อมให้ความช่วยเหลือ เตรียมตั้งคณะทำงานพิเศษเพื่อติดตามแก้ไขปัญหาใกล้ชิด ชี้สหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด ยังส่งชำระหนี้คืนเจ้าหนี้ได้ปกติไม่เคยผิดนัด ขณะที่สหกรณ์ฯ สโมสรรถไฟ ยื่นข้อเสนอขอผ่อนผันชำระหนี้คืนไม่เกิน 3 เดือน เพื่อมีเงินหมุนเวียนไปให้สมาชิกกู้ยืม ทำให้มีรายได้กลับคืนมาผ่อนชำระหนี้คืนเจ้าหนี้ได้และมีสภาพคล่องเพิ่มมากขึ้น

นายณรงค์พล พัฒนศรี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมสหกรณ์กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1 กรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยผลการหารือร่วมกันระหว่างสหกรณ์เจ้าหนี้ สหกรณ์ผู้ฝากเงิน 15 แห่ง กับสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด เพื่อร่วมกันหาทางออกและแก้ไขปัญหาสภาพคล่องทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด ว่า ผลจากการหารือร่วมกันของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งฝั่งสหกรณ์เจ้าหนี้และผู้แทนจากสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ที่ประชุมมีข้อสรุปให้สหกรณ์ทั้ง 15 แห่ง ที่เป็นเจ้าหนี้ อาทิ สหกรณ์ออมทรัพย์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำกัด สหกรณ์สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จำกัด สหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำกัด เป็นต้น ส่งประเด็นที่ต้องการให้สหกรณ์ฯ สโมสรรถไฟดำเนินการเกี่ยวกับการผ่อนชำระหนี้ทั้งดอกเบี้ยและเงินต้น และให้ทางฝั่งสหกรณ์ฯ สโมสรรถไฟ จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการของสหกรณ์ให้มีความชัดเจน ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะมีการประชุมร่วมกันเป็นระยะ เดือนละ 3 ครั้ง เพื่อให้การเดินหน้าในการแก้ไขปัญหาร่วมกันบรรลุตามเป้าหมาย

ด้านคณะกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด ได้เสนอต่อเจ้าหนี้สหกรณ์ ขอเว้นผ่อนชำระคืนเงินต้น เป็นเวลา 1-3 เดือน เพื่อให้สหกรณ์เกิดสภาพคล่องและมีเงินหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจประมาณ 90 ล้านบาท เนื่องจากขณะนี้สมาชิกของสหกรณ์กำลังเดือดร้อนและต้องการขอกู้เงินกันจำนวนมาก แต่สหกรณ์ไม่มีเงินจ่ายให้สมาชิก แต่หากเจ้าหนี้ผ่อนผันให้สหกรณ์ฯ สโมสรรถไฟ พักชำระหนี้ไว้ได้สัก 3 เดือน สหกรณ์จะได้นำเงินดังกล่าวไปปล่อยให้สมาชิกกู้ยืม เกิดเป็นรายได้และสามารถชำระหนี้คืนให้แก่เจ้าหนี้ ซึ่งทางสหกรณ์เจ้าหนี้ทั้ง 15 แห่ง ยินดีให้ความช่วยเหลือสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด แต่ต้องการความชัดเจนในประเด็นการผ่อนชำระหนี้คืน และให้นำมาเสนอที่ประชุมอีกครั้งในวันที่ 5 เมษายนนี้ ทั้งนี้ กรมฯ หารือกับทางกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ในการพิจารณาถึงกรณีที่สหกรณ์เจ้าหนี้ผ่อนผันการชำระหนี้ไป 1-3 เดือน จะมีผลกระทบต่อการตั้งสำรองหนี้และกฎเกณฑ์ทางบัญชีหรือไม่ หากมีการผิดเงื่อนไขชำระหนี้เงินต้น อาจเข้าหลักเกณฑ์การต้องตั้งค่าสำรองหนี้เผื่อสงสัยจะสูญเต็มจำนวน ซึ่งจะมีการหารือกันเพื่อบรรเทาปัญหาดังกล่าว

นายปุณณลักขิ์ สุรัสวดี รองประธานสหกรณ์ออมทรัพย์สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าหนี้สหกรณ์ ระบุว่า การที่จะทำให้สหกรณ์ฯ สโมสรรถไฟมีสภาพคล่อง มีเงินที่จะมาปล่อยกู้ภายในสหกรณ์ได้ตามปกติ ก็ขึ้นอยู่กับสหกรณ์ที่เป็นเจ้าหนี้ที่จะต้องให้ความช่วยเหลือสหกรณ์ฯ สโมสรรถไฟ ให้เกิดสภาพคล่องได้โดยเร็ว และได้พยายามคิดหาวิธีการช่วยให้สหกรณ์รถไฟลดค่าใช้จ่าย ทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และลดค่าใช้จ่ายในการบริหารงานภายในสหกรณ์เอง ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการหรือค่าตอบแทนต่างๆ ก็จะทำให้เงินหมุนเวียนในระบบของสหกรณ์ฯ สโมสรรถไฟ เกิดสภาพคล่องมากขึ้น

“สิ่งที่อยากฝากคือ เรื่องความเชื่อมั่นในเชิงบวก ทั้งส่วนของสมาชิกสหกรณ์รถไฟเองและสมาชิกของสหกรณ์ที่เป็นเจ้าหนี้ สิ่งที่น่ากังวล คือ สมาชิกทั้งสองฝ่ายรู้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ก็เกิดความตื่นตระหนก และส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของสมาชิก มาขอถอนเงินออกจากสหกรณ์ ทำให้ส่งผลต่อสภาพคล่องของสหกรณ์ในฝั่งเจ้าหนี้ด้วย ดังนั้น ต้องเร่งความเชื่อมั่นและชี้แจงทำความเข้าใจที่ถูกต้องว่า ขณะนี้สหกรณ์ฯ สโมสรรถไฟ ยังมีความสามารถผ่อนชำระหนี้คืนสหกรณ์เจ้าหนี้ได้ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยครบตามสัญญา ไม่เคยผิดชำระหนี้เลยสักครั้งเดียว กิจการก็ยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ และมีเงินหมุนเวียนกลับมาเพื่อเอาไปลงทุนต่อได้ ซึ่งสหกรณ์เจ้าหนี้ทุกแห่งพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาของสหกรณ์ฯ สโมสรรถไฟ ให้ผ่านพ้นไปได้ในที่สุด” นายปุณณลักขิ์ กล่าว

นายชัยภัทร เกษมณี กรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำกัด กล่าวว่า สหกรณ์ฯสโมสรรถไฟ มีโอกาสที่จะฟื้นฟูกิจการได้สำเร็จ เพราะยังมีเงินอยู่ในระบบในทิศทางที่ยังเป็นบวก สมาชิกยังมาผ่อนชำระหนี้คืนสหกรณ์ตามปกติ เนื่องจากสมาชิกเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ มีรายได้ประจำ สามารถตัดจากเงินเดือนได้โดยอัตโนมัติทุกเดือน ซึ่งแตกต่างจากกรณีของสหกรณ์อื่นที่เคยมีปัญหาก่อนหน้านี้ แต่สิ่งที่ต้องการคือให้สหกรณ์ฯ สโมสรรถไฟ ไปเพิ่มเติมรายละเอียดเรื่องการผ่อนชำระเงินต้นคืนสหกรณ์เจ้าหนี้ให้ชัดเจน ว่าจะต้องใช้ระยะเวลาเท่าไรและจะชำระคืนด้วยวิธีการอย่างไร เพื่อให้สหกรณ์เจ้าหนี้มีความเชื่อมั่นมากขึ้น

นายชัยภัทร กล่าวว่า “เบื้องต้นเครือข่ายสหกรณ์เจ้าหนี้ทั้ง 15 แห่ง พร้อมให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหานี้ไปพร้อมๆ กัน ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบให้มีการตั้งคณะทำงานพิเศษขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหา โดยดึงเอาความชำนาญของตัวแทนแต่ละสหกรณ์มาช่วยกันคิดและจัดทำแผนการดำเนินงานของสหกรณ์ฯสโมสรรถไฟ ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และยืนยันว่าขณะนี้สหกรณ์ฯ สโมสรรถไฟ ยังผ่อนชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้สหกรณ์เจ้าหนี้ เดือนละ 36 ล้านบาท ตรงตามสัญญาและไม่เคยผิดนัด ส่วนการดำเนินคดีกับผู้ที่ทำให้สหกรณ์เกิดความเสียหาย ก็ได้มีการติดตามตรวจสอบว่า มีการดำเนินการอย่างไรบ้าง ถ้าสามารถเรียกเงินคืนกลับมาได้ ก็จะทำให้เงินในระบบของสหกรณ์ฯ สโมสรรถไฟ มีเพิ่มมากขึ้น และขอบคุณกรมส่งเสริมสหกรณ์ที่เป็นคนกลางประสานให้สหกรณ์เจ้าหนี้และสหกรณ์ฯ สโมสรรถไฟ ได้มาพูดคุยทำความเข้าใจกัน เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ของสหกรณ์รถไฟให้ผ่านพ้นไปได้โดยเร็วที่สุด”

ภายหลังที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ทำข้อตกลงกับธนาคารกรุงไทยในการพัฒนาระบบบริหารจัดการทางการเงินให้สหกรณ์และสมาชิกสหกรณ์ เพื่อให้เข้ากับยุคดิจิทัลและนวัตกรรมทางการเงินแบบไร้เงินสด โดยเชิญชวนให้สหกรณ์ที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการ พัฒนาระบบธุรกรรมทางการเงิน ด้วยการทำบัตรเงินสด e-Money หรือบัตรเติมเงินแทนการถือเงินสดให้กับสมาชิกสหกรณ์ หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่า Co-Op Member Card ซึ่งบัตรดังกล่าวจะใช้แทนเงินสด สหกรณ์สามารถโอนเงินกู้ เงินปันผล และจ่ายค่ารับซื้อผลผลิตจากสมาชิกได้ใส่ไว้ในบัตร และสมาชิกสามารถนำบัตรนี้ไปกดเงินสดได้ที่ตู้ ATM ของธนาคารทุกแห่ง ซึ่งการกดเงินจากตู้ ATM ดังกล่าว จะคิดค่าบริการอัตราเดียวกับ ATM ทั่วไป โดยธนาคารกรุงไทยจะคิดต้นทุนค่าบัตรเพียงใบละ 50 บาทใช้ได้ 5 ปี และไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี

นอกจากนี้ บัตรเงินสด Co-Op Member Card สมาชิกสหกรณ์สามารถนำบัตรดังกล่าวไปใช้ในการ ซื้อสินค้าเช่น ปัจจัยการผลิต ทั้งปุ๋ย ยา เมล็ดพันธุ์ และสินค้าอุปโภคบริโภคที่ร้านค้าของสหกรณ์ ซึ่งสหกรณ์สามารรถบริหารเงินสดได้แบบ Online โดยไม่ต้องสำรองเงินสดจำนวนมากไว้ที่สหกรณ์และสามารถจ่ายค่าผลผลิตและเงินกู้ให้กับสมาชิกได้ทันท่วงที รวมทั้งสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ผ่าน KTB Corporate Online ซึ่งสมาชิกจะเกิดความสะดวกในการรับบริการจากสหกรณ์ ประหยัดเวลาและประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาที่สหกรณ์

นางสาวพนิตตา ทองเล็ก ผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์กรมศุลกากร จำกัด กรุงเทพมหานคร เป็นหนึ่งในผู้ที่เข้าร่วมรับฟังการประชุมชี้แจงถึงความร่วมมือในการพัฒนาระบบบริหารจัดการทางการเงินสหกรณ์ระหว่าง กรมส่งเสริมสหกรณ์กับธนาคารกรุงไทยเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เปิดเผยถึงประโยชน์ของโครงการบัตรเงินสด Co-Op Member Card ร่วมกับธนาคารกรุงไทยว่า โครงการนี้เป็นประโยชน์กับสมาชิกสหกรณ์ เป็นก้าวแรกของการพัฒนาระบบธุรกรรมทางการเงินสหกรณ์ในอนาคต เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล ซึ่งบัตรนี้เหมาะสำหรับให้บริการแก่สมาชิกที่อยู่ห่างไกลสหกรณ์และเดินทางไม่สะดวก เพราะเมื่อสหกรณ์โอนเงินเข้าบัตรเงินสด Co-Op Member Card แล้ว สมาชิกสามารถนำบัตรไปกดเงินกับตู้เอทีเอ็มได้ทุกธนาคาร ซึ่งเป็นความปลอดภัยทั้งกับสหกรณ์และสมาชิก สิ่งที่สหกรณ์และสมาชิกที่ได้รับประโยชน์ คือ 1.สหกรณ์ไม่ต้องมีต้นทุนสูงในการที่ทุกสัปดาห์ต้องนั่งรถไปเบิกเงินจากธนาคารมาหลายล้านบาทเพื่อมาจ่ายเงินกู้หรือเงินปันผลให้สมาชิก 2. ไม่ต้องเสี่ยงไปหิ้วเงินสดมาโดยจ้างตำรวจนั่งรถไปด้วย 3. ลดต้นทุนในการทำธุรกรรมทางการเงินของสหกรณ์

“ขอเสนอให้กรมส่งเสริมสหกรณ์สนับสนุนการพัฒนาระบบธุรกรรมการเงินในรูปแบบบัตรเงินสด Co-Op Member Card ให้กับสหกรณ์ 3 ประเภทคือ สหกรณ์การเกษตร สหกรณ์ร้านค้าและสหกรณ์บริการ อย่างกว้างขวาง โครงการนี้เป็นประโยชน์จริง ๆ เพราะสหกรณ์กับสมาชิกต้องมีการทำธุรกรรมซึ่งกันและกัน ซึ่งคาดหวังว่าในอนาคตขบวนการสหกรณ์จะร่วมกันพัฒนาระบบศูนย์กลางทางการเงิน เชื่อมโยงกันเหมือนในต่างประเทศที่มีการพัฒนาระบบการเงินทำระบบอิเล็กทรอนิกส์และการบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ออนไลน์ เช่นประเทศเกาหลี ญี่ปุ่น ซึ่งมีชุมนุมสหกรณ์ของประเทศนั้นทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางทางการเงิน ซึ่งจะทำให้เงินทุกบาทหมุนเวียนอยู่ในระบบสหกรณ์” ผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์กรมศุลกากร จำกัด กล่าว

ด้านนายกฤษณา สร้อยแสง ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรรัตนบุรี จำกัด จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสหกรณ์ที่ร่วมโครงการกล่าวว่า ขณะนี้มีสมาชิกที่ทำบัตรเงินสด Co-Op Member Card มีจำนวน 2,000 คน ซึ่งสหกรณ์ได้เริ่มทำตั้งแต่ ปี 58 แต่ช่วงเริ่มต้นเมื่อ 3 ปีก่อน อาจจะมีสมาชิกสนใจเข้าร่วมไม่มากนัก แต่เมื่อกรมส่งเสริมสหกรณ์เข้ามาร่วมกับทางกรุงไทยทำโครงการนี้ขึ้น และมีการประชุมเพื่อนำเสนอรายละเอียดและประโยชน์ต่าง ๆ ทำให้สหกรณ์มีความสนใจที่จะเข้าร่วมโครงการนี้อย่างจริงจัง

โดยสหกรณ์จะเร่งประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจและชี้ให้เห็นประโยชน์ที่สมาชิกจะได้รับ เพราะว่าอยากให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จ ซึ่งสหกรณ์ได้ทำแผนในการส่งเสริมการใช้บัตรเงินสดให้กับสมาชิกว่า สมาชิกที่ทำบัตรกันแล้ว 2,000 ราย จะต้องนำบัตรนี้มาใช้ในการทำธุรกรรมการเงินไม่น้อยกว่า 50% เพราะสหกรณ์ต้องการลดความเสี่ยงในเรื่องของความปลอดภัยในการขนเงินสด เงินขาดประจำวัน เงินเก็บเกินบัญชีและเรื่องการทุจริตเงินของเจ้าหน้าที่ สหกรณ์มองเห็นโอกาสและประโยชน์มากมายจากการใช้บัตรเงินสด Co-Op Member Card นี้ ซึ่งจะต้องทำความเข้าใจเพื่อให้สมาชิกให้ความร่วมมือและสมัครใจทำบัตรเงินสดกับสหกรณ์เพิ่มมากขึ้น

“ นอกเหนือจากสหกรณ์ลดความเสี่ยงในการเบิกถอนเงินสดจำนวนมากมาไว้ที่สหกรณ์แล้ว ประโยชน์ที่จะเกิดกับสมาชิก คือ สมาชิกไม่ต้องเป็นภาระในเรื่องของการพกเงินสดจำนวนมากไว้กับตัว เพื่อนำมาชำระหนี้หรือซื้อสินค้าจากสหกรณ์ เพียงแค่นำบัตรเงินสดเพียงใบเดียวก็สามารถมาชำระหนี้ หรือซื้อปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ ยาปราบศัตรูพืช น้ำมันเชื้อเพลิง และชำระค่าสินค้าอุปโภคบริโภคกับสหกรณ์ได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินสด สามารถตรวจสอบยอดซื้อขายผ่าน Online ได้ทันที เหมือนการเป็นสมาชิกที่ใช้บริการกับห้างค้าปลีกทั่วไป นอกจากนี้ รายได้จากการที่สมาชิกนำข้าวเปลือกมาขายให้สหกรณ์ สหกรณ์ก็จะชำระค่าผลผลิตโดยการเติมเงินใส่ไว้ในบัตรให้เขา และเขาก็นำไปกดเงินสดออกจากบัตรได้ตามปกติ

ประโยชน์ของสหกรณ์อีกประการหนึ่ง คือ ไม่ต้องจ้างตำรวจมาเฝ้าและไปขนเงินที่เบิกจากธนาคารมาให้ ไม่ต้องใช้เจ้าหน้าที่มานั่งนับเงินสดซึ่งทำให้เสียเวลาและจำนวนบุคลากร สามารถไปปฏิบัติงานด้านอื่นที่สำคัญได้อีกหลากหลาย โดยเฉพาะในช่วงวันเสาร์อาทิตย์ เกษตรกรจะนำข้าวเปลือกมาขายที่สหกรณ์จำนวนมาก แต่เราไม่ต้องไปเบิกเงินสดมาเก็บไว้ เพราะใช้วิธีโอนเงินค่าข้าวผ่านทางบัตรเงินสดให้กับสมาชิกแต่ละราย เจ้าหน้าที่สหกรณ์เพียงแค่มาเช็คเงินว่าเข้าระบบหรือยัง ทำให้มีความสะดวกรวดเร็วและไม่ต้องเป็นภาระในการเก็บเงินสดจำนวนมากไว้ที่สหกรณ์ ซึ่งโครงการนี้นับว่ามีประโยชน์เยอะมากถ้ามองดี ๆ ” ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรรัตนบุรี จำกัด กล่าว

เมื่อวันที่ 28 มี.ค. นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า กรณีไข้หวัดนกนั้นกระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่ในการดูแลสุขภาพประชาชน และป้องกันโรคติดต่อที่จะเกิดกับประชาชน และในเรื่องของไข้หวัดนกนั้นรายงานครั้งล่าสุดที่มีคนติดไข้หวัดนกคือเมื่อปี 2549 หลังจากนั้นก็ไม่มีอีกเลย จะยืนยันในส่วนนี้ว่ายังไม่พบผู้ติดเชื้อ แต่ในเรื่องของสัตว์ที่ติดโรคนั้นเป็นเรื่องของทางกระทรวงเกษตร โดยกรมปศุสัตว์ ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงเกษตรก็ประสานงานกันอยู่อย่างต่อเนื่อง เรามีการระมัดระวังอย่างเต็มที่อยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้จำเป็นหรือไม่เมื่อประชาชนป่วยเป็นไข้หวัด ซึ่งอาการจะคล้ายกับไข้หวัดนกจะต้องมีการตรวจพิเศษมากขึ้น นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะต้องซักประวัติคนไข้ และนึกถึงโรคต่างๆที่ใกล้เคียงอยู่แล้ว แพทย์มีความรู้เรื่องนี้

ด้าน นพ.สุขุม กาญจนพิมาย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า เราช่วยสนับสนุนเรื่องการตรวจเชื้อต่างๆอยู่แล้ว ทางศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้ง 14 แห่งทั่วประเทศ ก็มีศักยภาพในการตรวจ เมื่อมีการระบาดของโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ก็จะร่วมมือกับกรมควบคุมโรคอยู่แล้ว

“ส่วนในกรณีของโรคพิษสุนัขบ้า ล่าสุดก็มีผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย ซึ่งไปสัมผัสเชื้อโดนสุนัขข่วนจากนั้นก็ได้ล้างน้ำสะอาด แต่ไม่ได้มาฉีดวัคซีน เมื่อเวลาผ่านมาหลายเดือนก็เสียชีวิตลง ตนก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหลังจากมีการรณรงค์จะทำให้ประชาชนคนไทยไม่เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าอีกต่อไป” รมว.สธ. กล่าว

ถึงวันนี้อาจจะกล่าวได้ว่า สถานการณ์ของอุตสาหกรรมกุ้งไทยอยู่ในช่วงที่ไม่สดใสนัก จากข้อมูลของกรมประมงที่เผยแพร่ภายในงานวันกุ้งไทยครั้งที่ 28 ที่โรงแรมวังใต้ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี พบว่า ผลผลิตกุ้งไทยลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2552 และเสียอันดับการส่งออกหลังจากโรคระบาด EMS เมื่อช่ วงปี 2555 ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตกุ้งไทยลดต่ำสุดในปี 2557 เหลือเพียง 2 แสนกว่าตัน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหลังวิกฤต โรค EMS จะผ่านไป และกุ้งไทยก็เริ่มฟื้นตัวในปี 2558 และมีผลผลิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2559 เป็น 310,979 ตัน แต่ในปี 2560 ผลผลิตกุ้งของไทยกลับลดลงอีกครั้งเหลือเพียง 297,111 ตัน

นายสรพัศ ปณกร ตัวแทนบริษัท โนโวไซม์ ไบโอโลจิคอล จำกัด ประมาณการในปี 2560 ว่าผลผลิตกุ้งในหลาย ๆ ประเทศมีตัวเลขที่เพิ่มขึ้น เช่น อินเดีย มีปริมาณผลผลิต 560,000 ตัน เอกวาดอร์ 430,000 ตัน และเวียดนาม 420,000 ตัน อินโดนีเซีย 280,000 ตัน ละตินอเมริกา 300,000 ตัน จีน 400,000 ตัน

ด้าน น.สพ.ปราการ เจียรคงมั่น ตัวแทนจากบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด บอกว่า ปัจจุบันการเลี้ยงกุ้งไทยมีคู่แข่งที่น่ากลัวหลายประเทศ อาทิ เวียดนาม อินเดีย ซึ่งขณะนี้ทั้ง 2 ประเทศมีศักยภาพด้านพื้นที่ในการเลี้ยงกุ้งค่อนข้างสูง โดยอินเดียมีพื้นที่ชายฝั่งทะเลยาวถึง 7,500 กิโลเมตร