SERVICE

วันที่ 28 กรกฎาคม 2565 การประชุมผู้บริหารกระทรวงยุติธรรมที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ร่วมประชุมกับนางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นครั้งแรก หลังเข้ารับตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรมคนใหม่อย่างเป็นทางการ

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนรู้สึกดีใจที่ ปลัดกระทรวงยุติธรรม จะช่วยเข้ามาขับเคลื่อนในเนื้องานด้านต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย ซึ่งนางพงษ์สวาท มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ เนื่องจากดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา มาก่อน ดังนั้น จากนี้ในเรื่องการเสนอแก้ไข หรือ ร่างกฎหมายขึ้นมาใหม่ ก็จะหมดห่วง เพราะกระทรวงยุติธรรม จะได้เร่งจัดทำกฎหมายที่เป็นประโยชน์กับประชาชนได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งอะไรที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้ เราจะทำเป็นสิ่งแรก เพราะขณะนี้ ตนได้เปลี่ยนกระทรวงยุติธรรม เป็นหน่วยงานที่ช่วยเหลือประชาชนมากขึ้นแล้ว จากเดิมที่คนอาจจะมองเป็นเพียงกระทรวงกฎหมายเท่านั้น

ขณะที่ นางพงษ์สวาท กล่าวว่า ตนขอขอบคุณนายสมศักดิ์ ที่ให้คำแนะนำ โดยให้มองภาพรวมของกระทรวง ตั้งแต่วันแรกที่ตนเข้ามายังกระทรวงยุติธรรม ซึ่งตนได้เข้ามารักษาการแทนปลัดคนเก่ากว่า 1 เดือนแล้ว โดยได้เรียนรู้งานในทุกด้าน รวมถึงได้รับความร่วมมือจาก ผู้บริหารกระทรวง อธิบดีกรมต่างๆ และข้าราชการในกระทรวงเป็นอย่างดี ทำให้ตนรู้สึกว่า เป็นทีมที่เข้มแข็งมาก ซึ่งจากนี้ ตนก็พร้อมจะทำหน้าที่ปลัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดีที่สุด โดยยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ตามแนวนโยบายของนายสมศักดิ์ ซึ่งตนจะนำความรู้ความสามารถ มาช่วยผลักดันกฎหมาย ที่เป็นประโยชน์กับประชาชน พร้อมสานต่อทำให้กระทรวงยุติธรรม เป็นที่พึ่งของประชาชน เมื่อได้รับความเดือดร้อนในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ให้ได้มากที่สุด

เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 70 พรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 10 กรมทางหลวงชนบทร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและเฉลิมพระเกียรติ เปิดไฟประดับสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา 13 แห่ง

เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 70 พรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 10 กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้ทำการเปิดไฟประดับสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลที่อยู่ในความดูแล จำนวน 13 แห่ง ได้แก่ สะพานพระราม 3 สะพานพระราม 4 สะพานพระราม 5 สะพานพระราม 7 สะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า สะพานพระพุทธยอดฟ้า สะพานพระปกเกล้า สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สะพานกรุงธน สะพานกรุงเทพ สะพานภูมิพล 1 และสะพานภูมิพล 2 โดยในคืนวันที่ 27 ถึง 31 กรกฎาคม 2565 จะทำการเปิดไฟระหว่างเวลา 19.00 น. – 22.00 น. และในคืนวันที่ 28 กรกฎาคม 2565 จะทำการเปิดไฟระหว่างเวลา 19.00 น. – 24.00 น.

ทั้งนี้ เพื่อร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและร่วมเฉลิมพระเกียรติ ตลอดจนแสดงให้เห็นความงดงามของบรรยากาศสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา อันเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศได้อีกทางหนึ่ง โดยประชาชนสามารถร่วมชมทัศนียภาพความสวยงามของสะพานได้ตามวันและเวลาดังกล่าว

กรมที่ดิน ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) พัฒนาต่อยอดแอปพลิเคชัน LandsMaps เชื่อมระบบการชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพื่อรับชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในเขตกรุงเทพมหานคร ของปีภาษี 2565 แบบออนไลน์ผ่าน MOBILE BANKING

นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมที่ดิน เปิดเผยว่าจากมติคณะรัฐมนตรี โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เล็งเห็นปัญหาในการติดต่อสื่อระหว่างประชาชนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่สร้างความยุ่งยากให้กับประชาชนที่ชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีนโยบายให้กรมที่ดิน ขับเคลื่อนการให้บริการประชาชนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e – Service) โดยเห็นชอบตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) งานบริการ Agenda จำนวน 12 งานบริการ และกำหนดให้เป็นตัวชี้วัดตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ของส่วนราชการที่ได้รับมอบหมายโดยมีระบบการรับชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เป็น 1 ใน 12 งานบริการ ที่กำหนดให้ส่วนราชการนำไปพัฒนาเป็นระบบให้บริการประชาชนในรูปแบบ e-Service และให้กรมที่ดินเป็นเจ้าภาพหลักในการพัฒนาและให้บริการแอปพลิเคชัน LandsMaps

อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวต่อไปว่าการรับชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว เป็นความร่วมมือ ระหว่างกรมที่ดิน กรุงเทพมหานคร และสำนักงาน ก.พ.ร. ในการพัฒนาต่อยอดแอปพลิเคชัน“LandsMaps” ของกรมที่ดิน ให้สามารถแสดงอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพร้อมช่องทางการชำระผ่าน QR Code ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครได้ เป็นการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่ต้องการชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของปีภาษี 2565 โดยเข้าใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน“LandsMaps” ของกรมที่ดิน แล้วค้นหาแปลงที่ดินที่ต้องการชำระ กดเลือกหัวข้อ “ชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง” ระบบจะขึ้นอัตราภาษีที่ต้องชำระและแสดง QR code ให้สแกนเพื่อชำระผ่าน Mobile Banking ได้ทุกธนาคาร และหากต้องการใบเสร็จรับเงิน (ภ.ส.ด.11) ให้ส่งหลักฐานการชำระเงินมาที่ Email Address : receipt@bangkok.go.th ทั้งนี้ สามารถชำระได้ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2565 และหากตรวจสอบภายหลังแล้วพบว่ามีการชำระภาษีฯ เข้ามาซ้ำ ทางกรุงเทพมหานครจะดำเนินการคืนเงินให้

ความร่วมมือดังกล่าวเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาการจัดเก็บรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นการเพิ่มช่องทางและอำนวยความสะดวกในการชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของประชาชน ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และบรรเทาภาระค่าครองชีพได้อีกทางหนึ่งด้วย

ปัจจุบันแอปพลิเคชัน “LandsMaps” ของกรมที่ดิน สามารถแสดงข้อมูลพื้นฐานจำนวน 14 รายการ ได้แก่ หมายเลขระวาง เลขที่ดิน เลขโฉนดที่ดิน หน้าสำรวจ (ตำบล อำเภอ จังหวัด) เนื้อที่ สำนักงานที่ดิน เบอร์โทรศัพท์ ค่าพิกัดสำนักงานที่ดิน ราคาประเมินรายแปลงกรมธนารักษ์ ค่าพิกัดแปลง ค่าใช้จ่ายในการรังวัดที่ดิน ค่าธรรมเนียมภาษีอากร คิวรังวัด และแสดงผังเมืองการใช้ประโยชน์ในที่ดิน เกิดความสะดวกต่อภาคธุรกิจและภาคประชาชนในการนำข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจพิจารณาซื้อขายหรือใช้ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับที่ดิน (Ease of doing business) ซึ่งปัจจุบันมีผู้เข้าใช้บริการปีละมากกว่า 20 ล้านราย

นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 เวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่การรถไฟฯ โดยสำนักงานอาณาบาล ฝ่ายการช่างโยธา และตำรวจรถไฟ ได้ลงพื้นที่ติดตามการแก้ปัญหาการบุกรุกและใช้ประโยชน์จากที่ดินของการรถไฟฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต บริเวณริมถนนวัฒนธรรม (เทิดพระเกียรติ) โดยได้ดำเนินการเข้าล้อมรั้วและขับไล่ผู้บุกรุกออกจากพื้นที่ เพื่อปกป้องทรัพย์สินของการรถไฟฯ ตามนโยบายนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ให้ความสำคัญในการดูแลทรัพย์สินของรถไฟให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อส่วนรวม

อย่างไรก็ตาม ในการลงพื้นที่แก้ปัญหาผู้บุกรุกในวันนี้ มีกลุ่มชายชุดดำ จำนวนประมาณ 20 คนทำการขัดขวางการล้อมรั้ว และใช้วาจาขมขู่จะใช้ความรุนแรงต่อเจ้าหน้าที่การรถไฟฯ ที่จะเข้ามาดำเนินการแก้ปัญหาการบุกรุก ซึ่งเจ้าหน้าที่การรถไฟฯ จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ ในพื้นที่ดังกล่าวได้พบผู้บุกรุกจำนวน 2 ราย รวมพื้นที่บุกรุกทั้งหมด 4.22 ไร่ รายแรกมีการบุกรุกพื้นที่ของการรถไฟฯ ขนาด 1,500 ตารางเมตร และอีกรายได้บุกรุกพื้นที่ขนาด 5,250 ตารางเมตร อีกทั้งยังพบพฤติกรรมนำที่ดินของการรถไฟฯ ไปปล่อยเช่าช่วงเชิงพาณิชย์อย่างไม่ถูกต้อง โดยให้ยูทูบเบอร์ชื่อดังรายหนึ่งเปิดเป็นร้านหมูกระทะ และยังปล่อยเช่าเปิดเป็นเต็นท์รถอีก 5 เต็นท์ รวมถึงอู่ซ่อมรถอีก 1 แห่ง

ที่ผ่านมา การรถไฟฯ ได้เข้าไปแก้ปัญหาโดยยึดหลักความถูกต้องและตามระเบียบขั้นตอนของกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 พร้อมกับนำเอกสารไปติดประกาศแจ้งเตือนให้ผู้บุกรุกดำเนินการขนย้ายทรัพย์สินออกแต่ผู้บุกรุกไม่ปฏิบัติตาม และเข้าใช้พื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้ง นำไปปล่อยเช่าช่วงต่อ ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงเป็นเหตุให้การรถไฟฯ ต้องปกป้องทรัพย์สินขององค์กร จึงได้เข้าไปดำเนินการล้อมรั้ว และดำเนินการขับไล่ พร้อมกับถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน เพื่อปกป้องทรัพย์สินของการรถไฟฯซึ่งเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินให้เกิดความถูกต้อง

ท้ายนี้การรถไฟฯ ขอย้ำว่า ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินทุกพื้นที่ การรถไฟฯ ได้มีแนวทางปฏิบัติโดยยึดหลักตามความถูกต้องของกฎหมาย ควบคู่กับหลักจริยธรรมและธรรมาภิบาล เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม เสมอภาค ไม่มีการเลือกปฏิบัติ และสามารถดูแลพิทักษ์ทรัพย์สินของการรถไฟฯ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร ประชาชน และประเทศชาติ

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ในช่วงวันหยุดต่อเนื่องวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ระหว่างวันที่ 28-31 กรกฎาคม 2565 เป็นอีกช่วงที่คาดว่าจะมีประชาชนออกเดินทางท่องเที่ยวและเดินทางกลับภูมิลำเนาทั่วประเทศเป็นจำนวนมาก นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

ได้สั่งการให้กรมการขนส่งทางบกเตรียมการรองรับการเดินทางของประชาชนตามมาตรการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนให้ครอบคลุมทั้งมิติอำนวยความสะดวกในการเดินทาง มิติความปลอดภัยในการเดินทาง และมิติด้านการควบคุมโควิด-19 ประกอบด้วย การจัดเตรียมรถโดยสารและพนักงานขับรถที่มีความพร้อมให้เพียงพอต่อความต้องการเดินทาง

การตรวจความพร้อมของตัวรถและพนักงานขับรถโดยสารก่อนให้บริการ ณ สถานประกอบการ, สถานีขนส่งผู้โดยสาร และจุดจอดทุกแห่ง ซึ่งรถโดยสารทุกคันที่นำออกมาให้บริการต้องมีสภาพมั่นคงแข็งแรง มีอุปกรณ์ส่วนควบและอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยครบถ้วนถูกต้องและพร้อมใช้งาน เข้มงวดตรวจสอบการทำงานของระบบ GPS Tracking เพื่อให้สามารถส่งข้อมูลแจ้งพิกัดและความเร็วของรถได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดการให้บริการ

ในส่วนของระบบเบรก ยาง ล้อ ระบบไฟ ต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งาน มีการติดตั้งเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งและให้คำแนะนำดูแลให้ผู้โดยสารคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดการเดินทาง มีถังดับเพลิง ค้อนทุบกระจกกรณีเหตุฉุกเฉิน ส่วนพนักงานขับรถ ตรวจสอบระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจต้องเป็น 0 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ตรวจสอบชั่วโมงการทำงาน สมุดประจำรถ เป็นต้น หากพบสภาพรถหรือพนักงานขับรถมีข้อบกพร่องที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในการให้บริการ ผู้ประกอบการต้องจัดหารถคันใหม่และพนักงานขับรถที่มีความพร้อมปฏิบัติหน้าที่แทนโดยไม่กระทบต่อการเดินทางของประชาชน

ในส่วนของการควบคุมโควิด-19 เข้มงวดคัดกรองผู้โดยสารและตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าใช้บริการ ดูแลให้พนักงานขับรถหรือผู้ให้บริการและผู้โดยสารต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดการใช้บริการ ทำความสะอาดภายในรถทั้งก่อนและหลังการให้บริการด้วยแอลกอฮอล์หรือน้ำยาฆ่าเชื้อ โดยเน้นการทำความสะอาดพื้นผิวที่มีการสัมผัสบ่อย เช่น ราวจับ เบาะที่นั่ง และห้องน้ำ มีจุดบริการล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ สำหรับรถโดยสารปรับอากาศให้มีการระบายอากาศภายในรถระหว่างเดินทางทุก 2 ชั่วโมง และขอให้ติดตามสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่อย่างใกล้ชิดและปฏิบัติตามมาตรการทางด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ เพื่อบรรเทาปัญหาด้านการจราจรและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง กรมการขนส่งทางบก ได้ขอความร่วมมือสมาคมขนส่งสินค้า สมาคมรถบรรทุก และผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถบรรทุกไม่ประจำทาง รถบรรทุกส่วนบุคคล หลีกเลี่ยงการใช้รถบรรทุกระหว่างวันที่ 28-31 กรกฎาคม 2565 ในกรณีที่มีความจำเป็นขอให้หลีกเลี่ยงเส้นทางและช่วงเวลาที่มีประชาชนใช้สัญจรเป็นจำนวนมาก เพื่อเพิ่มความคล่องตัวให้สามารถสัญจรได้อย่างสะดวกและปลอดภัย

โดยกรมการขนส่งทางบกจะติดตามตรวจสอบการใช้ความเร็วของรถโดยสารและรถบรรทุกตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดผู้ตรวจการออกหน่วยเคลื่อนที่ตรวจจับความเร็วในเส้นทางสายหลักเข้า–ออก กรุงเทพมหานครไปสู่ภูมิภาค พร้อมดำเนินการศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียนชั่วคราวที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร เพื่อเฝ้าระวังป้องกันกลุ่มมิจฉาชีพไม่ให้ผู้โดยสารถูกเอาเปรียบ ทั้งการฉวยโอกาสจำหน่ายตั๋วโดยสารเกินราคา รับผู้โดยสารเกินจำนวนที่นั่งให้ผู้โดยสารยืนบนรถ รวมถึงให้คำแนะนำการเดินทางและรับเรื่องร้องเรียนกรณีประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการใช้บริการ ควบคู่กับการดำเนินการรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนทางสายด่วน โทร.1584 ตลอด 24 ชั่วโมง

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ร่วมพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2565 ณ ท้องสนามหลวง โดยมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และภริยา เป็นประธาน และมีประธานองคมนตรีและภริยา คณะองคมนตรีและภริยา ประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานวุฒิสภา ประธานองค์กรอิสระและคู่สมรส รองนายกรัฐมนตรีและภริยา หน่วยราชการในพระองค์ คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บัญชาการทหารและตำรวจและภริยา ร่วมพิธี จากนั้นได้ร่วมพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีพลังของแผ่นดิน แสดงความมุ่งมั่นแน่วแน่ที่จะเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน ปฏิบัติหน้าที่ตามรอยพระยุคลบาทในฐานะข้าของแผ่นดิน ให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชนและประเทศชาติสืบไป

สำนักพระราชวังขอเชิญชวนประชาชนร่วมลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2565 ผ่านระบบออนไลน์ โดยสามารถลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผ่านระบบออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์ www.royaloffice.th ระหว่างวันที่ 23 – 29 กรกฎาคม 2565

กระทรวงยุติธรรมรับเรื่องร้องทุกข์ กรณีขอให้ดำเนินคดีกับบุคคลหรือกลุ่มบุคคล ที่พยายามสร้างพยาน หลักฐาน และร้องเรียนเท็จ กรณีการเสียชีวิตของนางสาวภัทรธิดาหรือนิดา พัชรวีระพงษ์ (แตงโม)

ในวันพุธที่ 27 กรกฎาคม 2565 เวลา 15.00 น. ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รับเรื่องร้องทุกข์กรณีนายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ และ นางสาวอิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ โดยขอให้ดำเนินคดีกับบุคคลหรือกลุ่มบุคคล หรือขบวนการสร้างพยานหลักฐานเท็จ และร้องเรียนเท็จ กรณีการเสียชีวิตของนางสาวภัทรธิดาหรือนิดา พัชรวีระพงษ์ จนทำให้กระบวนการยุติธรรมเสียหายและทำให้ประชาชนสับสนเข้าใจผิดต่อกระบวนการยุติธรรม ณ บริเวณด้านหน้าศูนย์ยุติธรรมสร้างสุข (ศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม) อาคารกระทรวงยุติธรรม

จากกรณีกระทรวงยุติธรรมแถลงข่าวกรณีผลการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนางสาวภัทรธิดาหรือนิดา พัชรวีระพงษ์ (แตงโม) ตามที่คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภาได้ส่งพยานหลักฐานให้ตรวจสอบ เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2565

ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนางสาวภัทรธิดาหรือนิดา พัชรวีระพงษ์ ซึ่งเป็นที่ยุติแล้วว่าพยานหลักฐานที่ตรวจสอบดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ การเดินทางมาที่กระทรวงยุติธรรมในวันนี้ เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีบุคคลใดที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันสร้างพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ และหรือร้องเรียนเรื่องเท็จ และหรือให้การเท็จกรณีดังกล่าว และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องจนถึงที่สุดเพื่อไม่ให้สร้างความสับสนต่อประชาชนต่อไป

โดยเลขา รมว. ยุติธรรม กล่าวว่า สำหรับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในวันนี้ยังคงตั้งเลขสอบสวนอยู่ยังไม่ได้สรุปการสืบสวนต่อไป โดยมีกำหนดระยะเวลา 6 เดือนตั้งแต่วันรับเรื่อง ซึ่งหากมีข้อสงสัยสามารถต่อระยะเวลาได้ 3 เดือน แต่ถ้าใน 6 เดือนนี้ยังไม่มีประเด็นที่ทำให้ DSI พิจารณาว่าเป็นคดีฆาตรกรรมหรือไม่ DSI จะสรุปเรื่องไม่สอบสวนต่อ เรื่องราวจะยุติเท่านี้ ซึ่งการยื่นเรื่องดังกล่าวในวันนี้ขอให้ตรวจสอบผ้าที่เป็นของปลอมนั้นว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีต่อไป

PEA จัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดี และพลังของแผ่นดิน เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ประจำปี 2565

วันที่ 27 กรกฎาคม 2565 นายประสิทธิ์ จันทร์ประสิทธิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต3 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดี และพลังของแผ่นดิน เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ประจำปี 2565 พร้อมด้วยผู้บริหารและพนักงานร่วมในพิธี บริเวณ ชั้น 1 อาคาร 3 สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต3 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จังหวัดนครราชสีมา

การจัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดินฯ ในครั้งนี้ ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นตัวแทนของผู้บริหารและพนักงานในสังกัด กล่าวคำกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พร้อมนำผู้บริหารและพนักงานกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน และร่วมลงนามถวายสัตย์ปฏิญาณ

เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา เพื่อให้ผู้บริหารและพนักงานได้แสดงความมุ่งมั่นแน่วแน่ที่จะเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน ปฏิบัติหน้าที่ตามรอยพระยุคลบาท ในฐานะข้าของแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชนและประเทศชาติสืบไป

กระทรวงสาธารณสุข เผย พบผู้ป่วยฝีดาษวานรรายที่ 2 ของประเทศไทย เป็นชายไทย อายุ 47 ปี เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล มีอาการตุ่มหนองที่อวัยวะเพศ แขนขา ลำตัว ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการพบเชื้อ อาการไม่รุนแรง อยู่ในการดูแลของแพทย์แล้ว สอบสวนโรคไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ อยู่ระหว่างการสอบสวนโรคหาผู้สัมผัสใกล้ชิดเพิ่มเติม ส่วนผู้สัมผัสร่วมบ้านมี 10 คน เก็บตัวอย่างส่งตรวจอยู่

วันที่ 28 กรกฎาคม 2565 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า กรมควบคุมโรคได้รับรายงานผู้ป่วยต้องสงสัยโรคฝีดาษวานร (Monkeypox) จากโรงพยาบาลวชิรพยาบาล กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) กรมควบคุมโรค และสำนักอนามัย กทม. ลงพื้นที่สอบสวนโรคและเก็บสิ่งส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว ผลการสอบสวนโรคเบื้องต้น พบว่า ผู้ป่วยดังกล่าวเป็นชายไทยอายุ 47 ปี ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ วันที่ 14 กรกฎาคม เริ่มมีอาการไข้ ปวดเมื่อยตามตัว 1 สัปดาห์ ก่อนมาโรงพยาบาลมีตุ่มหนองที่อวัยวะเพศ ซื้อยามาทาเอง ต่อมามีตุ่มหนองขึ้นตามแขนขา ใบหน้า ศีรษะ วันที่ 27 กรกฎาคม จึงไปรักษาที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาลด้วยอาการอวัยวะเพศบวม เจ็บ แสบ

“ผู้ป่วยรายดังกล่าวมีอาการไม่รุนแรงและอยู่ในการดูแลของแพทย์ในห้องแยก เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ ขณะนี้ได้เร่งค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูง โดยผู้ป่วยให้ข้อมูลว่ามีครอบครัวอยู่รวมกัน 10 คน หลังจากมีผื่นตุ่มได้แยกตัวจากคนอื่นในบ้าน ซึ่งขณะนี้ได้ติดตามเพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ” นพ.โอภาสกล่าว

นพ.โอภาสกล่าวว่า การประเมินความเสี่ยงเบื้องต้น ถือว่ามีความเสี่ยงระดับสูงมากที่จะเป็นฝีดาษวานร เนื่องจากมีอาการเข้าได้กับนิยามผู้ป่วยสงสัยโรคฝีดาษวานร รวมทั้งลักษณะการดำเนินโรค ผื่น ตุ่มหนอง คล้ายกับลักษณะของโรคฝีดาษวานร โดยล่าสุด ห้องแล็บกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และห้องปฏิบัติการที่คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (TRC-EIDCC) เพิ่งรายงานผลว่า เป็นเชื้อฝีดาษวานร (Monkeypox) ซึ่งเมื่อพิจารณาจากผลการสอบสวนโรค อาการทางคลินิก และผลตรวจทางห้องแล็บ สรุปได้ว่าเป็นผู้ป่วยฝีดาษวานรรายที่ 2 ของประเทศไทย ทั้งนี้ ได้มีการเฝ้าระวังโดยขอให้โรงพยาบาลส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเมื่อพบผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์ และขอให้ประชาชนที่มีความเสี่ยงหรือมีอาการสงสัยเข้าได้กับโรคฝีดาษวานรเข้ารับการรักษา

กระทรวงสาธารณสุขเร่งปรับปรุงประกาศ กำหนดเฉพาะ “ช่อดอกกัญชา” เป็นสมุนไพรควบคุม ลดผลกระทบผู้ใช้ประโยชน์จากกัญชา พร้อมกำหนดปริมาณครอบครองในครัวเรือน คาดสัปดาห์หน้าได้ข้อสรุปก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการฯ จึงนำหนังสือที่ส่งถึง สตช.กลับมาทบทวนเพื่อให้มีความชัดเจนก่อน แล้วจึงหารือทำความเข้าใจร่วมกัน

วันที่ 27 กรกฎาคม 2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แถลงข่าวกรณีการขอความร่วมมือตำรวจดำเนินคดีผู้ไม่ขออนุญาตการใช้กัญชา

นพ.ณรงค์กล่าวว่า จากกรณีที่มีการทำหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรื่องการดำเนินคดีกับผู้ไม่ขออนุญาตศึกษาวิจัย หรือส่งออกสมุนไพรควบคุม หรือจำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้านั้น นัยของหนังสือฉบับนี้ เพื่อต้องการคุ้มครองผู้ที่มีอายุไม่ถึง 20 ปี สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร แต่จากที่ตรวจสอบหนังสือแล้วและปรึกษากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีข้อสรุปและข้อสั่งการให้อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกทบทวนรายละเอียด โดยได้นำหนังสือฉบับดังกล่าวกลับมาพิจารณาอีกครั้ง ทบทวนเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด

ด้าน นพ.ยงยศกล่าวว่า คณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย ภายใต้ พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 หารือแล้วเห็นว่าการกำหนดกัญชาเป็นสมุนไพรควบคุมต้องมีความชัดเจน 4 เรื่อง คือ

1.ประชาชนที่ใช้ประโยชน์กัญชาในการดูแลสุขภาพต้องไม่ได้รับผลกระทบ

2.ความผิดของประชาชนที่ดำเนินการก่อนจะมีประกาศฉบับนี้ต้องไม่มี

3.การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ที่จะไปดำเนินการร่วมกับผู้เกี่ยวข้องต้องมีความชัดเจน

4.กัญชาจะเป็นพืชสำคัญสร้างเศรษฐกิจ และคุณค่าทางการแพทย์ การให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติดหรือถูกด้อยค่าจากการกระทำของคนก็ไม่ควรเกิดขึ้น

ดังนั้น คณะอนุกรรมการด้านกฎหมายฯ จึงเห็นควรให้ปรับปรุงประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม ให้มีความชัดเจนขึ้น โดยจะกำหนดเฉพาะช่อดอกกัญชาเป็นสมุนไพรควบคุมเท่านั้น

“ถ้าประกาศทั้งต้นจะมีผู้ได้รับผลกระทบจำนวนมาก แต่การประกาศเฉพาะช่อดอกจะทำให้ผู้ที่ใช้ประโยชน์จากราก ต้น กิ่ง ใบ ยังสามารถใช้ได้ตามปกติ นอกจากนี้ จะกำหนดปริมาณช่อดอกสำหรับครัวเรือนที่เหมาะสมซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาและรับฟังความคิดเห็น คาดว่าสัปดาห์หน้าจะได้ข้อสรุปปริมาณช่อดอกกัญชา หากไม่เกินที่กำหนดจะไม่เข้าข่าย สามารถใช้ดูแลสุขภาพตนเองได้

หากเกินหรือเพื่อการค้าก็ต้องขออนุญาต ซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก เพราะจะอำนวยความสะดวกด้วยการขอทะเบียนออนไลน์ โดยจะกำหนดคุณสมบัติของผู้จำหน่ายไว้ ทั้งนี้ หลังปรับปรุงแล้วจะเสนอให้คณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาฯ ซึ่งมีปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานพิจารณา ก่อนเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขลงนาม” นพ.ยงยศกล่าว

นพ.ยงยศกล่าวต่อว่า การออกประกาศฉบับใหม่จะเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุดเพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน และเมื่อมีความชัดเจนจะมีการทำความเข้าใจกับผู้ปฏิบัติคือ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดในฐานะผู้อนุญาตในพื้นที่ และหารือร่วมกันกับทางตำรวจเพื่อทำความเข้าใจ ส่วนประกาศฉบับก่อนหน้านี้ การบังคับใช้เรื่องบทลงโทษน่าจะยังไม่เกิดขึ้น เนื่องจากเราใช้มาตรการป้องปรามและตักเตือนเป็นหลัก

และการดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายต้องครบกระบวนความ โดยต้องมีเจ้าพนักงานสาธารณสุขที่มีความเชี่ยวชาญให้ความเห็นว่าสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพรนั้นผิดกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขขอเน้นย้ำการใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น

กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรคเเละกรมวิทยาศาสตร์การเเพทย์ ร่วมประชุมกับ 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนและแคนาดาทบทวนการรับมือภัยคุกคามทางชีวภาพของภูมิภาค พร้อมชู 3 โครงการของการพัฒนาเครือข่ายนักระบาดวิทยาภาคสนาม การยกระดับความปลอดภัยทางห้องปฏิบัติการ เเละศูนย์ตอบโต้เร็วภายใต้ ACPHEED เพิ่มความแข็งแกร่งด้านการจัดการโรคติดต่อและโรคอุบัติใหม่ในภูมิภาคอาเซียน

เมื่อวันที่26 กรกฎาคม 2565 นายเเพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายไทยในการประชุมประสานงานเพื่อบรรเทาภัยคุกคามทางชีวภาพ ระยะที่ 2 (COORDINATION MEETING ON THE MITIGATION OF BIOLOGICAL THREATS (MBT) PROGRAMME PHASE 2) พร้อมด้วยนายแพทย์อนุพงค์ สุจริยากุล นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ สัตวเเพทย์หญิงเสาวพักตร์ ฮิ้นจ้อย ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศ ผู้แทนจากกรมควบคุมโรค และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระหว่างวันที่ 26-29 กรกฎาคม 2565 ณ โรงเเรม Millennium Hilton กรุงเทพฯ

นายเเพทย์โสภณ กล่าวว่า ภัยคุกคามทางชีวภาพ อาทิ โรคติดเชื้ออุบัติใหม่ เป็นความสำคัญอันดับต้นของประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทยด้วย เห็นได้จากการระบาดของโรคโควิด 19 ยังพบมีการเปลี่ยนเเปลงสารพันธุกรรมเเละระบาดแล้วหลายระลอก ตั้งเเต่ต้นปี 2563 หรือล่าสุดกับโรคฝีดาษวานร (Monkeypox) ที่องค์การอนามัยโลกประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2565 เน้นชัดถึงความสำคัญของความมั่นคงด้านสุขภาพที่ภูมิภาคอาเซียนที่ต้องช่วยกันยกระดับสมรรถนะและขีดความสามารถในการจัดการกับภัยคุกคามทางชีวภาพให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ภายใต้การดำเนินการร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากประเทศแคนาดา

ประเทศไทยมี 3 โครงการในการจัดการกับภัยคุกคามทางชีวภาพ ได้แก่

1) โครงการพัฒนาเครือนักระบาดวิทยาภาคสนามในภูมิภาคอาเซียน+3 (ASEAN+3 FETN) โดย กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค

2) โครงการ Enhancing Biosafety, Biosecurity and Bioengineering for Health Laboratories in ASEAN โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เ

3) การจัดตั้งศูนย์ด้านการตอบโต้เร็ว (Response) ของศูนย์อาเซียน ด้านการรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ (ACPHEED) เเละมีการตั้งสำนักงานเลขาธิการฯ ของ ACPHEED ในประเทศไทยด้วย เพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกับอีกสองศูนย์ในอินโดนีเซียเเละเวียดนาม

นายเเพทย์โสภณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา 10 ประเทศอาเซียนมีการเเลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร เเละประเมินความเสี่ยงต่อการระบาดของโรคติดต่ออย่างต่อเนื่อง ผ่านรายงานสถานการณ์เเละประเมินความเสี่ยงจาก ASEAN BioDiaspora ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายโครงการของ MBT ภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลแคนาดา

ดังนั้น การประชุมนี้จึงเป็นการทบทวน ปรับปรุง และประเมินผลการดำเนินโครงการ MBT ระยะที่ 2 ที่กำลังดำเนินอยู่ และหารือทบทวนโครงการใหม่ในระยะที่ 3 เพื่อให้มั่นใจว่าความมั่นคงด้านสุขภาพของประชาชนภูมิภาคอาเซียนจะเข้มเเข็งรับมือโรคเเละภัยคุกคามทางชีวภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แนะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขรุ่นใหม่ บริหารตน บริหารคน และบริหารงาน ด้วยแนวคิด “CPR” มองหาโอกาสมากกว่าอุปสรรค และมุ่งทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร ประชาชน และประเทศชาติ

วันที่27 กรกฎาคม 2565 ที่โรงแรมบัดดี้ โอเรียลทอล ริเวอร์ไซต์ จ.นนทบุรี นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีปิดและมอบประกาศนียบัตร เข็มวิทยฐานะ แก่ผู้สำเร็จการอบรมหลักสูตรนักบริหารระดับสูง กระทรวงสาธารณสุข (นบส.สธ.) รุ่นที่ 3 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 พร้อมบรรยายในหัวข้อ “หลักการบริหารสำหรับผู้บริหารระดับสูง” โดยมีผู้บริหารกระทรวงและผู้เข้ารับการอบรม จำนวน 40 คน เข้าร่วมรับฟัง

นายแพทย์เกียรติภูมิ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการระบบสุขภาพของประเทศ จึงส่งเสริมด้านการพัฒนาศักยภาพบุคลากรทุกระดับ โดยเฉพาะนักบริหารระดับสูง ที่จะมาเป็นผู้ทำหน้าที่กำหนดนโยบายและขับเคลื่อนงานไปสู่เป้าหมาย ซึ่งหลักสูตรนักบริหารระดับสูง กระทรวงสาธารณสุข (นบส.สธ.) เป็นการสร้างผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์และเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง มีความรอบรู้ ทันต่อเหตุการณ์ด้านสุขภาพในทุกมิติ

ขอให้ยึดหลักการดำเนินงานด้วยการ “บริหารตน” ให้แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการปฏิบัติงาน เป็นการลดความทุกข์ สร้างความสุขให้กับตนเอง ทำในสิ่งที่สำเร็จ เป็นประโยชน์ และสิ่งที่ดี “บริหารคน” ทั้งผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดี เดินหน้าปฏิบัติงานได้อย่างสำเร็จราบรื่น และบรรลุวัตถุประสงค์การทำงาน พร้อมใช้แนวคิด “CPR” C-Create เป็นนักคิดที่ดี, P-Positive มองโลกในแง่บวก มองหาโอกาสมากกว่าอุปสรรค, และ R-Response Social ทำประโยชน์เพื่อสังคม ประเทศชาติ โดยเฉพาะในยุคที่โลกมีความเปลี่ยนแปลง และ “บริหารงาน” ผ่านกระบวนการคิดที่เป็นเชิงระบบ มีแผนการปฏิบัติงานที่ชัดเจน และต้องคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น